สาวราศีเมษ
พรุ่งนี้ยังไม่สาย คือ คติประจำใจของสาวๆหน้าใสๆสาวราศีเมษ ที่เกิดระหว่าง 16 เม.ย - 15 พ.ค.สาวราศีนี้มีสัญญลักษณ์เป็นกลุ่มดาวรูปแกะมักมีรูปร่างที่สง่างาม เป็นสาวที่แข็งแกร่ง ทรงเสน่ห์และทรงพลังเลยทีเดียวล่ะสิ่งดีๆเคียงข้างกายสาวราศีเมษก็คือสีเวิร์คสุดๆก็นี่เลยสีแสด อัญมณีสุดเดิร์น โกเมนกับพลอยสีส้ม ต้นไม้คู่ชีพ ไทเกอร์ลัลสีส้มอมแดงมีจุดสีดำ สัตว์พาโชคต้องเป็นแกะแน่โลหะนำโชค เหล็กไง นี่แหละคือเธอ
สาวราศีเมษ
1 ลางสังหรณ์ เธอเฉียบ
2 ชอบนัก เรื่องท้าทาย
3 บุคลิกน่าเกรงขาม
4 มองโลกในแง่ดีตลอด
5 ดื้อไม่เบาเลยเธอเนี่ย
6 ความอดทนมีน้อย ต้องระวัง
7 ความรับผิดชอบเธอมีสูงมาก ขอชม
8 ทำอะไรก็สำเร็จไปหมด
9 ห้าวหาญไม่แพ้หนุ่มๆเชียวล่ะ
10 โกรธง่ายชะมัดเลย เธอเนี่ย
11 อารมณ์ดี นี่ล่ะ jokestar
12 เขาว่าเธอหยิ่ง จริงป๊ะ
13 เพ้อฝันเหมือนกันน่ะจ๊ะ
14 เก่งจริงๆมีความสามารถเพียบ
15 ขวานผ่าซากใช่เธอน่ะ
16 ทะนงตนนักล่ะ สาวน้อย
17 ซนไปนิดกรุณาอยู่นิ่งๆบ้างเถอะ
18 เอาแต่ใจในบางครั้ง
19 มักจะโชคดีเสมอๆ
20 คำว่าแพ้ ไม่ค่อยได้เจอหร๊อก
**สาวราศีมิถุน**
ความรู้สึกแร๊งแรงอารมณ์รึก็ออกจะรวนเร ทุกอย่างในตัวเธอดูรวดเร็วและว่องไวสาวที่เกิด ระหว่างวันที่ 16 มิ.ย. - 15 ก.คสาวราศีมิถุน มีกลุ่มดาวเป็นรูปชายหญิงคู่กันล่ะลักษณะบ่งบอกได้ว่าชอบคิดชอบทำอะไรสองอย่างในเวลาเดียวกันสิ่งดีๆของสาวราศีมิถุนสีเวิร์คสุดๆ ก็สีม่วงไงล่ะอัญมณีสุดเดิร์นต้องโกเมน ต้นไม้คู่ชีพ กล้วยไม้และต้นไม้พันธ์ผสมสัตว์พาโชค นกสาริกาหรือนกขุนทองโลหะนำโชค ปรอทแน่อยู่แล้วนี่แหละ คือเธอสาวราศีมิถุน
1 ปากหวานนักเชียว
2 ว๊าว ทรงเสน่ห์แรงจังนะ
3 ช่างสังเกตเหมือนกันนะเรา
4 มองโลกในแง่ดีซะด้วย
5 คนหลายบุคลิก คือ เธอ
6มีลางสังหรณ์เสมอล่ะ
7 คล่องแคล่วว่องไวจนหาตัวจับยาก
8 เอาแต่ใจเหมือนกันแฮะ
9 เรื่องพูดน่ะ ที่หนึ่งอยู่แล้ว
10 ฉลาดเป็นกรดเลยเชียว
11 ขี้หงุดหงิดซะด้วย
12ชอบฝันซะด้วย
13 เรื่องแก่ๆ ขอบาย
14 ปุ๊บปั๊บก็เปลี่ยน
15 ใช้ตังค์เก่งจัง
16 รักอิสระเป็นที่สุด
17 หาความแน่นอนยากจริง
18 เธออยู่ไม่สุขหรอก
19โอกาสดีๆมีหรือจะไม่เอา
20 แม่พระค่ะ สาวคนนี้
** สาวราศีกรกฎ**
สาวช่างฝัน อารมณ์อ่อนไหวในรวนเร เสน่ห์สุดบรรยาย ต้องเธอนี่เลยสาวที่เกิดระหว่างวันที่16 ก.ค - 15 ส.ค.สาวราศีกรกฎ เธอเป็นแม่ปูน้อย มีอารมณ์อ่อนไหวง่ายๆเอาอะไรแน่นอนกับเธอไม่ได้หรอกจ๊ะสิ่งดีๆเคียงข้างกายสาวราศีกรกฎ สีเวิร์คสุดๆสีขาวบริสุทธิ์กับฟ้าที่สดใส อัญมณีสุดเดิร์นเพชรมุกและพลอยสีขาว ต้นไม้คู่ชีพ ดอกบัว เฟิร์นอัลมอนด์จ๊ะสัตว์พาโชค ปู เต่า สฟิงค์โลหะนำโชค เงินแน่อยู่แล้วหละนี่หละเธอสาว ราศีกรกฎ
1 เผลอไม่ได้เป็นจินตนาการอยู่เรื่อย
2ให้เป็นศรีเรือนเหรอสบายอยู่แล้ว
3 เรื่องจับแพะมาชนแกะน่ะเก่งนัก
4 โรแมนติกไม่หยอก
5 โน่นก็กลัว นี่ก็กลัว โถแม่คุณ
6 ภาษาใจเธอเข้าใจยาก..ส์
7 โทษแต่ตัวเอง จนน่าโมโห
8 อ่อนไหวแต่ไม่อ่อนแอย่ะ
9 เกลียดนักพวกชอบนินทาว่าร้าย
10แม่สาวปากแข็ง
11 คุยโวก็มีบ้าง พอน่ารัก
12 อดทนเป็นล้ำ เสียสละเป็นเลิศ
13ทิฐิจังเลยสาวน้อย
14ชอบคิดแหวกๆเข้าใจยากค่ะ
15 หงุดหงิดง่ายเหลือเกิน
16 Sense เธอแรงมากเหลือเกิน
17 รอบคอบด้วยนะ (ดีมากจ๊ะ)
18หงาดกลัวไปเสียหมด เด็กน้อย
19 ออดอ้อน อย่าบอกใครเชียวล่ะ
20 ลึกลับในบางครั้ง
**สาวราศีสิงห์**
รูปร่างสง่างาม แบบแม่สิงห์สาวตามติดมาด้วยความมั่นใจสูงสาวที่เกิดระหว่างวันที่ 16 ส.ค - 15 ก.ย.สาวราศีสิงห์มีกลุ่มดาวเป็นรูปสิงห์โตก็อย่างนี้ไงเล่ารูปจึงได้ดูสง่างามเหมือนสิงห์โตสิ่งดีๆเคียงข้างกายสาวราศีสิงห์สีเวิร์คสุดๆก็คือสีส้มไงขอรับอัญมณีสุดเดิร์นคงเป็นทองกับพลอยสีส้มสิต้นไม้คู่ชีพต้องยกให้เป็นทานตะวัน สัตว์พาโชคแง๋หละสิงห์โตไง โลหะนำโชค ทองคำ นี่แหละเธอสาวราศีสิงห์
1 ร่าเริงมีเสน่ห์เชียวหละ
2 เจ้าชู้ก็ไม่แพ้ใคร
3 หวาน โรแมนติก
4สง่างามแบบแม่สิงห์สาว
5 ทรนงน่าดู
6 พรสวรรค์และพลังที่สร้างสรรค์มีจนล้นหละ
7 เรื่องเล็กๆไม่มีสนอยู่แล้ว
8 อำนาจอยู่ในมือ
9 ตามใจตัวเองไปมั้ย ไม่ดีหรอก
10เค้าว่าเธอนี่หยิ่งนัก
11 เชื่อคนง่ายจัง
12 ทิฐิสูงปิ๊ดเชียว
13 วิตกจริตไปเรื่อยเลย
14 เข้มงวดสไตล์สาวสิงห์ล่ะ
15 บางทีก็เป็นสิงห์อ่อนหัดนะ
16 ชอบนักล่ะการติดตามน่ะ
17 เธอช่างให้ความรู้สึกดีจัง
18 มีความรับผิดชอบด้วยนะ
19 เค้าว่ากันว่า ใจดำ จริงป่ะ
20 ขี้โมโหจะตายคนเนี๊ยะ
* สาวราศีกันย์**
เค้าว่าเธอคนเนี๊ยะเรียบร้อยสงบเสงี่ยมเยือกเย็นถ่อมตัวสาวที่เกิดระหว่างวันที่ 16 ก.ย. - 15 ต.คสาวราศีกันย์ มีกลุ่มดาวเป็นรูปนางพญาผู้สง่างามสาวราศีนี้เธอมีบุคลิกที่เนี๊ยบมากเจ้าหล่อนฉลาดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน สิ่งดีๆเคียงข้างกายสาวราศีกันย์สีเวิร์คสุดๆสีเขียวเข้มนี่ล่ะ อัญมณีสุดเดิร์นพลอยสีเขียวและมรกตต้นไม้คู่ชีพ ดอกนานาซิสซัสสัตว์พาโชคต้องมิงค์หรือเม่นไงล่ะ โลหะนำโชคปรอทซินี่ล่ะเธอ สาวราศีกันย์
1 เป็นสาวช่างเลือกเลยล่ะ แม่คนเนี๊ยะ
2 ต้องเลอเลิศค่ะ สำหรับเธอ
3 ฉันถูกเสมอล่ะ สาวกันย์เธอว่างั้น
4 เอาจริงเอาจังขึ้นมาล่ะก็ เด็ด
5 ฉันน่ะ perfect girlย่ะ
6 การันตีว่า ซื่อสัตย์ชัวร์
7 ถ่อมตัวก็เป็นนะ
8 เรียบร้อยทุกกระเบียดเชียวนะ
9 เป็นแม่พระ กะเค้าด้วย
10 ประเดี๋ยวก็เปลี่ยน เป็นเงี๊ยะตลอด
11ป้ำๆเป๋อๆชอบกล
12 เป็นนักสะสมตัวยง
13 เธอเป็นสาวนักสู้ด้วยนะ
14 จิตใจดี้ดี
15 ค วามรับผิดชอบถือว่าเยี่ยม
16 บุคลิกดีเชียว
17 ลึกๆแล้วนู๋แกก็ขี้อาย
18 อบอุ่นเชียว
19 เค้าว่าระเบียบจ๋า อ่ะ จริงป่ะ
20 สาวกันย์ก็เงี๊ยะหล่ะ อยากรู้อยากเห็นไปหมด
**สาวราศีตุลย์**
เธอปรากฎตัวพร้อมกับฉายาคนตรงสาวที่เกิดระหว่างวันที่ 16 ต.ค - 15 พ.ยสาวราศีตุลย์ แม่สาวคันชั่งเธอเป็นสาวรักความยุติธรรมและเป็นคนอารมณ์ดีด้วยนะ เต็มไปด้วยความรักมากมายและความสดใสก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างหนึ่งสิ่งดีๆเคียงข้างกายสาวราศีตุลย์ สีเวิร์คสุดๆ สีน้ำเงินไง อัญมณีสุดเดิร์นต้องเป็นไพลินและพลอยสีฟ้าน่ะซิต้นไม้คู่ชีพ ว่านหางจรเข้ ต้นเมอร์เทิล กุหลาบสัตว์พาโชคสัตว์ใหญ์อย่างช้างสิ โลหะนำโชคทองแดงเท่านั้นแหละนี่ล่ะเธอสาวรตุลย์
1ร่าเริงแจ่มใสเชียว
2 มีอารมณ์ศิลปินซะด้วย
3 เจ้าชู้ไม่ใช่เล่นเลย
4 ตามใจตัวเองไปมั้ง
5 สาวทันสมัยย่ะ
6 ว่านอนสอนง่ายจะตายไป
7ชอบสังสรรค์เป็นที่หนึ่ง
8 อ่อนไหวเหมือนกัน
9 มีเสน่ห์เชียวล่ะ
10 เป็นแม่สาวลึกลับน่าค้นหา
11 รู้จักคิด รู้จักทำ ดีน๊า
12 มนุษย์สัมพันธ์ก็เป็นเลิศ
13ชอบเถียงไม่ดีหรอก
14 จับโน่นใส่นี่ ผสมนั่น ใช่เลยราศีตุลย์
15 รู้จักเหตุผลกับเค้าด้วย
16 ชอบขัดแย้งกับตัวเองก็เป็นแฮะ
17 หลงตัวเองบ้าง แล้วแต่โอกาส
18 ชั้นเชิงไม่ใช่เล่น
19บางอารมณ์ก็เศร้าโศรกกับเค้าเหมือนกัน
20 แม่คนเนี๊ยะ ชอบยั่วโมโหนักล่ะ
**สาวราศีพิจิก**
สายตาคู่นั้นให้ความรู้สึกจริงจังดูเป็นเสน่ห์ที่น่าลุ่มหลง ไม่แพ้เสน่ห์ใดๆสาวที่เกิดระหว่างวันที่ 16 พ.ย - 15 ธ.คสาวราศีพิจิก เธอมีสัญญลักษณ์เป็นรูปแมลงป่อง เธอเป็นผู้ที่มีดวงตาสวยแต่สายตานี่สิมีลักษณะพิเศษที่ซ่อนอะไรอยู่ภายในเหมือนดังมีมนต์สะกดแน่ะสิ่งดีๆเคียงข้างกายสาวราศีพิจิกสีเวิร์คสุดๆสีชมพูหวานแหววไงล่ะ อัญมณีสุดเดิร์นทับทิมกับพลอยสีม่วงต้นไม้คู่ชีพต้นกระบองเพชร ไอวี่ หรือต้นโอ๊ก สัตวพาโชคไม่ใช่แมลงป่องแต่เป็นหมาป่าหรือกิ้งก่าจ๊ะนี่ล่ะเธอ สาวราศีพิจิก
1สายตาช่างรู้ลึกนัก
2 เอื้ออาทร น่ารักจัง
3 ใจรวนเรไม่หยุดนิ่งเลยนะ
4 อ่อนไหวง่ายเชียว
5 บางทีก็ร้ายน่าดู
6 ขั้ระแวงเป็นที่หนึ่ง
7 อิจฉาก็ด้วย
8ขี้หวงอีกต่างหาก
9 แถมใจร้อนซะด้วยสิ
10 เจ้าอารมณ์มากๆเลยเธอน่ะ
11 ยุ่งเหยิงสับสนไปหมด
1 2 ทำจริงไม่ใช่เล่น
13 ขี้พยาบาทด้วยนะ ว้า ไม่ดีเลย
14ดื้อจนน่าตีเชียวล่ะ
15 ความสามารถเยอะ
16 มั่นใจตัวเองสูงมาก
17 ใจร้อนไม่เบาเลยนะ
18 เสี่ยงให้รู้กันไปเลย
19 ตามใจตัวเองไปมั้ง
20 เธอน่ะยอมใครเค้าที่ไหน
**สาวราศีธนู**
ดวงตาที่เปล่งประกายแข็งแรงและแกร่งกล้า น่าทึ่งสมเป็นสาวธาตุไฟพลังสูงสาวที่เกิดระหว่างวันที่ 16 ธ.ค - 15 ม.คสาวราศีธนูเธอมีรูปธนูเป็นสัญญลักษณ์และจัดอยู่ในธาตุไฟเธอจัดว่าเป็นคนมองโลกในแง่ที่ดีเลิศคนหนึ่งสิ่งดีๆเคียงข้างกายสาวราศีธนู สีเวิร์คสุดๆสีเหลืองนี่หล่ะที่เหมาะเหม็งกับเธอมากอัญมณีสุดเดิร์นบุษราคัมและพลอยสีเหลือง ต้นไม้คู่ชีพต้นโอ๊คหรือต้นไทรสัตว์พาโชค สุนัขที่แสนจะน่ารักกับม้าที่สง่างาม โลหะนำโชคเค้าว่ากันว่า เป็นดีบุกนะเธอนี่ล่ะเธอ สาวราศีธนู
1สดใสเหมือนเด็กๆ
2 ไว้ใจเธอได้เสมอ
3 มองโลกในแง่ดีไปหมด
4 กระตือรืนร้น
5อยู่ไม่สุข จุ๊กจิ๊ก ไปเรื่อย
6 ไม่ผูกมัด
7 ซุ่มซ่ามแต่เธอไม่เซ่อซ่านะ
8ตามใจตัวเองเป็นที่สุด
9 เธอมาพร้อมดวง แบบว่าดีตลอด
10เสน่ห์เธอเจอแล้วหลง
11 รู้ไปซะหมดล่ะ แม่คนเนี๊ยะ
12 วางท่าอีกต่างหาก
13 ตัดสินใจเร็ว แต่เปลี่ยนใจง่ายนะ
14ต้องการความเป็นอิสระด้วยนะ
15นี่ล่ะ สาวนำสมัย
16 ศีลธรรมน่ะ มีอยู่ประจำใจ
17 ลางสังหรณ์มีออกบ่อย
18 ไม่ปิดหรอก ชอบเปิดน่ะ (เปิดเผยสิ)
19 ตรงไปตรงมา น่ารักดี
20ใจดีจังนะ
**สาวราศีมังกร**
มีใจหนักแน่น อย่างนี้หยิ่งไปนิด เชิดไปหน่อยก็ช่วยบอกช่วยสอนได้นะ สาวที่เกิดระหว่างวันที่ 16 ม.ค - 15 ก.พ.สาวราศีมังกรสัญญลักษณ์เป็นกลุ่มดาวมังกรนั่นเองล่ะหรือมีส่วนหัวคล้ายจะเป็นแพะเค้าจะเชิดหน้าเชิดตาอยู่ตลอดเวลาเหมือนว่าจะหยิ่งๆแต่ไม่ใช่หรอกมันเป็นเองตามธรรมชาติ หล่อนไม่สวยแบบหรูเลิศไฮโซแต่เจ้าหล่อนสวยแบบเรียบง่ายสิ่งดีๆเคียงข้างกายสาวราศีมังกร สีเวิร์คสุดๆ สีดำไง อัญมณีสุดเดิร์นนิลกับพลอยสีเข้มๆเกือบดำ ต้นไม้คู่ชีพ ต้นสน ต้นปอต้นหลิว หรือว่าต้นแอชสัตว์พาโชค แพะกะลาซิเจ้าคะ โลหะนำโชค ตะกั่วนะสิมีอะไรอีกอิอินี่ล่ะเธอสาวราศีมังกร
1 มีใจมุ่งมั่นน่าดู
2 ใฝ่คว้าหาสิ่งที่ดีกว่าเสมอ
3 ตั้งใจเต็มร้อย
4 นิยมความสัตย์จริงเป็นที่ตั้ง
5 หญิงอาร๊าย แข็งแกร่งดังชาย
6ชอบวาดหวังเส้นทางชีวิต
7 คล่องไปหมดซะทุกอย่าง
8 มีเหมือนกัน ความรับผิดชอบน่ะ
9 เฮอาปาร์ตี้ไปเรื่อย
10 จำแม่นซะด้วย
11 ประสบความสำเร็จน่ะ อยู่แล้ว
12ช่างเลือกแฮะ
13 ดูสง่าผ่าเผยน่ามองเชียว
14 ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณี
15 เห็นแบบนี้ ขี้อายมากนะ
16 ขยันเชียว
17 ไม่ค่อยจะกลัวอะไรกับเค้าหรอก
18ช่างห่วงใยใครกับใครนักล่ะ
19 ยิ้มน้อยแต่หวานชื่นใจ
20 ระวังรอบตัว
**สาวราศีกุมภ์**
บางทีก็กุ๊กกิ๊กหวานแหววสดชื่นแต่เดี๋ยว ก็แอบมีอารมณ์ขมขื่นบ้างสาวที่เกิดระหว่างวันที่ 16 ก.พ. - 15 มี.คมีสัญญลักษณ์เป็นกลุ่มดาวรูปยักษ์หรือคนกำลังปั้นหม้อ หรือรูปคนถือคนโทน้ำและมีสายน้ำไหลออกมาด้วย เป็นคนที่มีบุคลิกลักษณะโดยรวมๆแล้ว จัดอยู่ในขั้นดีเลิศประเสริฐเลยทีเดียวประมาณว่าเพอแฟคไปหมดทุกอย่างสิ่งดีๆเคียงข้างกายสาวราศีกุมภ์ สีเวิร์คสุดๆก็สีม่วงคราม เป็นสีแห่งความรุ้สึก อัญมณีสุดเดิร์นต้องนี่เลยโกเมน ต้นไม้คู่ชีพแบบไทยๆ ก็ต้นมะกอกนี้ล่ะเธอสาวราศีกุมภ์
1โลเลเอาแน่นอนไม่ได้
2 สปอร์ทเป็นหนึ่งเรื่องใจ
3 กฎระเบียบหนูไม่ชอบ
4 มีความคิดสร้างสรรค์เป็นทุนเดิม
5 ปุ๊ปปั๊ปก็เปลี่ยน ตามไม่ทันเลย
6มีมนุษย์สัมพันธ์ชั้นเยี่ยม
7 คุณธรรมสูงไม่ต้องห่วง
8 เจ้าคิด เจ้าแค้น น่ากลั๊ว น่ากลัว
9 มีวิมานเป็นโลกส่วนตัว
10 กันเอ๊ง กันเองกับทุกคน
11 ชอบเที่ยวจังล่ะ สาวราศีนี้
12 คล่องแคล่วว่องไวไม่หยอก
13 เอาแต่ใจใช่เธอเลย
14 โรแมนติก โน๊ะเนะ
15 อารมณ์ร้อนและร้าย บึ้มแน่
16 ปัญญาเป็นเลิศ
17 ความอดทนระดับสาวอึด
18 ขี้อายในบางเวลา
19 ชอบการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ
20 ไม่สนหรอก วัตถุนิยมเนี๊ยะ
**สาวราศีมีน**
ร่างเดียว แต่มาพร้อมกับสองบุคลิกนี่ล่ะ ใช่เลยไม่ผิดตัวสาวที่เกิดระหว่างวันที่ 16 ม๊.ค - 15เม.ย..เธอมีสัญญลักษณ์เป็นรูปปลา 2 ตัว กลับหัวกลับหางกันเป็นคนที่มีพลังแห่งความคิด มีอุดมคติประจำใจสิ่งดีๆเคียงข้างกายสาวราศีมีนสีเวิร์คสุดๆ ก็นี่เลย สีแดงเลือดนก อัญมณีสุดเดิร์น พลอยสีแดงเข้มสิขอรับต้นไม้คู่ชีพ ดอกบัวไง สัตว์พาโชคก็พวกปลาทั้งหลายนั่นแหละโลหะนำโชค ดีบุกนี่แหละคือเธอ สาวราศีมีน
1 ลึกลับน่าค้นหา
2 นี่ล่ะ beautiful girl
3 ว้าว สุดแสนจะโรแมนติก
4 อย่าเดาใจเธอให้ยาก ไม่สำเร็จหรอก
5 ขึ้นๆลงๆอ ารมณ์เธอแปรปรวน
6 ยามโกรธเธอจะปรึม อื้อเข้าท่าดี
7 สนิมสร้อยนะน้อง เจ้าน้ำตาอารมณ์ไหว
8 ขอเอี่ยวด้วยคนกับเรื่องเสียสละ
9 เจ้าคิดเจ้าแค้น โกรธง่ายหายเร็ว
10ไว้ใจได้ชัวร์ ไม่มั่วนิ่ม
11 หญิงเหล็ก คนหนึ่ง ทึ่งมั้ยล่ะ
12 เรื่องเอาตัวรอดน่ะ หายห่วงได้
13 อารมณ์ศิลป์ เธอชั้นยอด
14 ใจงาม ในนามสาวมีน
15 เพ้อฝัน จินตนาการ ของโปรด
16 ตลก เฮฮา เริงร่า นั่นเธอล่ะ
17 โกรธง่าย อารมณ์คล้ายพายุ
18 ไม่ค่อยเรียบร้อย นู๋มีนม้าดีดกระโหลก
19 คิดมากนะเธอ ไม่เอาน่าอย่าเครียด
20โพล่งออกดื้อๆคารมคมกริบ
**สาวราศีพฤษภ**
ขออยู่เงียบๆคนเดียวอย่าโดดเดี่ยวเดียวดาย คือความปรารถนาสูงสุดของเธอสาวที่เกิดระหว่างวันที่ 16 พ.ค. - 15มิ.ย.สาวราศีพฤษภ มีกลุ่มดาวเป็นรูปโคก็นั่นแหละถึงได้ดื้อรั้นเอามากๆแบบนี้น่ะ คุณเธอเป็นคนค่อนข้างแข็งแรง บึกบึน ทรหดอดทนได้ดีทีเดียว จัดอยู่ในประเทศสาวเหล็กไงเป็นคนหนักแน่นพอตัวสิ่งดีๆเคียงข้างกายสาวราศีพฤษภ สีเวิร์คสุดๆสีเขียวอ่อนๆ ดูสดใสใช่ม๊ะ อัญมณีสุดเดิร์นแหมจะหนีพ้นพลอยสีเขียวได้ไงต้นไม้คู่ชีพต้นแมลโลว์ที่มีดอกสีม่วงน่ะสัตว์พาโชค แน่ล่ะก็ต้องเป็นวัวผู้น่ารักอยู่แล้วโลหะนำโชค ทองแดงจ๊ะนี่หละเธอ สาวราศีพฤษภ
1 โรแมนติกซะเหลือเกิน
2 อารมณ์ศิลปินจังนะ
3 ความละอายเค้าก็มีเหมือนกัน
4 หลายใจเอ๊ะ อย่างนี้ก็เจ้าชู้น่ะซิ
5 เชื่อในความคิดของตัวเอง
6 รวมกันเราอยู่ (ขอมีเพื่อนไว้ก่อนดีกว่า)
7เอาแต่ใจตัวเองซะด้วย
8 ระเบียบจ๋า ไปหน่อยมั้ง
9 ขี้หึงเอามากๆเลยหละ
10 รักสงบดีนะ
11 สาวโบ..เธอเองเหรอ(โบราณ)
12 ช่างเก็บความรู้สึกนะคนเนี๊ยะ
13 ไว้ใจได้ทุกเรื่องไม่มีเสีย
14 ใ จดีจัง มีเมตตากรุณาซะด้วย
15 ดื้อจนน่าตีก้น
16 ใจกว้างจัง เหมือนอะไรดีน๊า
17ชอบถล่มตัวเองเสมอ
18 รักธรรมชาติน่าดู
19 ขี้อาย
20 สุดท้ายเธอเป็นคนดีของสังคม ว้าว
20 ก.ย. 2552
อาหารหลังคลอด
อาหารหลังคลอดก็ไม่ได้แตกต่างจากอาหารที่คุณแม่รับประทานขณะตั้งครรภ์สักเท่าไหร่ ช่วงเวลาที่คุณแม่รับประทานอาหารขณะตั้งครรภ์ ก็จะคิดถึงลูกในท้องว่าควรจะได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เมื่อลูกคลอดออกมาแล้วก็ยังคงเป็นเช่นนั้น เพราะอาหารที่คุณแม่รับประทานจะแปรเปลี่ยนออกมาเป็นน้ำนมให้ลูกนั่นเอง
ฉะนั้นหัวใจสำคัญของการเลือกทานอาหารหลังคลอดก็ควรจะเป็นอาหารตามหลักโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่ ใช้วัตถุดิบที่สด ผ่านกระบวนการการปรุงที่สะอาดและสุกทั่วถึง
รับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ หรือจะเพิ่มมื้อสายเข้าไปด้วยก็ได้ ยังไม่ต้องกังวลว่าจะลดไม่ลงเพราะคุณแม่ต้องใช้พลังงานในการเลี้ยงลูกอีกมาก ไม่ควรงดอาหารต่างๆในช่วงนี้
เพิ่มเมนูอาหารที่มีสรรพคุณเรียกน้ำนม เช่น แกงเลียง แกงหัวปลี น้ำขิงอุ่น ปลา ผัดขึ้นฉ่าย ไก่ผัดขิง ดื่มน้ำอุ่นมากๆ จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมได้ดีขึ้น และขณะที่คุณแม่ให้นมร่างกายจะสูญเสียน้ำถึงวันละ 700 มิลลิกรัม จึงควรดื่มน้ำเข้าร่างกายเพื่อไปชดเชยให้เพียงพอ
ตัวอย่างเมนูแม่หลังคลอด : ปลานึ่งซีอิ๊วใส่ขิง ราดหน้าปลาเต้าซี่ ผัดถั่ว ลันเตาใส่กุ้ง ข้าวต้ม ข้าวกล้องเนื้อปลา แกงจืดเต้าหู้ขาวใส่สาหร่าย กล้วยบวชชี มันต้ม น้ำขิง ฟักทองต้มนึ่ง ผลไม้สดต่างๆ ฯลฯ
"ถ้าน้ำคาวปลากลับมามีสีแดงใหม่หลังจากที่สีจางไปแล้ว หรือมีกลิ่นเหม็น คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจให้ละเอียดอีกครั้งเพราะอาจมีเศษรกค้างอยู่ในมดลูกหรือเกิดอาการติดเชื้อในมดลูกก็เป็นได้"
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง1.อาหารที่มีรสจัดและกลิ่นฉุน เช่น ยำรสจัด หัวหอม เพราะอาจทำให้ลูกไม่สบายท้องได้2.อาหารหมักดอง กาแฟ ชา น้ำอัดลม แอลกอฮออล์(สามารถผ่านทางน้ำนมได้)3.อาหารที่ผ่านการปรุงด้วยผงชูรส ซุปก้อน ผงปรุงรส สี และสารปรุงแต่งต่างๆ เช่น กุนเชียง ลูกชิ้น ไส้กรอก (ถ้าผลิตภัณฑ์นั้นไม่มีแหล่งผลิตที่ชัดเจน ไม่ควรรับประทานเลย)4.ถ้าจะรับประทานยาควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะยาบางอย่างอาจจะส่งผ่านไปทางน้ำนมแม่ได้
ฉะนั้นหัวใจสำคัญของการเลือกทานอาหารหลังคลอดก็ควรจะเป็นอาหารตามหลักโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่ ใช้วัตถุดิบที่สด ผ่านกระบวนการการปรุงที่สะอาดและสุกทั่วถึง
รับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ หรือจะเพิ่มมื้อสายเข้าไปด้วยก็ได้ ยังไม่ต้องกังวลว่าจะลดไม่ลงเพราะคุณแม่ต้องใช้พลังงานในการเลี้ยงลูกอีกมาก ไม่ควรงดอาหารต่างๆในช่วงนี้
เพิ่มเมนูอาหารที่มีสรรพคุณเรียกน้ำนม เช่น แกงเลียง แกงหัวปลี น้ำขิงอุ่น ปลา ผัดขึ้นฉ่าย ไก่ผัดขิง ดื่มน้ำอุ่นมากๆ จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนมได้ดีขึ้น และขณะที่คุณแม่ให้นมร่างกายจะสูญเสียน้ำถึงวันละ 700 มิลลิกรัม จึงควรดื่มน้ำเข้าร่างกายเพื่อไปชดเชยให้เพียงพอ
ตัวอย่างเมนูแม่หลังคลอด : ปลานึ่งซีอิ๊วใส่ขิง ราดหน้าปลาเต้าซี่ ผัดถั่ว ลันเตาใส่กุ้ง ข้าวต้ม ข้าวกล้องเนื้อปลา แกงจืดเต้าหู้ขาวใส่สาหร่าย กล้วยบวชชี มันต้ม น้ำขิง ฟักทองต้มนึ่ง ผลไม้สดต่างๆ ฯลฯ
"ถ้าน้ำคาวปลากลับมามีสีแดงใหม่หลังจากที่สีจางไปแล้ว หรือมีกลิ่นเหม็น คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจให้ละเอียดอีกครั้งเพราะอาจมีเศษรกค้างอยู่ในมดลูกหรือเกิดอาการติดเชื้อในมดลูกก็เป็นได้"
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง1.อาหารที่มีรสจัดและกลิ่นฉุน เช่น ยำรสจัด หัวหอม เพราะอาจทำให้ลูกไม่สบายท้องได้2.อาหารหมักดอง กาแฟ ชา น้ำอัดลม แอลกอฮออล์(สามารถผ่านทางน้ำนมได้)3.อาหารที่ผ่านการปรุงด้วยผงชูรส ซุปก้อน ผงปรุงรส สี และสารปรุงแต่งต่างๆ เช่น กุนเชียง ลูกชิ้น ไส้กรอก (ถ้าผลิตภัณฑ์นั้นไม่มีแหล่งผลิตที่ชัดเจน ไม่ควรรับประทานเลย)4.ถ้าจะรับประทานยาควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะยาบางอย่างอาจจะส่งผ่านไปทางน้ำนมแม่ได้
ฮีโร่ งัดสารพัดเทคนิคช่วยผู้มีบุตรยาก
โลกนี้ช่างไม่สมดุล ว่ากันตั้งแต่เรื่องเกิด ทีครอบครัวที่ยังไม่พร้อมดั๊นมี เด็ก เกิดได้เกิดดี แต่กับคู่ที่พรั่งพร้อมกลับเป็นเรื่องยากเย็น
นพ.ธีรศักดิ์ ธำรงธีระกุล หัวหน้าศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช รพ.วิภาวดี หนึ่งใน "ฮีโร่" ช่วยรักษาผู้มีบุตรยาก ให้ข้อมูลทางชีววิทยาที่น่าสนใจว่าด้วยเรื่องการ "ปั่มปั๊ม" (เพศสัมพันธ์ระหว่างชาย-หญิง) แต่ละครั้ง มีโอกาสในการเกิดปฏิสนธิเพียง 15-20 เปอร์เซนต์ (หากคู่สามีภรรยาคู่ใดที่ทำภารกิจพิชิตรักประสบความสำเร็จจนมีเจ้าตัวน้อย ขอจงภูมิใจไว้เลยว่าท่านทำ "แจ็คพอต" แตก !! )
ดังนั้นคู่สามีภรรยาที่พยายามแล้ว พยายามอีกแต่ก็ยังไม่เจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เสียที (มีแต่ฟ้าเหลือง คิกๆๆ) อย่าเพิ่งท้อใจ พยายามต่อไปเรื่อยๆ และนำสารพัดเทคนิคที่จะมอบให้ในวันนี้ ไปเป็นคัมภีร์ในการประกอบกิจโดยพลัน !!
"ปัญหาคู่สมรสที่มีบุตรยาก เดิมทีเกิดจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายมีอายุมากแล้ว หรือเคยทำหมันมาเป็นระยะเวลาหลายปี อยากแก้หมัน แต่ในช่วงหลังๆ สี่ถึงห้าปีมานี้ พบว่าคู่สมรสที่ประสบปัญหามีอายุน้อยลง ทั้งหมดอาจเกิดจากหลายสภาวะ ทั้งอากาศ อาหาร และการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่เร่งรีบและตึงเครียดมากขึ้น ต่างฝ่ายต่างทำงานหนักมากเกินไปจนไม่มีเวลาให้แก่กัน หรือบางทีเหนื่อยกับงาน จนไม่มีอารมณ์ ปัจจัยเหล่านี้สะสมให้คู่สมรสเข้าสู่สภาวะผู้มีบุตรยาก ซึ่งกรณีนี้ยิ่งพบแพทย์เร็วเท่าไหร่ โอกาสในการมีบุตรก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น"
กลุ่มอาการที่มีแนวโน้มว่าจะมีบุตรยาก คือผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนมาปวดมาก หรือประจำเดือนมามากเกินเหตุ มีอาการเจ็บท้องน้อยเวลามีเพศสัมพันธ์ (คุณหมอเพิ่มเติมว่าโครงสร้างทางสรีระ เช่น เอวเล็ก สะโพกห้อย อ้วนหรือผอมไป ไม่มีผลต่อการตั้งครรภ์ยาก เพราะไม่เกี่ยวกับการทำงานของรังไข่)
ส่วนผู้ชายเป็นปัญหาเรื่องเชื้ออสุจิผิดปกติ ปัจจัยที่ทำให้เชื้อไม่แข็งแรง ได้แก่ เหล้า บุหรี่ มลพิษทางอากาศ อาหาร หรือการถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงบริเวณอัณฑะ เช่น เล่นฟุตบอลแล้วถูกแตะมาโดน, อุบัติเหตุล้มกระแทก หรือพฤติกรรมชอบแช่อ่างน้ำร้อนนานๆ (เมื่ออัณฑะร้อนทำให้สเปิร์มตายเร็ว ด้วยเหตุนี้ธรรมชาติให้อัณฑะอยู่นอกร่างกาย ผู้ชายที่ชอบซาวน่าบ่อยๆ ต้องระวัง!)
เมื่อไหร่ที่คู่สามีภรรยาควรตระหนักว่าต้องหาผู้ช่วยแล้ว โดยเฉลี่ยคู่สมรสที่แต่งงานกันแล้ว เป็นระยะเวลา 1 ปี มีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แล้วยังไม่มีบุตร ให้สันนิษฐานเบื้องต้นว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีปัญหา โดยส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาของผู้หญิง เช่น ไข่ไม่ตก มีพังผืดในอุ้งเชิงกราน เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เป็นเนื้องอกมดลูก ทำหมันมาแล้วแก้หมัน มดลูกผิดปกติมาแต่กำเนิด
เคสที่แก้ไขยากที่สุดคือ โรคที่เกิดจากพังผืดหรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ทำให้การฝังตัวของตัวอ่อนไม่แข็งแรง หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน แก้ได้ด้วยการมาพบแพทย์แต่เนิ่นๆ เพื่อตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคอะไรอยู่หรือเปล่า จะได้รักษาได้ทันก่อนที่จะลุกลาม แนะนำว่าควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและมีเครื่องมือเฉพาะด้านครบครัน เพื่อการรักษาอย่างครบวงจร แพทย์สามารถดูแลได้ตั้งแต่เบื้องต้นจนถึงสุดท้ายขั้นตอนการรักษา ลำดับแรกแพทย์จะให้ไปคู่สามีภรรยาได้หลับนอนตามหลักธรรมชาติ โดยแนะนำในช่วงเวลาไข่ตก (เพิ่มเติมว่า ทฤษฎี "หน้า 7 หลัง 7" ใช้ไม่ได้กับทุกคน เพราะฮอร์โมนและกระบวนการทำงานภายในร่างกายของแต่ละท่านแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรพบแพทย์เพื่อหาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมีเพศสัมพันธ์แบบหวังผล) หากไม่ประสบความสำเร็จจึงเข้าสู่โปรแกรมต่อไปคือการ ฉีดเชื้อผสมเทียมเข้าไปในโพรงมดลูก ถ้ายังไม่ได้อีกถึงจะเข้าสู่โปรแกรมสุดท้ายคือทำเด็กหลอดแก้ว วิธีนี้ได้ผลดีกว่าวิธีอื่น ทว่ามีผลข้างเคียงและค่าใช้จ่ายมากกว่ากรณีที่คู่สมรสลองแล้วหลายวิธีแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ คุณหมอมีคำแนะนำอย่างไร? "ต้องมีหวัง ไม่อยากให้หมดหวัง วิทยาการสมัยใหม่ช่วยทำให้ผู้มีแนวโน้มที่มีบุตรยาก สำเร็จมาแล้วหลายๆ คู่"
ยกตัวอย่างเคสยากๆ ในปัจจุบัน มีผู้หญิงอายุสี่สิบกว่าๆ สมัยวัยรุ่นเคยตั้งครรภ์ เคยท้องก่อนกำหนด แล้วก็เคยทำแท้งและประสบปัญหาติดเชื้อ แต่ท้ายที่สุดก็สามารถมีลูกได้จากการผ่าตัดส่องกล้อง เลาะพังผืดให้อยู่ในระดับปกติ อีกรายคือผู้ชายอายุเจ็ดสิบเอ็ดปี ทำหมันไปตั้งหลายสิบปีแต่อยากมีลูก จำนวนสเปิร์มด้อยลงและไม่มีคุณภาพ วิทยาการแพทย์สมัยใหม่ก็แก้ปัญหาให้ด้วยการใช้วิธีดูดเชื้อจากอัณฑะผสมกับไข่ในหลอดแก้ว สุดท้ายก็ได้ลูกสมใจ นี่คือข้อได้เปรียบของคู่สมรสในยุคปัจจุบันท้ายที่สุดคุณหมอให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่อยากมีบุตรทุกคน "รักษาสุขภาพโดยรวมให้ดี มีการรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และถ้าต้องการมีลูกจริงๆ อย่านิ่งนอนใจ ปล่อยให้เวลาล่วงเลย หากแต่งงานช้า (อายุ 35 ปีเป็นต้นไป) ควรรีบมีบุตร
เพราะถ้าได้ลูกคนแรกแล้ว คนที่สอง ที่สามก็มักจะไม่เป็นปัญหา" ได้ทั้งเทคนิคและทฤษฎีแล้ว คู่สมรสทั้งหลายก็จงใช้เป็น "คัมภีร์" ปั๊มบุตรกันให้สุดความสามารถ หรือถ้าต้องการผู้ช่วย อย่ารอช้า ไปรับคำปรึกษาได้ที่ "ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช ร.พ.วิภาวดี"
นพ.ธีรศักดิ์ ธำรงธีระกุล หัวหน้าศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช รพ.วิภาวดี หนึ่งใน "ฮีโร่" ช่วยรักษาผู้มีบุตรยาก ให้ข้อมูลทางชีววิทยาที่น่าสนใจว่าด้วยเรื่องการ "ปั่มปั๊ม" (เพศสัมพันธ์ระหว่างชาย-หญิง) แต่ละครั้ง มีโอกาสในการเกิดปฏิสนธิเพียง 15-20 เปอร์เซนต์ (หากคู่สามีภรรยาคู่ใดที่ทำภารกิจพิชิตรักประสบความสำเร็จจนมีเจ้าตัวน้อย ขอจงภูมิใจไว้เลยว่าท่านทำ "แจ็คพอต" แตก !! )
ดังนั้นคู่สามีภรรยาที่พยายามแล้ว พยายามอีกแต่ก็ยังไม่เจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เสียที (มีแต่ฟ้าเหลือง คิกๆๆ) อย่าเพิ่งท้อใจ พยายามต่อไปเรื่อยๆ และนำสารพัดเทคนิคที่จะมอบให้ในวันนี้ ไปเป็นคัมภีร์ในการประกอบกิจโดยพลัน !!
"ปัญหาคู่สมรสที่มีบุตรยาก เดิมทีเกิดจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายมีอายุมากแล้ว หรือเคยทำหมันมาเป็นระยะเวลาหลายปี อยากแก้หมัน แต่ในช่วงหลังๆ สี่ถึงห้าปีมานี้ พบว่าคู่สมรสที่ประสบปัญหามีอายุน้อยลง ทั้งหมดอาจเกิดจากหลายสภาวะ ทั้งอากาศ อาหาร และการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่เร่งรีบและตึงเครียดมากขึ้น ต่างฝ่ายต่างทำงานหนักมากเกินไปจนไม่มีเวลาให้แก่กัน หรือบางทีเหนื่อยกับงาน จนไม่มีอารมณ์ ปัจจัยเหล่านี้สะสมให้คู่สมรสเข้าสู่สภาวะผู้มีบุตรยาก ซึ่งกรณีนี้ยิ่งพบแพทย์เร็วเท่าไหร่ โอกาสในการมีบุตรก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น"
กลุ่มอาการที่มีแนวโน้มว่าจะมีบุตรยาก คือผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนมาปวดมาก หรือประจำเดือนมามากเกินเหตุ มีอาการเจ็บท้องน้อยเวลามีเพศสัมพันธ์ (คุณหมอเพิ่มเติมว่าโครงสร้างทางสรีระ เช่น เอวเล็ก สะโพกห้อย อ้วนหรือผอมไป ไม่มีผลต่อการตั้งครรภ์ยาก เพราะไม่เกี่ยวกับการทำงานของรังไข่)
ส่วนผู้ชายเป็นปัญหาเรื่องเชื้ออสุจิผิดปกติ ปัจจัยที่ทำให้เชื้อไม่แข็งแรง ได้แก่ เหล้า บุหรี่ มลพิษทางอากาศ อาหาร หรือการถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงบริเวณอัณฑะ เช่น เล่นฟุตบอลแล้วถูกแตะมาโดน, อุบัติเหตุล้มกระแทก หรือพฤติกรรมชอบแช่อ่างน้ำร้อนนานๆ (เมื่ออัณฑะร้อนทำให้สเปิร์มตายเร็ว ด้วยเหตุนี้ธรรมชาติให้อัณฑะอยู่นอกร่างกาย ผู้ชายที่ชอบซาวน่าบ่อยๆ ต้องระวัง!)
เมื่อไหร่ที่คู่สามีภรรยาควรตระหนักว่าต้องหาผู้ช่วยแล้ว โดยเฉลี่ยคู่สมรสที่แต่งงานกันแล้ว เป็นระยะเวลา 1 ปี มีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แล้วยังไม่มีบุตร ให้สันนิษฐานเบื้องต้นว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีปัญหา โดยส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาของผู้หญิง เช่น ไข่ไม่ตก มีพังผืดในอุ้งเชิงกราน เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เป็นเนื้องอกมดลูก ทำหมันมาแล้วแก้หมัน มดลูกผิดปกติมาแต่กำเนิด
เคสที่แก้ไขยากที่สุดคือ โรคที่เกิดจากพังผืดหรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ทำให้การฝังตัวของตัวอ่อนไม่แข็งแรง หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน แก้ได้ด้วยการมาพบแพทย์แต่เนิ่นๆ เพื่อตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคอะไรอยู่หรือเปล่า จะได้รักษาได้ทันก่อนที่จะลุกลาม แนะนำว่าควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและมีเครื่องมือเฉพาะด้านครบครัน เพื่อการรักษาอย่างครบวงจร แพทย์สามารถดูแลได้ตั้งแต่เบื้องต้นจนถึงสุดท้ายขั้นตอนการรักษา ลำดับแรกแพทย์จะให้ไปคู่สามีภรรยาได้หลับนอนตามหลักธรรมชาติ โดยแนะนำในช่วงเวลาไข่ตก (เพิ่มเติมว่า ทฤษฎี "หน้า 7 หลัง 7" ใช้ไม่ได้กับทุกคน เพราะฮอร์โมนและกระบวนการทำงานภายในร่างกายของแต่ละท่านแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรพบแพทย์เพื่อหาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมีเพศสัมพันธ์แบบหวังผล) หากไม่ประสบความสำเร็จจึงเข้าสู่โปรแกรมต่อไปคือการ ฉีดเชื้อผสมเทียมเข้าไปในโพรงมดลูก ถ้ายังไม่ได้อีกถึงจะเข้าสู่โปรแกรมสุดท้ายคือทำเด็กหลอดแก้ว วิธีนี้ได้ผลดีกว่าวิธีอื่น ทว่ามีผลข้างเคียงและค่าใช้จ่ายมากกว่ากรณีที่คู่สมรสลองแล้วหลายวิธีแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ คุณหมอมีคำแนะนำอย่างไร? "ต้องมีหวัง ไม่อยากให้หมดหวัง วิทยาการสมัยใหม่ช่วยทำให้ผู้มีแนวโน้มที่มีบุตรยาก สำเร็จมาแล้วหลายๆ คู่"
ยกตัวอย่างเคสยากๆ ในปัจจุบัน มีผู้หญิงอายุสี่สิบกว่าๆ สมัยวัยรุ่นเคยตั้งครรภ์ เคยท้องก่อนกำหนด แล้วก็เคยทำแท้งและประสบปัญหาติดเชื้อ แต่ท้ายที่สุดก็สามารถมีลูกได้จากการผ่าตัดส่องกล้อง เลาะพังผืดให้อยู่ในระดับปกติ อีกรายคือผู้ชายอายุเจ็ดสิบเอ็ดปี ทำหมันไปตั้งหลายสิบปีแต่อยากมีลูก จำนวนสเปิร์มด้อยลงและไม่มีคุณภาพ วิทยาการแพทย์สมัยใหม่ก็แก้ปัญหาให้ด้วยการใช้วิธีดูดเชื้อจากอัณฑะผสมกับไข่ในหลอดแก้ว สุดท้ายก็ได้ลูกสมใจ นี่คือข้อได้เปรียบของคู่สมรสในยุคปัจจุบันท้ายที่สุดคุณหมอให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่อยากมีบุตรทุกคน "รักษาสุขภาพโดยรวมให้ดี มีการรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และถ้าต้องการมีลูกจริงๆ อย่านิ่งนอนใจ ปล่อยให้เวลาล่วงเลย หากแต่งงานช้า (อายุ 35 ปีเป็นต้นไป) ควรรีบมีบุตร
เพราะถ้าได้ลูกคนแรกแล้ว คนที่สอง ที่สามก็มักจะไม่เป็นปัญหา" ได้ทั้งเทคนิคและทฤษฎีแล้ว คู่สมรสทั้งหลายก็จงใช้เป็น "คัมภีร์" ปั๊มบุตรกันให้สุดความสามารถ หรือถ้าต้องการผู้ช่วย อย่ารอช้า ไปรับคำปรึกษาได้ที่ "ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช ร.พ.วิภาวดี"
แม่อายุมากเสี่ยงคลอดทารกดาวน์
หญิงตั้งครรภ์ตอนอายุมากเสี่ยงสูงคลอดทารกดาวน์ซินโดรม ขณะที่หญิงตั้งครรภ์อายุน้อยมีความเสี่ยงเช่นกัน แต่มีเปอร์เซ็นต์น้อยกว่า
พญ.ปิยะรัตน์ สัมฤทธิ์ประดิษฐ์ สูตินรีแพทย์ สาขาเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช กล่าวว่า ปัจจุบันผู้หญิงไทยแต่งงานช้าลง ดังนั้นการเกิดความกังวลของคุณผู้หญิงอายุสามสิบขึ้นไปต่อการมีลูกเมื่ออายุมากก็จะมีมาก เนื่องจากกลุ่มผู้หญิงดังกล่าว เวลาตั้งครรภ์จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดทารกดาวน์ทั้งสิ้น โดยความเสี่ยงจะเพิ่มตามอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงวัย 35 ปี ขึ้นไปถือว่ามีความเสี่ยงสูงต่อการตั้งครรภ์ทารกดาวน์สูง ซึ่งมีความเสี่ยง 1 ใน 270 ราย และจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยสาเหตุที่พบบ่อยเกิดจากโครโมโซมมีความผิดปกติ
ส่วนผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 35 ปี คุณหมอบอกว่า ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ทารกดาวน์ได้ แต่ความเสี่ยงไม่สูงมากนัก เช่น ผู้หญิงอายุ 25 ปี จะมีความเสี่ยงประมาณ 1 ใน 1,000 ราย ซึ่งตรงนี้การตรวจคัดกรองจะมีประโยชน์มาก เพราะในคุณแม่อายุน้อย ความเสี่ยงไม่สูงพอที่จะมีข้อบ่งชี้ในการเจาะน้ำคร่ำ แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดทารกดาวน์ได้
สำหรับการตรวจคัดกรองโดยการเจาะเลือดมารดาหรือวิธีอื่นๆ ก็มีประโยชน์มากเช่นกันในการช่วยเพิ่มความไวในการตรวจทารกดาวน์ได้มากขึ้น ซึ่งวิธีการตรวจมี 2 วิธี ด้วยกัน คือ วิธี NT+PAPP-A (การตรวจวัดความหนาเนื้อเยื้อคอทารก+การเจาะระดับสาร (PAPP-A) เป็นการตรวจตั้งแต่สามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ และวิธีที่สองคือการตรวจ Triple Screening หรือ Triple Test เป็นการตรวจในช่วงอายุครรภ์ 14-24 สัปดาห์ แต่ควรทำที่อายุครรภ์ ที่เหมาะสมที่สุดคือ16-20 สัปดาห์)
การตรวจโครโมโซมทารกในครรภ์ และการเจาะน้ำคร่ำ โดยคุณแม่ที่อยู่ในภาวะความเสี่ยงสูงต่อการเกิดความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ ได้แก่ คุณแม่ที่ตั้งครรภ์เมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป คุณแม่มีประวัติบุตรมีโครโมโซมผิดปกติหรือการตรวจคัดกรองเป็นผลบวก ซึ่งอายุครรภ์ที่สามารถเจาะน้ำคร่ำได้คือตั้งแต่ 1 สัปดาห์ขึ้นไป และอายุครรภ์ที่เหมาะสมควรอยู่ในช่วงระหว่าง 16-20 สัปดาห์
"การดูแลตัวเองให้พร้อมก่อนที่จะเป็นแม่ด้วยการตรวจคัดกรองการตั้งครรภ์ ของทารกกลุ่มอาการดาวน์ (First Trimester Screening) และตรวจความผิดปกติของการตั้งครรภ์ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ช่วยตรวจคัดกรองและช่วยลดความกังวลใจให้กับคุณผู้หญิงที่แต่งงานช้าหรือมีลูกตอนอายุมาก ได้เป็นอย่างดี" พญ.ปิยะรัตน์ กล่าว
พญ.ปิยะรัตน์ สัมฤทธิ์ประดิษฐ์ สูตินรีแพทย์ สาขาเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช กล่าวว่า ปัจจุบันผู้หญิงไทยแต่งงานช้าลง ดังนั้นการเกิดความกังวลของคุณผู้หญิงอายุสามสิบขึ้นไปต่อการมีลูกเมื่ออายุมากก็จะมีมาก เนื่องจากกลุ่มผู้หญิงดังกล่าว เวลาตั้งครรภ์จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดทารกดาวน์ทั้งสิ้น โดยความเสี่ยงจะเพิ่มตามอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงวัย 35 ปี ขึ้นไปถือว่ามีความเสี่ยงสูงต่อการตั้งครรภ์ทารกดาวน์สูง ซึ่งมีความเสี่ยง 1 ใน 270 ราย และจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยสาเหตุที่พบบ่อยเกิดจากโครโมโซมมีความผิดปกติ
ส่วนผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 35 ปี คุณหมอบอกว่า ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ทารกดาวน์ได้ แต่ความเสี่ยงไม่สูงมากนัก เช่น ผู้หญิงอายุ 25 ปี จะมีความเสี่ยงประมาณ 1 ใน 1,000 ราย ซึ่งตรงนี้การตรวจคัดกรองจะมีประโยชน์มาก เพราะในคุณแม่อายุน้อย ความเสี่ยงไม่สูงพอที่จะมีข้อบ่งชี้ในการเจาะน้ำคร่ำ แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดทารกดาวน์ได้
สำหรับการตรวจคัดกรองโดยการเจาะเลือดมารดาหรือวิธีอื่นๆ ก็มีประโยชน์มากเช่นกันในการช่วยเพิ่มความไวในการตรวจทารกดาวน์ได้มากขึ้น ซึ่งวิธีการตรวจมี 2 วิธี ด้วยกัน คือ วิธี NT+PAPP-A (การตรวจวัดความหนาเนื้อเยื้อคอทารก+การเจาะระดับสาร (PAPP-A) เป็นการตรวจตั้งแต่สามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ และวิธีที่สองคือการตรวจ Triple Screening หรือ Triple Test เป็นการตรวจในช่วงอายุครรภ์ 14-24 สัปดาห์ แต่ควรทำที่อายุครรภ์ ที่เหมาะสมที่สุดคือ16-20 สัปดาห์)
การตรวจโครโมโซมทารกในครรภ์ และการเจาะน้ำคร่ำ โดยคุณแม่ที่อยู่ในภาวะความเสี่ยงสูงต่อการเกิดความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ ได้แก่ คุณแม่ที่ตั้งครรภ์เมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป คุณแม่มีประวัติบุตรมีโครโมโซมผิดปกติหรือการตรวจคัดกรองเป็นผลบวก ซึ่งอายุครรภ์ที่สามารถเจาะน้ำคร่ำได้คือตั้งแต่ 1 สัปดาห์ขึ้นไป และอายุครรภ์ที่เหมาะสมควรอยู่ในช่วงระหว่าง 16-20 สัปดาห์
"การดูแลตัวเองให้พร้อมก่อนที่จะเป็นแม่ด้วยการตรวจคัดกรองการตั้งครรภ์ ของทารกกลุ่มอาการดาวน์ (First Trimester Screening) และตรวจความผิดปกติของการตั้งครรภ์ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ช่วยตรวจคัดกรองและช่วยลดความกังวลใจให้กับคุณผู้หญิงที่แต่งงานช้าหรือมีลูกตอนอายุมาก ได้เป็นอย่างดี" พญ.ปิยะรัตน์ กล่าว
เมื่อ หญิงท้อง ติด หวัด 2009
ผู้หญิงท้องจัดเป็นกลุ่มเสี่ยงอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน หากป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จนตอนนี้หลายคนที่ท้องอยู่เริ่มเป็นกังวลว่าจะทำอย่างไรหากป่วยขึ้นมา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.นพ.ธีระพงศ์ เจริญวิทย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หัวหน้าหน่วยเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เคยมีรายงานเมื่อปี พ.ศ. 2461-2462 และปี พ.ศ. 2500-2501 ในคุณแม่และทารกในครรภ์พบว่า คุณแม่ที่ตั้งครรภ์นั้นเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ที่ระบาด จากรายงานของโรงพยาบาลจอห์น ฮอพกินส์ สหรัฐอเมริกา พบว่าจากคุณแม่ตั้งครรภ์ 1,350 ราย ที่รับไว้ในโรงพยาบาลเนื่องจากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ เสียชีวิตถึงร้อยละ 27 และพบว่าร้อยละ 25-41 ของการตายนั้นเกิดขึ้น ในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ คือไตรมาสที่ 2 และ 3
นอกจากนี้มีการรายงานผลข้างเคียงของการตั้งครรภ์ตามหลังการระบาดของไข้หวัดใหญ่ โดยมีอัตราการเพิ่มของการแท้ง และการคลอดก่อนกำหนด โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีอาการปอดอักเสบ ซึ่งหลายฝ่ายรายงาน รวมทั้งการศึกษาจากระบาดวิทยาก็บ่งชี้ว่า การตั้งครรภ์จะเพิ่มความเสี่ยงต่อมารดาและทารก รวมทั้งผลข้างเคียงจากการคลอด คุณแม่ที่เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มักจะมีอาการของการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เฉียบพลัน เช่น ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล และไข้ อาการอื่นที่พบร่วม ได้แก่ ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย อาเจียน และท้องเสีย อาการป่วยจะเลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นในสตรีตั้งครรภ์ที่สงสัยว่าติด เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ต้องได้รับการตรวจหาเชื้อว่าเป็นหรือไม่ การรักษาควรทำให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอผลการตรวจทางปฏิบัติการ เนื่องจากการให้ยาต้านไวรัสยิ่งเร็วยิ่งได้ผลดี โดยเฉพาะในช่วง 2 วันแรก การตรวจเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ต้องใช้เวลาหลายวัน แพทย์ผู้ทำการรักษา จึงควรให้การรักษาในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีอาการไข้หวัดใหญ่ได้เลย โดยเชื้อตัวนี้ยังตอบสนองต่อยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ และซานามิเวียร์
การตั้งครรภ์ไม่ใช่ข้อบ่งห้ามในการใช้ “โอเซลทามิเวียร์” หรือ “ซานามิเวียร์” ซึ่งยาเหล่านี้ก็ถูกแนะนำให้ใช้ในคนไข้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ผลข้างเคียงจากยาในคนไข้ตั้งครรภ์ ไม่มีรายงานชัดเจน โดยการรักษาสำหรับคนตั้งครรภ์ คือการใช้โอเซลทามิเวียร์ ซึ่งจะแนะนำให้ใช้ 5 วัน โดยไม่ต้องรอผลการตรวจเชื้อไวรัส ควรเริ่มยาทันทีที่มีอาการของไข้หวัดใหญ่ ซึ่งผลที่ได้จะมีประโยชน์มากถ้าเริ่มยาภายใน 48 ชั่วโมงหลังมีอาการ อย่างไรก็ตามแม้เวลามากกว่า 48 ชั่วโมง โดยเฉพาะกลุ่มคนไข้ที่ต้องรับไว้ในโรงพยาบาลในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สัมผัสอย่างใกล้ชิดกับคนที่สงสัย หรือมีการยืนยันว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่นี้ อาจใช้ยาโอเซลทามิเวียร์ วันละ 1 เม็ด เป็นเวลา 10 วัน
อาการไข้สูง ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ก็จะเพิ่มความเสี่ยง เป็น 2 เท่าของการเกิดความผิดปกติของการเจริญเติบโตของระบบประสาท และอาจพบความพิการแต่กำเนิดบางอย่างได้ การให้ยาแก้ไข้รวมทั้งวิตามินที่มีกรดโฟลิคจะช่วยได้ โดยอาการไข้จะทำให้มีความเสี่ยงต่อความผิดปกติของทารกในครรภ์ เช่น อาการชัก สมองผิดปกติ จนถึงทารกตายในครรภ์ โดยเกิดจากอาการไข้ ซึ่งสามารถใช้ยากลุ่มพาราเซตามอลได้
ส่วนการติดต่อของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะผ่านจากแม่สู่ลูกได้หรือไม่ จวบจนปัจจุบันยังไม่มีรายงานว่า เชื้อนี้ผ่านจากแม่สู่ลูก แต่ในขณะที่ข่าวของแม่ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ และพบว่ามีการตรวจพบเชื้อไวรัสในลูก ก็ยังต้องการการตรวจยืนยันว่า ลูกในครรภ์ติดเชื้อจริงหรือไม่ ซึ่งต้องอาศัยการตรวจ หาแอนติบอดี้ในเลือด (Hemaglu-tination Inhibition Antibodies) โดยเจาะเลือดลูกส่งตรวจห่างกัน 2 สัปดาห์ หากผลที่ได้มีการเพิ่มของหน่วยของแอนติ บอดี้เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า แสดงว่าทารกติดเชื้อจากมารดา ด้วยเหตุนี้เองคุณแม่อย่าเพิ่งกังวลใจ ว่าจะมีโอกาสติดเชื้อนี้ได้ลูกน้อยในครรภ์
ในขณะที่ยังไม่มีวัคซีนสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ การลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ มีดังนี้
1. ล้างมือบ่อย ๆ
2. ลดการติดต่อกับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้
3. หากมีอาการไข้ควรอยู่กับบ้าน ยกเว้นในกรณีที่ต้องไปพบแพทย์
4. ต้องระวังปิดปากเวลาไอ
5.หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชน ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสตัวนี้
6.ใช้หน้ากากอนามัยให้ถูกต้อง
ส่วนคุณแม่ที่คลอดบุตรแล้ว สามารถให้นมได้ แต่ต้องระวังการสัมผัสกับลูก อาจให้คุณแม่บีบน้ำนมใส่ขวดแล้วให้ลูกดื่มได้ นอกจากนี้ยังไม่มีข้อห้ามในการใช้ยาในคนไข้ที่ให้นมบุตร
อาการที่ต้องรีบมาพบแพทย์หากคุณแม่ ตั้งครรภ์ คือ
1.หายใจลำบาก และหายใจตื้น ๆ
2. เจ็บหน้าอก หรือช่องท้อง
3. มีอาการงง หรือสับสน
4. อาเจียนรุนแรง
5. เด็กดิ้นน้อยลง
6.มีไข้สูงที่ไม่ ตอบสนองต่อยาพาราเซตามอล
สรุปแล้ว คุณแม่ที่ตั้งครรภ์อย่าตื่นตระหนกกับโรคนี้ควรใช้ชีวิตให้ระมัดระวัง เนื่องจากคนท้องเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอาการที่รุนแรงได้ ปฏิบัติตัวตามที่แนะนำข้างต้น และอย่ามัวรีรอในการไปพบแพทย์ เมื่อมีอาการที่กล่าวมาแล้ว การได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว และวินิจฉัยได้ถูกต้อง คุณแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง ได้อุ้มลูกน้อยสมใจแน่นอนครับ.
เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.นพ.ธีระพงศ์ เจริญวิทย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หัวหน้าหน่วยเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เคยมีรายงานเมื่อปี พ.ศ. 2461-2462 และปี พ.ศ. 2500-2501 ในคุณแม่และทารกในครรภ์พบว่า คุณแม่ที่ตั้งครรภ์นั้นเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ที่ระบาด จากรายงานของโรงพยาบาลจอห์น ฮอพกินส์ สหรัฐอเมริกา พบว่าจากคุณแม่ตั้งครรภ์ 1,350 ราย ที่รับไว้ในโรงพยาบาลเนื่องจากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ เสียชีวิตถึงร้อยละ 27 และพบว่าร้อยละ 25-41 ของการตายนั้นเกิดขึ้น ในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ คือไตรมาสที่ 2 และ 3
นอกจากนี้มีการรายงานผลข้างเคียงของการตั้งครรภ์ตามหลังการระบาดของไข้หวัดใหญ่ โดยมีอัตราการเพิ่มของการแท้ง และการคลอดก่อนกำหนด โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีอาการปอดอักเสบ ซึ่งหลายฝ่ายรายงาน รวมทั้งการศึกษาจากระบาดวิทยาก็บ่งชี้ว่า การตั้งครรภ์จะเพิ่มความเสี่ยงต่อมารดาและทารก รวมทั้งผลข้างเคียงจากการคลอด คุณแม่ที่เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มักจะมีอาการของการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เฉียบพลัน เช่น ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล และไข้ อาการอื่นที่พบร่วม ได้แก่ ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย อาเจียน และท้องเสีย อาการป่วยจะเลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นในสตรีตั้งครรภ์ที่สงสัยว่าติด เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ต้องได้รับการตรวจหาเชื้อว่าเป็นหรือไม่ การรักษาควรทำให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอผลการตรวจทางปฏิบัติการ เนื่องจากการให้ยาต้านไวรัสยิ่งเร็วยิ่งได้ผลดี โดยเฉพาะในช่วง 2 วันแรก การตรวจเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ต้องใช้เวลาหลายวัน แพทย์ผู้ทำการรักษา จึงควรให้การรักษาในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีอาการไข้หวัดใหญ่ได้เลย โดยเชื้อตัวนี้ยังตอบสนองต่อยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ และซานามิเวียร์
การตั้งครรภ์ไม่ใช่ข้อบ่งห้ามในการใช้ “โอเซลทามิเวียร์” หรือ “ซานามิเวียร์” ซึ่งยาเหล่านี้ก็ถูกแนะนำให้ใช้ในคนไข้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ผลข้างเคียงจากยาในคนไข้ตั้งครรภ์ ไม่มีรายงานชัดเจน โดยการรักษาสำหรับคนตั้งครรภ์ คือการใช้โอเซลทามิเวียร์ ซึ่งจะแนะนำให้ใช้ 5 วัน โดยไม่ต้องรอผลการตรวจเชื้อไวรัส ควรเริ่มยาทันทีที่มีอาการของไข้หวัดใหญ่ ซึ่งผลที่ได้จะมีประโยชน์มากถ้าเริ่มยาภายใน 48 ชั่วโมงหลังมีอาการ อย่างไรก็ตามแม้เวลามากกว่า 48 ชั่วโมง โดยเฉพาะกลุ่มคนไข้ที่ต้องรับไว้ในโรงพยาบาลในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สัมผัสอย่างใกล้ชิดกับคนที่สงสัย หรือมีการยืนยันว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่นี้ อาจใช้ยาโอเซลทามิเวียร์ วันละ 1 เม็ด เป็นเวลา 10 วัน
อาการไข้สูง ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ก็จะเพิ่มความเสี่ยง เป็น 2 เท่าของการเกิดความผิดปกติของการเจริญเติบโตของระบบประสาท และอาจพบความพิการแต่กำเนิดบางอย่างได้ การให้ยาแก้ไข้รวมทั้งวิตามินที่มีกรดโฟลิคจะช่วยได้ โดยอาการไข้จะทำให้มีความเสี่ยงต่อความผิดปกติของทารกในครรภ์ เช่น อาการชัก สมองผิดปกติ จนถึงทารกตายในครรภ์ โดยเกิดจากอาการไข้ ซึ่งสามารถใช้ยากลุ่มพาราเซตามอลได้
ส่วนการติดต่อของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะผ่านจากแม่สู่ลูกได้หรือไม่ จวบจนปัจจุบันยังไม่มีรายงานว่า เชื้อนี้ผ่านจากแม่สู่ลูก แต่ในขณะที่ข่าวของแม่ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ และพบว่ามีการตรวจพบเชื้อไวรัสในลูก ก็ยังต้องการการตรวจยืนยันว่า ลูกในครรภ์ติดเชื้อจริงหรือไม่ ซึ่งต้องอาศัยการตรวจ หาแอนติบอดี้ในเลือด (Hemaglu-tination Inhibition Antibodies) โดยเจาะเลือดลูกส่งตรวจห่างกัน 2 สัปดาห์ หากผลที่ได้มีการเพิ่มของหน่วยของแอนติ บอดี้เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า แสดงว่าทารกติดเชื้อจากมารดา ด้วยเหตุนี้เองคุณแม่อย่าเพิ่งกังวลใจ ว่าจะมีโอกาสติดเชื้อนี้ได้ลูกน้อยในครรภ์
ในขณะที่ยังไม่มีวัคซีนสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ การลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ มีดังนี้
1. ล้างมือบ่อย ๆ
2. ลดการติดต่อกับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้
3. หากมีอาการไข้ควรอยู่กับบ้าน ยกเว้นในกรณีที่ต้องไปพบแพทย์
4. ต้องระวังปิดปากเวลาไอ
5.หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชน ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสตัวนี้
6.ใช้หน้ากากอนามัยให้ถูกต้อง
ส่วนคุณแม่ที่คลอดบุตรแล้ว สามารถให้นมได้ แต่ต้องระวังการสัมผัสกับลูก อาจให้คุณแม่บีบน้ำนมใส่ขวดแล้วให้ลูกดื่มได้ นอกจากนี้ยังไม่มีข้อห้ามในการใช้ยาในคนไข้ที่ให้นมบุตร
อาการที่ต้องรีบมาพบแพทย์หากคุณแม่ ตั้งครรภ์ คือ
1.หายใจลำบาก และหายใจตื้น ๆ
2. เจ็บหน้าอก หรือช่องท้อง
3. มีอาการงง หรือสับสน
4. อาเจียนรุนแรง
5. เด็กดิ้นน้อยลง
6.มีไข้สูงที่ไม่ ตอบสนองต่อยาพาราเซตามอล
สรุปแล้ว คุณแม่ที่ตั้งครรภ์อย่าตื่นตระหนกกับโรคนี้ควรใช้ชีวิตให้ระมัดระวัง เนื่องจากคนท้องเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอาการที่รุนแรงได้ ปฏิบัติตัวตามที่แนะนำข้างต้น และอย่ามัวรีรอในการไปพบแพทย์ เมื่อมีอาการที่กล่าวมาแล้ว การได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว และวินิจฉัยได้ถูกต้อง คุณแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง ได้อุ้มลูกน้อยสมใจแน่นอนครับ.
ความงามที่ผู้หญิงมองข้าม
ทราบหรือไม่ เรื่องไหนที่ผู้หญิงมักมองข้ามในความสวยความงาม วันนี้เรามีมาฝาก...
- ไม่ใช้ครีมบำรุง ไม่ใช้ครีมกันแดด
ครีมบำรุงและครีมกันแดด คือ การป้องกันและดูแลผิวหน้าในระยะยาวที่ดีที่สุด แม้ว่าครีมที่เลือกใช้จะไม่ได้ผสมสารสกัดราคาแพง แต่การเติมน้ำให้ผิวและตามด้วยป้องกันแสงแดดในทุก ๆ ครั้งที่ออกจากบ้าน จะช่วยยืดอายุผิวได้นาน และยังป้องกันริ้วรอย ฝ้า กระได้ดี
- เกาะตามกระแส
ผลิตภัณฑ์ความงามที่ซื้อตามคำบอกเล่า อาจไม่เหมาะกับเรา อย่างเมคอัพที่สีไม่เข้ากับผิว โลชั่นที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือสินค้าที่ราคาแพงเกินจริง แต่สามารถมองหาของดีใกล้เคียงได้ตั้งมากมาย
- ไม่ดูอายุผลิตภัณฑ์
ควรใช้ผลิตภัณฑ์ความงามตามอายุของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ สังเกตได้จากฉลากข้างขวดที่จะบอกว่าใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพภายในกี่ปี ซึ่งผลิตภัณฑ์สูตรธรรมชาตินั้นจะอายุสั้นกว่าประมาณ 2-3 ปีตามเงื่อนไขของธรรมชาติ
- ชอบ แต่ไม่ได้ใช้
เผลอซื้อผลิตภัณฑ์ความงามมาสะสมไว้จนใช้แทบไม่ทัน สุดท้ายก็ต้องทิ้งไปเพราะหมดอายุ ครั้งหน้าลองจดลิสต์ของที่ต้องการจริง ๆ ทุกครั้ง จะได้ไม่เผลอไปซื้อให้เสียดายเงิน
- ลืมนึกถึงผลกระทบอื่น ๆ
ข้อนี้สำคัญ เพราะ เป็นการดีจะคิดหน้าคิดหลังก่อนซื้อ เช่น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูดี น่าใช้ แต่กลับบรรจุในแพคเกจที่ชวนทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่สามารถรีไซเคิลได้ แถมยังใส่สารเคมีมากเกินจำเป็น และใช้วัสดุที่ฟุ่มเฟือย
รู้อย่างนี้แล้ว ควรหันมาเอาใส่ใจในเรื่องความงามกันจะดีกว่า.
- ไม่ใช้ครีมบำรุง ไม่ใช้ครีมกันแดด
ครีมบำรุงและครีมกันแดด คือ การป้องกันและดูแลผิวหน้าในระยะยาวที่ดีที่สุด แม้ว่าครีมที่เลือกใช้จะไม่ได้ผสมสารสกัดราคาแพง แต่การเติมน้ำให้ผิวและตามด้วยป้องกันแสงแดดในทุก ๆ ครั้งที่ออกจากบ้าน จะช่วยยืดอายุผิวได้นาน และยังป้องกันริ้วรอย ฝ้า กระได้ดี
- เกาะตามกระแส
ผลิตภัณฑ์ความงามที่ซื้อตามคำบอกเล่า อาจไม่เหมาะกับเรา อย่างเมคอัพที่สีไม่เข้ากับผิว โลชั่นที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือสินค้าที่ราคาแพงเกินจริง แต่สามารถมองหาของดีใกล้เคียงได้ตั้งมากมาย
- ไม่ดูอายุผลิตภัณฑ์
ควรใช้ผลิตภัณฑ์ความงามตามอายุของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ สังเกตได้จากฉลากข้างขวดที่จะบอกว่าใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพภายในกี่ปี ซึ่งผลิตภัณฑ์สูตรธรรมชาตินั้นจะอายุสั้นกว่าประมาณ 2-3 ปีตามเงื่อนไขของธรรมชาติ
- ชอบ แต่ไม่ได้ใช้
เผลอซื้อผลิตภัณฑ์ความงามมาสะสมไว้จนใช้แทบไม่ทัน สุดท้ายก็ต้องทิ้งไปเพราะหมดอายุ ครั้งหน้าลองจดลิสต์ของที่ต้องการจริง ๆ ทุกครั้ง จะได้ไม่เผลอไปซื้อให้เสียดายเงิน
- ลืมนึกถึงผลกระทบอื่น ๆ
ข้อนี้สำคัญ เพราะ เป็นการดีจะคิดหน้าคิดหลังก่อนซื้อ เช่น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูดี น่าใช้ แต่กลับบรรจุในแพคเกจที่ชวนทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่สามารถรีไซเคิลได้ แถมยังใส่สารเคมีมากเกินจำเป็น และใช้วัสดุที่ฟุ่มเฟือย
รู้อย่างนี้แล้ว ควรหันมาเอาใส่ใจในเรื่องความงามกันจะดีกว่า.
ทาครีมบำรุงอย่างไรให้สวยเด้ง
เคยสงสัยกันไหมว่า การทาครีมบำรุงผิวให้ได้ผลดีที่สุดนั้นมีวิธีการอย่างไร หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก คิดว่าทาๆ เข้าไปยังไงก็อยู่บนหน้า ถ้าหากว่าคุณทำอย่างนั้นจริงๆ ล่ะก็ จงอย่าแปลกใจว่าทำไมสวยช้ากว่าเพื่อน ดังนั้นต่อไปนี้คือ 5 วิธีแสนง่ายที่ทำให้คุณต้องเปลี่ยนความคิดเดิมๆ
1. แน่นอนต้องทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด แล้วเลือกปริมาณครีมที่ต้องใช้ให้พอเหมาะ เพราะถ้าน้อยเกินไปก็จะไม่ได้ผล หรือถ้ามากเกินไปก็จะทำให้ผิวหน้ามันเกินไปและที่สำคัญคือเปลืองครีม โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ประมาณ 1 ข้อมือหรือ 1 ลูกเชอร์รี่
2. แต้มครีมให้ทั่วทั้ง 5 จุด บนใบหน้า คือ เริ่มจากหน้าผาก จมูก แก้มทั้งสองข้างและคาง
3. ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางในการเกลี่ยครีม เนื่องจากเป็นนิ้วที่มีน้ำหนักพอดี และถ้ากดแรงหน้าที่กำลังจะสวยอาจจะกลายเป็นเยินได้ ให้เริ่มจากบริเวณที่กว้างที่สุดก่อน เช่น โหนกแก้มโดยเริ่มจากส่วนกลางไปยังส่วนข้างๆ โดยทางด้านซ้ายออกซ้าย และทางด้านขวาออกขวา แล้วตามด้วยแนวสันจมูก ใต้โพรงจมูก คาง และหน้าผาก โดยเว้นบริเวณรอบดวงตาไว้
4. อย่าลืมการทาครีมบริเวณลำคอ เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะดุแปลกๆหากหน้าเต่งตึงแต่คอยาน ให้ใช้ปริมาณเนื้อครีมเท่ากับที่ใบหน้าประมาณ 1 ข้อมือ โดยเริ่มจากบริเวณที่กว้างที่สุดของคอก่อนคือ บริเวณฐานลำคอแล้วใช้ปลายนิ้วทั้งหมดค่อยๆ ลูบไล้ขึ้น ไม่ควรทาลง เพราะจะทำให้ผิวบริเวณลำคอหย่อนทำให้เกิดรอยย่นภายหลังได้
5. สุดท้ายที่รอบดวงตา ควรใช้ปริมาณเนื้อครีมประมาณ 1 เมล็ดถั่วเขียว แล้วใช้นิ้วนางเพียงนิ้วเดียวในการทา ขอย้ำว่าต้องนิ้วนางเท่านั้นในบริเวณนี้ เพราะจะให้น้ำหนักกดที่เบาที่สุด โดยไล่ตามแนวโครงกระดูกเบ้าตา จะเริ่มที่หัวตาหรือหางตาก่อนก็ได้ จากนั้นวนครีมรอบๆ ดวงตาจะวนเข้าหรือวนออกได้ตามถนัดแต่ต้องวนไปในทิศทางเดียวกันทั้งสองข้าง
1. แน่นอนต้องทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด แล้วเลือกปริมาณครีมที่ต้องใช้ให้พอเหมาะ เพราะถ้าน้อยเกินไปก็จะไม่ได้ผล หรือถ้ามากเกินไปก็จะทำให้ผิวหน้ามันเกินไปและที่สำคัญคือเปลืองครีม โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ประมาณ 1 ข้อมือหรือ 1 ลูกเชอร์รี่
2. แต้มครีมให้ทั่วทั้ง 5 จุด บนใบหน้า คือ เริ่มจากหน้าผาก จมูก แก้มทั้งสองข้างและคาง
3. ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางในการเกลี่ยครีม เนื่องจากเป็นนิ้วที่มีน้ำหนักพอดี และถ้ากดแรงหน้าที่กำลังจะสวยอาจจะกลายเป็นเยินได้ ให้เริ่มจากบริเวณที่กว้างที่สุดก่อน เช่น โหนกแก้มโดยเริ่มจากส่วนกลางไปยังส่วนข้างๆ โดยทางด้านซ้ายออกซ้าย และทางด้านขวาออกขวา แล้วตามด้วยแนวสันจมูก ใต้โพรงจมูก คาง และหน้าผาก โดยเว้นบริเวณรอบดวงตาไว้
4. อย่าลืมการทาครีมบริเวณลำคอ เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะดุแปลกๆหากหน้าเต่งตึงแต่คอยาน ให้ใช้ปริมาณเนื้อครีมเท่ากับที่ใบหน้าประมาณ 1 ข้อมือ โดยเริ่มจากบริเวณที่กว้างที่สุดของคอก่อนคือ บริเวณฐานลำคอแล้วใช้ปลายนิ้วทั้งหมดค่อยๆ ลูบไล้ขึ้น ไม่ควรทาลง เพราะจะทำให้ผิวบริเวณลำคอหย่อนทำให้เกิดรอยย่นภายหลังได้
5. สุดท้ายที่รอบดวงตา ควรใช้ปริมาณเนื้อครีมประมาณ 1 เมล็ดถั่วเขียว แล้วใช้นิ้วนางเพียงนิ้วเดียวในการทา ขอย้ำว่าต้องนิ้วนางเท่านั้นในบริเวณนี้ เพราะจะให้น้ำหนักกดที่เบาที่สุด โดยไล่ตามแนวโครงกระดูกเบ้าตา จะเริ่มที่หัวตาหรือหางตาก่อนก็ได้ จากนั้นวนครีมรอบๆ ดวงตาจะวนเข้าหรือวนออกได้ตามถนัดแต่ต้องวนไปในทิศทางเดียวกันทั้งสองข้าง
30 เคล็ด(ไม่)ลับการแต่งหน้า
1. สาวๆ อาจไม่อยากแต่งหน้าแข่งกับอุณหภูมิที่สูงปรี๊ด ทำให้เทรนด์การแต่งหน้าบางใสเน้นเผยผิวที่แท้จริงมาแรงในช่วงนี้
2. ช่วงนี้ถ้าได้ยินคำว่า "แต่งหน้านู้ด" จำไว้เลยว่า สาวผิวขาวควรใช้เฉดสีชมพูช่วยให้ผิวดูขาวเปล่งปลั่ง ส่วนสาวผิวสีให้ใช้เสน่ห์ของประกายทองเพิ่มความสดใสยิ่งขึ้น
3. สาวไทยจะแต่งหน้านู้ดอาจไม่มั่นใจ เพราะใบหน้าดูไม่ค่อยมีมิติเหมือนสาวฝรั่ง ลองหาแป้งชิมเมอร์สีอ่อนมาไล้บริเวณสันจมูก กลางหน้าผาก และปลายคาง ช่วยเน้นโครงหน้าให้ชัดเจนขึ้นได้
4. "ลิปสติกสีนู้ด" ของคนผิวขาว หมายถึง สีเบจอมชมพูอ่อนหรือเจือส้มแอปริคอทนิดๆ (ทาแล้วต้องไม่ดูซีดจนเหมือนคนป่วย) หากสีผิวเข้มปานกลางก็เพิ่มโทนสีน้ำตาลปนชมพูขึ้นมาอีกระดับ แล้วเติมกลอสใสทับให้ดูสว่างสดใส สุดท้ายสาวผิวเข้มใช้สีน้ำตาลอมส้มผสมชิมเมอร์ที่สร้างมิติให้เรียวปากอิ่มเอิบและเซ็กซี่ราวกับสาวละติน
5. ถ้าตากแดดจนริมฝีปากคล้ำเกินงาม ก่อนทาลิปสติกให้ลงคอนซีลเลอร์หรือรองพื้นบนริมฝีปาก เพื่อปรับสีผิวให้อ่อนลง แล้วค่อยบรรเลงสีตามใจชอบ
6. แต่งตัวสีสันฉูดฉาดรับร้อนแล้ว สีสันของเมคอัพก็ไม่จำเป็นต้องจัดจ้าน โดยเฉพาะดวงตา แค่ไล้อายแชโดว์สีขาวหรือสีพาสเทลเป็นละอองบางๆทั่วเปลือกตา แล้วเพิ่มความโดดเด่นของสีที่บริเวณหัวตา ปิดท้ายด้วยการปัดมาสคาราสีดำทั้งขนตาบนและล่าง แค่นี้ก็ช่วยให้ดวงตาดูกลมโตขึ้นอีกเยอะ
7. เดี๋ยวนี้แป้งฝุ่นแบรนด์ไหนๆ ก็ขอผสมมิเนอร์รัลไว้ก่อน เพราะเนื้อแป้งจะบางเบานวลเนียนเป็นธรรมชาติ แถมทำให้ผิวดูสว่างกระจ่างใสขึ้นโดยเฉพาะเวลาต้องแสงแดด
8. แสงแดดแผดเผาอาจทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำระหว่างวัน ลองใช้เบสรองพื้นก่อนแต่งหน้าที่ผสมประกายมุก ช่วยให้สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอและปรับผิวให้แลดูเปล่งปลั่ง แถมใช้แล้วแป้งยังติดทนอีกด้วย
9. หยิบยืมไอเดียสีสันจากธรรมชาติอย่าง ฟ้าของท้องทะเล ขาวนวลราวกับเปลือกหอย หรือสีทองยามพระอาทิตย์ตก มาเป็นโทนสีสันเมคอัพของสาวๆริมหาดกัน
10. ร้อนขนาดนี้คงไม่อยากได้แป้งที่หนาเตอะ ให้ใช้แปรงขนาดใหญ่แตะแป้งฝุ่นเล็กน้อย แล้ววนแปรงลงบนฝาของตลับแป้งเพื่อให้เนื้อติดแปรงในปริมาณที่พอเหมาะ จากนั้นนำมาปัดผิวหน้าใบลักษณะวนเป็นวงกลม จะช่วยให้แป้งติดผิวได้ดีและไม่หนาเกินไป
11. เตรียมเครื่องสำอางไปทะเล แนะนำว่าให้หาเครื่องสำอางแบบสารพัดประโยชน์ชนิดที่ทาได้ทั้งแก้ม ตา และปาก จะได้พกความสวยไปได้ทุกที่
12. เบื่อผิวขาวแบบเดิมๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการหาแอร์บลัชมาสเปรย์เปลี่ยนสีผิวเป็นสีแทน เซ็กซี่ โดยไม่ต้องไปอาบแดดให้ผิวเสียกันบ้างดีกว่า
13. ใบหน้าเป็นประกายด้วยบรอนเซอร์ จะกลับมาเสมอในทุกๆ หน้า หลังจากแต่งหน้าเสร็จ เพียงใช้แปรงขนาดใหญ่ปัดบรอนเซอร์บริเวณจุดที่แสงตกกระทบ ได้แก่ หน้าผาก โหนกแก้ม คาง ปลายจมูก อาจปัดเลยไปถึงเนินอกด้วยก็ช่วยเพิ่มเสน่ห์ดูเซ็กซี่
14. เลือกอย่างใดเพียงอย่างหนึ่งเท่านั้นว่า ต้องการให้หน้าสว่างด้วยประกายบรอนเซอร์ หรือจะเน้นเฉพาะตาด้วยการไล้อายแชโดว์สีทองหรือสีสว่าง เพราะถ้าทำ 2 อย่างพร้อมกันจะหาจุดเด่นบนใบหน้าไม่เจอ
15. ริมฝีปากฉ่ำระเรื่อเอาท์ดอร์เหมือนสาวสุขภาพดีด้วยลิปกลอสสีแดงกุหลาบ เคล็ดลับอยู่ที่การทาลิปกลอสบางๆให้ทั่วริมฝีปาก แล้วทาทับบริเวณกึ่งกลางริมฝีปากอีกครั้ง
16. แก้มแดงเหมือนหญิงสาวที่กำลังเขินอาย ยังคงฮิตตลอดกาล แนะนำให้ปัดบลัชออนก่อนปัดแป้งฝุ่น เพื่อให้ดูแนบเนียน สำหรับช่วงซัมเมอร์ อาจปัดบริเวณจมูกเบาๆเพิ่มด้วย
17. แตะชิมเมอร์สีชมพูอ่อนๆบนรอยหยักของริมฝีปาก หลังจากทาลิปสติกแล้วจะช่วยให้ปากดูได้รูปน่ารักขึ้น แถมถ่ายรูปกับแก๊งเพื่อนออนเดอะบีชแล้วออกมาสวยด้วย
18. จะไปว่ายน้ำทั้งที ไม่่อยากเผยให้เห็นใบหน้าอันหน้าซีดเซียว ให้หาทินท์แต้มริมฝีปากและพวงแก้มให้ดูสดใสแม้จะเปียกน้ำก็ไม่กลัว
19. รันเวย์ซีซั่นนี้สีม่วงมาแรงทั้งเมคอัพและเสื้อผ้า ฉะนั้นตอนกลางวันอาจทาอายแชโดว์สีม่วงไลแลคอ่อนๆดูสบายตา พอกลางคืนค่อยแปลงร่างเป็นสาวมั่น เพียงเติมสีม่วงเข้มบนเปลือกตาแบบสโมกกี้อายส์สุดเลิศ
20. ขนตาปลอมยังคงฮอตอยู่ แต่ขอเป็นแบบช่อเล็กๆมาติดแซมให้ขนตาดูดกหนาขึ้นจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
21. สำหรับบีชปาร์ตี้มันส์ๆ จะติดขนตาปลอมเฉพาะหางตา หรือเล่นสีสันให้แปลกตาก็เก๋มากๆ
22. ลุคเปรี้ยวของฤดูกาลนี้ ต้องริมฝีปากแดงมันวาวเหมือนเคลือบพลาสติก แต่ส่วนอื่นของใบหน้าขอเป็นแบบนู้ดๆจะดีกว่า
23. เก็บลิปไลเนอร์เข้ากรุไปก่อน เพราะช่วงนี้ต้องทาลิปสติกให้เส้นขอบดูฟุ้งๆ เทคนิคอยู่ที่ทาลิปสติกเว้นขอบไว้เล็กน้อย แล้วค่อยใช้พู่กันเกลี่ยสีออกมาให้ใกล้ขอบปาก
24. การเขียนขอบตาล่างของซีซั่นนี้ ยกให้ดินสอสีอ่อนผสมประกายมุกจะดูสบายๆ มากกว่า
25. กรีดอายไลเนอร์ หลังจากลงสีอายแชโดว์อาจดูหนักไป ลองเปลี่ยนเป็นกรีดอายไลเนอร์ก่อนแล้วใช้แปรงแต้มอายแชโดว์สีอ่อนแตะบนเปลือกตาเบาๆ (ทับอายไลเนอร์ได้) ก็ทำให้เส้นอายไลเนอร์ดูซอฟขึ้นและสวยไม่แพ้เทคนิคเดิมๆเลย
26. แค่แสงอุลตร้าไวโอเลต อย่างเดียวก็ทำให้ใบหน้าหมองคล้ำจะแย่ อย่าซ้ำเติมตัวเองด้วยการปล่อยให้คิ้วรกจนไม่ได้รูป หามีดกันคิ้วหรือแหนบมาถอนออกเสียบ้าง แล้วหามาสคาราปัดคิ้วหรือที่เขียนคิ้วเนื้อฝุ่นสีน้ำตาลอ่อนหรือทองมาปัดย้อนแนวขนคิ้วก่อน (สีจะได้ติดครบทุกเส้น) แล้วค่อยปัดกลับมาตามรูปเดิมอีกครั้งให้เรียงเส้นสวยงาม ใบหน้าจะดูสว่างขึ้นเยอะ
27. อยากคิ้วโก่งดูเซ็กซี่ อย่าลืมใช้ปลายนิ้วแตะชิมเมอร์เพื่อไฮไลท์โหนกคิ้วให้เด่นชัดและได้รูป
28. ถ้ารู้สึกว่าใบหน้าร้อนจนเหนียวเหนอะหนะ แค่หาสเปรย์น้ำแร่มาฉีดเรียกความสดชื่น แล้วใช้ทิชชู่ซับเบาๆโดยไม่ต้องแต่งหน้าใดๆเพิ่ม
29. ระหว่างวันอย่าลืมสำรวจใบหน้าว่ามันเยิ้มหรือเปล่า เพราะนอกจากดูไม่ดีแล้วความมันยังทำให้เมคอัพที่แต่งมาซีดจางอีกด้วย
30. ไม่ควรละเลยที่จะมองหาเครื่องสำอางผสมสาร SPF แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ก็สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องแสงแดดได้เหมือนกัน
2. ช่วงนี้ถ้าได้ยินคำว่า "แต่งหน้านู้ด" จำไว้เลยว่า สาวผิวขาวควรใช้เฉดสีชมพูช่วยให้ผิวดูขาวเปล่งปลั่ง ส่วนสาวผิวสีให้ใช้เสน่ห์ของประกายทองเพิ่มความสดใสยิ่งขึ้น
3. สาวไทยจะแต่งหน้านู้ดอาจไม่มั่นใจ เพราะใบหน้าดูไม่ค่อยมีมิติเหมือนสาวฝรั่ง ลองหาแป้งชิมเมอร์สีอ่อนมาไล้บริเวณสันจมูก กลางหน้าผาก และปลายคาง ช่วยเน้นโครงหน้าให้ชัดเจนขึ้นได้
4. "ลิปสติกสีนู้ด" ของคนผิวขาว หมายถึง สีเบจอมชมพูอ่อนหรือเจือส้มแอปริคอทนิดๆ (ทาแล้วต้องไม่ดูซีดจนเหมือนคนป่วย) หากสีผิวเข้มปานกลางก็เพิ่มโทนสีน้ำตาลปนชมพูขึ้นมาอีกระดับ แล้วเติมกลอสใสทับให้ดูสว่างสดใส สุดท้ายสาวผิวเข้มใช้สีน้ำตาลอมส้มผสมชิมเมอร์ที่สร้างมิติให้เรียวปากอิ่มเอิบและเซ็กซี่ราวกับสาวละติน
5. ถ้าตากแดดจนริมฝีปากคล้ำเกินงาม ก่อนทาลิปสติกให้ลงคอนซีลเลอร์หรือรองพื้นบนริมฝีปาก เพื่อปรับสีผิวให้อ่อนลง แล้วค่อยบรรเลงสีตามใจชอบ
6. แต่งตัวสีสันฉูดฉาดรับร้อนแล้ว สีสันของเมคอัพก็ไม่จำเป็นต้องจัดจ้าน โดยเฉพาะดวงตา แค่ไล้อายแชโดว์สีขาวหรือสีพาสเทลเป็นละอองบางๆทั่วเปลือกตา แล้วเพิ่มความโดดเด่นของสีที่บริเวณหัวตา ปิดท้ายด้วยการปัดมาสคาราสีดำทั้งขนตาบนและล่าง แค่นี้ก็ช่วยให้ดวงตาดูกลมโตขึ้นอีกเยอะ
7. เดี๋ยวนี้แป้งฝุ่นแบรนด์ไหนๆ ก็ขอผสมมิเนอร์รัลไว้ก่อน เพราะเนื้อแป้งจะบางเบานวลเนียนเป็นธรรมชาติ แถมทำให้ผิวดูสว่างกระจ่างใสขึ้นโดยเฉพาะเวลาต้องแสงแดด
8. แสงแดดแผดเผาอาจทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำระหว่างวัน ลองใช้เบสรองพื้นก่อนแต่งหน้าที่ผสมประกายมุก ช่วยให้สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอและปรับผิวให้แลดูเปล่งปลั่ง แถมใช้แล้วแป้งยังติดทนอีกด้วย
9. หยิบยืมไอเดียสีสันจากธรรมชาติอย่าง ฟ้าของท้องทะเล ขาวนวลราวกับเปลือกหอย หรือสีทองยามพระอาทิตย์ตก มาเป็นโทนสีสันเมคอัพของสาวๆริมหาดกัน
10. ร้อนขนาดนี้คงไม่อยากได้แป้งที่หนาเตอะ ให้ใช้แปรงขนาดใหญ่แตะแป้งฝุ่นเล็กน้อย แล้ววนแปรงลงบนฝาของตลับแป้งเพื่อให้เนื้อติดแปรงในปริมาณที่พอเหมาะ จากนั้นนำมาปัดผิวหน้าใบลักษณะวนเป็นวงกลม จะช่วยให้แป้งติดผิวได้ดีและไม่หนาเกินไป
11. เตรียมเครื่องสำอางไปทะเล แนะนำว่าให้หาเครื่องสำอางแบบสารพัดประโยชน์ชนิดที่ทาได้ทั้งแก้ม ตา และปาก จะได้พกความสวยไปได้ทุกที่
12. เบื่อผิวขาวแบบเดิมๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการหาแอร์บลัชมาสเปรย์เปลี่ยนสีผิวเป็นสีแทน เซ็กซี่ โดยไม่ต้องไปอาบแดดให้ผิวเสียกันบ้างดีกว่า
13. ใบหน้าเป็นประกายด้วยบรอนเซอร์ จะกลับมาเสมอในทุกๆ หน้า หลังจากแต่งหน้าเสร็จ เพียงใช้แปรงขนาดใหญ่ปัดบรอนเซอร์บริเวณจุดที่แสงตกกระทบ ได้แก่ หน้าผาก โหนกแก้ม คาง ปลายจมูก อาจปัดเลยไปถึงเนินอกด้วยก็ช่วยเพิ่มเสน่ห์ดูเซ็กซี่
14. เลือกอย่างใดเพียงอย่างหนึ่งเท่านั้นว่า ต้องการให้หน้าสว่างด้วยประกายบรอนเซอร์ หรือจะเน้นเฉพาะตาด้วยการไล้อายแชโดว์สีทองหรือสีสว่าง เพราะถ้าทำ 2 อย่างพร้อมกันจะหาจุดเด่นบนใบหน้าไม่เจอ
15. ริมฝีปากฉ่ำระเรื่อเอาท์ดอร์เหมือนสาวสุขภาพดีด้วยลิปกลอสสีแดงกุหลาบ เคล็ดลับอยู่ที่การทาลิปกลอสบางๆให้ทั่วริมฝีปาก แล้วทาทับบริเวณกึ่งกลางริมฝีปากอีกครั้ง
16. แก้มแดงเหมือนหญิงสาวที่กำลังเขินอาย ยังคงฮิตตลอดกาล แนะนำให้ปัดบลัชออนก่อนปัดแป้งฝุ่น เพื่อให้ดูแนบเนียน สำหรับช่วงซัมเมอร์ อาจปัดบริเวณจมูกเบาๆเพิ่มด้วย
17. แตะชิมเมอร์สีชมพูอ่อนๆบนรอยหยักของริมฝีปาก หลังจากทาลิปสติกแล้วจะช่วยให้ปากดูได้รูปน่ารักขึ้น แถมถ่ายรูปกับแก๊งเพื่อนออนเดอะบีชแล้วออกมาสวยด้วย
18. จะไปว่ายน้ำทั้งที ไม่่อยากเผยให้เห็นใบหน้าอันหน้าซีดเซียว ให้หาทินท์แต้มริมฝีปากและพวงแก้มให้ดูสดใสแม้จะเปียกน้ำก็ไม่กลัว
19. รันเวย์ซีซั่นนี้สีม่วงมาแรงทั้งเมคอัพและเสื้อผ้า ฉะนั้นตอนกลางวันอาจทาอายแชโดว์สีม่วงไลแลคอ่อนๆดูสบายตา พอกลางคืนค่อยแปลงร่างเป็นสาวมั่น เพียงเติมสีม่วงเข้มบนเปลือกตาแบบสโมกกี้อายส์สุดเลิศ
20. ขนตาปลอมยังคงฮอตอยู่ แต่ขอเป็นแบบช่อเล็กๆมาติดแซมให้ขนตาดูดกหนาขึ้นจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
21. สำหรับบีชปาร์ตี้มันส์ๆ จะติดขนตาปลอมเฉพาะหางตา หรือเล่นสีสันให้แปลกตาก็เก๋มากๆ
22. ลุคเปรี้ยวของฤดูกาลนี้ ต้องริมฝีปากแดงมันวาวเหมือนเคลือบพลาสติก แต่ส่วนอื่นของใบหน้าขอเป็นแบบนู้ดๆจะดีกว่า
23. เก็บลิปไลเนอร์เข้ากรุไปก่อน เพราะช่วงนี้ต้องทาลิปสติกให้เส้นขอบดูฟุ้งๆ เทคนิคอยู่ที่ทาลิปสติกเว้นขอบไว้เล็กน้อย แล้วค่อยใช้พู่กันเกลี่ยสีออกมาให้ใกล้ขอบปาก
24. การเขียนขอบตาล่างของซีซั่นนี้ ยกให้ดินสอสีอ่อนผสมประกายมุกจะดูสบายๆ มากกว่า
25. กรีดอายไลเนอร์ หลังจากลงสีอายแชโดว์อาจดูหนักไป ลองเปลี่ยนเป็นกรีดอายไลเนอร์ก่อนแล้วใช้แปรงแต้มอายแชโดว์สีอ่อนแตะบนเปลือกตาเบาๆ (ทับอายไลเนอร์ได้) ก็ทำให้เส้นอายไลเนอร์ดูซอฟขึ้นและสวยไม่แพ้เทคนิคเดิมๆเลย
26. แค่แสงอุลตร้าไวโอเลต อย่างเดียวก็ทำให้ใบหน้าหมองคล้ำจะแย่ อย่าซ้ำเติมตัวเองด้วยการปล่อยให้คิ้วรกจนไม่ได้รูป หามีดกันคิ้วหรือแหนบมาถอนออกเสียบ้าง แล้วหามาสคาราปัดคิ้วหรือที่เขียนคิ้วเนื้อฝุ่นสีน้ำตาลอ่อนหรือทองมาปัดย้อนแนวขนคิ้วก่อน (สีจะได้ติดครบทุกเส้น) แล้วค่อยปัดกลับมาตามรูปเดิมอีกครั้งให้เรียงเส้นสวยงาม ใบหน้าจะดูสว่างขึ้นเยอะ
27. อยากคิ้วโก่งดูเซ็กซี่ อย่าลืมใช้ปลายนิ้วแตะชิมเมอร์เพื่อไฮไลท์โหนกคิ้วให้เด่นชัดและได้รูป
28. ถ้ารู้สึกว่าใบหน้าร้อนจนเหนียวเหนอะหนะ แค่หาสเปรย์น้ำแร่มาฉีดเรียกความสดชื่น แล้วใช้ทิชชู่ซับเบาๆโดยไม่ต้องแต่งหน้าใดๆเพิ่ม
29. ระหว่างวันอย่าลืมสำรวจใบหน้าว่ามันเยิ้มหรือเปล่า เพราะนอกจากดูไม่ดีแล้วความมันยังทำให้เมคอัพที่แต่งมาซีดจางอีกด้วย
30. ไม่ควรละเลยที่จะมองหาเครื่องสำอางผสมสาร SPF แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ก็สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องแสงแดดได้เหมือนกัน
ปาร์ตี้คราวนี้ อินเทรนด์กว่าใคร
Sexy Burgundy
- ใช้แปรงแตะอายแชโดว์เนื้อกลอสสีแดงเข้มเกลี่ยให้ทั่วเปลือกตาและขอบตาล่าง จากนั้นใช้ปลายนิ้วแตะอายแชโดว์สีเดิมแตะบริเวณชั้นพับตา จะช่วยให้น้ำหนักสีชัดเจนยิ่งขึ้น
- แต้มอายแชโดว์สีชมพูที่มีประกายมันวาวบริเวณหัวตาและกึ่งกลางตา เพื่อให้เกิดลูกเล่นแวววาวเมื่อโดนแสงไฟ
- ปัดบลัชออนสีชมพูผสมประกายทองจากขมับลงมาที่โหนกแก้มจะให้พวงแก้มสดใสระเรื่อ
- ทาลิปสติกสีแดงอ่อนให้ทั่วเรียวปาก ก่อนเพิ่มความอวบอิ่มด้วยลิปกลอสสีชมพูที่กึ่งกลางริมฝีปาก
Tipอายแชโดว์เนื้อกลอสจะมีส่วนผสมของน้ำมันอยู่ด้วย จึงไม่เหมาะสำหรับสาวที่มีผิวมัน แต่หากอยากใช้จริงๆ แนะนำให้ใช้อายแชโดว์เนื้อฝุ่นสีเบจทาก่อนทุกครั้งเพื่อดูดซับความมัน
- ใช้แปรงแตะอายแชโดว์เนื้อกลอสสีแดงเข้มเกลี่ยให้ทั่วเปลือกตาและขอบตาล่าง จากนั้นใช้ปลายนิ้วแตะอายแชโดว์สีเดิมแตะบริเวณชั้นพับตา จะช่วยให้น้ำหนักสีชัดเจนยิ่งขึ้น
- แต้มอายแชโดว์สีชมพูที่มีประกายมันวาวบริเวณหัวตาและกึ่งกลางตา เพื่อให้เกิดลูกเล่นแวววาวเมื่อโดนแสงไฟ
- ปัดบลัชออนสีชมพูผสมประกายทองจากขมับลงมาที่โหนกแก้มจะให้พวงแก้มสดใสระเรื่อ
- ทาลิปสติกสีแดงอ่อนให้ทั่วเรียวปาก ก่อนเพิ่มความอวบอิ่มด้วยลิปกลอสสีชมพูที่กึ่งกลางริมฝีปาก
Tipอายแชโดว์เนื้อกลอสจะมีส่วนผสมของน้ำมันอยู่ด้วย จึงไม่เหมาะสำหรับสาวที่มีผิวมัน แต่หากอยากใช้จริงๆ แนะนำให้ใช้อายแชโดว์เนื้อฝุ่นสีเบจทาก่อนทุกครั้งเพื่อดูดซับความมัน
Diet ง่ายๆ สไตล์ญี่ปุ่น
เคยสังเกตกันไหมว่า สาวญี่ปุ่นนอกจากจะคงความโนะเนะ น่ารักของวัยใสไว้ได้จนกระทั่ง เข้าวัยกลางคนแล้ว เธอยังคงทรวดทรงงดงาม อ้อนแอ้นตามแบบหญิงเอเชีย ไม่อ้วนเผละไปตามวัยที่เพิ่มขึ้น หรือพกห่วงยางไว้ให้อุ่นใจ ยามเตร็ดเตร่แถวชายทะเล เหมือนสาวประเทศอื่นๆ พวกเธอมีเคล็ดลับอย่างไร ในการรักษาทรวดทรงองค์เอว ให้อ้อนแอ้นอรชรเหมือนสาวแรกรุ่น ตลอดเวลากันแน่ คำตอบง่ายๆ คือ วิธีการรับประทานอาหาร ของพวกเธอในแต่ละวันนั่นเอง เคล็ดลับที่จะนำเสนอนั้น นอกจากจะ ใช้ได้กับอาหารญี่ปุ่นแล้ว ยังปรับใช้ได้กับอาหารไทยอีกด้วย
ผู้หญิง > สุขภาพ > สุขภาพน่ารู้
Diet ง่ายๆ สไตล์ญี่ปุ่น
14 ก.ย. 52 16.58 น.
อ่าน
15,280 ครั้ง
เลือกขนาดตัวอักษร :
เคยสังเกตกันไหมว่า สาวญี่ปุ่นนอกจากจะคงความโนะเนะ น่ารักของวัยใสไว้ได้จนกระทั่ง เข้าวัยกลางคนแล้ว เธอยังคงทรวดทรงงดงาม อ้อนแอ้นตามแบบหญิงเอเชีย ไม่อ้วนเผละไปตามวัยที่เพิ่มขึ้น หรือพกห่วงยางไว้ให้อุ่นใจ ยามเตร็ดเตร่แถวชายทะเล เหมือนสาวประเทศอื่นๆ พวกเธอมีเคล็ดลับอย่างไร ในการรักษาทรวดทรงองค์เอว ให้อ้อนแอ้นอรชรเหมือนสาวแรกรุ่น ตลอดเวลากันแน่ คำตอบง่ายๆ คือ วิธีการรับประทานอาหาร ของพวกเธอในแต่ละวันนั่นเอง เคล็ดลับที่จะนำเสนอนั้น นอกจากจะ ใช้ได้กับอาหารญี่ปุ่นแล้ว ยังปรับใช้ได้กับอาหารไทยอีกด้วย
- เริ่มจากการเลือกถ้วยชามชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าถ้วยชามที่เหมาะสมกับการรับประทานอาหารแต่ละมื้อ คือถ้วยชามที่มีสีออกแนวเอิร์ธโทนอย่างเช่น ขาว ดำ เทา เพราะอาหารเป็นสิ่งที่รังสรรค์ขึ้นจากธรรมชาติ ความลงตัวของศิลปะในการกินจึงเป็นเรื่องสำคัญ
- นอกจากนั้น ถ้วยชามที่ใช้ควรมีขนาดเล็ก ไม่ควรใช้จานเปลใหญ่ในการตักอาหาร เพราะเป็นหลักจิตวิทยาว่า ถ้าคนเห็นอาหารเต็มชาม แม้ชามจะขนาดเล็กกว่าปกติ จะทำให้คนเราอิ่มได้เร็วขึ้น ดังนั้น ควรลดขนาดภาชนะบนโต๊ะอาหารลงเสียตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าไม่อยากให้ฮิปโปโปเตมัสเข้าใจว่าคุณเป็นผู้ให้กำเนิด
- การใช้ตะเกียบพุ้ยข้าว จะทำให้คุณกินข้าวได้ช้าลง และปริมาณน้อยลง เนื่องจาก สมองรับรู้ความอิ่มหลังจากที่ร่างกายอิ่มไปแล้วประมาณสิบนาที เมื่อคุณทานช้าลง ระยะเวลาสิบนาทีของการประสานงานระหว่างสมองกับร่างกายจึงไม่มากพอทีจะทำให้คุณ ยัดทะนานจนกระทั่งจุกนั่นเอง
- การกินอาหารหลากหลายประเภทพร้อมกับข้าว จะทำให้ร่างกายใช้พลังงานในการเผาผลาญมากขึ้น เนื่องจากความหลากหลายของพลังงานจะช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญให้ทำงานตลอดเวลา เพราะร่างกายจะคิดว่า มีอาหารชนิดใหม่เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นจึงควรใช้ภาชนะขนาดเล็กตักกับข้าวหลากหลายเพื่อรับประทานในหนึ่งมื้อมากกว่าตักอาหารชนิดเดียวใส่ชามอ่าง แม้จะอิ่มเหมือนกัน แต่อ้วนไม่เหมือนกันแน่นอน
ผู้หญิง > สุขภาพ > สุขภาพน่ารู้
Diet ง่ายๆ สไตล์ญี่ปุ่น
14 ก.ย. 52 16.58 น.
อ่าน
15,280 ครั้ง
เลือกขนาดตัวอักษร :
เคยสังเกตกันไหมว่า สาวญี่ปุ่นนอกจากจะคงความโนะเนะ น่ารักของวัยใสไว้ได้จนกระทั่ง เข้าวัยกลางคนแล้ว เธอยังคงทรวดทรงงดงาม อ้อนแอ้นตามแบบหญิงเอเชีย ไม่อ้วนเผละไปตามวัยที่เพิ่มขึ้น หรือพกห่วงยางไว้ให้อุ่นใจ ยามเตร็ดเตร่แถวชายทะเล เหมือนสาวประเทศอื่นๆ พวกเธอมีเคล็ดลับอย่างไร ในการรักษาทรวดทรงองค์เอว ให้อ้อนแอ้นอรชรเหมือนสาวแรกรุ่น ตลอดเวลากันแน่ คำตอบง่ายๆ คือ วิธีการรับประทานอาหาร ของพวกเธอในแต่ละวันนั่นเอง เคล็ดลับที่จะนำเสนอนั้น นอกจากจะ ใช้ได้กับอาหารญี่ปุ่นแล้ว ยังปรับใช้ได้กับอาหารไทยอีกด้วย
- เริ่มจากการเลือกถ้วยชามชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าถ้วยชามที่เหมาะสมกับการรับประทานอาหารแต่ละมื้อ คือถ้วยชามที่มีสีออกแนวเอิร์ธโทนอย่างเช่น ขาว ดำ เทา เพราะอาหารเป็นสิ่งที่รังสรรค์ขึ้นจากธรรมชาติ ความลงตัวของศิลปะในการกินจึงเป็นเรื่องสำคัญ
- นอกจากนั้น ถ้วยชามที่ใช้ควรมีขนาดเล็ก ไม่ควรใช้จานเปลใหญ่ในการตักอาหาร เพราะเป็นหลักจิตวิทยาว่า ถ้าคนเห็นอาหารเต็มชาม แม้ชามจะขนาดเล็กกว่าปกติ จะทำให้คนเราอิ่มได้เร็วขึ้น ดังนั้น ควรลดขนาดภาชนะบนโต๊ะอาหารลงเสียตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าไม่อยากให้ฮิปโปโปเตมัสเข้าใจว่าคุณเป็นผู้ให้กำเนิด
- การใช้ตะเกียบพุ้ยข้าว จะทำให้คุณกินข้าวได้ช้าลง และปริมาณน้อยลง เนื่องจาก สมองรับรู้ความอิ่มหลังจากที่ร่างกายอิ่มไปแล้วประมาณสิบนาที เมื่อคุณทานช้าลง ระยะเวลาสิบนาทีของการประสานงานระหว่างสมองกับร่างกายจึงไม่มากพอทีจะทำให้คุณ ยัดทะนานจนกระทั่งจุกนั่นเอง
- การกินอาหารหลากหลายประเภทพร้อมกับข้าว จะทำให้ร่างกายใช้พลังงานในการเผาผลาญมากขึ้น เนื่องจากความหลากหลายของพลังงานจะช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญให้ทำงานตลอดเวลา เพราะร่างกายจะคิดว่า มีอาหารชนิดใหม่เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นจึงควรใช้ภาชนะขนาดเล็กตักกับข้าวหลากหลายเพื่อรับประทานในหนึ่งมื้อมากกว่าตักอาหารชนิดเดียวใส่ชามอ่าง แม้จะอิ่มเหมือนกัน แต่อ้วนไม่เหมือนกันแน่นอน
ดื่มน้ำมากกินผักผลไม้ห่างไกลริดสีดวงทวาร
น.พ.ทรงศักดิ์ กรสุทธิโสภณ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมทั่วไป โรงพยาบาลเจ้าพระยา เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยเริ่มมีพฤติ กรรมการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนไปเพิ่มมากขึ้น หลายคนไม่รับประ ทานผักผลไม้ หรือบางคนดื่มน้ำน้อยมากในแต่ละวัน ประกอบกับเกิดความเครียดจากการทำงาน ภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาครอบครัวและสังคม ส่งผลให้คนไทยมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอาการท้องผูกและถ่ายผิดปกติหรือมีเลือดปนออกมาจนถึงขั้นเป็นโรคโลหิตจางจนต้องให้เลือดทดแทน
อาการถ่ายเป็นเลือด เป็นอาการหนึ่งจากสภาวะท้องผูกหรือการถ่ายอุจจาระ ที่มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง มาจากพฤติกรรมในผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานผัก และผลไม้ หรือดื่มน้ำน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน รวมถึงภาวะความเครียดในชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและตำแหน่งที่เลือดออกว่ามาจากส่วนใด อาจจะเป็นเนื้องอก มะเร็ง หรือริดสีดวงทวารหนัก คือถ้ามีเลือดออกจากลำไส้ใหญ่ส่วนล่างหรือบริเวณทวารหนัก ผู้ที่มีอาการจะเห็นเป็นเลือดสีแดงสดไหลหรือหยดหรือผสมกับอุจจาระ อาการเหล่านี้หากทิ้งไว้ในระยะยาวโดยไม่รักษา อาจนำไปสู่การเป็นโรคริดสีดวงทวารหนักในระยะที่ 3 และ 4 ได้
น.พ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า โรคริดสีดวงทวารหนักภายในระยะที่ 1 และ 2 ไม่ถือว่าเป็นอันตรายแก่ชีวิต แต่จะเป็นความลำบากสำหรับผู้ป่วยเองในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะการที่ผู้ป่วยปล่อยให้โรคริดสีดวงทวารหนักเรื้อรังจนลุกลามไปถึงระยะที่ 3 และ 4 เป็นเพราะผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวารหนักบางรายส่วนใหญ่ไม่กล้าพบและปรึกษาแพทย์ มักเก็บความทุกข์ทรมานจากโรคนี้ไว้ตามลำพัง เนื่องจากอายและกลัวการผ่าตัด แต่ปัจจุบัน วิทยาการทางการแพทย์เกี่ยวกับการรักษาโรคริดสีดวงทวารหนักก้าวหน้ามากขึ้น ผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวารหนักในระยะที่ 3 และ 4 เลือกที่จะเข้ารับการผ่าตัดรักษาโรคด้วยเครื่องมือตัดเย็บอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวด น้อยลง
น.พ.ทรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า โดยทฤษฎีแล้วโรคริดสีดวงทวารหนักเกิดจากการเลื่อนตัวของเบาะรอง (cushion) ที่อยู่ภายในทวารหนักออกมาภายนอก วิธีการผ่าตัดนี้จะดันเบาะรองกลับไปสู่ตำแหน่งเดิม และตัดเฉพาะส่วนเกินที่ยื่นออกมาเท่านั้น ไม่ตัดเบาะรองออกทั้งหมด ในความเป็นจริงแล้วเบาะรองมีประโยชน์ในการทำให้ทวารหนักของคนเราปิดสนิท ไม่มีน้ำอุจจาระเล็ดออกมาระหว่างที่ไม่ได้ถ่ายอุจจาระ
"เพื่อป้องกันการเป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก หากผู้ป่วยพบว่ามีอาการถ่ายเป็นเลือด ถ่ายลำบาก อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นเรื้อรัง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เน้นผักและผลไม้ให้มากขึ้น ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงอุปนิสัยเบ่งอุจจาระเวลาขับถ่าย ไม่ใช้ยาสวนอุจจาระพร่ำเพรื่อ หากหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ ผู้ป่วยจะมีโอกาสห่างไกลจากโรคริดสีดวงทวารหนัก และใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขโดยไม่ต้องพบแพทย์" น.พ.ทรงศักดิ์กล่าวทิ้งท้าย
อาการถ่ายเป็นเลือด เป็นอาการหนึ่งจากสภาวะท้องผูกหรือการถ่ายอุจจาระ ที่มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง มาจากพฤติกรรมในผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานผัก และผลไม้ หรือดื่มน้ำน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน รวมถึงภาวะความเครียดในชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและตำแหน่งที่เลือดออกว่ามาจากส่วนใด อาจจะเป็นเนื้องอก มะเร็ง หรือริดสีดวงทวารหนัก คือถ้ามีเลือดออกจากลำไส้ใหญ่ส่วนล่างหรือบริเวณทวารหนัก ผู้ที่มีอาการจะเห็นเป็นเลือดสีแดงสดไหลหรือหยดหรือผสมกับอุจจาระ อาการเหล่านี้หากทิ้งไว้ในระยะยาวโดยไม่รักษา อาจนำไปสู่การเป็นโรคริดสีดวงทวารหนักในระยะที่ 3 และ 4 ได้
น.พ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า โรคริดสีดวงทวารหนักภายในระยะที่ 1 และ 2 ไม่ถือว่าเป็นอันตรายแก่ชีวิต แต่จะเป็นความลำบากสำหรับผู้ป่วยเองในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะการที่ผู้ป่วยปล่อยให้โรคริดสีดวงทวารหนักเรื้อรังจนลุกลามไปถึงระยะที่ 3 และ 4 เป็นเพราะผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวารหนักบางรายส่วนใหญ่ไม่กล้าพบและปรึกษาแพทย์ มักเก็บความทุกข์ทรมานจากโรคนี้ไว้ตามลำพัง เนื่องจากอายและกลัวการผ่าตัด แต่ปัจจุบัน วิทยาการทางการแพทย์เกี่ยวกับการรักษาโรคริดสีดวงทวารหนักก้าวหน้ามากขึ้น ผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวารหนักในระยะที่ 3 และ 4 เลือกที่จะเข้ารับการผ่าตัดรักษาโรคด้วยเครื่องมือตัดเย็บอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวด น้อยลง
น.พ.ทรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า โดยทฤษฎีแล้วโรคริดสีดวงทวารหนักเกิดจากการเลื่อนตัวของเบาะรอง (cushion) ที่อยู่ภายในทวารหนักออกมาภายนอก วิธีการผ่าตัดนี้จะดันเบาะรองกลับไปสู่ตำแหน่งเดิม และตัดเฉพาะส่วนเกินที่ยื่นออกมาเท่านั้น ไม่ตัดเบาะรองออกทั้งหมด ในความเป็นจริงแล้วเบาะรองมีประโยชน์ในการทำให้ทวารหนักของคนเราปิดสนิท ไม่มีน้ำอุจจาระเล็ดออกมาระหว่างที่ไม่ได้ถ่ายอุจจาระ
"เพื่อป้องกันการเป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก หากผู้ป่วยพบว่ามีอาการถ่ายเป็นเลือด ถ่ายลำบาก อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นเรื้อรัง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เน้นผักและผลไม้ให้มากขึ้น ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงอุปนิสัยเบ่งอุจจาระเวลาขับถ่าย ไม่ใช้ยาสวนอุจจาระพร่ำเพรื่อ หากหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ ผู้ป่วยจะมีโอกาสห่างไกลจากโรคริดสีดวงทวารหนัก และใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขโดยไม่ต้องพบแพทย์" น.พ.ทรงศักดิ์กล่าวทิ้งท้าย
สุดยอดอาหาร...ป้องกันโรค
อาหารใช่แค่เพียงอร่อย แต่ยังช่วยดูแลสุขภาพคุณได้มากกว่าที่คิด และนี่คือสุดยอดอาหารสำหรับคุณ
You are What You Eat.....
กินอย่างไรก็ได้ (สุขภาพ) อย่างนั้น ประโยคนี้ยังใช้ได้ผลเสมอโดยเฉพาะกับยุคนี้ที่มีอาหารปรุงแต่งมากมาย แต่ถึงอย่างไรก็คงสู้อาหารธรรมชาติไม่ได้หรอก หากเราสังเกตสุขภาพตัวเองและคนใกล้ตัวให้ดีละก็จะรู้ว่าอาหารมีผลต่อสุขภาพจริงๆ เช่น คนที่รับประทานแต่พิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด หรืออาหารฟาสต์ฟู๊ด เป็นประจำมักป่วยบ่อย แต่ถ้าใครที่รับประทานผักผลไม้ เนื้อสัตว์ และปลาอย่างสม่ำเสมอโดยมีความสมดุลกัน ก็จะช่วยให้ร่งกายแข็งแรง สุขภาพดี ดังนั้น ดร.เพเตอร์ ชไลเดอร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการชาวเยอรมันจึงได้จัดลำดับอาหารที่มีประโยชน์ที่สุดต่ออวัยวะต่างๆในร่างกายดังนี้
ดวงตา
- สับปะรด มีเอนไซม์มากมายที่จะช่วยผ่อนคลายสายตาหลังนั่งทำงานมาทั้งวัน
- โรสแมริน ช่วยทำความสะอาดและช่วยให้เลือดไหลเวียนดีที่ดวงตา
- เก๋ากี้ มีกรดอะมิโน 18 ชนิด และแร่ธาตุที่สำคัญๆเช่น สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม เจอร์มาเนียม ซีลีเนียม และฟอสฟอรัส นอกจากนี้ยังมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ มากมายมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงสายตา กล่อมประสาทให้หลับสบาย ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลาย สายตาไม่ดี โดยเฉพาะสายตาบอดในเวลากลางคืน ฯลฯ
สมอง
- ถั่ว Linsen มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเลซิติน ให้พลังงานแก่เซลล์สมองถั่วลินเซ็นมีขายตามร้านขายอาหารอินเดียและเป็นอาหารที่ชาวเยอรมันและชาวสวิตเซอร์แลนด์นิยม นำทำมาเป็นซุปรับประทานกัน
- สัตว์ปีก ให้พลังงานแก่การทำงานของสมอง
- ข้าวโอ๊ต ให้พลังงานสูงที่สุดสำหรับสมอง นอกจากนี้ ยังมีกรดฟีนอลที่จะช่วยในเรื่องของความทรงจำที่ดีอีกด้วย- อะโวคาโด มีวิตามินบีสูง เหมาะสำหรับคนที่มีความเครียด นอนไม่หลับหรือจิตใจว้าวุ่น
- กล้วย มีฮอร์โมนสำหรับเส้นประสาทในสมอง มีน้ำตาลกลูโคส วิตามิน และเกลือแร่ในการให้ พลังงานแก่สมอง
- แอพริคอต (Apricot) มีแร่ธาตุจำเป็น
You are What You Eat.....
กินอย่างไรก็ได้ (สุขภาพ) อย่างนั้น ประโยคนี้ยังใช้ได้ผลเสมอโดยเฉพาะกับยุคนี้ที่มีอาหารปรุงแต่งมากมาย แต่ถึงอย่างไรก็คงสู้อาหารธรรมชาติไม่ได้หรอก หากเราสังเกตสุขภาพตัวเองและคนใกล้ตัวให้ดีละก็จะรู้ว่าอาหารมีผลต่อสุขภาพจริงๆ เช่น คนที่รับประทานแต่พิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด หรืออาหารฟาสต์ฟู๊ด เป็นประจำมักป่วยบ่อย แต่ถ้าใครที่รับประทานผักผลไม้ เนื้อสัตว์ และปลาอย่างสม่ำเสมอโดยมีความสมดุลกัน ก็จะช่วยให้ร่งกายแข็งแรง สุขภาพดี ดังนั้น ดร.เพเตอร์ ชไลเดอร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการชาวเยอรมันจึงได้จัดลำดับอาหารที่มีประโยชน์ที่สุดต่ออวัยวะต่างๆในร่างกายดังนี้
ดวงตา
- สับปะรด มีเอนไซม์มากมายที่จะช่วยผ่อนคลายสายตาหลังนั่งทำงานมาทั้งวัน
- โรสแมริน ช่วยทำความสะอาดและช่วยให้เลือดไหลเวียนดีที่ดวงตา
- เก๋ากี้ มีกรดอะมิโน 18 ชนิด และแร่ธาตุที่สำคัญๆเช่น สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม เจอร์มาเนียม ซีลีเนียม และฟอสฟอรัส นอกจากนี้ยังมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ มากมายมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงสายตา กล่อมประสาทให้หลับสบาย ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลาย สายตาไม่ดี โดยเฉพาะสายตาบอดในเวลากลางคืน ฯลฯ
สมอง
- ถั่ว Linsen มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเลซิติน ให้พลังงานแก่เซลล์สมองถั่วลินเซ็นมีขายตามร้านขายอาหารอินเดียและเป็นอาหารที่ชาวเยอรมันและชาวสวิตเซอร์แลนด์นิยม นำทำมาเป็นซุปรับประทานกัน
- สัตว์ปีก ให้พลังงานแก่การทำงานของสมอง
- ข้าวโอ๊ต ให้พลังงานสูงที่สุดสำหรับสมอง นอกจากนี้ ยังมีกรดฟีนอลที่จะช่วยในเรื่องของความทรงจำที่ดีอีกด้วย- อะโวคาโด มีวิตามินบีสูง เหมาะสำหรับคนที่มีความเครียด นอนไม่หลับหรือจิตใจว้าวุ่น
- กล้วย มีฮอร์โมนสำหรับเส้นประสาทในสมอง มีน้ำตาลกลูโคส วิตามิน และเกลือแร่ในการให้ พลังงานแก่สมอง
- แอพริคอต (Apricot) มีแร่ธาตุจำเป็น
8 วิธีกำจัดภัยใต้เข็มขัด
* การต้องรูดซิป ถลกกระโปรง ดูจะเป็นเรื่องน่าอายที่สุดที่ไม่มีหนุ่มสาวคนไหนอยากทำนัก โดยเฉพาะเมื่ออยู่บนเตียงกับคนแปลกหน้าในคลินิก ดังนั้นคงไม่มีอะไรจะดีที่สุดเท่าการป้องกันความอับอายด้วยการรู้จักโรคที่คาดไม่ถึงในที่ลับ กับวิธีสร้างสุขอนามัยในที่ซ่อนเร้น และนี่คือ 8 วิธีกำจัดภัยทั้งเหนือและใต้เข็มขัดที่เรานำมาฝาก
01 สายบราที่รัดตึงเกินไปจะทำให้ปวดศีรษะ ไหล่ หลัง คอ และเป็นจุดเริ่มต้นของการปวดหัวเรื้อรัง หรือไมเกรน เนื่องจากกล้ามเนื้อ ช่วงไหล่ถูกดึงรั้งจนเลือดบริเวณนั้นไหลเวียนไม่สะดวก
02 บราไซส์เล็กเกินไป ทำให้เกิดภาวะเครียดต่อระบบกล้ามเนื้อ ระบบหายใจและระบบไหลเวียนเลือด ทำให้เหนื่อยง่าย บางรายมีอาการเจ็บหน้าอกเรื้อรัง
03 จากการศึกษาเรื่อง Bra and Breast Cancer Study ที่สหรัฐอเมริกา พบว่าการใส่บราที่รัดแน่นต่อเนื่องเป็นเวลานาน เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม เพราะแรงกดทำให้เกิดการคั่งของเลือดและน้ำเหลือง และเกิดเป็นก้อนเนื้อที่บริเวณหน้าอก ซึ่งอาจกลายเป็นเนื้อร้ายในเวลาต่อมา
04 ควรเลือกขนาดของบราให้เหมาะสมกับบรากาวที่เสริมเข้าไป ก่อนใช้ควรทำความสะอาดผิวบริเวณที่สวมใส่ให้แห้ง และไม่ควรทาโลชั่น น้ำหอม แป้ง หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวใดๆ ถึงแม้ศูนย์ Women's Health Boutique สหรัฐอเมริกา เชื่อว่าการใช้บรากาวปลอดภัยและไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ แต่ถ้าเกิดการระคายเคืองหรือคันบริเวณเต้านม ควรให้เลิกใช้ทันที หลังใช้ควรทำความสะอาดบราด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือน้ำอุ่น ใช้ผ้าซับน้ำด้านที่เป็นกาว นำไปผึ่งในที่ร่มจนแห้งสนิท แล้วจึงเก็บไว้ในอุณหภูมิปกติ
05 การสวมสเตย์รัดหน้าท้องนานๆ จะทำให้กล้ามเนื้อหลังไม่แข็งแรงปวดหลังเป็นประจำ หรือปวดหลังเรื้อรัง เวลานั่ง ยืน หรือเดิน อวัยวะภายในช่องท้องทำงานได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากแรงบีบรัดของสเตย์ อวัยวะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ กระเพาะอาหาร ลำไส้ ระบบขับถ่ายที่ทำให้ท้องผูก ระบบกล้ามเนื้อ ระบบไหลเวียนเลือดอุดตัน ทำให้เกิดความเครียด ระบบย่อยอาหารที่เป็นอุปสรรคต่อการย่อยจนเกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบหรือเป็นแผล
06 การใส่จีสตริงที่มีขนาดเล็ก หรือสายรัดตึงเกินไป ทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อบริเวณง่ามก้น หรือเกิดการเสียดสีจนอาจเป็นแผลผิวหนังถลอก หรืออักเสบที่บริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนักได้ หากรักษาความสะอาดไม่ดีพอ สายของจีสตริงจะเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียบริเวณรอบทวารหนักชื่อ Gardinerella Vaginalis เป็นเหตุให้แบคทีเรียดังกล่าวแพร่เข้าสู่ช่องคลอด เกิดปัญหาการติดเชื้อ มีอาการตกขาว กลิ่นเหม็น และคันที่บริเวณอวัยวะเพศ
07 อย่าใส่ซ้ำ หรือรีบเปลี่ยนชุดชั้นในที่อับชื้นทันทีเพื่อป้องกันการติดเชื้อและราที่อาจทำให้เกิดโรคผื่นคันหรือสังคัง ซึ่งเกิดได้ทั้งในผิวหนังบริเวณเร้นลับทั้งของผู้ชายและผู้หญิง สาเหตุของสังคัง เกิดจากเชื้อราลุกลามเป็นวงกว้างในเซลล์ที่ตายแล้วบริเวณขาหนีบซึ่งเป็นมุมอับ เมื่ออากาศระบายเข้า-ออกไม่ดีทำให้เกิดการหมักหมม เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มมีอาการคันบริเวณขาหนีบ ให้รีบไปหาหมอเพื่อทำการรักษา การป้องกัน และการรักษาที่ดีที่สุดคือ รักษาความสะอาดของร่างกายโดยอาบน้ำทุกวัน วันละ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย หลังอาบน้ำเสร็จแล้วเช็ดตัวให้แห้ง อย่าให้ร่างกายมีความอับชื้นโดยเฉพาะที่ขาหนีบ
08 ควรหมั่นทำความสะอาดชุดชั้นในให้ปลอดเชื้อราเสมอๆ เริ่มจากแยกชุดชั้นในออกจากชุดชั้นนอก และแยกสีเข้ม สีอ่อน ซักด้วยน้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกละลายในน้ำธรรมดา ไม่ควรใช้สารฟอกขาวทุกชนิด ไม่ควรขยี้หรือใช้แปรงขัดชุดชั้นในแรงๆ (โดยเฉพาะยกทรง) เพราะจะทำให้เสียรูปทรงได้ง่าย ในบริเวณที่มีคราบสกปรกให้ใช้แปรงขนนุ่มๆ
ถูเบาๆ ให้สะอาด จากนั้นให้ล้างชุดชั้นในด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง ไม่ควรบิดยกทรงโดยเฉพาะแบบมีโครง ควรบีบเบาๆ เพื่อให้น้ำออก ตากในที่ร่ม มีลมโกรก ไม่ควรตากชุดชั้นในทุกชนิดให้ถูกแสงแดดโดยตรงเพราะจะทำให้เนื้อผ้าและสีเสื่อมสภาพเร็วอ่านแล้วลองทำเลยดีกว่าเสียหน้าตอนไปตรวจ แต่ถ้าอะไรๆ มันสายไปบ้าง ก็คิดเสียว่ายิ่งกลัวก็ยิ่งอันตราย ไม่มีความสบายใจอะไรจะดีไปกว่าการกล้าเผชิญความจริง และรักษาแบบถอนรากถอนโคนหรอกน่า อิอิ
01 สายบราที่รัดตึงเกินไปจะทำให้ปวดศีรษะ ไหล่ หลัง คอ และเป็นจุดเริ่มต้นของการปวดหัวเรื้อรัง หรือไมเกรน เนื่องจากกล้ามเนื้อ ช่วงไหล่ถูกดึงรั้งจนเลือดบริเวณนั้นไหลเวียนไม่สะดวก
02 บราไซส์เล็กเกินไป ทำให้เกิดภาวะเครียดต่อระบบกล้ามเนื้อ ระบบหายใจและระบบไหลเวียนเลือด ทำให้เหนื่อยง่าย บางรายมีอาการเจ็บหน้าอกเรื้อรัง
03 จากการศึกษาเรื่อง Bra and Breast Cancer Study ที่สหรัฐอเมริกา พบว่าการใส่บราที่รัดแน่นต่อเนื่องเป็นเวลานาน เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม เพราะแรงกดทำให้เกิดการคั่งของเลือดและน้ำเหลือง และเกิดเป็นก้อนเนื้อที่บริเวณหน้าอก ซึ่งอาจกลายเป็นเนื้อร้ายในเวลาต่อมา
04 ควรเลือกขนาดของบราให้เหมาะสมกับบรากาวที่เสริมเข้าไป ก่อนใช้ควรทำความสะอาดผิวบริเวณที่สวมใส่ให้แห้ง และไม่ควรทาโลชั่น น้ำหอม แป้ง หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวใดๆ ถึงแม้ศูนย์ Women's Health Boutique สหรัฐอเมริกา เชื่อว่าการใช้บรากาวปลอดภัยและไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ แต่ถ้าเกิดการระคายเคืองหรือคันบริเวณเต้านม ควรให้เลิกใช้ทันที หลังใช้ควรทำความสะอาดบราด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือน้ำอุ่น ใช้ผ้าซับน้ำด้านที่เป็นกาว นำไปผึ่งในที่ร่มจนแห้งสนิท แล้วจึงเก็บไว้ในอุณหภูมิปกติ
05 การสวมสเตย์รัดหน้าท้องนานๆ จะทำให้กล้ามเนื้อหลังไม่แข็งแรงปวดหลังเป็นประจำ หรือปวดหลังเรื้อรัง เวลานั่ง ยืน หรือเดิน อวัยวะภายในช่องท้องทำงานได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากแรงบีบรัดของสเตย์ อวัยวะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ กระเพาะอาหาร ลำไส้ ระบบขับถ่ายที่ทำให้ท้องผูก ระบบกล้ามเนื้อ ระบบไหลเวียนเลือดอุดตัน ทำให้เกิดความเครียด ระบบย่อยอาหารที่เป็นอุปสรรคต่อการย่อยจนเกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบหรือเป็นแผล
06 การใส่จีสตริงที่มีขนาดเล็ก หรือสายรัดตึงเกินไป ทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อบริเวณง่ามก้น หรือเกิดการเสียดสีจนอาจเป็นแผลผิวหนังถลอก หรืออักเสบที่บริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนักได้ หากรักษาความสะอาดไม่ดีพอ สายของจีสตริงจะเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียบริเวณรอบทวารหนักชื่อ Gardinerella Vaginalis เป็นเหตุให้แบคทีเรียดังกล่าวแพร่เข้าสู่ช่องคลอด เกิดปัญหาการติดเชื้อ มีอาการตกขาว กลิ่นเหม็น และคันที่บริเวณอวัยวะเพศ
07 อย่าใส่ซ้ำ หรือรีบเปลี่ยนชุดชั้นในที่อับชื้นทันทีเพื่อป้องกันการติดเชื้อและราที่อาจทำให้เกิดโรคผื่นคันหรือสังคัง ซึ่งเกิดได้ทั้งในผิวหนังบริเวณเร้นลับทั้งของผู้ชายและผู้หญิง สาเหตุของสังคัง เกิดจากเชื้อราลุกลามเป็นวงกว้างในเซลล์ที่ตายแล้วบริเวณขาหนีบซึ่งเป็นมุมอับ เมื่ออากาศระบายเข้า-ออกไม่ดีทำให้เกิดการหมักหมม เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มมีอาการคันบริเวณขาหนีบ ให้รีบไปหาหมอเพื่อทำการรักษา การป้องกัน และการรักษาที่ดีที่สุดคือ รักษาความสะอาดของร่างกายโดยอาบน้ำทุกวัน วันละ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย หลังอาบน้ำเสร็จแล้วเช็ดตัวให้แห้ง อย่าให้ร่างกายมีความอับชื้นโดยเฉพาะที่ขาหนีบ
08 ควรหมั่นทำความสะอาดชุดชั้นในให้ปลอดเชื้อราเสมอๆ เริ่มจากแยกชุดชั้นในออกจากชุดชั้นนอก และแยกสีเข้ม สีอ่อน ซักด้วยน้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกละลายในน้ำธรรมดา ไม่ควรใช้สารฟอกขาวทุกชนิด ไม่ควรขยี้หรือใช้แปรงขัดชุดชั้นในแรงๆ (โดยเฉพาะยกทรง) เพราะจะทำให้เสียรูปทรงได้ง่าย ในบริเวณที่มีคราบสกปรกให้ใช้แปรงขนนุ่มๆ
ถูเบาๆ ให้สะอาด จากนั้นให้ล้างชุดชั้นในด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง ไม่ควรบิดยกทรงโดยเฉพาะแบบมีโครง ควรบีบเบาๆ เพื่อให้น้ำออก ตากในที่ร่ม มีลมโกรก ไม่ควรตากชุดชั้นในทุกชนิดให้ถูกแสงแดดโดยตรงเพราะจะทำให้เนื้อผ้าและสีเสื่อมสภาพเร็วอ่านแล้วลองทำเลยดีกว่าเสียหน้าตอนไปตรวจ แต่ถ้าอะไรๆ มันสายไปบ้าง ก็คิดเสียว่ายิ่งกลัวก็ยิ่งอันตราย ไม่มีความสบายใจอะไรจะดีไปกว่าการกล้าเผชิญความจริง และรักษาแบบถอนรากถอนโคนหรอกน่า อิอิ
เพื่อสุขภาพที่ดี สำหรับคุณผู้ชาย
การแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพสมัยใหม่ ทำให้เรา เป็นหนุ่มเป็นสาวได้นานมากขึ้น (เราไม่ได้หมายถึงคุณจะยังเป็นสิวเมื่ออายุ 40 นั่นคนละเรื่อง) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันมีองค์ประกอบหลายอย่างด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือการออกกำลังกาย แม้ว่าหน้าคุณจะยังเด้ง แต่คุณต้องยอมรับว่า ร่างกายของเราต่างก็เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลาอยู่ดี ฉะนั้น แม้คุณจะยังมีผิวหนังเต่งตึงจากการดึง เหน็บ เย็บ ตัด อย่างไรก็แล้วแต่ แต่กล้ามเนื้อและกระดูกด้านใน มันไม่สามารถทำอย่างนั้นได้แน่ๆ การลดพุงพลุ้ยของคุณในวัย 40 จึงต้องทำอย่างยาวนาน ต่อเนื่อง และมีเรื่องเล็กๆ ที่จะลดอาการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายและได้ผลดีที่สุด เพียงแค่วอร์มอัพด้วย 3 วิธีนี้
• หมุนไหล่
ช่วยอะไรคุณบ้าง :ก่อน ที่คุณจะเล่นเทนนิส เบสบอล หรือยกน้ำหนัก ท่านี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของหัวไหล่ของคุณให้พร้อมกับการรับศึกหนักและ ปรับข้อต่อของคุณให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับการออกกำลังกาย
แล้วต้องทำอย่างไร :ง่ายๆ ใช้ผ้าเช็ดตัว โดยม้วนให้เป็นเกลียว ถือปลายทั้ง 2 ข้าง จากนั้นดึงให้ตึงแล้วเริ่มยกขึ้น-ลงจนตั้งฉากกับพื้น การใช้ผ้าเช็ดตัวจะช่วยรักษาตำแหน่งของแขนและข้อต่อให้คงที่ ทำอย่างนี้ประมาณ 20 ครั้ง จากนั้นก็ทิ้งผ้าเช็ดตัวแล้วหมุนหัวไหล่ไปรอบๆ สัก 20 ครั้งเป็นอันใช้ได้
• วิดพื้น
ช่วยอะไรคุณบ้าง :การวิดพื้นเป็นการวัดความแข็งแรงของร่างกายได้ดีที่สุด สำหรับคนอายุ 40 คุณลองหาลูกบอลที่ใช้ประกอบการบริหารมารองหน้าแข้ง น่าจะเป็นการเหมาะกว่าที่คุณจะวิดพื้นแบบทหาร การวิดพื้นช่วยเสริมความแข็งแรงของหน้าอก ไหล่ หัวเข่า และช่วงท้อง
แล้วต้องทำอย่างไร :อยู่ในท่าวิดพื้น ใช้ลูกบอลรองบริเวณหน้าแข้ง ทำลำตัวให้ตรง ควรให้มือที่กดลงพื้นอยู่ในระดับหัวไหล่ จากนั้นค่อยๆ ยกลำตัว ขึ้น ค้างอย่างนั้นสัก 20 วินาที แล้วลงอีก 20 วินาที ทำอย่างนี้ 5 เซต
• การบริหารขา ช่วยอะไรคุณได้บ้าง :การบริหารส่วนล่างของลำตัว เตรียมพร้อมสำหรับการทำงานหนัก ช่วยป้องกันการบาดเจ็บของหัวเข่าและข้อต่อได้ดี
แล้วต้องทำอย่างไร :คุณสามารถใช้สายยางยืด (Resis-tant Band) ช่วยในการอบอุ่นร่างกายก่อน ง่ายๆ ด้วยการสวมไว้ที่เท้า นั่งหลังตรง ถ่างขาออกทางด้านข้าง จากนั้นเลื่อนสายยางยืดขึ้นมาถึงหน้าแข้งหรือบริเวณหัวเข่า การทำเช่นนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและให้ร่างกายพร้อมสำหรับการออกกำลังกาย การวอร์มอัพเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการออกกำลังกายทุกอย่าง ยิ่งเมื่อคุณอายุมาก ร่างกายคุณมีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองได้ช้า ไม่เหมือนหนุ่มๆ การวอร์มอัพจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณต้องให้ความสำคัญมากกว่าหนุ่มรุ่นกระทงทั้งหลาย
• หมุนไหล่
ช่วยอะไรคุณบ้าง :ก่อน ที่คุณจะเล่นเทนนิส เบสบอล หรือยกน้ำหนัก ท่านี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของหัวไหล่ของคุณให้พร้อมกับการรับศึกหนักและ ปรับข้อต่อของคุณให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับการออกกำลังกาย
แล้วต้องทำอย่างไร :ง่ายๆ ใช้ผ้าเช็ดตัว โดยม้วนให้เป็นเกลียว ถือปลายทั้ง 2 ข้าง จากนั้นดึงให้ตึงแล้วเริ่มยกขึ้น-ลงจนตั้งฉากกับพื้น การใช้ผ้าเช็ดตัวจะช่วยรักษาตำแหน่งของแขนและข้อต่อให้คงที่ ทำอย่างนี้ประมาณ 20 ครั้ง จากนั้นก็ทิ้งผ้าเช็ดตัวแล้วหมุนหัวไหล่ไปรอบๆ สัก 20 ครั้งเป็นอันใช้ได้
• วิดพื้น
ช่วยอะไรคุณบ้าง :การวิดพื้นเป็นการวัดความแข็งแรงของร่างกายได้ดีที่สุด สำหรับคนอายุ 40 คุณลองหาลูกบอลที่ใช้ประกอบการบริหารมารองหน้าแข้ง น่าจะเป็นการเหมาะกว่าที่คุณจะวิดพื้นแบบทหาร การวิดพื้นช่วยเสริมความแข็งแรงของหน้าอก ไหล่ หัวเข่า และช่วงท้อง
แล้วต้องทำอย่างไร :อยู่ในท่าวิดพื้น ใช้ลูกบอลรองบริเวณหน้าแข้ง ทำลำตัวให้ตรง ควรให้มือที่กดลงพื้นอยู่ในระดับหัวไหล่ จากนั้นค่อยๆ ยกลำตัว ขึ้น ค้างอย่างนั้นสัก 20 วินาที แล้วลงอีก 20 วินาที ทำอย่างนี้ 5 เซต
• การบริหารขา ช่วยอะไรคุณได้บ้าง :การบริหารส่วนล่างของลำตัว เตรียมพร้อมสำหรับการทำงานหนัก ช่วยป้องกันการบาดเจ็บของหัวเข่าและข้อต่อได้ดี
แล้วต้องทำอย่างไร :คุณสามารถใช้สายยางยืด (Resis-tant Band) ช่วยในการอบอุ่นร่างกายก่อน ง่ายๆ ด้วยการสวมไว้ที่เท้า นั่งหลังตรง ถ่างขาออกทางด้านข้าง จากนั้นเลื่อนสายยางยืดขึ้นมาถึงหน้าแข้งหรือบริเวณหัวเข่า การทำเช่นนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและให้ร่างกายพร้อมสำหรับการออกกำลังกาย การวอร์มอัพเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการออกกำลังกายทุกอย่าง ยิ่งเมื่อคุณอายุมาก ร่างกายคุณมีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองได้ช้า ไม่เหมือนหนุ่มๆ การวอร์มอัพจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณต้องให้ความสำคัญมากกว่าหนุ่มรุ่นกระทงทั้งหลาย
18 ก.ย. 2552
# เทคนิคโฆษณาขายบ้าน #
ในภาวะเศรษฐกิจยุคฟองสบู่แตก ทำให้บ้านจัดสรรขายไม่ออก ผู้ประกอบธุรกิจกันย่ำแย่ บ้านมือสองในตลาดไม่สามารถขายได้ขอแนะนำศัพท์เทคนิค เพื่อเพิ่มยอดขายบ้านของท่าน เพื่อกระตุ้นแรงจูงใจของผู้ซื้อดังนี้
"ไม่มีสิ่งใดขัดขวางทัศนียภาพ"
ความเป็นจริง=ไม่มีต้นไม้สักต้น
"ลานกีฬากลางแจ้ง"
ความเป็นจริง=หมู่บ้านตั้งอยู่บนภูเขาหัวโล้น
"รอคอยให้สัมผัสจินตนาการของคุณเอง"
ความเป็นจริง=มีแต่กำแพงกับเสาต้องสร้างต่อเติมเองและตกแต่งใหม่ทั้งหมด
"ความฝันของคนรักบ้าน"
ความเป็นจริง=ฝันร้าย
"แม่น้ำล้อมรอบ"
ความเป็นจริง=น้ำท่วม สร้างในบึง ประหยัดค่าถมที่ อนาคตกลายเป็นบ่อบำบัดน้ำเสีย
"เฉพาะที่ดินเปล่าก็เกินคุ้ม"
ความเป็นจริง=เพราะตัวบ้านไม่มีราคา
"เฉพาะตัวบ้านก็เกินคุ้ม"
ความเป็นจริง=ที่ดินน้อย รั้วชิดบ้าน บ้านเสาเดี่ยวแบบศาลพระภูมิ ปลูกกลางดงบุกรุกป่าสงวน
"อยู่ใจกลางเมือง"
ความเป็นจริง=ทำเลแออัด หนวกหู
"เพื่อนบ้านกลมเกลียว"
ความเป็นจริง=เปลี่ยว วังเวง ห่างจากถนนใหญ่ ต้องอาศัยรถเพื่อนบ้าน โจรขโมยชุกชุม ต้องผลัดกันอยู่เวรยาม
"มีที่นั่งในห้องน้ำ"
ความเป็นจริง=เพดานเตี้ย ห้องน้ำอยู่ใต้บันได ยืนไม่ได้
"ครัวไทย ครัวแบบคันทรี"
ความเป็นจริง=เพิงหมาแหงนหลังบ้าน มุงหลังคาด้วยสังกะสีหรือหญ้าคา
"มีสโมสรและศูนย์ให้บริการกลางหมู่บ้าน"
ความเป็นจริง=หมู่บ้านตั้งห่างไกลจากชุมชน ออกไปไหนไม่ได้ คุณจำต้องใช้บริการราคามหาโหด
"งามสง่าแบบผู้ดีเก่า"
ความเป็นจริง=สถาปัตยกรรมตกสมัย บ้านขายไม่ออกนับสิบปี มีรูปปั้นเด็กยืนฉี่กับเทพีถือคบเพลิงหน้าบ้าน
"เงียบ สงบ"
ความเป็นจริง= 7 กิโลจากถนนเส้นเขาค้อ-หล่มสัก
"ร่มรื่น"
ความเป็นจริง=ไม่ลงทุนตัดต้นไม้ใบหญ้า บ้านอยู่ในดงยูคาลิปตัส
"ชมเดือนจากห้องนอน"
ความเป็นจริง=ยังสร้างหลังคาไม่เสร็จ กระเบื้องหมด
"ติดทางด่วน"
ความเป็นจริง=ทางด่วนคร่อมหลังคาบ้าน อาจโดนเวนคืนเร็วๆนี้
"แหล่งคมนาคม รถเมล์หลายสาย"
ความเป็นจริง=อยู่ติดอู่รถเมล์ ไปไหนมาไหนต้องนั่งสุดสายจึงถึงบ้าน
"สไตล์ชนบท"
ความเป็นจริง=ช่างไม้ขาดฝีมือ ไม้ไม่ไสกบ ใช้ปีกไม้
"กำจัดปลวกโดยไม่ต้องเจาะพื้น"
ความเป็นจริง=เพราะปลวกอยู่บนหลังคา
"ลานอเนกประสงค์กลางหมู่บ้าน หลายกิจกรรมตามใจท่าน"
ความเป็นจริง=สุนัขถ่าย ทิ้งเศษวัสดุก่อสร้าง ซ่อมรถ พ่นสีเหล็กดัด กองทราย เป็นสถานที่ที่ไม่มีใครรับผิดชอบ
"ระบบบำบัดน้ำเสีย"
ความเป็นจริง=ถ่ายลงทะเลสาบกลางหมู่บ้าน
"มิเตอร์ไฟพร้อมรองรับแอร์"
ความเป็นจริง=โครงสร้างบ้านอับ อากาศไม่ถ่ายเท ร้อนเหมือนเตาอบ อยู่ไม่ได้ถ้าไม่ติดแอร์
"กระจกหน้าต่างห้องนอนบานใหญ่ ระดับเบย์วิว"
ความเป็นจริง=ต้องหาม่านมาติด มิฉะนั้นคนผ่านไปมา เห็นกิจกรรมบนเตียงนอน
"ถมฟรีกระเบื้องตกแต่ง"
ความเป็นจริง=ผู้ซื้อต้องหาและจ้างช่างปูกระเบื้องเอง
"บ้านเล่นระดับ"
ความเป็นจริง=ช่างปูนไร้ฝีมือ เทปูนลงพื้น สูงๆ ต่ำๆ เดินสะดุด
แค่ขำขำนะครับ เพราะเราเชื่อว่า ถึงอย่างไรท่านควรจะต้องเห็นบ้านของจริงก่อนที่ตัดสินใจก่อนซื้ออยู่แล้ว
"ไม่มีสิ่งใดขัดขวางทัศนียภาพ"
ความเป็นจริง=ไม่มีต้นไม้สักต้น
"ลานกีฬากลางแจ้ง"
ความเป็นจริง=หมู่บ้านตั้งอยู่บนภูเขาหัวโล้น
"รอคอยให้สัมผัสจินตนาการของคุณเอง"
ความเป็นจริง=มีแต่กำแพงกับเสาต้องสร้างต่อเติมเองและตกแต่งใหม่ทั้งหมด
"ความฝันของคนรักบ้าน"
ความเป็นจริง=ฝันร้าย
"แม่น้ำล้อมรอบ"
ความเป็นจริง=น้ำท่วม สร้างในบึง ประหยัดค่าถมที่ อนาคตกลายเป็นบ่อบำบัดน้ำเสีย
"เฉพาะที่ดินเปล่าก็เกินคุ้ม"
ความเป็นจริง=เพราะตัวบ้านไม่มีราคา
"เฉพาะตัวบ้านก็เกินคุ้ม"
ความเป็นจริง=ที่ดินน้อย รั้วชิดบ้าน บ้านเสาเดี่ยวแบบศาลพระภูมิ ปลูกกลางดงบุกรุกป่าสงวน
"อยู่ใจกลางเมือง"
ความเป็นจริง=ทำเลแออัด หนวกหู
"เพื่อนบ้านกลมเกลียว"
ความเป็นจริง=เปลี่ยว วังเวง ห่างจากถนนใหญ่ ต้องอาศัยรถเพื่อนบ้าน โจรขโมยชุกชุม ต้องผลัดกันอยู่เวรยาม
"มีที่นั่งในห้องน้ำ"
ความเป็นจริง=เพดานเตี้ย ห้องน้ำอยู่ใต้บันได ยืนไม่ได้
"ครัวไทย ครัวแบบคันทรี"
ความเป็นจริง=เพิงหมาแหงนหลังบ้าน มุงหลังคาด้วยสังกะสีหรือหญ้าคา
"มีสโมสรและศูนย์ให้บริการกลางหมู่บ้าน"
ความเป็นจริง=หมู่บ้านตั้งห่างไกลจากชุมชน ออกไปไหนไม่ได้ คุณจำต้องใช้บริการราคามหาโหด
"งามสง่าแบบผู้ดีเก่า"
ความเป็นจริง=สถาปัตยกรรมตกสมัย บ้านขายไม่ออกนับสิบปี มีรูปปั้นเด็กยืนฉี่กับเทพีถือคบเพลิงหน้าบ้าน
"เงียบ สงบ"
ความเป็นจริง= 7 กิโลจากถนนเส้นเขาค้อ-หล่มสัก
"ร่มรื่น"
ความเป็นจริง=ไม่ลงทุนตัดต้นไม้ใบหญ้า บ้านอยู่ในดงยูคาลิปตัส
"ชมเดือนจากห้องนอน"
ความเป็นจริง=ยังสร้างหลังคาไม่เสร็จ กระเบื้องหมด
"ติดทางด่วน"
ความเป็นจริง=ทางด่วนคร่อมหลังคาบ้าน อาจโดนเวนคืนเร็วๆนี้
"แหล่งคมนาคม รถเมล์หลายสาย"
ความเป็นจริง=อยู่ติดอู่รถเมล์ ไปไหนมาไหนต้องนั่งสุดสายจึงถึงบ้าน
"สไตล์ชนบท"
ความเป็นจริง=ช่างไม้ขาดฝีมือ ไม้ไม่ไสกบ ใช้ปีกไม้
"กำจัดปลวกโดยไม่ต้องเจาะพื้น"
ความเป็นจริง=เพราะปลวกอยู่บนหลังคา
"ลานอเนกประสงค์กลางหมู่บ้าน หลายกิจกรรมตามใจท่าน"
ความเป็นจริง=สุนัขถ่าย ทิ้งเศษวัสดุก่อสร้าง ซ่อมรถ พ่นสีเหล็กดัด กองทราย เป็นสถานที่ที่ไม่มีใครรับผิดชอบ
"ระบบบำบัดน้ำเสีย"
ความเป็นจริง=ถ่ายลงทะเลสาบกลางหมู่บ้าน
"มิเตอร์ไฟพร้อมรองรับแอร์"
ความเป็นจริง=โครงสร้างบ้านอับ อากาศไม่ถ่ายเท ร้อนเหมือนเตาอบ อยู่ไม่ได้ถ้าไม่ติดแอร์
"กระจกหน้าต่างห้องนอนบานใหญ่ ระดับเบย์วิว"
ความเป็นจริง=ต้องหาม่านมาติด มิฉะนั้นคนผ่านไปมา เห็นกิจกรรมบนเตียงนอน
"ถมฟรีกระเบื้องตกแต่ง"
ความเป็นจริง=ผู้ซื้อต้องหาและจ้างช่างปูกระเบื้องเอง
"บ้านเล่นระดับ"
ความเป็นจริง=ช่างปูนไร้ฝีมือ เทปูนลงพื้น สูงๆ ต่ำๆ เดินสะดุด
แค่ขำขำนะครับ เพราะเราเชื่อว่า ถึงอย่างไรท่านควรจะต้องเห็นบ้านของจริงก่อนที่ตัดสินใจก่อนซื้ออยู่แล้ว
++ เทคนิคการซื้อโทรศัพท์มือถือมือสอง ++
โทรศัพท์มือถือซึ่งนับวันจะมีราคาที่ถูกลงไปเรื่อยๆ อาจจะด้วยเหตุผลที่กลุ่มลูกค้ามีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้คิดหนักในการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย หรืออาจจะด้วยวัตถุดิบของสินค้าไอทีสามารถผลิตขึ้นได้เอง ไม่ได้ใช้แล้วหมดไปเหมือนทรัพยากรธรรมชาติ
ในเมื่อสินค้าไอทีโดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือต่างพากันปรับราคาถูกลง ล่อใจลูกค้าขนาดนี้ กลุ่มผู้ใช้เองก็ควรเลือกซื้ออย่างมีสติ อย่าเห็นแก่ราคาที่ถูกลงจนลืมคำนึงถึงคุณภาพของสินค้า
ที่ชักแม่น้ำมาทั้งโลกไม่ใช่อะไร แค่อยากให้ท่านได้อ่านวิธีการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ ก่อนตัดสินใจซื้อ แค่นั้นเอง ซึ่งมีวิธีการตรวจสอบเบื้องต้น แต่ค่อนข้างละเอียด 6 ขั้นตอนดังนี้
1. ตรวจสอบเลขอีมี่ (IMEI) ซึ่งจะเป็นรหัสประจำตัวเครื่องเป็นตัวเลข 15 หลัก เลขอีมี่จะดูได้จากที่ไหนบ้าง?
- ที่ตัวโทรศัพท์มือถือ ดูจากด้านหลังเครื่อง ตรงช่องใส่แบตเตอรี่
- ที่ตัวโทรศัพท์มือถือ โดยเปิดเครื่องขึ้นมาก่อนจากนั้นกดปุ่ม *#06# จะปรากฏเลขอีมี่ขึ้นมา
- ที่กล่องบรรจุภัณฑ์จะแป่ะสติ๊กเกอร์ข้างกล่อง
ทั้ง 3 จุดนี้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวเลขอีมี่ตรงกันหรือไม่
2. เมื่อเลขอีมี่ตรงกัน จากนั้นให้โทรไปตรวจสอบกับตัวแทนจำหน่ายที่นำเข้าโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากบริษัทที่นำเข้าจะมีเลขอีมี่บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ ตรวจสอบได้
3. เมื่อผ่าน 2 ขั้นตอนด้านบน ก็มาดูที่ตัวโทรศัพท์บ้าง ให้เปิดเครื่องลองใช้งาน แล้วเช็คเวลาใช้งานโทรศัพท์ดูโดยกดปุ่ม *#92702689# เพื่อเรียกดูเวลาการใช้งานโทรศัพท์ หากเป็นเครื่องใหม่จริงเวลาควรเป็น 0 หากเป็นเครื่องที่เอามาวางโชว์เวลาก็ไม่ควรมากไปกว่า 0 เท่าไร
หมายเหตุ
*#92702689# ใช้ไม่ได้กับโทรศัพท์มือถือ ซัมซุง, โมโตโรล่า ขวา*ซ้ายๆ*ซ้าย* วิธีเช็คเวลาของ โซนี่ อีริคสัน (ปุ่มควบคุมทิศทางกับปุ่มดอกจัน)
4. จากนั้นเริ่มตรวจสอบหาร่องรอยบนตัวเครื่อง ถ้าเป็นรุ่นที่แกะหน้ากากได้ก็ลองแกะดูเพื่อดูความสะอาดด้านใน ดูสติ๊กเกอร์รับประกัน วันที่รับประกัน
5. ทดลองใช้งานโทรศัพท์โดยการโทรออก รับสาย เปิดทุกฟังค์ชั่นในตัวเครื่อง
6. ตรวจสอบอุปกรณ์เสริมที่แถมมาในกล่องบรรจุภัณฑ์ หากไม่แน่ใจให้ตรวจสอบมาก่อนว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ต้องการซื้อควรมีอะไรในกล่องบรรจุภัณฑ์บ้าง
จาก 6 วิธีการขั้นต้นก็สบายใจได้ว่าเครื่องที่คุณซื้อมาสภาพใหม่พร้อมใช้งานแน่นอน
ผมขอพูดถึงกลโกงของร้านค้าบางร้าน ขอย้ำว่าบางร้าน
+ สติ๊กเกอร์รับประกัน ถึงแม้จะเป็นของแท้ก็มีขายแล้วเอามาแป่ะให้ดูเป็นเครื่องใหม่ได้
+ เครื่องหิ้วหรือเครื่องที่นำเข้ามาเอง สามารถเอามาดัดแปลงให้ดูเหมือนเป็นเครื่องศูนย์ได้
+ กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ห่อหุ้มพลาสติกใสอย่างดี ก็ถูก make ขึ้นมาง่ายๆ
+ อุปกรณ์เสริมของแท้ถูกเปลี่ยนออก แล้วนำของปลอมหรือไม่มีคุณภาพมาใส่แทน
หลังจากเปลี่ยนอะไหล่ภายในเครื่อง แป่ะสติ๊กเกอร์รับประกัน เปลี่ยนอุปกรณ์เสริมแท้ออกไป ก็ถึงขั้นตอนการแพ็คของลงในกล่องสินค้าเช่นเดิม เพิ่มความแนบเนียนด้วยการคลุมพลาสติกใส และเป่าด้วยไดร์เป่าผม เพื่อให้พลาสติกแนบกับกล่องเหมือนออกมาจากโรงงานใหม่ๆ ทำไมต้องเอาอะไหล่แท้ออกไป
+ เอาไปใช้เป็นอะไหล่ในการซ่อม ให้กับลูกค้าท่านอื่นที่ต้องการอะไหล่แท้
+ เพื่อให้เครื่องมีอายุการใช้งานสั้นลง เผื่อลูกค้านำกลับมาซ่อม
รู้อย่างนี้แล้ว ผู้ที่จะซื้อโทรศัพท์มือถือทั่วไปอย่าได้ละเลย 6 วิธีการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือที่ผมแนะนำไปข้างต้นอย่างเด็ดขาด ถ้าลูกค้าทุกคนมีวิธีการตรวจสอบอย่างถูกต้อง คนขายก็ไม่กล้าโกงอีกต่อไป ฝากอีกนิดสำหรับผู้ที่คิดจะซื้อโทรศัพท์มือสอง ถ้าไม่มีความชำนาญในการตรวจสอบโทรศัพท์ ไม่ควรซื้อเป็นอันขาด ทางที่ดีถ้างบน้อยก็ค่อยๆ เก็บไว้ซื้อของใหม่จะดีกว่า และเพื่อความมั่นใจเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือจากร้านค้าชั้นนำทั่วไปจะปลอดภัยที่สุด
ในเมื่อสินค้าไอทีโดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือต่างพากันปรับราคาถูกลง ล่อใจลูกค้าขนาดนี้ กลุ่มผู้ใช้เองก็ควรเลือกซื้ออย่างมีสติ อย่าเห็นแก่ราคาที่ถูกลงจนลืมคำนึงถึงคุณภาพของสินค้า
ที่ชักแม่น้ำมาทั้งโลกไม่ใช่อะไร แค่อยากให้ท่านได้อ่านวิธีการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ ก่อนตัดสินใจซื้อ แค่นั้นเอง ซึ่งมีวิธีการตรวจสอบเบื้องต้น แต่ค่อนข้างละเอียด 6 ขั้นตอนดังนี้
1. ตรวจสอบเลขอีมี่ (IMEI) ซึ่งจะเป็นรหัสประจำตัวเครื่องเป็นตัวเลข 15 หลัก เลขอีมี่จะดูได้จากที่ไหนบ้าง?
- ที่ตัวโทรศัพท์มือถือ ดูจากด้านหลังเครื่อง ตรงช่องใส่แบตเตอรี่
- ที่ตัวโทรศัพท์มือถือ โดยเปิดเครื่องขึ้นมาก่อนจากนั้นกดปุ่ม *#06# จะปรากฏเลขอีมี่ขึ้นมา
- ที่กล่องบรรจุภัณฑ์จะแป่ะสติ๊กเกอร์ข้างกล่อง
ทั้ง 3 จุดนี้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวเลขอีมี่ตรงกันหรือไม่
2. เมื่อเลขอีมี่ตรงกัน จากนั้นให้โทรไปตรวจสอบกับตัวแทนจำหน่ายที่นำเข้าโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากบริษัทที่นำเข้าจะมีเลขอีมี่บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ ตรวจสอบได้
3. เมื่อผ่าน 2 ขั้นตอนด้านบน ก็มาดูที่ตัวโทรศัพท์บ้าง ให้เปิดเครื่องลองใช้งาน แล้วเช็คเวลาใช้งานโทรศัพท์ดูโดยกดปุ่ม *#92702689# เพื่อเรียกดูเวลาการใช้งานโทรศัพท์ หากเป็นเครื่องใหม่จริงเวลาควรเป็น 0 หากเป็นเครื่องที่เอามาวางโชว์เวลาก็ไม่ควรมากไปกว่า 0 เท่าไร
หมายเหตุ
*#92702689# ใช้ไม่ได้กับโทรศัพท์มือถือ ซัมซุง, โมโตโรล่า ขวา*ซ้ายๆ*ซ้าย* วิธีเช็คเวลาของ โซนี่ อีริคสัน (ปุ่มควบคุมทิศทางกับปุ่มดอกจัน)
4. จากนั้นเริ่มตรวจสอบหาร่องรอยบนตัวเครื่อง ถ้าเป็นรุ่นที่แกะหน้ากากได้ก็ลองแกะดูเพื่อดูความสะอาดด้านใน ดูสติ๊กเกอร์รับประกัน วันที่รับประกัน
5. ทดลองใช้งานโทรศัพท์โดยการโทรออก รับสาย เปิดทุกฟังค์ชั่นในตัวเครื่อง
6. ตรวจสอบอุปกรณ์เสริมที่แถมมาในกล่องบรรจุภัณฑ์ หากไม่แน่ใจให้ตรวจสอบมาก่อนว่าโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ต้องการซื้อควรมีอะไรในกล่องบรรจุภัณฑ์บ้าง
จาก 6 วิธีการขั้นต้นก็สบายใจได้ว่าเครื่องที่คุณซื้อมาสภาพใหม่พร้อมใช้งานแน่นอน
ผมขอพูดถึงกลโกงของร้านค้าบางร้าน ขอย้ำว่าบางร้าน
+ สติ๊กเกอร์รับประกัน ถึงแม้จะเป็นของแท้ก็มีขายแล้วเอามาแป่ะให้ดูเป็นเครื่องใหม่ได้
+ เครื่องหิ้วหรือเครื่องที่นำเข้ามาเอง สามารถเอามาดัดแปลงให้ดูเหมือนเป็นเครื่องศูนย์ได้
+ กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ห่อหุ้มพลาสติกใสอย่างดี ก็ถูก make ขึ้นมาง่ายๆ
+ อุปกรณ์เสริมของแท้ถูกเปลี่ยนออก แล้วนำของปลอมหรือไม่มีคุณภาพมาใส่แทน
หลังจากเปลี่ยนอะไหล่ภายในเครื่อง แป่ะสติ๊กเกอร์รับประกัน เปลี่ยนอุปกรณ์เสริมแท้ออกไป ก็ถึงขั้นตอนการแพ็คของลงในกล่องสินค้าเช่นเดิม เพิ่มความแนบเนียนด้วยการคลุมพลาสติกใส และเป่าด้วยไดร์เป่าผม เพื่อให้พลาสติกแนบกับกล่องเหมือนออกมาจากโรงงานใหม่ๆ ทำไมต้องเอาอะไหล่แท้ออกไป
+ เอาไปใช้เป็นอะไหล่ในการซ่อม ให้กับลูกค้าท่านอื่นที่ต้องการอะไหล่แท้
+ เพื่อให้เครื่องมีอายุการใช้งานสั้นลง เผื่อลูกค้านำกลับมาซ่อม
รู้อย่างนี้แล้ว ผู้ที่จะซื้อโทรศัพท์มือถือทั่วไปอย่าได้ละเลย 6 วิธีการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือที่ผมแนะนำไปข้างต้นอย่างเด็ดขาด ถ้าลูกค้าทุกคนมีวิธีการตรวจสอบอย่างถูกต้อง คนขายก็ไม่กล้าโกงอีกต่อไป ฝากอีกนิดสำหรับผู้ที่คิดจะซื้อโทรศัพท์มือสอง ถ้าไม่มีความชำนาญในการตรวจสอบโทรศัพท์ ไม่ควรซื้อเป็นอันขาด ทางที่ดีถ้างบน้อยก็ค่อยๆ เก็บไว้ซื้อของใหม่จะดีกว่า และเพื่อความมั่นใจเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือจากร้านค้าชั้นนำทั่วไปจะปลอดภัยที่สุด
10 ข้อน่าตะลึง ก่อนตัดสินใจซื้อฮาร์ดดิสก์ !
ฮาร์ดดิสก์ ? อุปกรณ์ที่ทุกคนมีและรู้จักมันเป็นอย่างดี แต่เกล็ดเกี่ยวกับอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกที่เราจะนำมาบอกให้คุณทราบต่อไปนี้ รับรองว่าน่าสนใจและสร้างความตะลึงให้กับคุณได้อย่างแน่นอน
[1] ข้อมูลทะลักโลก: 988,000,000,000,000 เมกะไบต์
จากผลสำรวจที่ IDC ประกาศให้ทราบเกี่ยวกับปริมาณข้อมูลทั้งหมดที่ถูกเก็บไว้บนฮาร์ดดิสก์ทั่วโลกในปี 2006 ว่ามีจำนวนถึง 161 Exabytes นั้น ทำให้มีการคาดการณ์ว่าในปี 2010 ปริมาณข้อมูลจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 988 Exabytes หรือเกือบหนึ่งพันล้านล้านเมกะไบต์!
[2] ขนาดที่แท้จริง
ทั้งๆ ที่เราเห็นและสามารถจับต้องฮาร์ดดิสก์ได้แต่ภายนอก แต่ไม่รู้ว่าผู้ผลิตจะอ้างตัวเลขที่เป็นขนาดของจานแม่เหล็กที่อยู่ภายในไปทำไม ยกตัวอย่างเช่น ฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วที่จริงๆ แล้วตัวบอดี้ของมันจะมีความกว้างประมาณ 10 เซนติเมตร หรือ 3.937 นิ้ว
[3] ฮาร์ดดิสก์ตัวแรกของโลก
ในปี 1956 หน่วยเก็บข้อมูลที่มีชื่อว่า IBM 350 ถูกสร้างขึ้นเพื่อบรรจุเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องคอมพิวเตอร์ IBM 305 RAMAC โดยมีหัว 2 หัวทำหน้าที่อ่าน-เขียนข้อมูลบนแผ่นจานแม่เหล็กขนาด 24 นิ้วจำนวน 50 แผ่นที่หมุนด้วยความเร็ว 1200 รอบต่อนาที ซึ่งทั้งหมดนี้ให้พื้นที่เก็บข้อมูลเพียง 4.4MB เท่านั้น
[4] บกพร่องโดยสุจริต
การคำนวณขนาดของฮาร์ดดิสก์นั้น ทางฝั่งของผู้ผลิตจะอิงขนาดด้วยตัวเลขฐาน 10 เป็นพื้นฐาน โดยหนึ่งกิกะไบต์จะเท่ากับ 109 ไบต์ ในขณะที่คอมพิวเตอร์จะทำงานบนพื้นฐานของเลขฐาน 2 ดังนั้นหนึ่งกิกะไบต์จึงเท่ากับ 230 หรือ 1,073,741,824 ไบต์ ด้วยเหตุนี้ ในความเป็นจริงฮาร์ดดิสก์ขนาด 250GB จะมีขนาดเพียง 232GB เท่านั้น
[5] กฏของมัวร์ รวมถึงฮาร์ดดิสก์ด้วย
ความจุสูงสุดของฮาร์ดดิสก์จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกๆ 12 เดือน ? เป็นปรากฏการณ์ที่เราจะได้เห็นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยปัจจุบันฮาร์ดดิสก์ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไปมีความจุสูงถึง 1.5TB แล้ว
[6] ราคาสวนทางกับความจุ
ปัจจุบัน เงินแค่ 4 บาทก็สามารถแลกพื้นที่เก็บข้อมูลได้ถึง 1 กิกะไบต์แล้ว ในทางกลับกัน ฮาร์ดดิสก์ ST506 ขนาด 5.25? ความจุ 5.5MB ที่ Seagate เปิดตัวสู่ตลาดเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1980 นั้น มีราคาต่อความจุสูงถึง 12,500 บาทต่อ 1MB เลยทีเดียว
[7] ยิ่งนานยิ่งแน่น
ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้เทคโนโลยีการบันทึกข้อมูลแบบแนวดิ่ง (Perpendicular Recording) ในปัจจุบันจะมีความหนาแน่นของข้อมูลต่อพื้นที่ 1 ตารางเซนติเมตรถึง 155Gb ซึ่งคิดเป็นอัตราที่สูงกว่าฮาร์ดดิสก์ตัวแรกเมื่อ 50 ปีที่แล้วถึง 60 ล้านหน่วย
[8] เล็กที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ในงาน CES เมื่อเดือนมกราคม 2004 โตชิบาได้เผยโฉมฮาร์ดดิสก์ขนาด 0.85 นิ้วที่มีความจุ 4GB ซึ่งถือเป็นฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาดจิ๋วที่สุดและได้รับการบันทึกสถิติ Guinness Book of World Record ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
[9] อายุยืน ต้อง 40 องศา
เมื่อปี 2007 ที่ผ่านมา Google ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์จำนวน 100,000 ตัวในศูนย์ข้อมูลของตัวเองและพบว่า ฮาร์ดดิสก์จะมีอายุการใช้งานนานขึ้นเมื่อทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิประมาณ 40 องศาเซลเซียส และไม่ว่าจะร้อนเกิน 45 หรือเย็นต่ำกว่า 30 องศา ก็ล้วนแต่ทำให้ฮาร์ดดิสก์มีอายุการทำงานสั้นลงทั้งสิ้น
[10] เล็กกว่าเส้นผม 5,000 เท่า
จงระวังอย่าทำตก! ฮาร์ดดิสก์ในปัจจุบันจะมีช่องว่างระหว่างหัวอ่าน-เขียนและพื้นผิวด้านบนของจานแม่เหล็กเพียงแค่ 10 นาโนเมตร ในขณะที่เส้นผมของคนเรานั้นจะมีความหนาประมาณ 50,000 นาโนเมตร
[1] ข้อมูลทะลักโลก: 988,000,000,000,000 เมกะไบต์
จากผลสำรวจที่ IDC ประกาศให้ทราบเกี่ยวกับปริมาณข้อมูลทั้งหมดที่ถูกเก็บไว้บนฮาร์ดดิสก์ทั่วโลกในปี 2006 ว่ามีจำนวนถึง 161 Exabytes นั้น ทำให้มีการคาดการณ์ว่าในปี 2010 ปริมาณข้อมูลจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 988 Exabytes หรือเกือบหนึ่งพันล้านล้านเมกะไบต์!
[2] ขนาดที่แท้จริง
ทั้งๆ ที่เราเห็นและสามารถจับต้องฮาร์ดดิสก์ได้แต่ภายนอก แต่ไม่รู้ว่าผู้ผลิตจะอ้างตัวเลขที่เป็นขนาดของจานแม่เหล็กที่อยู่ภายในไปทำไม ยกตัวอย่างเช่น ฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วที่จริงๆ แล้วตัวบอดี้ของมันจะมีความกว้างประมาณ 10 เซนติเมตร หรือ 3.937 นิ้ว
[3] ฮาร์ดดิสก์ตัวแรกของโลก
ในปี 1956 หน่วยเก็บข้อมูลที่มีชื่อว่า IBM 350 ถูกสร้างขึ้นเพื่อบรรจุเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องคอมพิวเตอร์ IBM 305 RAMAC โดยมีหัว 2 หัวทำหน้าที่อ่าน-เขียนข้อมูลบนแผ่นจานแม่เหล็กขนาด 24 นิ้วจำนวน 50 แผ่นที่หมุนด้วยความเร็ว 1200 รอบต่อนาที ซึ่งทั้งหมดนี้ให้พื้นที่เก็บข้อมูลเพียง 4.4MB เท่านั้น
[4] บกพร่องโดยสุจริต
การคำนวณขนาดของฮาร์ดดิสก์นั้น ทางฝั่งของผู้ผลิตจะอิงขนาดด้วยตัวเลขฐาน 10 เป็นพื้นฐาน โดยหนึ่งกิกะไบต์จะเท่ากับ 109 ไบต์ ในขณะที่คอมพิวเตอร์จะทำงานบนพื้นฐานของเลขฐาน 2 ดังนั้นหนึ่งกิกะไบต์จึงเท่ากับ 230 หรือ 1,073,741,824 ไบต์ ด้วยเหตุนี้ ในความเป็นจริงฮาร์ดดิสก์ขนาด 250GB จะมีขนาดเพียง 232GB เท่านั้น
[5] กฏของมัวร์ รวมถึงฮาร์ดดิสก์ด้วย
ความจุสูงสุดของฮาร์ดดิสก์จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกๆ 12 เดือน ? เป็นปรากฏการณ์ที่เราจะได้เห็นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยปัจจุบันฮาร์ดดิสก์ที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไปมีความจุสูงถึง 1.5TB แล้ว
[6] ราคาสวนทางกับความจุ
ปัจจุบัน เงินแค่ 4 บาทก็สามารถแลกพื้นที่เก็บข้อมูลได้ถึง 1 กิกะไบต์แล้ว ในทางกลับกัน ฮาร์ดดิสก์ ST506 ขนาด 5.25? ความจุ 5.5MB ที่ Seagate เปิดตัวสู่ตลาดเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1980 นั้น มีราคาต่อความจุสูงถึง 12,500 บาทต่อ 1MB เลยทีเดียว
[7] ยิ่งนานยิ่งแน่น
ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้เทคโนโลยีการบันทึกข้อมูลแบบแนวดิ่ง (Perpendicular Recording) ในปัจจุบันจะมีความหนาแน่นของข้อมูลต่อพื้นที่ 1 ตารางเซนติเมตรถึง 155Gb ซึ่งคิดเป็นอัตราที่สูงกว่าฮาร์ดดิสก์ตัวแรกเมื่อ 50 ปีที่แล้วถึง 60 ล้านหน่วย
[8] เล็กที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ในงาน CES เมื่อเดือนมกราคม 2004 โตชิบาได้เผยโฉมฮาร์ดดิสก์ขนาด 0.85 นิ้วที่มีความจุ 4GB ซึ่งถือเป็นฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาดจิ๋วที่สุดและได้รับการบันทึกสถิติ Guinness Book of World Record ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
[9] อายุยืน ต้อง 40 องศา
เมื่อปี 2007 ที่ผ่านมา Google ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์จำนวน 100,000 ตัวในศูนย์ข้อมูลของตัวเองและพบว่า ฮาร์ดดิสก์จะมีอายุการใช้งานนานขึ้นเมื่อทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิประมาณ 40 องศาเซลเซียส และไม่ว่าจะร้อนเกิน 45 หรือเย็นต่ำกว่า 30 องศา ก็ล้วนแต่ทำให้ฮาร์ดดิสก์มีอายุการทำงานสั้นลงทั้งสิ้น
[10] เล็กกว่าเส้นผม 5,000 เท่า
จงระวังอย่าทำตก! ฮาร์ดดิสก์ในปัจจุบันจะมีช่องว่างระหว่างหัวอ่าน-เขียนและพื้นผิวด้านบนของจานแม่เหล็กเพียงแค่ 10 นาโนเมตร ในขณะที่เส้นผมของคนเรานั้นจะมีความหนาประมาณ 50,000 นาโนเมตร
16 ก.ย. 2552
รู้จักกับ Blue screen of Death
“จอฟ้ามรณะ” “มฤตยูจอฟ้า” หรือ “จอฟ้าแห่งความตาย” ไม่ว่าใครจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ Blue Screen of Death คือสิ่งที่ผู้ใช้พีซีไม่อยากเจอะเจอมากที่สุด เพราะถ้ามันปรากฏขึ้นเมื่อใด ย่อมหมายถึงได้เวลาที่คุณต้องล้างระบบ ติดตั้งวินโดวส์ใหม่กันแล้ว แต่ในความเป็นจริง จอฟ้ามรณะนี่มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ?
*Blue Screen of Death คืออะไร?*
เชื่อแน่ๆ ว่าผู้ใช้พีซีไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก๋า น่าจะเจออาการแบบรูปที่ 1 กันบ้าง ไม่มากก็น้อย แต่ปฏิกิริยาที่เจออาจจะแตกต่างกัน ถ้าเป็นมือเก๋า ก็แค่ร้อง “ว้าเว้ย!!” แล้วก็หาทางแก้กันไป หน้าจอเดียวกันนี้ ถ้าเป็นมือใหม่หัดใช้คอมพ์ อาจถึงกับลนลานรีบต่อสายตรงที่ช่างซ่อมคอมพ์ทันทีเลยทีเดียว แต่ช้าก่อนครับ!!?? ถ้าคุณได้อ่านบทความเรื่องนี้ อาจช่วยลดอาการลนลานได้บ้าง และถ้าคุณร้าสาเหตุที่มาที่ไปของอาการนี้คุณอาจช่วยเหลือตัวเองได้บ้างโดย ไม่ต้องง้อช่างเลย
ทีนี้มาถึงคำตอบของคำถามที่ผมตั้งเป็นหัวข้อไว้ Blue Screen of Death ( ต่อไปขอย่อว่า BOD นะครับ) อธิบายง่ายๆ ก็คือ หน้าจอที่แสดงอาการผิดปกติของวินโดวส์ ซึ่งอาการที่เกิดได้ก็มาจากหลายๆ สาเหตุ ทั้งเกิดจากซอฟต์แวร์ก็ได้ หรือฮาร์ดแวร์ก็ได้ หรือเกิดพร้อมๆ กันเลยก็มี เหตุที่ตั้งชื่อให้มันน่ากลัวขนาดนั้น ก็เพราะถ้าหน้าจอสีฟ้านี้แสดงขึ้นมา มันหมายความว่าอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น ค่อนข้างหนักหนาจนวินโดวส์ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ นอกจากรีเซ็ตเครื่องเพียงอย่างเดียว
ในบางกรณี การรีเซ็ตเครื่องหลังจากขึ้นบลูสกรีน ก็สามารถใช้งานเครื่องพีซีต่อได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะหมดไป วันดีคืนดี หน้าจอมรณะก็อาจจะกลับมาหลอกหลอนได้อีก เพราะสาเหตุของปัญหายังไม่ได้ถูกขจัด ถามว่าทำไมบลูสกรีนอยู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทั้งๆทีใช้งานมาตั้งนานยังไม่เคยมีปัญหาแบบนี้? คำตอบของปัญหานี้จะไปโทษระบบปฏิบัติการเพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่ได้ อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าการทำงานของเครื่องพีซีต้องประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์เป็นหลัก ฮาร์ดแวร์ถ้าไม่ซอฟต์แวร์ควบคุมจัดการก็ไม่ต่างอะไรกับเศษเหล็ก ในทางกลับกันถ้าซอฟต์แวร์ไม่มีอะไรให้จัดการก็ไม่ต่างอะไรจากโค้ดดิ้งไร้ สาระหลายหมื่นบรรทัด และในเมื่อทั้งสองอย่างต้องทำงานร่วมกัน ความเข้ากันได้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
มาถึงตรงนี้อาจจะเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมหน้าจอมรณะถึงพบบ่อยได้นักในระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ทุกยุค ทุกสมัย นั่นก็เพราะ วินโดวส์เป็นระบบปฏิบัติการที่จำเป็นต้องออกแบบให้ใช้กับเครื่องพีซีและ อุปกรณ์ รอบข้างให้ได้หลากหลายที่สุดเท่าที่จะทำได้ แตกต่างจากระบบยูนิกซ์หรือ แมคโอเอส ที่ออกแบบมาเพื่อเครื่องยูนิกซ์หรือแอปเปิ้ลเพียงอย่างเดียว ลองนึกดูง่ายๆ แค่เมนบอร์ดที่ใช้กับเครื่องพีซีก็มีกี่ยี่ห้อ กี่รุ่น เข้าไปแล้ว ยังไม่นับกราฟิกการ์ด ซาวด์การ์ด โมเด็ม ฯลฯ และอีกสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องนำมาเชื่อมต่อ ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ถ้าเกิดปัญหาเรื่องความไม่เข้ากันเมื่อไหร่จอฟ้ามรณะก็บังเกิดขึ้น ครับ ความจริงวินโดวส์เองก็มีข้อบังคับเรื่องของฮาร์ดแวร์คอมแพตทิเบิลอยู่ รายระเอียดของเรื่องนี้อยู่ที่ http://www.microsoft.com/resources/documentation/windows/xp/all/prodd...ึ่งอุปกรณ์แต่ละชิ้นถ้าผ่านการรับรองจากไมโครซอฟต์แล้ว จะมีโลโก้แสดงว่าวินโดวส์ คอมแพตทิเบิลอยู่ แต่สมัยนี้อุปกรณ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย บางตัวก็ติดโลโก้วินโดวส์คอมแพตทิเบิลมาด้วย แต่ผู้ใช้ก็ไม่มีทางรู้ว่าจริงหรือไม่ ยังไม่นับซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่ร้อยพ่อพันแม่พัฒนากันออกมา ดังนั้นในความเป็นจริง ผู้ใช้จึงไม่สามารถใช้อุปกรณ์ที่เป็นคอมแพตทิเบิลร่วมกันได้ทั้งหมดได้ ที่เล่ามาทั้งหมด ขอออกตัวว่าผมไม่ได้แก้ต่างให้ไมโครซอฟท์แต่อย่างใด แค่อยากจะชี้ให้เห็นถึงสาเหตุของปัญหาบลูสกรีนที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่จำ เป็นต้องบอกล่วงหน้า ตราบใดที่เรายังใช้วินโดวส์ที่ยังคงรันอยู่พีซีที่ภายในมีอุปกรณ์ติดตั้งไม่ ซ้ำยี่ห้อกันเลยแม้แต่ยี่ห้อเดียว
ในวินโดวส์ NT, 2000 และ XP นั้น BOD ที่เกิดขึ้น มักเกิดมาจากเคอร์แนลหรือไดรเวอร์ ที่เกิดทำงานผิดพลาดโดยที่ไม่สามารถจะคืนสภาพการทำงานให้กลับมาเหมือนเดิม ได้ เช่น ไดรเวอร์ส่งค่าบางอย่างที่ไม่ถูกต้องไปยังกระบวนการอื่นๆ ทำให่ตัวระบบปฏิบัติการทำงานผิดพลาด วิธีเดียวที่ผู้ใช้จะแก้ไขได้ คือ รีบูตเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายความว่า ข้อมูลหรืองานที่คุณกำลังทำอยู่มีโอกาสที่จะหายไปด้วยเพราะวินโดวส์ไม่ได้ ถูกสั่งปิดแบบปกติ การพิจารณาแก้ปัญหา BOD ดูได้จากข้อความที่แสดงและเออเรอร์โค้ด บางปัญหาวินโดวส์จะแสดงข้อความที่เป็นสาเหตุอย่างชัดเจน แต่บางปัญหาก็ไม่สามารถอาศัยข้อความที่แสดงเพียงอย่างเดียว ต้องนำเอาเออเรอร์โค้ดมาร่วมพิจารณาด้วย ตำแหน่งของข้อความและเออเรอร์โค้ด
Error : IRQL_NOT_LESS_OR_EQUAL (Error Code : Stop 0×0000000A) ความหมายของ 0xA นั้นหมายความว่า Kernel-mode process หรือไดรเวอร์นั้นไม่สามารถจะเข้าถึงเมโมรีที่จองไว้ได้ อาจเนื่องจากไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าถึง หรือค่าที่เคอร์แนลส่งระดับ IRQL นั้นอยู่สูงเกินไป แต่ Kernel-mode process ที่มีค่า IRQL ต่ำกว่าสามารถเข้าถึงหน่วยความจำนั้นได้ โดยส่วนมาก Stop Message นี้มักจะมาจากการที่ไม่คอมแพตทิเบิลของฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์ที่อยู่ใน เครื่องนั่นเอง
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้ *สาเหตุนี้อาจเกิดหลังการติดตั้ง device driver, system sevice หรือ Firmware ที่เสียหายหรือไม่สมบูรณ์ หาก Stop Message นั้นแสดงชื่อไดรเวอร์ที่ผิดพลาดมาด้วยให้แก้ไขโดยการยกเลิก หรือ rollback กลับไปใช้ ไดรเวอร์ที่สมบูรณ์ หรือหากยังแก้ไขไม่ได้ อาจจะเป็นที่ไฟล์ที่ใช้ในการติดตั้งไดรเวอร์เกิดเสียหาย เพราะไวรัสก็ได้ ต้องตรวจสอบจุดนี้ด้วย
ข้อผิดพลาดอาจเกิดจากตัวฮาร์ดแวร์ก็ได้ หากเออเรอร์นี้แจ้งประเภทของ Device มา ยกตัวอย่างเช่น กราฟิกการ์ดหรือไดรฟ์ ก็ให้ลองปลดหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ที่Error Message แจ้งมาอาจจะช่วยแก้ปัญหาได้
หากปัญหานี้เกิดมาในช่วงที่คุณกำลังติดตั้งเซอร์วิสแพ็ค ของวินโดวส์ สาเหตุอาจ จะมาจากการที่ไม่คอมแพตทิเบิลกันของไดรเวอร์หรือ System Service ที่ได้ติดตั้งไว้ให้ลองถอน Third-party Device ก่อนการติดตั้งเซอร์วิสแพ็ค และเมื่อหลังจากติดตั้งสำเร็จแล้วให้ลองติดต่อไปยังโรงงานผู้ผลิต เพื่อสอบถามหาไดรเวอร์ที่เข้ากันได้อีกที Error : KMODE_EXCEPTION_NOT_HANDLED (Error Code : 0×0000001E) ค่า 0×1E เป็นเครื่องบ่งบอกว่าวินโดวส์ เอ็กซ์พีตรวจสอบพบชุดคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่อาจระบุได้ ปัญหาที่พบจาก 0×1E นั้นใกล้เคียงกับการเกิดขึ้นของ 0xA อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย ที่ ค่า 0xA เกิดจากการใช้งานผิดพลาดที่หน่วยความจำ แต่ เจ้า 0×1E นั้น เป็นการผิดพลาดจากชุดคำสั่ง
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* 0×1E โดย ส่วนมากจะปรากฏหลังจากติดตั้งไดรเวอร์ หรือ System sevices ที่ผิดพลาด หรือเกิดจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งลงไปใหม่นั้นทำให้เกิดการขัดแย้งหรือแย่งกัน ใช้งานค่าบางอย่าง เช่น หน่วยความจำหรือ IRQ ( memory or IRQ conflicts) ถ้าเออเรอร์นี้ แสดงรายละเอียดของชื่อไดรเวอร์ที่มีปัญหาก็ให้ลองหยุดใช้ หรือ ถอดถอนไดรเวอร์เจ้าตัวที่มีปัญหาออก อาจจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ หรืออาจจะเป็นที่ไฟล์ไดรเวอร์ที่ติดตั้งนั้นเสียหายจากไวรัส เป็นต้น แต่ถ้าเออเรอร์นั้นได้อ้างถึงไฟล์ชื่อ Win32k.sys อาจจะเกิดจากมีการติดตั้งไฟล์ตัวนี้มาแทนที่จากโปรแกรมอื่นๆ วิธีแก้ก็ลองให้พยายามยกเลิก system service นี้ โดยการสตาร์ทวินโดวส์ใน Safe Mode แต่หากยังแก้ไขไม่ได้ คงต้องใช้งาน Recovery Console เพื่อลบไฟล์ System Service ที่สร้างปัญหานั้นทิ้ง
ปัญหานี้ก็อาจจะเกิดมาจากอัพเดตไบออสที่เข้ากันไม่สมบูรณ์ เช่น ไบออสที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานพลังงาน (ACPI) ให้ลองแก้ไข โดยการกลับไปใช้ไบออสตัวเก่า หรือหาตัวที่สมบูรณ์กว่านี้
อีกสาเหตุหนึ่ง อาจมาจากพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ไม่เพียงพอต่อการติดตั้งโปรแกรมวิธีแก้ง่ายๆ เพียงแต่จัดหา หรือบริหารพื้นที่ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน เช่น การลบ Temporary File ทิ้ง (พวกไฟล์นามสกุล .tmp) พวก Internet Cache files, หรือ ไฟล์ต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน แล้วก็กลับไปติดตั้งโปรแกรม ที่ต้องการต่อได้ หรืออีกสาเหตุหนึ่ง ปัญหานี้อาจจะเกิดจากการที่หน่วยความจำไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เนื่องจากโปรแกรมหรือเซอร์วิสบางตัวนำหน่วยความจำไปใช้งาน แล้วไม่ยอมคืนหน่วยความจำกลับมา ให้คุณใช้ยูทิลิตี้ที่ชื่อว่า Poolmon (Poolmon.exe) มาช่วยเหลือ (อยู่ในไดเรกทอรี SupportToolsของแผ่นติดตั้งวินโดวส์ เอ็กซ์พี) เจ้าตัวนี้สามารถช่วยคุณตรวจสอบว่าโปรแกรมตัวไหนนำหน่วยความจำไปใช้ และไม่ยอมคืนบ้าง เมื่อเจอแล้ว คุณอาจต้องถอนการติดตั้งโปรแกรมนั้นเสีย Error : NTFS_FILE_SYSTEM (Error Code : 0×00000024) 0×24 บ่งบอกถึงปัญที่เกิดขึ้นจากไฟล์ Ntfs.sys ซึ่งเป็นไดรเวอร์ที่ใช้ในการอนุญาตให้ระบบสามารถอ่านและเขียนระบบไฟล์ซิ สเต็มส์แบบ NTFS ปัญหานี้จะคล้ายกับโค้ด 0×23 ซึ่งมาจากความผิดพลาดในการอ่านหรือเขียนไฟล์ซิสเต็มส์แบบ FAT16 หรือFAT32
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* อาจเกิดจากการทำงานผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ SCSI หรือ ATA หรือไดรเวอร์ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์จำพวกนี้ ทำให้เกิดความผิดพลาดในการอ่านหรือเขียนข้อมูลสู่ดิสก์ไดรฟ์ จากปัญหานี้ถ้าคุณใช้งานฮาร์ดแบบ SCSI ให้ตรวจสอบที่รายละเอียดในส่วนของสายเชื่อมต่อ หรือจุดเชื่อมต่อต่างๆ และลองตรวจสอบที่ Event Viewer เพื่อตรวจหาข้อผิดพลาดที่อาจจะเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ ดังกล่าว
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบที่ใช้ในการตรวจสอบระบบของคุ ณ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Anti virus หรือระบบแบ็กอัพที่ใช้งาน ทำงานเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับ วินโดวส์ เอ็กซ์พี หลังจากนั้นให้ลองตรวจสอบกับอุปกรณ์ที่คุณใช้งาน บางชิ้นนั้นจะให้มากับเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของมันได้ (Diagnostic Tool) หากไม่มีเครื่องมือจำพวกนี้มาให้ เราก็สามารถตรวจสอบได้จากเครื่องมือของวินโดวส์ที่ให้ซึ่งมี 2 วิธีดังนี้ (ควรทำใน Safe mode)
* วิธีที่ 1*
1. ในช่อง Run ให้พิมพ์คำว่า “cmd”
2. ให้เริ่มต้นใช้งานเครื่องมือ Chkdsk, และใส่พารามิเตอร์เพื่อตรวจสอบความผิดพลาดของไฟล์โดยพิมพ์คำสั่ง ว่า “chkdsk [drive:] /f” (drive: คือชื่อไดรฟ์ที่คุณต้องการตรวจสอบ เช่น C: D: E: หรือ F: เป็นต้น) * ข้อควรระวัง* ถ้าคุณไม่ได้ใช้งานระบบ NTFS ไฟล์ที่มีการตั้งชื่อยาวกว่า 8 ตัว อักษร อาจจะเกิดการสูญหายไปจากฮาร์ดดิสก์ได้ หลังจากการตรวจสอบด้วยวิธีนี้
* วิธีที่ 2*
1. ดับเบิลคลิ้กที่ My computer และเลือกไปที่ฮาร์ดดิสก์ที่ต้องการจะตรวจเช็ค
2. ที่หัวข้อ “File” บนเมนูบาร์ให้เลือกที่ Properties
3. เลือกแท็บที่เขียนว่า Tools
4. ให้เช็คที่ช่องที่เขียนว่า Error-checking box
5. ในหัวข้อเช็ค Check disk options ให้เลือกที่ Scan for and attempt recovery for and sectors หรือ จะเลือกที่automatically fix file system error ด้วยก็ไม่เสียหายนะครับ
อีกสาเหตุหนึ่งอาจจะมาจากปัญหา Nonpage pool memory ในหน่วยความนำในระบบหมดสิ้นอย่างสิ้นเชิง สาเหตุนี้สามารถแก้ได้อย่างง่ายได้ โดยใช้เงินในกระเป๋าคุณไปซื้อแรมมาเพิ่มนั่นเอง Error : DATA_BUS_EROR (Error Code : 0×0000002E) 0×2E บ่งบอกถึงระบบตรวจสอบหน่วยความจำมีความผิดพลาด ซึ่งอาจจะเกิดมาจากความผิดพลาดในหน่วยความจำ เช่น ส่วนของการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (ECC) หน่วยความจำในที่นี้รวมไปถึงหน่วยความจำหลักบนเมนบอร์ด แคช L2 หรือแม้หน่วยความจำในการ์ดแสดงผล ซึ่งจากสาเหตุที่เกิดขึ้นมาในข้างต้นนั้น ทำให้เกิดกันเข้ากันอย่างไม่สมบูรณ์ หรือความผิดพลาดบางอย่างในตัวอุปกรณ์ หรือดีไวซ์ไดรเวอร์นั้นพยายามจะเข้าถึงหน่วยความจำในตำแหน่งที่มีอยู่จริง ก็ทำให้เกิด BOD ได้ 0×2E ก็สามารถเกิดได้จากความเสียหายของฮาร์ดดิสก์อันเกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์ หรือปัญหาอื่นๆ ได้
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นได้* 0×2E โดยทั่วๆ ไปจะเกิดจากการผิดปกติ การทำงานคลาดเคลื่อน หรือการพังของอุปกรณ์หน่วยความจำในระบบ เช่น หน่วยความจำปกติ แคช L2 หรือหน่วยความจำในการ์ดแสดงผล ให้ลองเปลี่ยนอุปกรณ์ที่อาจจะเกิดความเสียหายได้ หรือลองถอดออกในกรณีที่ไม่มีของให้เปลี่ยน แล้วลองหาเครื่องมือที่เอาไว้ ตรวจสอบความถูกต้องของอุปกรณ์ดังกล่าว ( Diagnostics tool) ที่มาจากโรงงานผู้ผลิต เพื่อดูว่ามีส่วนไหนเสียหายหรือไม่
0×2E สามารถจะเกิดขึ้นหลังจากการที่คุณติดตั้งดีไวซ์ไดรเวอร์ที่มีความเสียหาย ถ้าเออเรอร์นั้นแสดงรายละเอียดของไฟล์หรือชื่อของส่วนที่ทำให้เกิดข้อผิด พลาด ก็ให้แก้ไขด้วยวิธีเดิมๆ ในข้างต้น คือยกเลิกการใช้งาน หรือถอดถอนทิ้งหรือถอยกลับไปใช้ไดรเวอร์ในรุ่นที่ยังใช้งานได้ดีอยู่ และให้ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิตเพื่อดูรายระเอียดดีไวซ์ได รเวอร์ที่เข้ากันได้สมบูรณ์กับระบบ
อีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อ แต่ก็เป็นไปได้ ก็คือเกิดจากคราบสกปรกที่เกาะอยู่ตามผิวของอุปกรณ์ที่เมนบอร์ด ถ้าหากตรวจสอบและทำความสะอาดแล้วยังมีปัญหาอยู่แนะนำให้ส่งเครมครับ Error : NO_MORE_SYSTEM_PTES (Error Code : Stop 0×0000003F) 0×3F อาจเกิดขึ้นจาก Page Table Entries (PTE) ของระบบเกิดการทำงานผิดพลาด หรือ ไม่ปะติดปะต่อกันเมื่อระบบทำงานประมวลผลชุดคำสั่งที่มีการใช้ตัวเลขจำนวนมา กกในการประมวลผล หรือ อาจเกิดจำดีไวซ์ไดรเวอร์ ที่ติดตั้งนั้นไม่สามารถบริหารหน่วยความจำได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ หรือ อาจเกิดจากโปรแกรมบางตัวจัดสรรหน่วยความจำที่เคอร์แนลต้องการใช้งานไม่ถูก ต้อง
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* 0×3F สามารถเกิดขึ้นหลังจากที่คุณติดตั้งไดรเวอร์ที่ไม่สมบูรณ์ ถ้าเออเรอร์นั้นแสดงรายละเอียดของไฟล์หรือชื่อของส่วนที่ทำให้เกิดข้อผิด พลาด ก็ให้แก้ไขด้วยวิธีเดิมๆ ในข้างต้น คือการยกเลิกการใช้งาน หรือกลับไปใช้ไดรเวอร์ตัวเก่า เป็นต้น จริงๆ แล้ว PTEs นั้นอาจจะเหลืออีกเพียบ แต่เออเรอร์นี้ก็อาจจะเกิดขึ้นได้อีก เพราะว่าขนาดของ contiguous memory block ที่ไดรเวอร์ หรือ หน่วยความจำต้องใช้งานไม่เพียงพอ วิธีแก้ลองอัพเดตไดรเวอร์ตัวใหม่ที่สมบูรณ์ หรือโปรแกรมเวอร์ชันใหม่ๆ และให้ลองตรวจสอบจากเอกสารติดตั้งโปรแกรมดังกล่าวด้วย เกี่ยวกับ Minimum system reqirements ว่าต้องการเท่าใด
อีกสาเหตุที่อาจจะเป็นไปได้ก็น่าจะมาจากการที่มีความต้องการใช้งาน PTEs มากเกินค่าที่กำหนดไว้ วิธีแก้ไขก็ต้องปรับเปลี่ยนให้อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งในวินโดวส์ เอ็กซ์พีโปรเฟสชันแนลนั้นมีเครื่องมือที่จะให้เราสามารถขยายค่าของ PTEs ได้ตามต้องการ
* ข้อควรระวัง* อย่าแก้ไขค่ารีจิสเตอร์เอง หากคุณไม่มีความรู้เพียงพอ เพราะค่ารีจิสเตอร์นั้นอยู่นอกเหนือการป้องกันขั้นพื้นฐานของระบบ ซึ่งหากแก้ไขผิดพลาดอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบของท่านได้ ซึ่งรวมถึงการติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่ แต่ถ้าหากจำเป็นต้องแก้ไขจริงๆ แนะนำให้แบ็กอัพรีจิสเตอร์ไว้ก่อนดีกว่านะครับ
* ขั้นตอนในการแก้ไขค่า PTEs ในรีจิสทรีทำได้ดังนี้ *
1. ในช่อง RUN ให้พิมพ์คำว่า “regdit”
2. ใน regedit ให้มองหา sub key ที่มีชื่อว่า HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSession ManagerMemory Management
3. ดับเบิ้ลคลิกที่ PagedPoolSize และ SystemPages เพื่อดูค่าที่เคยตั้งไว้
4. ถ้าค่าของ PagedPoolSize ไม่เท่ากับศูนย์ ให้ตั้งค่าให้เป็น 0
5. ถ้าค่าของ SystemPages ไม่เท่ากับศูนย์ ให้ใส่ค่า 4000 สำหรับระบบที่มีหน่วยความจำ 128 เมกะไบต์ (หรือน้อยกว่า) และค่า 110000 สำหรับระบบที่มีหน่วยความจำมากกว่า 128 เมกะไบต์ขึ้นไป
6. ปิดโปรแกรมและรีบูตเครื่องใหม่
Error : PAGE_FAULT_IN_NONPAGED_AREA (Error Code : 0×00000050) 0×50 เกิดจากการเรียกใช้ข้อมูลซึ่งมิได้อยู่ในหน่วยความจำ ระบบจะรายงาน เออเรอร์โค้ดนี้ขึ้นมาเมื่ออ้างถึงค่าบางค่าในเมโมรีแอดเดรสที่ไม่มีอยู่ จริง หน่วยความจำในที่นี้รวมไปถึง L2 Cache และ หน่วยความจำในการ์ดแสดงผลด้วย
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* ถ้าเออเรอร์นี้เกิดขึ้นมาหลังจากคุณติดตั้งฮาร์ดแวร์ใหม่เข้าไป ให้ถอดหรือเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ดังกล่าว ถ้าหากพอจะแก้ไขปัญหานี้ได้ ให้รัน Diagnostic tools เพื่อตรวจสอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในบางส่วนของอุปกรณ์
0×50 อาจจะเกิดขึ้นหลังจากคุณได้ติดตั้งดีไวซ์ไดรเวอร์ที่เสียหายลงไปในระบบของ คุณ ให้ลองถอดถอนออกจากระบบ หรือกลับไปใช้ไดรเวอร์ตัวที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหา
ให้หมั่นอัพเดตไดรเวอร์และซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากๆ เช่น การ์ดแลน การ์ดแสดงผล แต่ถ้าหากว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่มีรุ่นใหม่เลย ให้ลองใช้ไดรเวอร์รุ่นใหม่ของอุปกรณ์รุ่นที่ใกล้เคียงกัน ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีเครื่องพิมพ์ รุ่น 1100c แล้วทำให้เกิดปัญหา 0×50 ให้ลองหาไดรเวอร์รุ่น 1100A หรือ รุ่น 1000 มาใช้ชั่วคราว อาจจะแก้ปัญหานี้ได้ Error : KERNEL_STACK_INPAGE_ERROR (Error : 0×00000077) 0×77 แสดงถึงข้อมูลซึ่งถูกเรียกใช้จากเวอร์ชวลเมโมรี ไม่สามารถหาพบหรืออ่านไปยังหน่วยความจำได้ หรืออาจจะหมายถึงฮาร์ดิสก์มีความเสียหาย หรือข้อมูลได้ถูกทำลาย หรืออาจจะเป็นไปได้ ที่มีไวรัสอยู่ในระบบ
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้ *0×77 อาจจะเกิดมาจากแบ็ดเซ็กเตอร์ หรือดิสก์คอนโทรลเลอร์มีความผิดพลาด หรือในกรณีที่อาจจะเกิดยากหน่อย คือ ค่า Non page pool หมดสิ้นไปจากระบบเลย ก็อาจทำให้เกิดเออเรอร์นี้ได้ แต่ถ้าจะสืบให้ได้รายละเอียดมากกว่านี่ ให้ดูที่ค่าตัวเลขที่สองและสามของเออเรอร์โค้ดยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นปัญหาทางด้านความผิดปกติของ I/O เออเรอร์โค้ดหมายเลข0xC0000185 หมายถึงเพจจิงไฟล์นั้นทำงานอยู่บนดิสก์ SCSI ให้ลองตรวจสอบสายเคเบิล และจุดเชื่อมต่อก่อน ถ้าเออเรอ์โค้ดหมายเลข 0xC000009C หรือ 0xC000016A หมายความว่า ไม่พบข้อมูลที่ได้ร้องขอหรือไม่มีอยู่จริง ให้ลองแก้ไขโดยการรีบูตเครื่อง ถ้าคิดว่ามาจากปัญหาเรื่องเกี่ยวกับความเสียหายของดิสก์ให้ลองใช้โปรแกรม ” Autochk” เพื่อตรวจสอบ และระบุแบ็ดเซ็กเตอร์ที่เกิดขึ้นบนดิสก์
อีกกรณีที่ทำให้เกิด 0×77 อาจมาจากความผิดพลาดหรือเสียหายของหน่วยความจำที่มีอยู่ในระบบ อาทิ หน่วยความจำหลัก , L2 Cache หรือ หน่วยความจำในการ์ดแสดงผล ให้ลองเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านี้ อาจจะแก้ปัญหาได้ หรืออีกสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากคราบสกปรกที่เกาะอยู่ตามผิวของอุปกรณ์บนเมน บอร์ดก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน Error : MISMATCHED_HAL (Error Code : 0×00000079) 0×79 บ่งบอกถึง hardware abstraction layer (HAL) และชนิดของเคอร์แนล ที่ใช้งานไม่ตรงกัน หรือพูดง่ายๆ ว่าฮาร์ดแวร์ที่วินโดวส์รู้จักไม่ตรงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง โดยส่วนมากเออเรอร์นี้มักจะเกิดมาจากค่า ACPI มีการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างเช่น การนำโอเอสที่เป็นแบบ Multi processor มาใช้งานบนเครื่องที่เป็น Single Processor เป็นต้น
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* 0×79 เกิดจากระบบที่ใช้งานไฟล์ Ntoskrnl.exe หรือ Hal.dll ที่เก่าเกินไป ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายๆ โดยการก๊อบปี้ไฟล์ที่ถูกต้องไปทับไฟล์เดิม ซึ่งไฟล์พวกนี้สามารถหาได้จากแผ่นติดตั้งวินโดวส์เอ็กซ์พีนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น บนระบบซิงกิ้ลโปรเซสเซอร์ไฟล์เคอร์แนลจะชื่อ Ntoskrnl.exe แต่บนระบบมัลติโปรเซสเซอร์ ไฟล์เคอร์แนลใช้ชื่อว่า Ntkrnlmp.exe เป็นต้น
อีกสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากไบออสไม่ได้กำหนดหมายเลข IRQ ให้กับ ACPI ดังนั้นคุณสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองโดยการกำหนดค่า IRQ ให้เองภายในไบออสภายใต้หัวข้อ ACPI Error : INACCESSIBLE_BOOT_DEVICE (Error Code : 0×0000007B) 0×7B หมายถึงวินโดวส์ เอ็กซ์พีไม่สามารถเข้าถึงซิสเท็มส์พาร์ทิชัน หรือ บูตโวลุ่ม ในระหว่างเริ่มต้นกระบวนการทำงาน หรืออาจเกิดจากติดตั้งหรือการอัพเกรดไดรเวอร์ของสตอเรจอะแดปเตอร์ผิดรุ่น
พารามิเตอร์ตัวที่สอง ก็มีความสำคัญมากเพราะช่วยขยายความถึง รายละเอียดของเออเรอร์โค้ด 0×7B ยกตัวอย่างเช่น *0xC000034 หมายถึงดิสก์หรือดิสก์คอนโทรลเลอร์ทำงานล้มเหลว หรือมีการตั้งค่าที่ไม่ถูกต้อง *0xC000000E หมายถึง Storage-related drivers หรือโปรแกรมบางตัว (ยกตัวอย่าง เช่น tape management software) ไม่คอมแพตทิเบิลกับวินโดวส์ เอ็กซ์พี เป็นต้น
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* ถ้าเออเรอร์นี้เกิดหลังจากที่คุณติดตั้งฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่ ให้แก้ไขได้โดยการแก้ไขไฟล์ Boot.ini (ปกติจะอยู่ที่ c: หรือไดรฟ์อื่นๆ แล้วแต่ว่าวินโดวส์จะติดตั้งไว้ที่ไดรฟ์ใด) และปรับปรุงค่าของ Boot manager เพื่ออนุญาตให้ระบบเริ่มต้นทำงานได้ ให้ตรวจสอบว่าเฟิร์มแวร์ของระบบ ไม่ว่าเป็นของดิสก์คอนโทรลเลอร์ หรือการตั้งค่าไบออสของเมนบอร์ดว่าถูกต้องหรือไม่ หรือในบางกรณีวินโดวส์ เอ็กซ์พีไม่รู้จักอุปกรณ์ดิสก์คอนโทรลเลอร์ นั้นๆ ให้ลองหาไดรเวอร์จากผู้ผลิตหรือจากเว็บไซต์เพื่อนำมาติดตั้ง ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ Error : UNEXPECTED_KERNEL_MODE_TRAP (Error Code : Stop 0×0000007F) 0×7F นั้นบ่งบอกถึงปัญหาปัญหาที่เคอร์แนลไม่อนุญาตให้เข้าใช้งาน (bound trap) ซึ่งอาจเกี่ยวพันกับฮาร์ดแวร์ด้วย
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* 0×7F ส่วนมากมาจากความผิดพลาดหรือล้มเหลวในส่วนของหน่วยความจำหลัก ถ้าคุณได้ติดตั้งอุปกรณ์ใหม่เข้าไป ให้ลองแก้ไขโดยการถอดเปลี่ยนอุปกรณ์ดังกล่าว
การโอเวอร์คล็อกซีพียูก็สามารถทำให้เกิดเออร์เรอร์โค้ด 0×7F หรือหมายเลขอื่นๆ ได้ เนื่องจากความร้อนที่สูงขึ้นอาจทำให้ซีพียูทำงานผิดพลาดได้ หากเกิดปัญหานี้ขึ้นสำหรับเครื่องที่โอเวอร์คล็อกให้ลองลดการโอเวอร์คล็อก กลับมาที่ความเร็วซีพียูเดิม อีกสาเหตุก็คือ คราบสกปรกที่เกาะอยู่บนเมนบอร์ด ถ้ามีควรทำความสะอาดเสียให้เรียบร้อย Error : BAD_POOL_CALLER (Error Code : 0×000000C2) 0xC2 หมายถึง kernel-mode process หรือไดรเวอร์บางตัวเกิดการใช้งานหน่วยความจำที่ผิดพลาด อาจจะมีสาเหตุมาจากทางใดทางหนึ่งดังนี้
• การจัดสรร Memory Pool ที่ขนาด เป็น 0 (ศูนย์)
• การจัดสรร Memory Pool ที่มีอยู่จริง
• การสั่งการให้ Memory Pool นั้นเป็น Free memory pool ทั้งที่มันว่างอยู่แล้ว
• การจัดสรรหรือการสั่งการให้เป็น Free memory pool ที่ค่า IRQL สูงเกินไป
• ความผิดพลาดของไดรเวอร์หรือซอฟต์แวร์ที่ใช้งาน
*สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้ * 0xC2 นั้นถ้าหากเกิดขึ้นหลังจากคุณติดตั้งโปรแกรมหรือไดรเวอร์ที่ไม่สมบูรณ์ สามารถแก้ไขได้โดยการถอดถอน ส่วนที่ติดตั้งลงไปออกเสีย
หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับการผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ก็ได้ ในกรณีที่มีการอ้างอุปกรณ์บางชิ้นในเออเรอร์ ก็ให้ลองเปลี่ยนอุปกรณ์ตัวนั้นหรือถอดถอนออกอาจจะแก้ไขปัญหาได้
หรืออาจจะเกิดจากการไม่คอมแพตทิเบิลกันของไดรเวอร์และซิสเต็มส์เซอร์วิส ของ เซอร์วิสแพ็คที่ได้ติดตั้งไว้ ให้ลองถอดถอน Third-party Device ก่อนการติดตั้งเซอร์วิสแพ็ค
Error : DRIVER_POWER_STATE_FAILURE (Error Code : 0×0000009F) 0×9F บ่งบอกว่าไดรเวอร์บางตัวทำงานไม่ปกติ มักเกิดในกรณีที่วินโดวส์ถูกสั่งให้กลับมาทำงาน หลังจากที่พักในโหมดสแตนบายด์ ซึ่งไดรเวอร์บางอย่างกลับมาใช้งานได้ในโหมดปกติ เป็นต้น
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* ถ้าหากเกิดขึ้นหลังจากคุณติดตั้งโปรแกรมหรือไดรเวอร์ที่ไม่สมบูรณ์ลงไป สามารถแก้ไขได้โดยการถอดถอนโปรแกรมหรือไดรเวอร์ตัวดังกล่าวออกเสียก็เรียบ ร้อย Error : UNMOUNTABLE_BOOT_VOLUME (Error Code : 0×000000ED) เออเรอร์นี้หมายความว่าเคอร์แนลพยายามเข้าไปเมาท์บูตโวลุ่ม แต่ไม่สามารถทำได้ เออเรอร์นี้มักจะเกิดขึ้นเมื่ออัพเกรดไปสู่วินโดวส์ เอ็กซ์พีโปรเฟสชันแนลบนเครื่องพีซีที่ไม่คอมแพตทิเบิล หรืออาจเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับสายเคเบิลก็เป็นไปได้
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* ถ้าคุณใช้ฮาร์ดดิสก์แบบ ATA66 ขึ้นให้ลองเปลี่ยนจากสายสัญญาณแบบ 40 พิณไปเป็นแบบ 80 พินอาจช่วยแก้ปัญหาได้นอกจากนี้ควรไปปรับค่าในไบออสของเมนบอร์ดให้ถูกต้อง ตรงกับชนิดของ ATA ที่ใช้ได้ด้วย
อีกวิธีหนึ่งที่ใช้แก้ปัญหาได้จริง คือ ให้ถอดถอนฮาร์ดดิสก์ตัวที่มีปัญหา นำไปต่อกับเครื่องพีซีที่ใช้วินโดวส์ เอ็กซ์พีรุ่นเดียวกันแล้วสั่งให้ Scandisk ด้วยเครื่องมือในไดรฟ์พรอเพอร์ตี้ จากนั้นนำ กลับมาต่อที่เครื่องเดิมก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ Error : STATUS_IMAGE_CHECKSUM_MISMATCH (Error : 0xC0000221) เออเรอร์นี้บ่งบอกว่า ปัญหาอาจเกิดจากไดรเวอร์ ซิสเต็มส์ไฟล์ หรือ ดิสก์เกิดความผิดพลาด เช่น เกิดความเสียหายของเพจจิงไฟล์ หรือเกิดความผิดพลาดของหน่วยความจำ เป็นต้น
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* เริ่มต้นให้ใช้วิธีแก้แบบเดิมๆ คือ หากเกิดปัญหาหลังจากติดตั้งไดรเวอร์ใหม่เข้าไป ให้ลองยกเลิกหรือกลับไปใช้ไดรเวอร์ตัวเก่า คุณสามารถใช้เมนู Last known good cofiguration (กด F8 ก่อนเข้าวินโดวส์) เพื่อสั่งให้กลับมาสู่สภาวะปกติที่เคยใช้งานได้ หรือลองมองหาเซอร์วิสแพ็คหรือฮ็อตฟิกซ์จากเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์มาติดตั้งดู ถ้าเออเรอร์ได้บ่งบอกชื่อของไฟล์มาด้วยให้ลองก๊อบปี้ไฟล์ที่พึ่งได้มาใหม่ จากแผ่นติดตั้งวินโดวส์ เอ็กซ์พีทับแทนที่ไฟล์เดิมก็น่าจะแก้ปัญหานี้ได้ Error : KERNEL_DATA_INPAGE_ERROR (Error Code : 0×0000007A) 0×7A แสดงถึงข้อมูลของ kernel (page of kernel data) ไม่สามารถพบได้บนเวอร์ชวลเมโมรี ทำให้ไฟล์ไม่สามารถอ่านไปสู่หน่วยความจำได้หรืออาจจะเกิดจาการที่ดิสก์หรือ ไดรฟ์คอนโทรลเลอร์ หรือเฟิร์มแวร์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ใช้งานได้ไม่สมบูรณ์
โดยทั่วๆไปแล้ว เราจำแนกแยกแยะรายละเอียดของเออเรอร์นี้ได้จากตัวแปลที่สองของเออเรอร์โค้ด ยกตัวอย่างเช่น
• 0xC000009A หรือ STATUS_INSUFFICIENT_RESOURCES หมายความว่า ค่าของ non paged pool ไม่เพียงพอกับความต้องการ
• 0xC000009C หรือ STATUS_DEVICE_DATA_ERROR หมายความว่า มีการเรียกใช้งาน Bad Block หรือ Bad Sectors บนฮาร์ดดิสก์
• 0×000009D หรือ STATUS_DEVICE_NOT_CONNECTED หมายความว่า อุปกรณ์บางตัวที่ต้องการเข้าถึงนั้น หายไปจากระบบ น่าจะเป็นได้ว่าไฟไม่เข้า หรือสายเคเบิลที่เอาไว่ต่อกับคอนโทรลเลอร์มีปัญหา (สายหลุดน่ะแหละ) ลองตรวจสอบตรงนี้ดูนะครับ
• 0xC000016A หรือ STATUS_DISK_OPERATION_FAILED หมายความว่า มีการเรียกใช้งาน Bad Block หรือ Bad Sectors บนฮาร์ดดิสก์
• 0xC0000185 or STATUS_IO_DEVICE_ERROR หมายถึง เกิดปัญหากับอุปกรณ์ I/O ควรตรวจสอบจุดต่างๆ เช่น หัวเชื่อมต่อสายเคเบิล หรือถ้าใช้การ์ดคอนโทรลเลอร์ลองทำความสะอาดแล้วเสียบใหม่ หรือเป็นไปได้ว่ามีอุปกรณ์ 2 ชิ้นกำลังแย่งกันใช้ทรัพยากรเดียวกันภายในเครื่องอยู่ ให้ลองถอด ตัวใดตัวหนึ่งออกก่อน
*สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้ * 0×7A ส่วนมากเกิดจากการไปใช้งานเวอร์ชันเมโมรีบนส่วนที่เป็นแบ็ดเซ็กเตอร์เข้าให้ หรืออาจจะเกิดจากความผิดพลาดของคอนโทรลเลอร์ หรือหน่วยความจำมีปัญหา ให้ลองแก้ไขโดยการรีบูตเครื่อง ถ้าคิดว่ามาจากปัญหาเรื่องเกี่ยวกับความเสียหายของฮาร์ดดิสก์ให้ลองใช้ โปรแกรม “Autochk” เพื่อตรวจสอบ และระบุแบ็ดเซ็กเตอร์
อีกกรณีหนึ่ง น่าจะมาจากการทำงานผิดพลาดหรือเกิดความเสียหายของหน่วยความจำที่มีอยู่ใน ระบบ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยความจำหลัก L2 Cache หรือหน่วยความจำของการ์ดแสดงผล ให้ลองเปลี่ยนหรือถอดอุปกรณ์ที่น่าจะมีปัญหาออก แล้วลองหาซอฟต์แวร์ diagnostics ตรวจสอบอีกที
ให้ลองตรวจสอบผ่านทางเว็บไซต์หรือทางตัวแทนจำหน่าย เพื่ออัพเดตเฟิร์มแวร์หรือไดรเวอร์ของอุปกรณ์ประเภทดิสก์คอนโทรลเลอร์ ซึ่งน่าจะเพิ่มความคอมแพตทิเบิลได้ อีกทางหนึ่งให้ลองตรวจสอบกับคู่มือการตั้งค่าของอุปกรณ์ว่าตั้งค่าเหมาะสม หรือไม่ เช่น การตั้งค่า Transfer rate ของแรมที่ต่ำไปหรือสูงไปอาจจะมีผลกระทบกับระบบโดยรวมได้ อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ อาจจะเกิดจากสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามเมนบอร์ดและลายวงจร ให้ลองทำความสะอาดดูนะครับ อาจจะช่วยได้บ้าง Error : DRIVER_UNLOAD_WITHOUT_ CANCELLING_PENDING_OPERATIONS (Error Code : 0×000000CE) 0xCE บ่งบอกถึงการที่ความผิดพลาดที่ยกเลิกการใช้งานไดรเวอร์ตัวนั้น
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* ปัญหานี้ไม่ค่อยหนักหนานักเนื่องจากมาเป็นเอาตอนที่จะเลิกใช้งานอยู่แล้ว ซึ่งเออเรอร์นี้หมายความว่าไดรเวอร์และโปรแกรมนั้นๆ อาจจะมีปัญหาแนะนำให้ถอนการติดตั้งไดรเวอร์หรือโปรแกรมนั้นออก แล้วรีบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง Error : DRIVER_IRQL_NOT_LESS_OR_EQUAL (Error Code : Stop 0×000000D1) 0xD1 บ่งบอกว่าระบบพยายามที่จะเข้าใช้งาน pageable memory ที่กำลังใช้งานด้วย kernel process ที่มี IRQL สูงมากเกินไป ทำให้ไดรเวอร์นั้นๆ ไม่สามารถใช้งานได้แบบปกติได้
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* 0xD1 นั้นส่วนมากมาจากไดรเวอร์ที่ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก วิธีแก้ก็ทำได้โดยหากเพิ่งติดตั้งดีไวซ์ไดรเวอร์ใหม่ลงไป แล้วทำให้เกิดปัญหา ก็ให้ถอดออกไดรเวอร์ตัวดังกล่าวออก แล้วกลับไปใช้ตัวที่คอมแพตทิเบิลจะดีกว่า Error : ATTEMPTED_WRITE_TO_READONLY_MEMORY (Error Code : 0×000000BE) 0xBE บ่งบอกว่าไดรเวอร์บางตัว กำลังพยายามจะเขียนข้อมูลลงสู่หน่วยความจำที่อ่านได้อย่างเดียว ( ROM:Read-only Memory)
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้ *ปัญหานี้ส่วนมากเกิดมาจากไดรเวอร์หรือโปรแกรมที่ไม่สมบูรณ์ แก้ไขได้ตามรายละเอียดที่แก้ไขกันบ่อยๆ คือ ให้ ถอนการติดตั้งออก แล้วกลับไปใช้ไดรเวอร์ตัวเก่า ในกรณีที่เป็นโปรแกรมหากต้องการใช้งานจริงๆ อาจต้องติดต่อกลับไปยังผู้พัฒนา เพื่อขอวิธีแก้ไขจากผู้พัฒนาโดยตรงอีกที *สรุปปัญหา Blue Screen*
ปัญหา Blue Screen นั้นส่วนมากนั้นจะเกิดจากการผิดพลาดของดีไวซ์ไดรเวอร์ หรือการทำงานผิดพลาดอันเนื่องจากมาจากไวรัส เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา Blue Screen ควรหมั่นแบ็กอัพค่าคอนฟิกและค่ารีจิสทรีของวินโดวส์อยู่เสมอ เครื่องมือที่ดีที่สุดก็คือ System Restore ดังนั้นถ้าคุณไม่แน่ใจเรื่องของระบบก่อนลงโปรแกรมหรือไดรเวอร์ใดๆ ก็ตามให้คุณสั่ง System Restore เสียก่อน เผื่อว่าเกิดปัญหา Blue Screen คุณยังสามารถเข้าเซฟโหมดแล้วสั่งให้โรลแบ็กระบบกลับมาได้
หรือในกรณีสุดท้ายที่หนักสุดคือ เกิดจากความผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ เช่น แรมเสื่อมสภาพ เพาเวอร์ซัพพลายหมดอายุ ฯลฯ ซึ่งอันนี้คงต้องอาศัยการเปลี่ยนอุปกรณ์เพียงอย่างเดียว แนะนำว่าควรลองถอดเปลี่ยนอุปกรณ์ต้องสงสัยกับเครื่องข้างเคียงก่อน เพื่อสืบหาต้นตอของปัญหาที่แท้จริงครับ **** ข้อมูล Blue Screen of Death คัมภีร์แก้ปัญหาจอมรณะ ทั้งหมดคัดลอกมาจากหนังสือ PCtoday*
*Blue Screen of Death คืออะไร?*
เชื่อแน่ๆ ว่าผู้ใช้พีซีไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก๋า น่าจะเจออาการแบบรูปที่ 1 กันบ้าง ไม่มากก็น้อย แต่ปฏิกิริยาที่เจออาจจะแตกต่างกัน ถ้าเป็นมือเก๋า ก็แค่ร้อง “ว้าเว้ย!!” แล้วก็หาทางแก้กันไป หน้าจอเดียวกันนี้ ถ้าเป็นมือใหม่หัดใช้คอมพ์ อาจถึงกับลนลานรีบต่อสายตรงที่ช่างซ่อมคอมพ์ทันทีเลยทีเดียว แต่ช้าก่อนครับ!!?? ถ้าคุณได้อ่านบทความเรื่องนี้ อาจช่วยลดอาการลนลานได้บ้าง และถ้าคุณร้าสาเหตุที่มาที่ไปของอาการนี้คุณอาจช่วยเหลือตัวเองได้บ้างโดย ไม่ต้องง้อช่างเลย
ทีนี้มาถึงคำตอบของคำถามที่ผมตั้งเป็นหัวข้อไว้ Blue Screen of Death ( ต่อไปขอย่อว่า BOD นะครับ) อธิบายง่ายๆ ก็คือ หน้าจอที่แสดงอาการผิดปกติของวินโดวส์ ซึ่งอาการที่เกิดได้ก็มาจากหลายๆ สาเหตุ ทั้งเกิดจากซอฟต์แวร์ก็ได้ หรือฮาร์ดแวร์ก็ได้ หรือเกิดพร้อมๆ กันเลยก็มี เหตุที่ตั้งชื่อให้มันน่ากลัวขนาดนั้น ก็เพราะถ้าหน้าจอสีฟ้านี้แสดงขึ้นมา มันหมายความว่าอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น ค่อนข้างหนักหนาจนวินโดวส์ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ นอกจากรีเซ็ตเครื่องเพียงอย่างเดียว
ในบางกรณี การรีเซ็ตเครื่องหลังจากขึ้นบลูสกรีน ก็สามารถใช้งานเครื่องพีซีต่อได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะหมดไป วันดีคืนดี หน้าจอมรณะก็อาจจะกลับมาหลอกหลอนได้อีก เพราะสาเหตุของปัญหายังไม่ได้ถูกขจัด ถามว่าทำไมบลูสกรีนอยู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทั้งๆทีใช้งานมาตั้งนานยังไม่เคยมีปัญหาแบบนี้? คำตอบของปัญหานี้จะไปโทษระบบปฏิบัติการเพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่ได้ อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าการทำงานของเครื่องพีซีต้องประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์เป็นหลัก ฮาร์ดแวร์ถ้าไม่ซอฟต์แวร์ควบคุมจัดการก็ไม่ต่างอะไรกับเศษเหล็ก ในทางกลับกันถ้าซอฟต์แวร์ไม่มีอะไรให้จัดการก็ไม่ต่างอะไรจากโค้ดดิ้งไร้ สาระหลายหมื่นบรรทัด และในเมื่อทั้งสองอย่างต้องทำงานร่วมกัน ความเข้ากันได้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
มาถึงตรงนี้อาจจะเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมหน้าจอมรณะถึงพบบ่อยได้นักในระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ทุกยุค ทุกสมัย นั่นก็เพราะ วินโดวส์เป็นระบบปฏิบัติการที่จำเป็นต้องออกแบบให้ใช้กับเครื่องพีซีและ อุปกรณ์ รอบข้างให้ได้หลากหลายที่สุดเท่าที่จะทำได้ แตกต่างจากระบบยูนิกซ์หรือ แมคโอเอส ที่ออกแบบมาเพื่อเครื่องยูนิกซ์หรือแอปเปิ้ลเพียงอย่างเดียว ลองนึกดูง่ายๆ แค่เมนบอร์ดที่ใช้กับเครื่องพีซีก็มีกี่ยี่ห้อ กี่รุ่น เข้าไปแล้ว ยังไม่นับกราฟิกการ์ด ซาวด์การ์ด โมเด็ม ฯลฯ และอีกสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องนำมาเชื่อมต่อ ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ถ้าเกิดปัญหาเรื่องความไม่เข้ากันเมื่อไหร่จอฟ้ามรณะก็บังเกิดขึ้น ครับ ความจริงวินโดวส์เองก็มีข้อบังคับเรื่องของฮาร์ดแวร์คอมแพตทิเบิลอยู่ รายระเอียดของเรื่องนี้อยู่ที่ http://www.microsoft.com/resources/documentation/windows/xp/all/prodd...ึ่งอุปกรณ์แต่ละชิ้นถ้าผ่านการรับรองจากไมโครซอฟต์แล้ว จะมีโลโก้แสดงว่าวินโดวส์ คอมแพตทิเบิลอยู่ แต่สมัยนี้อุปกรณ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย บางตัวก็ติดโลโก้วินโดวส์คอมแพตทิเบิลมาด้วย แต่ผู้ใช้ก็ไม่มีทางรู้ว่าจริงหรือไม่ ยังไม่นับซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่ร้อยพ่อพันแม่พัฒนากันออกมา ดังนั้นในความเป็นจริง ผู้ใช้จึงไม่สามารถใช้อุปกรณ์ที่เป็นคอมแพตทิเบิลร่วมกันได้ทั้งหมดได้ ที่เล่ามาทั้งหมด ขอออกตัวว่าผมไม่ได้แก้ต่างให้ไมโครซอฟท์แต่อย่างใด แค่อยากจะชี้ให้เห็นถึงสาเหตุของปัญหาบลูสกรีนที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่จำ เป็นต้องบอกล่วงหน้า ตราบใดที่เรายังใช้วินโดวส์ที่ยังคงรันอยู่พีซีที่ภายในมีอุปกรณ์ติดตั้งไม่ ซ้ำยี่ห้อกันเลยแม้แต่ยี่ห้อเดียว
ในวินโดวส์ NT, 2000 และ XP นั้น BOD ที่เกิดขึ้น มักเกิดมาจากเคอร์แนลหรือไดรเวอร์ ที่เกิดทำงานผิดพลาดโดยที่ไม่สามารถจะคืนสภาพการทำงานให้กลับมาเหมือนเดิม ได้ เช่น ไดรเวอร์ส่งค่าบางอย่างที่ไม่ถูกต้องไปยังกระบวนการอื่นๆ ทำให่ตัวระบบปฏิบัติการทำงานผิดพลาด วิธีเดียวที่ผู้ใช้จะแก้ไขได้ คือ รีบูตเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายความว่า ข้อมูลหรืองานที่คุณกำลังทำอยู่มีโอกาสที่จะหายไปด้วยเพราะวินโดวส์ไม่ได้ ถูกสั่งปิดแบบปกติ การพิจารณาแก้ปัญหา BOD ดูได้จากข้อความที่แสดงและเออเรอร์โค้ด บางปัญหาวินโดวส์จะแสดงข้อความที่เป็นสาเหตุอย่างชัดเจน แต่บางปัญหาก็ไม่สามารถอาศัยข้อความที่แสดงเพียงอย่างเดียว ต้องนำเอาเออเรอร์โค้ดมาร่วมพิจารณาด้วย ตำแหน่งของข้อความและเออเรอร์โค้ด
Error : IRQL_NOT_LESS_OR_EQUAL (Error Code : Stop 0×0000000A) ความหมายของ 0xA นั้นหมายความว่า Kernel-mode process หรือไดรเวอร์นั้นไม่สามารถจะเข้าถึงเมโมรีที่จองไว้ได้ อาจเนื่องจากไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าถึง หรือค่าที่เคอร์แนลส่งระดับ IRQL นั้นอยู่สูงเกินไป แต่ Kernel-mode process ที่มีค่า IRQL ต่ำกว่าสามารถเข้าถึงหน่วยความจำนั้นได้ โดยส่วนมาก Stop Message นี้มักจะมาจากการที่ไม่คอมแพตทิเบิลของฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์ที่อยู่ใน เครื่องนั่นเอง
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้ *สาเหตุนี้อาจเกิดหลังการติดตั้ง device driver, system sevice หรือ Firmware ที่เสียหายหรือไม่สมบูรณ์ หาก Stop Message นั้นแสดงชื่อไดรเวอร์ที่ผิดพลาดมาด้วยให้แก้ไขโดยการยกเลิก หรือ rollback กลับไปใช้ ไดรเวอร์ที่สมบูรณ์ หรือหากยังแก้ไขไม่ได้ อาจจะเป็นที่ไฟล์ที่ใช้ในการติดตั้งไดรเวอร์เกิดเสียหาย เพราะไวรัสก็ได้ ต้องตรวจสอบจุดนี้ด้วย
ข้อผิดพลาดอาจเกิดจากตัวฮาร์ดแวร์ก็ได้ หากเออเรอร์นี้แจ้งประเภทของ Device มา ยกตัวอย่างเช่น กราฟิกการ์ดหรือไดรฟ์ ก็ให้ลองปลดหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ที่Error Message แจ้งมาอาจจะช่วยแก้ปัญหาได้
หากปัญหานี้เกิดมาในช่วงที่คุณกำลังติดตั้งเซอร์วิสแพ็ค ของวินโดวส์ สาเหตุอาจ จะมาจากการที่ไม่คอมแพตทิเบิลกันของไดรเวอร์หรือ System Service ที่ได้ติดตั้งไว้ให้ลองถอน Third-party Device ก่อนการติดตั้งเซอร์วิสแพ็ค และเมื่อหลังจากติดตั้งสำเร็จแล้วให้ลองติดต่อไปยังโรงงานผู้ผลิต เพื่อสอบถามหาไดรเวอร์ที่เข้ากันได้อีกที Error : KMODE_EXCEPTION_NOT_HANDLED (Error Code : 0×0000001E) ค่า 0×1E เป็นเครื่องบ่งบอกว่าวินโดวส์ เอ็กซ์พีตรวจสอบพบชุดคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่อาจระบุได้ ปัญหาที่พบจาก 0×1E นั้นใกล้เคียงกับการเกิดขึ้นของ 0xA อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย ที่ ค่า 0xA เกิดจากการใช้งานผิดพลาดที่หน่วยความจำ แต่ เจ้า 0×1E นั้น เป็นการผิดพลาดจากชุดคำสั่ง
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* 0×1E โดย ส่วนมากจะปรากฏหลังจากติดตั้งไดรเวอร์ หรือ System sevices ที่ผิดพลาด หรือเกิดจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งลงไปใหม่นั้นทำให้เกิดการขัดแย้งหรือแย่งกัน ใช้งานค่าบางอย่าง เช่น หน่วยความจำหรือ IRQ ( memory or IRQ conflicts) ถ้าเออเรอร์นี้ แสดงรายละเอียดของชื่อไดรเวอร์ที่มีปัญหาก็ให้ลองหยุดใช้ หรือ ถอดถอนไดรเวอร์เจ้าตัวที่มีปัญหาออก อาจจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ หรืออาจจะเป็นที่ไฟล์ไดรเวอร์ที่ติดตั้งนั้นเสียหายจากไวรัส เป็นต้น แต่ถ้าเออเรอร์นั้นได้อ้างถึงไฟล์ชื่อ Win32k.sys อาจจะเกิดจากมีการติดตั้งไฟล์ตัวนี้มาแทนที่จากโปรแกรมอื่นๆ วิธีแก้ก็ลองให้พยายามยกเลิก system service นี้ โดยการสตาร์ทวินโดวส์ใน Safe Mode แต่หากยังแก้ไขไม่ได้ คงต้องใช้งาน Recovery Console เพื่อลบไฟล์ System Service ที่สร้างปัญหานั้นทิ้ง
ปัญหานี้ก็อาจจะเกิดมาจากอัพเดตไบออสที่เข้ากันไม่สมบูรณ์ เช่น ไบออสที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานพลังงาน (ACPI) ให้ลองแก้ไข โดยการกลับไปใช้ไบออสตัวเก่า หรือหาตัวที่สมบูรณ์กว่านี้
อีกสาเหตุหนึ่ง อาจมาจากพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ไม่เพียงพอต่อการติดตั้งโปรแกรมวิธีแก้ง่ายๆ เพียงแต่จัดหา หรือบริหารพื้นที่ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน เช่น การลบ Temporary File ทิ้ง (พวกไฟล์นามสกุล .tmp) พวก Internet Cache files, หรือ ไฟล์ต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน แล้วก็กลับไปติดตั้งโปรแกรม ที่ต้องการต่อได้ หรืออีกสาเหตุหนึ่ง ปัญหานี้อาจจะเกิดจากการที่หน่วยความจำไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เนื่องจากโปรแกรมหรือเซอร์วิสบางตัวนำหน่วยความจำไปใช้งาน แล้วไม่ยอมคืนหน่วยความจำกลับมา ให้คุณใช้ยูทิลิตี้ที่ชื่อว่า Poolmon (Poolmon.exe) มาช่วยเหลือ (อยู่ในไดเรกทอรี SupportToolsของแผ่นติดตั้งวินโดวส์ เอ็กซ์พี) เจ้าตัวนี้สามารถช่วยคุณตรวจสอบว่าโปรแกรมตัวไหนนำหน่วยความจำไปใช้ และไม่ยอมคืนบ้าง เมื่อเจอแล้ว คุณอาจต้องถอนการติดตั้งโปรแกรมนั้นเสีย Error : NTFS_FILE_SYSTEM (Error Code : 0×00000024) 0×24 บ่งบอกถึงปัญที่เกิดขึ้นจากไฟล์ Ntfs.sys ซึ่งเป็นไดรเวอร์ที่ใช้ในการอนุญาตให้ระบบสามารถอ่านและเขียนระบบไฟล์ซิ สเต็มส์แบบ NTFS ปัญหานี้จะคล้ายกับโค้ด 0×23 ซึ่งมาจากความผิดพลาดในการอ่านหรือเขียนไฟล์ซิสเต็มส์แบบ FAT16 หรือFAT32
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* อาจเกิดจากการทำงานผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ SCSI หรือ ATA หรือไดรเวอร์ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์จำพวกนี้ ทำให้เกิดความผิดพลาดในการอ่านหรือเขียนข้อมูลสู่ดิสก์ไดรฟ์ จากปัญหานี้ถ้าคุณใช้งานฮาร์ดแบบ SCSI ให้ตรวจสอบที่รายละเอียดในส่วนของสายเชื่อมต่อ หรือจุดเชื่อมต่อต่างๆ และลองตรวจสอบที่ Event Viewer เพื่อตรวจหาข้อผิดพลาดที่อาจจะเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ ดังกล่าว
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบที่ใช้ในการตรวจสอบระบบของคุ ณ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Anti virus หรือระบบแบ็กอัพที่ใช้งาน ทำงานเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับ วินโดวส์ เอ็กซ์พี หลังจากนั้นให้ลองตรวจสอบกับอุปกรณ์ที่คุณใช้งาน บางชิ้นนั้นจะให้มากับเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของมันได้ (Diagnostic Tool) หากไม่มีเครื่องมือจำพวกนี้มาให้ เราก็สามารถตรวจสอบได้จากเครื่องมือของวินโดวส์ที่ให้ซึ่งมี 2 วิธีดังนี้ (ควรทำใน Safe mode)
* วิธีที่ 1*
1. ในช่อง Run ให้พิมพ์คำว่า “cmd”
2. ให้เริ่มต้นใช้งานเครื่องมือ Chkdsk, และใส่พารามิเตอร์เพื่อตรวจสอบความผิดพลาดของไฟล์โดยพิมพ์คำสั่ง ว่า “chkdsk [drive:] /f” (drive: คือชื่อไดรฟ์ที่คุณต้องการตรวจสอบ เช่น C: D: E: หรือ F: เป็นต้น) * ข้อควรระวัง* ถ้าคุณไม่ได้ใช้งานระบบ NTFS ไฟล์ที่มีการตั้งชื่อยาวกว่า 8 ตัว อักษร อาจจะเกิดการสูญหายไปจากฮาร์ดดิสก์ได้ หลังจากการตรวจสอบด้วยวิธีนี้
* วิธีที่ 2*
1. ดับเบิลคลิ้กที่ My computer และเลือกไปที่ฮาร์ดดิสก์ที่ต้องการจะตรวจเช็ค
2. ที่หัวข้อ “File” บนเมนูบาร์ให้เลือกที่ Properties
3. เลือกแท็บที่เขียนว่า Tools
4. ให้เช็คที่ช่องที่เขียนว่า Error-checking box
5. ในหัวข้อเช็ค Check disk options ให้เลือกที่ Scan for and attempt recovery for and sectors หรือ จะเลือกที่automatically fix file system error ด้วยก็ไม่เสียหายนะครับ
อีกสาเหตุหนึ่งอาจจะมาจากปัญหา Nonpage pool memory ในหน่วยความนำในระบบหมดสิ้นอย่างสิ้นเชิง สาเหตุนี้สามารถแก้ได้อย่างง่ายได้ โดยใช้เงินในกระเป๋าคุณไปซื้อแรมมาเพิ่มนั่นเอง Error : DATA_BUS_EROR (Error Code : 0×0000002E) 0×2E บ่งบอกถึงระบบตรวจสอบหน่วยความจำมีความผิดพลาด ซึ่งอาจจะเกิดมาจากความผิดพลาดในหน่วยความจำ เช่น ส่วนของการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (ECC) หน่วยความจำในที่นี้รวมไปถึงหน่วยความจำหลักบนเมนบอร์ด แคช L2 หรือแม้หน่วยความจำในการ์ดแสดงผล ซึ่งจากสาเหตุที่เกิดขึ้นมาในข้างต้นนั้น ทำให้เกิดกันเข้ากันอย่างไม่สมบูรณ์ หรือความผิดพลาดบางอย่างในตัวอุปกรณ์ หรือดีไวซ์ไดรเวอร์นั้นพยายามจะเข้าถึงหน่วยความจำในตำแหน่งที่มีอยู่จริง ก็ทำให้เกิด BOD ได้ 0×2E ก็สามารถเกิดได้จากความเสียหายของฮาร์ดดิสก์อันเกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์ หรือปัญหาอื่นๆ ได้
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นได้* 0×2E โดยทั่วๆ ไปจะเกิดจากการผิดปกติ การทำงานคลาดเคลื่อน หรือการพังของอุปกรณ์หน่วยความจำในระบบ เช่น หน่วยความจำปกติ แคช L2 หรือหน่วยความจำในการ์ดแสดงผล ให้ลองเปลี่ยนอุปกรณ์ที่อาจจะเกิดความเสียหายได้ หรือลองถอดออกในกรณีที่ไม่มีของให้เปลี่ยน แล้วลองหาเครื่องมือที่เอาไว้ ตรวจสอบความถูกต้องของอุปกรณ์ดังกล่าว ( Diagnostics tool) ที่มาจากโรงงานผู้ผลิต เพื่อดูว่ามีส่วนไหนเสียหายหรือไม่
0×2E สามารถจะเกิดขึ้นหลังจากการที่คุณติดตั้งดีไวซ์ไดรเวอร์ที่มีความเสียหาย ถ้าเออเรอร์นั้นแสดงรายละเอียดของไฟล์หรือชื่อของส่วนที่ทำให้เกิดข้อผิด พลาด ก็ให้แก้ไขด้วยวิธีเดิมๆ ในข้างต้น คือยกเลิกการใช้งาน หรือถอดถอนทิ้งหรือถอยกลับไปใช้ไดรเวอร์ในรุ่นที่ยังใช้งานได้ดีอยู่ และให้ลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิตเพื่อดูรายระเอียดดีไวซ์ได รเวอร์ที่เข้ากันได้สมบูรณ์กับระบบ
อีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อ แต่ก็เป็นไปได้ ก็คือเกิดจากคราบสกปรกที่เกาะอยู่ตามผิวของอุปกรณ์ที่เมนบอร์ด ถ้าหากตรวจสอบและทำความสะอาดแล้วยังมีปัญหาอยู่แนะนำให้ส่งเครมครับ Error : NO_MORE_SYSTEM_PTES (Error Code : Stop 0×0000003F) 0×3F อาจเกิดขึ้นจาก Page Table Entries (PTE) ของระบบเกิดการทำงานผิดพลาด หรือ ไม่ปะติดปะต่อกันเมื่อระบบทำงานประมวลผลชุดคำสั่งที่มีการใช้ตัวเลขจำนวนมา กกในการประมวลผล หรือ อาจเกิดจำดีไวซ์ไดรเวอร์ ที่ติดตั้งนั้นไม่สามารถบริหารหน่วยความจำได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ หรือ อาจเกิดจากโปรแกรมบางตัวจัดสรรหน่วยความจำที่เคอร์แนลต้องการใช้งานไม่ถูก ต้อง
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* 0×3F สามารถเกิดขึ้นหลังจากที่คุณติดตั้งไดรเวอร์ที่ไม่สมบูรณ์ ถ้าเออเรอร์นั้นแสดงรายละเอียดของไฟล์หรือชื่อของส่วนที่ทำให้เกิดข้อผิด พลาด ก็ให้แก้ไขด้วยวิธีเดิมๆ ในข้างต้น คือการยกเลิกการใช้งาน หรือกลับไปใช้ไดรเวอร์ตัวเก่า เป็นต้น จริงๆ แล้ว PTEs นั้นอาจจะเหลืออีกเพียบ แต่เออเรอร์นี้ก็อาจจะเกิดขึ้นได้อีก เพราะว่าขนาดของ contiguous memory block ที่ไดรเวอร์ หรือ หน่วยความจำต้องใช้งานไม่เพียงพอ วิธีแก้ลองอัพเดตไดรเวอร์ตัวใหม่ที่สมบูรณ์ หรือโปรแกรมเวอร์ชันใหม่ๆ และให้ลองตรวจสอบจากเอกสารติดตั้งโปรแกรมดังกล่าวด้วย เกี่ยวกับ Minimum system reqirements ว่าต้องการเท่าใด
อีกสาเหตุที่อาจจะเป็นไปได้ก็น่าจะมาจากการที่มีความต้องการใช้งาน PTEs มากเกินค่าที่กำหนดไว้ วิธีแก้ไขก็ต้องปรับเปลี่ยนให้อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งในวินโดวส์ เอ็กซ์พีโปรเฟสชันแนลนั้นมีเครื่องมือที่จะให้เราสามารถขยายค่าของ PTEs ได้ตามต้องการ
* ข้อควรระวัง* อย่าแก้ไขค่ารีจิสเตอร์เอง หากคุณไม่มีความรู้เพียงพอ เพราะค่ารีจิสเตอร์นั้นอยู่นอกเหนือการป้องกันขั้นพื้นฐานของระบบ ซึ่งหากแก้ไขผิดพลาดอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบของท่านได้ ซึ่งรวมถึงการติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่ แต่ถ้าหากจำเป็นต้องแก้ไขจริงๆ แนะนำให้แบ็กอัพรีจิสเตอร์ไว้ก่อนดีกว่านะครับ
* ขั้นตอนในการแก้ไขค่า PTEs ในรีจิสทรีทำได้ดังนี้ *
1. ในช่อง RUN ให้พิมพ์คำว่า “regdit”
2. ใน regedit ให้มองหา sub key ที่มีชื่อว่า HKEY_LOCAL_MACHINESYSTEMCurrentControlSetControlSession ManagerMemory Management
3. ดับเบิ้ลคลิกที่ PagedPoolSize และ SystemPages เพื่อดูค่าที่เคยตั้งไว้
4. ถ้าค่าของ PagedPoolSize ไม่เท่ากับศูนย์ ให้ตั้งค่าให้เป็น 0
5. ถ้าค่าของ SystemPages ไม่เท่ากับศูนย์ ให้ใส่ค่า 4000 สำหรับระบบที่มีหน่วยความจำ 128 เมกะไบต์ (หรือน้อยกว่า) และค่า 110000 สำหรับระบบที่มีหน่วยความจำมากกว่า 128 เมกะไบต์ขึ้นไป
6. ปิดโปรแกรมและรีบูตเครื่องใหม่
Error : PAGE_FAULT_IN_NONPAGED_AREA (Error Code : 0×00000050) 0×50 เกิดจากการเรียกใช้ข้อมูลซึ่งมิได้อยู่ในหน่วยความจำ ระบบจะรายงาน เออเรอร์โค้ดนี้ขึ้นมาเมื่ออ้างถึงค่าบางค่าในเมโมรีแอดเดรสที่ไม่มีอยู่ จริง หน่วยความจำในที่นี้รวมไปถึง L2 Cache และ หน่วยความจำในการ์ดแสดงผลด้วย
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* ถ้าเออเรอร์นี้เกิดขึ้นมาหลังจากคุณติดตั้งฮาร์ดแวร์ใหม่เข้าไป ให้ถอดหรือเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ดังกล่าว ถ้าหากพอจะแก้ไขปัญหานี้ได้ ให้รัน Diagnostic tools เพื่อตรวจสอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในบางส่วนของอุปกรณ์
0×50 อาจจะเกิดขึ้นหลังจากคุณได้ติดตั้งดีไวซ์ไดรเวอร์ที่เสียหายลงไปในระบบของ คุณ ให้ลองถอดถอนออกจากระบบ หรือกลับไปใช้ไดรเวอร์ตัวที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหา
ให้หมั่นอัพเดตไดรเวอร์และซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากๆ เช่น การ์ดแลน การ์ดแสดงผล แต่ถ้าหากว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่มีรุ่นใหม่เลย ให้ลองใช้ไดรเวอร์รุ่นใหม่ของอุปกรณ์รุ่นที่ใกล้เคียงกัน ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีเครื่องพิมพ์ รุ่น 1100c แล้วทำให้เกิดปัญหา 0×50 ให้ลองหาไดรเวอร์รุ่น 1100A หรือ รุ่น 1000 มาใช้ชั่วคราว อาจจะแก้ปัญหานี้ได้ Error : KERNEL_STACK_INPAGE_ERROR (Error : 0×00000077) 0×77 แสดงถึงข้อมูลซึ่งถูกเรียกใช้จากเวอร์ชวลเมโมรี ไม่สามารถหาพบหรืออ่านไปยังหน่วยความจำได้ หรืออาจจะหมายถึงฮาร์ดิสก์มีความเสียหาย หรือข้อมูลได้ถูกทำลาย หรืออาจจะเป็นไปได้ ที่มีไวรัสอยู่ในระบบ
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้ *0×77 อาจจะเกิดมาจากแบ็ดเซ็กเตอร์ หรือดิสก์คอนโทรลเลอร์มีความผิดพลาด หรือในกรณีที่อาจจะเกิดยากหน่อย คือ ค่า Non page pool หมดสิ้นไปจากระบบเลย ก็อาจทำให้เกิดเออเรอร์นี้ได้ แต่ถ้าจะสืบให้ได้รายละเอียดมากกว่านี่ ให้ดูที่ค่าตัวเลขที่สองและสามของเออเรอร์โค้ดยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นปัญหาทางด้านความผิดปกติของ I/O เออเรอร์โค้ดหมายเลข0xC0000185 หมายถึงเพจจิงไฟล์นั้นทำงานอยู่บนดิสก์ SCSI ให้ลองตรวจสอบสายเคเบิล และจุดเชื่อมต่อก่อน ถ้าเออเรอ์โค้ดหมายเลข 0xC000009C หรือ 0xC000016A หมายความว่า ไม่พบข้อมูลที่ได้ร้องขอหรือไม่มีอยู่จริง ให้ลองแก้ไขโดยการรีบูตเครื่อง ถ้าคิดว่ามาจากปัญหาเรื่องเกี่ยวกับความเสียหายของดิสก์ให้ลองใช้โปรแกรม ” Autochk” เพื่อตรวจสอบ และระบุแบ็ดเซ็กเตอร์ที่เกิดขึ้นบนดิสก์
อีกกรณีที่ทำให้เกิด 0×77 อาจมาจากความผิดพลาดหรือเสียหายของหน่วยความจำที่มีอยู่ในระบบ อาทิ หน่วยความจำหลัก , L2 Cache หรือ หน่วยความจำในการ์ดแสดงผล ให้ลองเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านี้ อาจจะแก้ปัญหาได้ หรืออีกสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากคราบสกปรกที่เกาะอยู่ตามผิวของอุปกรณ์บนเมน บอร์ดก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน Error : MISMATCHED_HAL (Error Code : 0×00000079) 0×79 บ่งบอกถึง hardware abstraction layer (HAL) และชนิดของเคอร์แนล ที่ใช้งานไม่ตรงกัน หรือพูดง่ายๆ ว่าฮาร์ดแวร์ที่วินโดวส์รู้จักไม่ตรงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง โดยส่วนมากเออเรอร์นี้มักจะเกิดมาจากค่า ACPI มีการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างเช่น การนำโอเอสที่เป็นแบบ Multi processor มาใช้งานบนเครื่องที่เป็น Single Processor เป็นต้น
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* 0×79 เกิดจากระบบที่ใช้งานไฟล์ Ntoskrnl.exe หรือ Hal.dll ที่เก่าเกินไป ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายๆ โดยการก๊อบปี้ไฟล์ที่ถูกต้องไปทับไฟล์เดิม ซึ่งไฟล์พวกนี้สามารถหาได้จากแผ่นติดตั้งวินโดวส์เอ็กซ์พีนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น บนระบบซิงกิ้ลโปรเซสเซอร์ไฟล์เคอร์แนลจะชื่อ Ntoskrnl.exe แต่บนระบบมัลติโปรเซสเซอร์ ไฟล์เคอร์แนลใช้ชื่อว่า Ntkrnlmp.exe เป็นต้น
อีกสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากไบออสไม่ได้กำหนดหมายเลข IRQ ให้กับ ACPI ดังนั้นคุณสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองโดยการกำหนดค่า IRQ ให้เองภายในไบออสภายใต้หัวข้อ ACPI Error : INACCESSIBLE_BOOT_DEVICE (Error Code : 0×0000007B) 0×7B หมายถึงวินโดวส์ เอ็กซ์พีไม่สามารถเข้าถึงซิสเท็มส์พาร์ทิชัน หรือ บูตโวลุ่ม ในระหว่างเริ่มต้นกระบวนการทำงาน หรืออาจเกิดจากติดตั้งหรือการอัพเกรดไดรเวอร์ของสตอเรจอะแดปเตอร์ผิดรุ่น
พารามิเตอร์ตัวที่สอง ก็มีความสำคัญมากเพราะช่วยขยายความถึง รายละเอียดของเออเรอร์โค้ด 0×7B ยกตัวอย่างเช่น *0xC000034 หมายถึงดิสก์หรือดิสก์คอนโทรลเลอร์ทำงานล้มเหลว หรือมีการตั้งค่าที่ไม่ถูกต้อง *0xC000000E หมายถึง Storage-related drivers หรือโปรแกรมบางตัว (ยกตัวอย่าง เช่น tape management software) ไม่คอมแพตทิเบิลกับวินโดวส์ เอ็กซ์พี เป็นต้น
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* ถ้าเออเรอร์นี้เกิดหลังจากที่คุณติดตั้งฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่ ให้แก้ไขได้โดยการแก้ไขไฟล์ Boot.ini (ปกติจะอยู่ที่ c: หรือไดรฟ์อื่นๆ แล้วแต่ว่าวินโดวส์จะติดตั้งไว้ที่ไดรฟ์ใด) และปรับปรุงค่าของ Boot manager เพื่ออนุญาตให้ระบบเริ่มต้นทำงานได้ ให้ตรวจสอบว่าเฟิร์มแวร์ของระบบ ไม่ว่าเป็นของดิสก์คอนโทรลเลอร์ หรือการตั้งค่าไบออสของเมนบอร์ดว่าถูกต้องหรือไม่ หรือในบางกรณีวินโดวส์ เอ็กซ์พีไม่รู้จักอุปกรณ์ดิสก์คอนโทรลเลอร์ นั้นๆ ให้ลองหาไดรเวอร์จากผู้ผลิตหรือจากเว็บไซต์เพื่อนำมาติดตั้ง ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ Error : UNEXPECTED_KERNEL_MODE_TRAP (Error Code : Stop 0×0000007F) 0×7F นั้นบ่งบอกถึงปัญหาปัญหาที่เคอร์แนลไม่อนุญาตให้เข้าใช้งาน (bound trap) ซึ่งอาจเกี่ยวพันกับฮาร์ดแวร์ด้วย
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* 0×7F ส่วนมากมาจากความผิดพลาดหรือล้มเหลวในส่วนของหน่วยความจำหลัก ถ้าคุณได้ติดตั้งอุปกรณ์ใหม่เข้าไป ให้ลองแก้ไขโดยการถอดเปลี่ยนอุปกรณ์ดังกล่าว
การโอเวอร์คล็อกซีพียูก็สามารถทำให้เกิดเออร์เรอร์โค้ด 0×7F หรือหมายเลขอื่นๆ ได้ เนื่องจากความร้อนที่สูงขึ้นอาจทำให้ซีพียูทำงานผิดพลาดได้ หากเกิดปัญหานี้ขึ้นสำหรับเครื่องที่โอเวอร์คล็อกให้ลองลดการโอเวอร์คล็อก กลับมาที่ความเร็วซีพียูเดิม อีกสาเหตุก็คือ คราบสกปรกที่เกาะอยู่บนเมนบอร์ด ถ้ามีควรทำความสะอาดเสียให้เรียบร้อย Error : BAD_POOL_CALLER (Error Code : 0×000000C2) 0xC2 หมายถึง kernel-mode process หรือไดรเวอร์บางตัวเกิดการใช้งานหน่วยความจำที่ผิดพลาด อาจจะมีสาเหตุมาจากทางใดทางหนึ่งดังนี้
• การจัดสรร Memory Pool ที่ขนาด เป็น 0 (ศูนย์)
• การจัดสรร Memory Pool ที่มีอยู่จริง
• การสั่งการให้ Memory Pool นั้นเป็น Free memory pool ทั้งที่มันว่างอยู่แล้ว
• การจัดสรรหรือการสั่งการให้เป็น Free memory pool ที่ค่า IRQL สูงเกินไป
• ความผิดพลาดของไดรเวอร์หรือซอฟต์แวร์ที่ใช้งาน
*สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้ * 0xC2 นั้นถ้าหากเกิดขึ้นหลังจากคุณติดตั้งโปรแกรมหรือไดรเวอร์ที่ไม่สมบูรณ์ สามารถแก้ไขได้โดยการถอดถอน ส่วนที่ติดตั้งลงไปออกเสีย
หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับการผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ก็ได้ ในกรณีที่มีการอ้างอุปกรณ์บางชิ้นในเออเรอร์ ก็ให้ลองเปลี่ยนอุปกรณ์ตัวนั้นหรือถอดถอนออกอาจจะแก้ไขปัญหาได้
หรืออาจจะเกิดจากการไม่คอมแพตทิเบิลกันของไดรเวอร์และซิสเต็มส์เซอร์วิส ของ เซอร์วิสแพ็คที่ได้ติดตั้งไว้ ให้ลองถอดถอน Third-party Device ก่อนการติดตั้งเซอร์วิสแพ็ค
Error : DRIVER_POWER_STATE_FAILURE (Error Code : 0×0000009F) 0×9F บ่งบอกว่าไดรเวอร์บางตัวทำงานไม่ปกติ มักเกิดในกรณีที่วินโดวส์ถูกสั่งให้กลับมาทำงาน หลังจากที่พักในโหมดสแตนบายด์ ซึ่งไดรเวอร์บางอย่างกลับมาใช้งานได้ในโหมดปกติ เป็นต้น
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* ถ้าหากเกิดขึ้นหลังจากคุณติดตั้งโปรแกรมหรือไดรเวอร์ที่ไม่สมบูรณ์ลงไป สามารถแก้ไขได้โดยการถอดถอนโปรแกรมหรือไดรเวอร์ตัวดังกล่าวออกเสียก็เรียบ ร้อย Error : UNMOUNTABLE_BOOT_VOLUME (Error Code : 0×000000ED) เออเรอร์นี้หมายความว่าเคอร์แนลพยายามเข้าไปเมาท์บูตโวลุ่ม แต่ไม่สามารถทำได้ เออเรอร์นี้มักจะเกิดขึ้นเมื่ออัพเกรดไปสู่วินโดวส์ เอ็กซ์พีโปรเฟสชันแนลบนเครื่องพีซีที่ไม่คอมแพตทิเบิล หรืออาจเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับสายเคเบิลก็เป็นไปได้
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* ถ้าคุณใช้ฮาร์ดดิสก์แบบ ATA66 ขึ้นให้ลองเปลี่ยนจากสายสัญญาณแบบ 40 พิณไปเป็นแบบ 80 พินอาจช่วยแก้ปัญหาได้นอกจากนี้ควรไปปรับค่าในไบออสของเมนบอร์ดให้ถูกต้อง ตรงกับชนิดของ ATA ที่ใช้ได้ด้วย
อีกวิธีหนึ่งที่ใช้แก้ปัญหาได้จริง คือ ให้ถอดถอนฮาร์ดดิสก์ตัวที่มีปัญหา นำไปต่อกับเครื่องพีซีที่ใช้วินโดวส์ เอ็กซ์พีรุ่นเดียวกันแล้วสั่งให้ Scandisk ด้วยเครื่องมือในไดรฟ์พรอเพอร์ตี้ จากนั้นนำ กลับมาต่อที่เครื่องเดิมก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ Error : STATUS_IMAGE_CHECKSUM_MISMATCH (Error : 0xC0000221) เออเรอร์นี้บ่งบอกว่า ปัญหาอาจเกิดจากไดรเวอร์ ซิสเต็มส์ไฟล์ หรือ ดิสก์เกิดความผิดพลาด เช่น เกิดความเสียหายของเพจจิงไฟล์ หรือเกิดความผิดพลาดของหน่วยความจำ เป็นต้น
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* เริ่มต้นให้ใช้วิธีแก้แบบเดิมๆ คือ หากเกิดปัญหาหลังจากติดตั้งไดรเวอร์ใหม่เข้าไป ให้ลองยกเลิกหรือกลับไปใช้ไดรเวอร์ตัวเก่า คุณสามารถใช้เมนู Last known good cofiguration (กด F8 ก่อนเข้าวินโดวส์) เพื่อสั่งให้กลับมาสู่สภาวะปกติที่เคยใช้งานได้ หรือลองมองหาเซอร์วิสแพ็คหรือฮ็อตฟิกซ์จากเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์มาติดตั้งดู ถ้าเออเรอร์ได้บ่งบอกชื่อของไฟล์มาด้วยให้ลองก๊อบปี้ไฟล์ที่พึ่งได้มาใหม่ จากแผ่นติดตั้งวินโดวส์ เอ็กซ์พีทับแทนที่ไฟล์เดิมก็น่าจะแก้ปัญหานี้ได้ Error : KERNEL_DATA_INPAGE_ERROR (Error Code : 0×0000007A) 0×7A แสดงถึงข้อมูลของ kernel (page of kernel data) ไม่สามารถพบได้บนเวอร์ชวลเมโมรี ทำให้ไฟล์ไม่สามารถอ่านไปสู่หน่วยความจำได้หรืออาจจะเกิดจาการที่ดิสก์หรือ ไดรฟ์คอนโทรลเลอร์ หรือเฟิร์มแวร์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ใช้งานได้ไม่สมบูรณ์
โดยทั่วๆไปแล้ว เราจำแนกแยกแยะรายละเอียดของเออเรอร์นี้ได้จากตัวแปลที่สองของเออเรอร์โค้ด ยกตัวอย่างเช่น
• 0xC000009A หรือ STATUS_INSUFFICIENT_RESOURCES หมายความว่า ค่าของ non paged pool ไม่เพียงพอกับความต้องการ
• 0xC000009C หรือ STATUS_DEVICE_DATA_ERROR หมายความว่า มีการเรียกใช้งาน Bad Block หรือ Bad Sectors บนฮาร์ดดิสก์
• 0×000009D หรือ STATUS_DEVICE_NOT_CONNECTED หมายความว่า อุปกรณ์บางตัวที่ต้องการเข้าถึงนั้น หายไปจากระบบ น่าจะเป็นได้ว่าไฟไม่เข้า หรือสายเคเบิลที่เอาไว่ต่อกับคอนโทรลเลอร์มีปัญหา (สายหลุดน่ะแหละ) ลองตรวจสอบตรงนี้ดูนะครับ
• 0xC000016A หรือ STATUS_DISK_OPERATION_FAILED หมายความว่า มีการเรียกใช้งาน Bad Block หรือ Bad Sectors บนฮาร์ดดิสก์
• 0xC0000185 or STATUS_IO_DEVICE_ERROR หมายถึง เกิดปัญหากับอุปกรณ์ I/O ควรตรวจสอบจุดต่างๆ เช่น หัวเชื่อมต่อสายเคเบิล หรือถ้าใช้การ์ดคอนโทรลเลอร์ลองทำความสะอาดแล้วเสียบใหม่ หรือเป็นไปได้ว่ามีอุปกรณ์ 2 ชิ้นกำลังแย่งกันใช้ทรัพยากรเดียวกันภายในเครื่องอยู่ ให้ลองถอด ตัวใดตัวหนึ่งออกก่อน
*สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้ * 0×7A ส่วนมากเกิดจากการไปใช้งานเวอร์ชันเมโมรีบนส่วนที่เป็นแบ็ดเซ็กเตอร์เข้าให้ หรืออาจจะเกิดจากความผิดพลาดของคอนโทรลเลอร์ หรือหน่วยความจำมีปัญหา ให้ลองแก้ไขโดยการรีบูตเครื่อง ถ้าคิดว่ามาจากปัญหาเรื่องเกี่ยวกับความเสียหายของฮาร์ดดิสก์ให้ลองใช้ โปรแกรม “Autochk” เพื่อตรวจสอบ และระบุแบ็ดเซ็กเตอร์
อีกกรณีหนึ่ง น่าจะมาจากการทำงานผิดพลาดหรือเกิดความเสียหายของหน่วยความจำที่มีอยู่ใน ระบบ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยความจำหลัก L2 Cache หรือหน่วยความจำของการ์ดแสดงผล ให้ลองเปลี่ยนหรือถอดอุปกรณ์ที่น่าจะมีปัญหาออก แล้วลองหาซอฟต์แวร์ diagnostics ตรวจสอบอีกที
ให้ลองตรวจสอบผ่านทางเว็บไซต์หรือทางตัวแทนจำหน่าย เพื่ออัพเดตเฟิร์มแวร์หรือไดรเวอร์ของอุปกรณ์ประเภทดิสก์คอนโทรลเลอร์ ซึ่งน่าจะเพิ่มความคอมแพตทิเบิลได้ อีกทางหนึ่งให้ลองตรวจสอบกับคู่มือการตั้งค่าของอุปกรณ์ว่าตั้งค่าเหมาะสม หรือไม่ เช่น การตั้งค่า Transfer rate ของแรมที่ต่ำไปหรือสูงไปอาจจะมีผลกระทบกับระบบโดยรวมได้ อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ อาจจะเกิดจากสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามเมนบอร์ดและลายวงจร ให้ลองทำความสะอาดดูนะครับ อาจจะช่วยได้บ้าง Error : DRIVER_UNLOAD_WITHOUT_ CANCELLING_PENDING_OPERATIONS (Error Code : 0×000000CE) 0xCE บ่งบอกถึงการที่ความผิดพลาดที่ยกเลิกการใช้งานไดรเวอร์ตัวนั้น
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* ปัญหานี้ไม่ค่อยหนักหนานักเนื่องจากมาเป็นเอาตอนที่จะเลิกใช้งานอยู่แล้ว ซึ่งเออเรอร์นี้หมายความว่าไดรเวอร์และโปรแกรมนั้นๆ อาจจะมีปัญหาแนะนำให้ถอนการติดตั้งไดรเวอร์หรือโปรแกรมนั้นออก แล้วรีบูตเครื่องใหม่อีกครั้ง Error : DRIVER_IRQL_NOT_LESS_OR_EQUAL (Error Code : Stop 0×000000D1) 0xD1 บ่งบอกว่าระบบพยายามที่จะเข้าใช้งาน pageable memory ที่กำลังใช้งานด้วย kernel process ที่มี IRQL สูงมากเกินไป ทำให้ไดรเวอร์นั้นๆ ไม่สามารถใช้งานได้แบบปกติได้
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้* 0xD1 นั้นส่วนมากมาจากไดรเวอร์ที่ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก วิธีแก้ก็ทำได้โดยหากเพิ่งติดตั้งดีไวซ์ไดรเวอร์ใหม่ลงไป แล้วทำให้เกิดปัญหา ก็ให้ถอดออกไดรเวอร์ตัวดังกล่าวออก แล้วกลับไปใช้ตัวที่คอมแพตทิเบิลจะดีกว่า Error : ATTEMPTED_WRITE_TO_READONLY_MEMORY (Error Code : 0×000000BE) 0xBE บ่งบอกว่าไดรเวอร์บางตัว กำลังพยายามจะเขียนข้อมูลลงสู่หน่วยความจำที่อ่านได้อย่างเดียว ( ROM:Read-only Memory)
* สาเหตุและหนทางแก้ปัญหาที่อาจเป็นไปได้ *ปัญหานี้ส่วนมากเกิดมาจากไดรเวอร์หรือโปรแกรมที่ไม่สมบูรณ์ แก้ไขได้ตามรายละเอียดที่แก้ไขกันบ่อยๆ คือ ให้ ถอนการติดตั้งออก แล้วกลับไปใช้ไดรเวอร์ตัวเก่า ในกรณีที่เป็นโปรแกรมหากต้องการใช้งานจริงๆ อาจต้องติดต่อกลับไปยังผู้พัฒนา เพื่อขอวิธีแก้ไขจากผู้พัฒนาโดยตรงอีกที *สรุปปัญหา Blue Screen*
ปัญหา Blue Screen นั้นส่วนมากนั้นจะเกิดจากการผิดพลาดของดีไวซ์ไดรเวอร์ หรือการทำงานผิดพลาดอันเนื่องจากมาจากไวรัส เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา Blue Screen ควรหมั่นแบ็กอัพค่าคอนฟิกและค่ารีจิสทรีของวินโดวส์อยู่เสมอ เครื่องมือที่ดีที่สุดก็คือ System Restore ดังนั้นถ้าคุณไม่แน่ใจเรื่องของระบบก่อนลงโปรแกรมหรือไดรเวอร์ใดๆ ก็ตามให้คุณสั่ง System Restore เสียก่อน เผื่อว่าเกิดปัญหา Blue Screen คุณยังสามารถเข้าเซฟโหมดแล้วสั่งให้โรลแบ็กระบบกลับมาได้
หรือในกรณีสุดท้ายที่หนักสุดคือ เกิดจากความผิดพลาดของฮาร์ดแวร์ เช่น แรมเสื่อมสภาพ เพาเวอร์ซัพพลายหมดอายุ ฯลฯ ซึ่งอันนี้คงต้องอาศัยการเปลี่ยนอุปกรณ์เพียงอย่างเดียว แนะนำว่าควรลองถอดเปลี่ยนอุปกรณ์ต้องสงสัยกับเครื่องข้างเคียงก่อน เพื่อสืบหาต้นตอของปัญหาที่แท้จริงครับ **** ข้อมูล Blue Screen of Death คัมภีร์แก้ปัญหาจอมรณะ ทั้งหมดคัดลอกมาจากหนังสือ PCtoday*
40 สถานที่ปฏิบัติกรรมฐานยอดนิยม
*๑. วัดธรรมมงคล *
ซอยปุณณวิถี ๒๐ ถ. สุขุมวิท ๑๐๑ บางจาก พระโขนง กรุงเทพฯ โทร. ๗๔๑-๗๘๒๑-๒, ๓๓๒-๒๘๒๖-๗ วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร แนวการปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ” สถานที่ปฏิบัติมีหลายแห่ง คือ ๑. ศาลาปฏิบัติธรรม เป็นห้องมุ้งลวด ๒. ถ้ำวิปัสสนา (จำลอง) ๓. ศูนย์สมาธิวิริยานุภาพ มี ๘๐ ห้องพัก ทุกห้องมีเครื่องปรับอากาศ ๔. ห้องสำหรับทำสมาธิ ๕. สถานปฏิบัติธรรม จ. เชียงราย ๖. สำนักสงฆ์น้ำตกแม่กลาง
*๒. วัดอัมพวัน *
๕๓ บ. อัมพวัน ถ. เอเชีย กม. ๑๓๐ หมู่ที่ ๔ ต. พรหมบุรี อ. พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี โทร. (๐๓๖) ๕๙๙-๓๘๑), (๐๓๖) ๕๙๙-๑๗๕ วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม แนวการปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ บริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”
* ๓. ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ *
๕๘/๘ ถ.เพชรเกษม ๕๔ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ๑๐๑๖๐ โทร. ๔๑๓-๑๗๐๖, ๘๐๕-๐๗๙๐-๔ วิปัสสนาจารย์ คุณแม่สิริ กรินชัย แนวการปฏิบัติ แนวสติปัฏฐาน ๔ เจริญสติอย่างต่อเนื่อง ตามแนวพระธีรราชมหามุนี วัดมหาธาตุ สถานที่เป็นตึกทันใหม่ทันสมัยหลายหลัง โดยทั่วไปการอบรมใช้เวลา ๘ วัน ๗ คืน
*๔. สวนโมกขพลาราม *
๖๘ หมู่ ๖ ต. เลเม็ด อ. ไชยา จ. สุราษฎร์ธานี ๘๔๑๑๐ วิปัสสนาจารย์ ท่านพุทธทาสภิกขุ แนวการปฏิบัติ อานาปานสติภาวนา
*๕. วัดป่าสุนันทวราราม *
บ้านลิ่นถิ่น ต. ท่าเตียน อ. ไทรโยค จ. กาญจนบุรี วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก แนวการปฏิบัติ อานาปานสติภาวนา เปิดอบรม “อานาปานสติภาวนา” แก่ผู้สนใจ ครั้งละ ๙ วัน เปิดรับครั้งละ ๑๐๐-๑๕๐ คน เป็นการปฏิบัติที่เคร่งครัด กินอาหารวันละ ๑ มื้อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คุณดารณี บุญช่วย (๐๒) ๓๒๑-๖๓๒๐
*๖. วัดภูหล่น *
๙ ต. สงยาง อ. ศรีเมืองใหม่ จ. อุบลราชธานี ปฐมวิปัสสนาหลวงปู่มั่นฯ (สถานที่หลวงปู่มั่นออกธุดงค์ครั้งแรกกับหลวงปู่เสาร์)
วัดนี้ค่อนข้างจะห่างจากตัวเมือง บรรยากาศดีมาก เย็นสบาย และเงียบสงบ มีสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บนเขาไม่สูงนักสามารถกางกลดอยู่ได้ มีโบสถ์บนเขาและมีกุฏิโดยรอบ บ้างก็ซ่อนอยู่ตามซอกเขา ที่นี่เหมาะกับผู้เคยปฏิบัติธรรมมาแล้ว ต้องการมาปฏิบัติขั้นอุกฤษฎ์
*๗. วัดถ้ำขาม *
บ้านคำข่า หมู่ที่ ๔ ตำบาลไร่ อ. พรรณานิคม จ. สกลนคร วิปัสสนาจารย์ อาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดมีเนื้อที่ ๘๔๐ ไร่ พื้นที่จรดเขตอุทยานป่าแนวเทือกเขาภูพาน วัดอยู่บนเขาสูง
แต่ก็มีบันไดขึ้นลงสะดวก มีลิงป่า และไก่ป่า ที่พัก มีที่พักเป็นกุฏิ (กุฏิละ ๑ คน) หรือพักรวมบนศาลาก็ได้ เหมาะสำหรับไปปฏิบัติแบบอุกฤษฎ์
*๘. วัดมเหยงคณ์ *
ต. หันตรา อ. พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา แนวปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิ กำหนดรู้ รูป-นาม
*๙. สำนักปฏิบัติธรรมแสงธรรมส่องชีวิต *
ต. โคกแย้ อ. หนองแค จ. สระบุรี ๑๘๒๓๐ โทร. (๐๓๖) ๓๗๙-๔๒๘ แนวปฏิบัติ เน้นให้ผู้ฝึกมีสติรู้ในอิริยาบท ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันสำคัญทางศาสนา จะมีการจัดอบรมฝึกวิปัสสนากรรมฐาน บวชชีพราหมณ์ เนกขัมมะ
*๑๐. วัดสนามใน *
๒๗ ต. วัดชลอ อ. บางกรวย จ. นนทบุรี โทร. ๔๒๙-๒๑๑๙, ๘๘๓-๗๒๕๑ วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อเทียน จิตตฺสุโภ แนวปฏิบัติ เน้นการเจริญสติ วิธีที่เป็นที่นิยมคือวิธีสร้างจังหวะ เป็นวิธีสร้างสติแบบนั่งทำสมาธิแต่ไม่ต้องหลับตา
*๑๑. วัดป่านานาชาติ *
บ้านบุ่งหวาย หมู่ ๗ ต. บุ่งหวาย อ. วารินชำราบ จ. อุบลราชธานี (สาขา ๑๑๙ ของวัดหนองป่าพง) เป็นวัดป่าที่มีต้นไม้ใหญ่มาก มียุงและแมลงต่าง ๆ มาก คนที่แพ้ยุงก็ควรหายากันยุงไปด้วย อากาศเย็นสบาย ทานอาหารวันละ ๑ มื้อ การไป ให้เขียนจดหมายไปขออนุญาตจากเจ้าอาวาส แล้วจึงเดินทางไปอยู่
*๑๒. วัดปทุมวนาราม *
ถ. พระราม ๑ ปทุมวัน กรุงเทพฯ ๑๐๓๓๐ โทร. ๒๕๑-๒๓๑๕, ๒๕๒-๕๔๖๕ วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์ถาวร จิตฺตถาวโร แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ” นั่งปฏิบัติในศาลาพระราชศรัทธา มีอาสนะและผ้าคลุมตักให้หยิบใช้ได้ บริเวณโดยรอบมีการปลูกแต่งด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ร่มรื่นสวยงาม กำหนดการปฏิบัติธรรมที่ศาลาฯ ประจำวันจันทร์ – ศุกร์ วันละ ๓ เวลา เช้า ๗.๐๐ – ๘.๐๐ น. กลางวัน ๑๒.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. เย็น ๑๗.๐๐ – ๒๐.๐๐ น.
*๑๓. วัดปากน้ำภาษีเจริญ *
เลขที่ ๘ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ วิปัสสนาจารย์ พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด) แนวปฏิบัติ ตามแนวธรรมกาย ใช้คำบริกรรม “สัมมาอรหัง” สถานที่ปฏิบัติ ๑. หอเจริญวิปัสสนาฯ ชั้น ๒ เป็นห้องแอร์ปูพรม ๒. หอสังเวชนีย์มงคลเทพนิมิต ๓. ตึกบวรเทพมุนี
*๑๔. วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์ *
เลขที่ ๓ ท่าพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ แนวปฏิบัติ ตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ใช้คำบริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ” สถานที่ปฏิบัติ คณะ ๕ สำนักงานกลาง กองการวิปัสสนาธุระ เปิดทุกวัน สอนเดินจงกรมและนั่งสมาธิ เช้า ๐๗.๐๐ – ๑๐.๐๐ น. กลางวัน ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. เย็น ๑๘.๐๐ – ๑๙.๐๐ น.
*๑๕. วัดอินทรวิหาร *
อาคารปฏิบัติธรรม “เฉลิมพระเกียรติ” วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐ โทร. ๖๒๘-๕๕๕๐-๒ แนวการปฏิบัติ แนวหลักสูตรของคุณแม่สิริ กรินชัย ๘ วัน ๗ คืน หรือ ๔ วัน ๓ คืน เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมขยายผล จากผู้ปฏิบัติธรรมกับคุณแม่สิริ กรินชัย เป็นอาคารทันสมัย ๕ ชั้น จุได้ประมาณ ๕๐๐ คน
*๑๖. สำนักงานพุทธมณฑล *
พุทธมณฑล ถ. พุทธมณฑลสาย ๔ ต. ศาลายา อ. พุทธมณฑล จ. นครปฐม โทร. ๔๔๑-๙๐๐๙, ๔๔๑-๙๐๑๒ แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ กำหนดรู้อารมณ์ บริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ” สถานที่ปฏิบัติ ชั้น ๒ ของหอประชุม มีเครื่องปรับอากาศ ห้องนอน มีเครื่องนอน เช่น หมอน มุ้ง ผ้าห่มให้พร้อม หรือนำไปเองก็ได้ ทานอาหาร ๒ มื้อ
*๑๗. ศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ เฉลิมพระเกียรติ *
คลองสาม จ. ปทุมธานี โทร. ๙๘๖-๖๔๐๔-๕ เป็นสาขาของยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย – ภาษีเจริญ
*๑๘. วัดอโศการาม *
๑๓๖ หมู่ ๒ กม. ๓๑ ถ. สุขุมวิท (สายเก่า) ต. ท้ายบ้าน อ. เมือง จ. สมุทรปราการ วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อลี ธมฺมชโช บริเวณกว้างขวาง มีสระน้ำใหญ่ในบริเวณวัด กุฏิพระ แม่ชี และที่พักแยกเป็นสัดส่วนเรียงรายรอบวัดเป็นร้อย ๆ หลัง ส่วนมากอยู่ติดริมทะเลซึ่งเป็นป่าชายเลน
*๑๙. วัดญาณสังวรารามวรวิหาร *
ต. ห้วยใหญ่ อ. บางละมุง จ. ชลบุรี โทร. (๐๓๘) ๒๓๗-๖๔๒ สถานที่ปฏิบัติ เป็นอาคารคอนกรีต ๒ ชั้น มีอาคาร ญส. ๗๒ ชาย และ ญส. ๗๒ หญิง ชั้นละ ๑๐ ห้อง มีห้องน้ำในตัว เรือนปฏิบัติธรรมมี ๑๗ หลัง
*๒๐. สำนักวิปัสสนาวิเวกอาศรม *
ซ. ประชานุกูล ๗ ถ. ชลบุรี-บ้านบึง ต. บ้านสวน อ. เมือง จ. ชลบุรี โทร (๐๓๘) ๒๘๓-๗๖๖ วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์ภัททันตะ อาสภมหาเถระ แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ ใช้คำบริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ” มีเรือนพักปฏิบัติธรรมทั้งหญิงชายแยกเป็นสัดส่วนอยู่จำนวนมาก การอยู่ปฏิบัติให้พักคนเดียว เน้นการเก็บอารมณ์ ไม่พูดคุยกัน อย่างเคร่งครัด การรับประทานอาหารจะมีปิ่น
*๒๑. สำนักวิปัสสนาสมมิตร - ปราณี *
จ. ชลบุรี โทร. พระอาจารย์ใหญ่ (๐๑) ๙๒๑-๑๑๐๑ เป็นสถานที่ซึ่งมีผู้บริจาคเพื่อขยับขยายมาจากวิเวกอาศรม แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ ใช้คำบริกรรม "ยุบหนอ พองหนอ" สถานที่ล้อมรอบด้วยทุ่งและธรรมชาติ มีกุฏิสงฆ์สร้างในแบบธรรมชาติมุงจาก อาคารปฏิบัติธรรมขนาดกลางและอุโบสถ ยังรับผู้ปฏิบัติธรรมได้ไม่มากนัก
*๒๒. วัดเขาสุกิม *
ต. เขาบายศรี อ. ท่าใหม่ จ. จันบุรี วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ใช้คำบริกรรม "พุทโธ" วัดตั้งอยู่สูงขึ้นไปบนเชิงเขา กว้างขวางกว่า ๓,๒๘๐ ไร่ มีทางบันได และรถรางขึ้นไปบนวัด บริเวณร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย มีศาลาที่พักที่สะดวกสบาย เป็นห้องมุ้งลวด มีเตียง ที่นอน หมอนให้ หรือพักที่กุฏิว่างต่าง ๆ
*๒๓. วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) *
๖๐ บ้านท่าซุง หมู่ ๑ ต. น้ำซึม อ. เมือง จ. อุทัยธานี วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ แนวปฏิบัติ มโนมยิทธิ บริกรรม "นะ มะ พะ ธะ" และสอนอนุสติ บริกรรม "พุทโธ"
*๒๔. สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง *
อ. เชียงดาว จ. เชียงใหม่ วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่สิม พุทธจาโร สำนักสงฆ์แห่งนี้อยู่บนดอย ทางขึ้นลงเทปูนเป็นบันไดเดินได้สะดวกแต่ค่อนข้างสูง หลวงปู่เคยเล่าไว้ว่าที่ถ้ำผาปล่อง และถ้ำเชียงดาวนี้ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ให้สำรวมระวัง รักษาความสงบ ไม่ร้องรำทำเพลง เล่นตลกคะนอง เพราะเคยมีพระอรหันต์ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้ากกุสันโธ พระอรหันต์สมัยพระพุทธเจ้าโกนาคม พระอรหันต์สมัยพระกัสสโป และพระอรหันต์สมัยพระพุทธโคดม มาบำเพ็ญเพียรและละสังขารอยู่หลายองค์ การนั่งภาวนาที่นี่จะทำเหมือนสมัยที่หลวงปู่ยังอยู่ คือ ท่านจะให้ทุกคนที่ไปภาวนานั่งสมาธิเพชรฟังเทศน์ ด้วยเหตุผลว่า "การนั่งสมาธิเพชรนั้นเป็นการฝึกฝนคนเราให้เกิดความตั้งใจมั่น"
*๒๕. วัดป่าสาละวัน *
อ. เมือง จ. นครราชสีมา วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วันที่ ๑-๕ ของทุกเดือน จะมีการอบรมการปฏิบัติแก่อุบาสกอุบาสิกา ที่ใต้ศาลา และบนวิหารชั้น ๒ โดยจะมีพระให้การอบรม
*๒๖. วัดสมเด็จแดนสงบ (แสงธรรมเวฬุราราม) *
๙๙ ซอย ๑๙ ถ. มิตรภาพ อ. เมือง จ. นครราชสีมา ๓๐๐๐๐ โทร. (๐๔๔) ๒๑๔-๑๓๔, ๒๑๔-๘๖๙-๗๐ วิปัสสนาจารย์ พระครูภาวนาวิสิฐ แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔
*๒๗. วัดป่าวะภูแก้ว *
ต. มะเกลือใหม่ อ. สูงเนิน จ. นครราชสีมา แนวปฏิบัติ แนวหลวงปู่เสาร์ - หลวงปู่มั่น ภาวนา "พุทโธ" วัดอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ มีต้นไม้ใหญ่น้อยมาก สถานที่เงียบสงบ สวยงาม มีอาคารอบรมขนาดใหญ่ สำหรับผู้มาทำสมาธิเป็นหมู่คณะ
*๒๘. วัดหนองป่าพง *
๔๖ หมู่ ๑๐ ต. โนนผึ้ง อ. วารินชำราบ จ. อุบลราชธานี วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อชา สุภทฺโท แนวปฏิบัติ เน้นให้มีสติสม่ำเสมอ ฝึกสมาธิแบบอานาปานสติ
*๒๙. ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน *
บ้านเนินทาง ต. บ้านค้อ อ. เมือง จ. ขอนแก่น ๔๐๐๐๐ โทร. (๐๔๓) ๒๓๗-๗๘๖, ๑๒๗-๗๙๐ เป็นสถานปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานสาขา ของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ เช่นเดียวกับวัดอัมพวัน จ. สิงห์บุรี
*๓๐. วัดป่าวิเวกธรรมวิทยาราม *
ซ. ศรีจันทร์ ๑๓ ถ. ศรีจันทร์ ต. ในเมือง อ. เมือง จ. ขอนแก่น ๔๐๐๐๐ โทร. (๐๔๓) ๒๒๒-๐๔๒ วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา "พุทโธ"
*๓๑. วัดถ้ำผาบิ้ง *
ต. ทรายขาว อ. วังสะพุง จ. เลย วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่หลุย จันทสาโร เมื่อไปถึงจะพบศาลาสร้างด้วยไม้ที่โปร่งสะอาดน่านั่งสมาธิ มีกุฏิหลายหลัง มีถ้ำอยู่ไม่สูงจากเชิงเขา มีบันได้ขึ้นสะดวก เป็นที่สงบวิเวกมาก เหมาะแก่การปฏิบัติอย่างอุกฤษฎ์ พระในสายพระอาจารย์มั่นมักมากจำพรรษา และปฏิบัติธรรมที่นี่ เพราะเป็นที่สัปปายะ บรรยากาศเงียบสงบ ห่างจากเมือง
*๓๒. วัดถ้ำกองเพล *
ต. โนนทัน อ. เมือง จ. หนองบัวลำภู ๓๙๐๐๐ โทร. (๐๔๒) ๓๑๒-๓๗๗ วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่ขาว อนาลโย แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา "พุทโธ" เป็นวัดป่ากว้างขวาง พร้อมศาลาปฏิบัติธรรมสร้างภายในถ้ำ ทางไปถ้ำสะดวกอยู่ริมถนน รถเข้าถึงปากถ้ำได้ ไม่ต้องปีน บางกุฏิก็ซ่อนอยู่ตามเหลือบผาต่าง ๆ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม เมื่อไปถึงให้ติดต่อศาลาประชาสัมพันธ์เพื่อขออนุญาตก่อน ปฏิบัติธรรมอย่างเข้ม
*๓๓. วัดป่าบ้านตาด *
ต. บ้านตาด อ. เมือง จ. อุดรธานี วิปัสสนาจารย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา "พุทโธ" ในวัดมีกุฏิที่พักหลายกุฏิ มักจะมีลูกศิษย์มาอยู่ปฏิบัติกันมาก แต่ผู้มาปฏิบัติที่นี่ต้องกินน้อย นอนน้อย ปฏิบัติมาก กลางคืนมักจะเดินจงกรม นั่งสมาธิ จนดึก หรือโต้รุ่งก็มี ไม่ใช้ไฟฟ้าในตอนกลางคืน ผู้ปฏิบัติจึงควรจำไฟฉายหรือเทียนติดตัวไปด้วย เพื่อใช้ส่องทางเดิน ทางจงกรม ซึ่งมักจะเป็นทางดิน และอาจมีสัตว์ เช่น งู อยู่บ้าง ต้องเจริญเมตตาไม่เบียดเบียนต่อกัน
*๓๔. วัดหินหมากเป้ง *
บ้านไทยเจริญ หมู่ ๔ ต. พระพุทธบาท อ. ศรีเชียงใหม่ จ. หนองคาย วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา "พุทโธ" ในวัดมีกุฏิเรือนรับรองอยู่มาก บริเวณกว้างขวาง ประกอบด้วยป่าโปร่ง ป่าไผ่ ทะเลสาบใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เหมาะแก่การอยู่ปฏิบัติ
*๓๕. วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) *
อ. บึงกาฬ จ. หนองคาย วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา "พุทโธ" วัดตั้งอยู่บนภูทอก ทางขึ้นค่อนข้างชัน สร้างด้วยความอัศจรรย์และด้วยจิตที่เด็ดเดี่ยวของพระเณร ท่านพระอาจารย์จวนได้ทำทางขึ้นเป็นขั้นบันไดและทางเดินด้วยไม้รอบภูจนถึงยอด บริเวณหน้าผา ท่านใช้ไม้ ๒ ลำมัดให้แน่นยื่นออกไป ๔ เมตร เอาเชือกบังสุกุลผูกปลายไม้ที่ยื่นออกไป ตรึงใส่เสาที่ปักไว้ แล้วไปนั่งที่ปลายไม้นั้น เพื่อตอกหินเจาะหลุมที่หน้าผา ปรากฏว่า ถ้าให้ฆราวาสไปนั่งปลายไม้ครั้งใด ก็ไม่สามารถควบคุมสติสมาธิได้ เพราะมองไปข้างบ่างก็เกิดความหวั่นไหว จนไม่สามารถตอกหินได้สำเร็จ ผู้สร้างจึงเป็นพระและเณร สิ่งปลูกสร้างนี้มี ๗ ชั้น มีกุฏิที่พักเชิงเขาที่ชั้น ๒ หรือจะพักกุฏิว่างรอบเขาก็ได้ (ต้องขออนุญาตก่อน)
เหมาะกับผู้ปฏิบัติที่ฝึกมาดีพอสมควร มีความเข้มแข็งพึ่งตนเองได้ เนื่องจากเปลี่ยวและสูงอยู่บนภูเขา แต่บรรยากาศเย็นสบาย เงียบสงบ
*๓๖. วัดดอยธรรมเจดีย์ *
บ้านทาสีนวล หมู่ ๓ ต. ตองโขบ อ. ศรีสุพรรณ จ. สกลนคร วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา "พุทโธ" ปกติจะปฏิบัติที่ศาลา ส่วนที่พักมีกุฏิ และอาคารคึกสะอาดทันสมัย
*๓๗. วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม *
ถนน รพช หมู่ ๑ ต. ปทุมวาปี อ. ส่องดาว จ. สกลนคร แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภาวนา "พุทโธ" ที่นี่มีหลายถ้ำ มีถ้ำหนึ่งชื่อถ้ำพวง ซึ่งพระอาจารย์มั่นเคยเล่าให้ฟังว่า เป็นถ้ำที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เคยมีพระอรหันต์ชื่อ พระนรสีห์ มานิพพานที่นี่
*๓๘. วัดป่าสุทธาวาส *
๑๓๙๖ บ้านคำสะอาด หมู่ ๑๐ ต. ธาตุเชิงชุม อ. เมือง จ. สกลนคร แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา "พุทโธ" มีอาคารเป็นตึกปูน ๓ ชั้นหลังใหญ่ จุคนได้หลายร้อยคน เย็นสบาย
*๓๙. วัดคำประมง *
เลขที่ ๒๐ หมู่ ๔ บ้านคำประมง ต. สว่าง อ. พรรณนานิคม จ. สกลนคร ๔๗๑๓๐ วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่สิม พุทธจาโร เนื่องจากเป็นวัดที่มีพระจำพรรษาอยู่น้อยในฤดูนอกพรรษา จึงเงียบสงบ มีเจ้าหน้าที่ตัดหญ้า ปลูกดอกไม้สวยงามอย่างดี มีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ และสิ่งก่อสร้างสวยงาม มีสระน้ำทะเลสาบใหญ่ ฝูงปลามากมาย มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมและให้อาหารปลาอยู่เสมอ
*๔๐. สำนักปฏิบัติธรรมศิริธรรม (ถ้ำชี) *
เขากิ่ว ต. ไร้ส้ม อ. เมือง จ. เพชรบุรี ๗๖๐๐๐ โทร. (๐๓๒) ๔๒๘-๕๒๒ วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อกนฺตสิริภิกขุ แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ และอานาปานสติ เขากิ่วเป็นภูเขาเตี้ย ๆ มีต้นไม้หนาแน่นมาก อยู่ใกล้เมือง เดินทางสะดวก บนเขามีลิงอยู่บ้าง แต่ไม่ทำร้ายคน บนสำนักฯ มีเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ศาลา ถ้ำชี ซึ่งใช้เป็นอุโบสถ กุฏิที่พัก ห้องน้ำ-ส้วม พอสะดวกสบายแก่การปฏิบัติ ที่นี่เน้นการปฏิบัติเคร่งครัด กินน้อย นอนน้อย ปฏิบัติมาก
ซอยปุณณวิถี ๒๐ ถ. สุขุมวิท ๑๐๑ บางจาก พระโขนง กรุงเทพฯ โทร. ๗๔๑-๗๘๒๑-๒, ๓๓๒-๒๘๒๖-๗ วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร แนวการปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ” สถานที่ปฏิบัติมีหลายแห่ง คือ ๑. ศาลาปฏิบัติธรรม เป็นห้องมุ้งลวด ๒. ถ้ำวิปัสสนา (จำลอง) ๓. ศูนย์สมาธิวิริยานุภาพ มี ๘๐ ห้องพัก ทุกห้องมีเครื่องปรับอากาศ ๔. ห้องสำหรับทำสมาธิ ๕. สถานปฏิบัติธรรม จ. เชียงราย ๖. สำนักสงฆ์น้ำตกแม่กลาง
*๒. วัดอัมพวัน *
๕๓ บ. อัมพวัน ถ. เอเชีย กม. ๑๓๐ หมู่ที่ ๔ ต. พรหมบุรี อ. พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี โทร. (๐๓๖) ๕๙๙-๓๘๑), (๐๓๖) ๕๙๙-๑๗๕ วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม แนวการปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ บริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”
* ๓. ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ *
๕๘/๘ ถ.เพชรเกษม ๕๔ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ๑๐๑๖๐ โทร. ๔๑๓-๑๗๐๖, ๘๐๕-๐๗๙๐-๔ วิปัสสนาจารย์ คุณแม่สิริ กรินชัย แนวการปฏิบัติ แนวสติปัฏฐาน ๔ เจริญสติอย่างต่อเนื่อง ตามแนวพระธีรราชมหามุนี วัดมหาธาตุ สถานที่เป็นตึกทันใหม่ทันสมัยหลายหลัง โดยทั่วไปการอบรมใช้เวลา ๘ วัน ๗ คืน
*๔. สวนโมกขพลาราม *
๖๘ หมู่ ๖ ต. เลเม็ด อ. ไชยา จ. สุราษฎร์ธานี ๘๔๑๑๐ วิปัสสนาจารย์ ท่านพุทธทาสภิกขุ แนวการปฏิบัติ อานาปานสติภาวนา
*๕. วัดป่าสุนันทวราราม *
บ้านลิ่นถิ่น ต. ท่าเตียน อ. ไทรโยค จ. กาญจนบุรี วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก แนวการปฏิบัติ อานาปานสติภาวนา เปิดอบรม “อานาปานสติภาวนา” แก่ผู้สนใจ ครั้งละ ๙ วัน เปิดรับครั้งละ ๑๐๐-๑๕๐ คน เป็นการปฏิบัติที่เคร่งครัด กินอาหารวันละ ๑ มื้อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คุณดารณี บุญช่วย (๐๒) ๓๒๑-๖๓๒๐
*๖. วัดภูหล่น *
๙ ต. สงยาง อ. ศรีเมืองใหม่ จ. อุบลราชธานี ปฐมวิปัสสนาหลวงปู่มั่นฯ (สถานที่หลวงปู่มั่นออกธุดงค์ครั้งแรกกับหลวงปู่เสาร์)
วัดนี้ค่อนข้างจะห่างจากตัวเมือง บรรยากาศดีมาก เย็นสบาย และเงียบสงบ มีสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บนเขาไม่สูงนักสามารถกางกลดอยู่ได้ มีโบสถ์บนเขาและมีกุฏิโดยรอบ บ้างก็ซ่อนอยู่ตามซอกเขา ที่นี่เหมาะกับผู้เคยปฏิบัติธรรมมาแล้ว ต้องการมาปฏิบัติขั้นอุกฤษฎ์
*๗. วัดถ้ำขาม *
บ้านคำข่า หมู่ที่ ๔ ตำบาลไร่ อ. พรรณานิคม จ. สกลนคร วิปัสสนาจารย์ อาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดมีเนื้อที่ ๘๔๐ ไร่ พื้นที่จรดเขตอุทยานป่าแนวเทือกเขาภูพาน วัดอยู่บนเขาสูง
แต่ก็มีบันไดขึ้นลงสะดวก มีลิงป่า และไก่ป่า ที่พัก มีที่พักเป็นกุฏิ (กุฏิละ ๑ คน) หรือพักรวมบนศาลาก็ได้ เหมาะสำหรับไปปฏิบัติแบบอุกฤษฎ์
*๘. วัดมเหยงคณ์ *
ต. หันตรา อ. พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา แนวปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิ กำหนดรู้ รูป-นาม
*๙. สำนักปฏิบัติธรรมแสงธรรมส่องชีวิต *
ต. โคกแย้ อ. หนองแค จ. สระบุรี ๑๘๒๓๐ โทร. (๐๓๖) ๓๗๙-๔๒๘ แนวปฏิบัติ เน้นให้ผู้ฝึกมีสติรู้ในอิริยาบท ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันสำคัญทางศาสนา จะมีการจัดอบรมฝึกวิปัสสนากรรมฐาน บวชชีพราหมณ์ เนกขัมมะ
*๑๐. วัดสนามใน *
๒๗ ต. วัดชลอ อ. บางกรวย จ. นนทบุรี โทร. ๔๒๙-๒๑๑๙, ๘๘๓-๗๒๕๑ วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อเทียน จิตตฺสุโภ แนวปฏิบัติ เน้นการเจริญสติ วิธีที่เป็นที่นิยมคือวิธีสร้างจังหวะ เป็นวิธีสร้างสติแบบนั่งทำสมาธิแต่ไม่ต้องหลับตา
*๑๑. วัดป่านานาชาติ *
บ้านบุ่งหวาย หมู่ ๗ ต. บุ่งหวาย อ. วารินชำราบ จ. อุบลราชธานี (สาขา ๑๑๙ ของวัดหนองป่าพง) เป็นวัดป่าที่มีต้นไม้ใหญ่มาก มียุงและแมลงต่าง ๆ มาก คนที่แพ้ยุงก็ควรหายากันยุงไปด้วย อากาศเย็นสบาย ทานอาหารวันละ ๑ มื้อ การไป ให้เขียนจดหมายไปขออนุญาตจากเจ้าอาวาส แล้วจึงเดินทางไปอยู่
*๑๒. วัดปทุมวนาราม *
ถ. พระราม ๑ ปทุมวัน กรุงเทพฯ ๑๐๓๓๐ โทร. ๒๕๑-๒๓๑๕, ๒๕๒-๕๔๖๕ วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์ถาวร จิตฺตถาวโร แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ” นั่งปฏิบัติในศาลาพระราชศรัทธา มีอาสนะและผ้าคลุมตักให้หยิบใช้ได้ บริเวณโดยรอบมีการปลูกแต่งด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ร่มรื่นสวยงาม กำหนดการปฏิบัติธรรมที่ศาลาฯ ประจำวันจันทร์ – ศุกร์ วันละ ๓ เวลา เช้า ๗.๐๐ – ๘.๐๐ น. กลางวัน ๑๒.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. เย็น ๑๗.๐๐ – ๒๐.๐๐ น.
*๑๓. วัดปากน้ำภาษีเจริญ *
เลขที่ ๘ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ วิปัสสนาจารย์ พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด) แนวปฏิบัติ ตามแนวธรรมกาย ใช้คำบริกรรม “สัมมาอรหัง” สถานที่ปฏิบัติ ๑. หอเจริญวิปัสสนาฯ ชั้น ๒ เป็นห้องแอร์ปูพรม ๒. หอสังเวชนีย์มงคลเทพนิมิต ๓. ตึกบวรเทพมุนี
*๑๔. วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์ *
เลขที่ ๓ ท่าพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ แนวปฏิบัติ ตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ใช้คำบริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ” สถานที่ปฏิบัติ คณะ ๕ สำนักงานกลาง กองการวิปัสสนาธุระ เปิดทุกวัน สอนเดินจงกรมและนั่งสมาธิ เช้า ๐๗.๐๐ – ๑๐.๐๐ น. กลางวัน ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. เย็น ๑๘.๐๐ – ๑๙.๐๐ น.
*๑๕. วัดอินทรวิหาร *
อาคารปฏิบัติธรรม “เฉลิมพระเกียรติ” วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐ โทร. ๖๒๘-๕๕๕๐-๒ แนวการปฏิบัติ แนวหลักสูตรของคุณแม่สิริ กรินชัย ๘ วัน ๗ คืน หรือ ๔ วัน ๓ คืน เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมขยายผล จากผู้ปฏิบัติธรรมกับคุณแม่สิริ กรินชัย เป็นอาคารทันสมัย ๕ ชั้น จุได้ประมาณ ๕๐๐ คน
*๑๖. สำนักงานพุทธมณฑล *
พุทธมณฑล ถ. พุทธมณฑลสาย ๔ ต. ศาลายา อ. พุทธมณฑล จ. นครปฐม โทร. ๔๔๑-๙๐๐๙, ๔๔๑-๙๐๑๒ แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ กำหนดรู้อารมณ์ บริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ” สถานที่ปฏิบัติ ชั้น ๒ ของหอประชุม มีเครื่องปรับอากาศ ห้องนอน มีเครื่องนอน เช่น หมอน มุ้ง ผ้าห่มให้พร้อม หรือนำไปเองก็ได้ ทานอาหาร ๒ มื้อ
*๑๗. ศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ เฉลิมพระเกียรติ *
คลองสาม จ. ปทุมธานี โทร. ๙๘๖-๖๔๐๔-๕ เป็นสาขาของยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย – ภาษีเจริญ
*๑๘. วัดอโศการาม *
๑๓๖ หมู่ ๒ กม. ๓๑ ถ. สุขุมวิท (สายเก่า) ต. ท้ายบ้าน อ. เมือง จ. สมุทรปราการ วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อลี ธมฺมชโช บริเวณกว้างขวาง มีสระน้ำใหญ่ในบริเวณวัด กุฏิพระ แม่ชี และที่พักแยกเป็นสัดส่วนเรียงรายรอบวัดเป็นร้อย ๆ หลัง ส่วนมากอยู่ติดริมทะเลซึ่งเป็นป่าชายเลน
*๑๙. วัดญาณสังวรารามวรวิหาร *
ต. ห้วยใหญ่ อ. บางละมุง จ. ชลบุรี โทร. (๐๓๘) ๒๓๗-๖๔๒ สถานที่ปฏิบัติ เป็นอาคารคอนกรีต ๒ ชั้น มีอาคาร ญส. ๗๒ ชาย และ ญส. ๗๒ หญิง ชั้นละ ๑๐ ห้อง มีห้องน้ำในตัว เรือนปฏิบัติธรรมมี ๑๗ หลัง
*๒๐. สำนักวิปัสสนาวิเวกอาศรม *
ซ. ประชานุกูล ๗ ถ. ชลบุรี-บ้านบึง ต. บ้านสวน อ. เมือง จ. ชลบุรี โทร (๐๓๘) ๒๘๓-๗๖๖ วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์ภัททันตะ อาสภมหาเถระ แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ ใช้คำบริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ” มีเรือนพักปฏิบัติธรรมทั้งหญิงชายแยกเป็นสัดส่วนอยู่จำนวนมาก การอยู่ปฏิบัติให้พักคนเดียว เน้นการเก็บอารมณ์ ไม่พูดคุยกัน อย่างเคร่งครัด การรับประทานอาหารจะมีปิ่น
*๒๑. สำนักวิปัสสนาสมมิตร - ปราณี *
จ. ชลบุรี โทร. พระอาจารย์ใหญ่ (๐๑) ๙๒๑-๑๑๐๑ เป็นสถานที่ซึ่งมีผู้บริจาคเพื่อขยับขยายมาจากวิเวกอาศรม แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ ใช้คำบริกรรม "ยุบหนอ พองหนอ" สถานที่ล้อมรอบด้วยทุ่งและธรรมชาติ มีกุฏิสงฆ์สร้างในแบบธรรมชาติมุงจาก อาคารปฏิบัติธรรมขนาดกลางและอุโบสถ ยังรับผู้ปฏิบัติธรรมได้ไม่มากนัก
*๒๒. วัดเขาสุกิม *
ต. เขาบายศรี อ. ท่าใหม่ จ. จันบุรี วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ใช้คำบริกรรม "พุทโธ" วัดตั้งอยู่สูงขึ้นไปบนเชิงเขา กว้างขวางกว่า ๓,๒๘๐ ไร่ มีทางบันได และรถรางขึ้นไปบนวัด บริเวณร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย มีศาลาที่พักที่สะดวกสบาย เป็นห้องมุ้งลวด มีเตียง ที่นอน หมอนให้ หรือพักที่กุฏิว่างต่าง ๆ
*๒๓. วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) *
๖๐ บ้านท่าซุง หมู่ ๑ ต. น้ำซึม อ. เมือง จ. อุทัยธานี วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ แนวปฏิบัติ มโนมยิทธิ บริกรรม "นะ มะ พะ ธะ" และสอนอนุสติ บริกรรม "พุทโธ"
*๒๔. สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง *
อ. เชียงดาว จ. เชียงใหม่ วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่สิม พุทธจาโร สำนักสงฆ์แห่งนี้อยู่บนดอย ทางขึ้นลงเทปูนเป็นบันไดเดินได้สะดวกแต่ค่อนข้างสูง หลวงปู่เคยเล่าไว้ว่าที่ถ้ำผาปล่อง และถ้ำเชียงดาวนี้ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ให้สำรวมระวัง รักษาความสงบ ไม่ร้องรำทำเพลง เล่นตลกคะนอง เพราะเคยมีพระอรหันต์ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้ากกุสันโธ พระอรหันต์สมัยพระพุทธเจ้าโกนาคม พระอรหันต์สมัยพระกัสสโป และพระอรหันต์สมัยพระพุทธโคดม มาบำเพ็ญเพียรและละสังขารอยู่หลายองค์ การนั่งภาวนาที่นี่จะทำเหมือนสมัยที่หลวงปู่ยังอยู่ คือ ท่านจะให้ทุกคนที่ไปภาวนานั่งสมาธิเพชรฟังเทศน์ ด้วยเหตุผลว่า "การนั่งสมาธิเพชรนั้นเป็นการฝึกฝนคนเราให้เกิดความตั้งใจมั่น"
*๒๕. วัดป่าสาละวัน *
อ. เมือง จ. นครราชสีมา วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วันที่ ๑-๕ ของทุกเดือน จะมีการอบรมการปฏิบัติแก่อุบาสกอุบาสิกา ที่ใต้ศาลา และบนวิหารชั้น ๒ โดยจะมีพระให้การอบรม
*๒๖. วัดสมเด็จแดนสงบ (แสงธรรมเวฬุราราม) *
๙๙ ซอย ๑๙ ถ. มิตรภาพ อ. เมือง จ. นครราชสีมา ๓๐๐๐๐ โทร. (๐๔๔) ๒๑๔-๑๓๔, ๒๑๔-๘๖๙-๗๐ วิปัสสนาจารย์ พระครูภาวนาวิสิฐ แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔
*๒๗. วัดป่าวะภูแก้ว *
ต. มะเกลือใหม่ อ. สูงเนิน จ. นครราชสีมา แนวปฏิบัติ แนวหลวงปู่เสาร์ - หลวงปู่มั่น ภาวนา "พุทโธ" วัดอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ มีต้นไม้ใหญ่น้อยมาก สถานที่เงียบสงบ สวยงาม มีอาคารอบรมขนาดใหญ่ สำหรับผู้มาทำสมาธิเป็นหมู่คณะ
*๒๘. วัดหนองป่าพง *
๔๖ หมู่ ๑๐ ต. โนนผึ้ง อ. วารินชำราบ จ. อุบลราชธานี วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อชา สุภทฺโท แนวปฏิบัติ เน้นให้มีสติสม่ำเสมอ ฝึกสมาธิแบบอานาปานสติ
*๒๙. ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน *
บ้านเนินทาง ต. บ้านค้อ อ. เมือง จ. ขอนแก่น ๔๐๐๐๐ โทร. (๐๔๓) ๒๓๗-๗๘๖, ๑๒๗-๗๙๐ เป็นสถานปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานสาขา ของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ เช่นเดียวกับวัดอัมพวัน จ. สิงห์บุรี
*๓๐. วัดป่าวิเวกธรรมวิทยาราม *
ซ. ศรีจันทร์ ๑๓ ถ. ศรีจันทร์ ต. ในเมือง อ. เมือง จ. ขอนแก่น ๔๐๐๐๐ โทร. (๐๔๓) ๒๒๒-๐๔๒ วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา "พุทโธ"
*๓๑. วัดถ้ำผาบิ้ง *
ต. ทรายขาว อ. วังสะพุง จ. เลย วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่หลุย จันทสาโร เมื่อไปถึงจะพบศาลาสร้างด้วยไม้ที่โปร่งสะอาดน่านั่งสมาธิ มีกุฏิหลายหลัง มีถ้ำอยู่ไม่สูงจากเชิงเขา มีบันได้ขึ้นสะดวก เป็นที่สงบวิเวกมาก เหมาะแก่การปฏิบัติอย่างอุกฤษฎ์ พระในสายพระอาจารย์มั่นมักมากจำพรรษา และปฏิบัติธรรมที่นี่ เพราะเป็นที่สัปปายะ บรรยากาศเงียบสงบ ห่างจากเมือง
*๓๒. วัดถ้ำกองเพล *
ต. โนนทัน อ. เมือง จ. หนองบัวลำภู ๓๙๐๐๐ โทร. (๐๔๒) ๓๑๒-๓๗๗ วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่ขาว อนาลโย แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา "พุทโธ" เป็นวัดป่ากว้างขวาง พร้อมศาลาปฏิบัติธรรมสร้างภายในถ้ำ ทางไปถ้ำสะดวกอยู่ริมถนน รถเข้าถึงปากถ้ำได้ ไม่ต้องปีน บางกุฏิก็ซ่อนอยู่ตามเหลือบผาต่าง ๆ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม เมื่อไปถึงให้ติดต่อศาลาประชาสัมพันธ์เพื่อขออนุญาตก่อน ปฏิบัติธรรมอย่างเข้ม
*๓๓. วัดป่าบ้านตาด *
ต. บ้านตาด อ. เมือง จ. อุดรธานี วิปัสสนาจารย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา "พุทโธ" ในวัดมีกุฏิที่พักหลายกุฏิ มักจะมีลูกศิษย์มาอยู่ปฏิบัติกันมาก แต่ผู้มาปฏิบัติที่นี่ต้องกินน้อย นอนน้อย ปฏิบัติมาก กลางคืนมักจะเดินจงกรม นั่งสมาธิ จนดึก หรือโต้รุ่งก็มี ไม่ใช้ไฟฟ้าในตอนกลางคืน ผู้ปฏิบัติจึงควรจำไฟฉายหรือเทียนติดตัวไปด้วย เพื่อใช้ส่องทางเดิน ทางจงกรม ซึ่งมักจะเป็นทางดิน และอาจมีสัตว์ เช่น งู อยู่บ้าง ต้องเจริญเมตตาไม่เบียดเบียนต่อกัน
*๓๔. วัดหินหมากเป้ง *
บ้านไทยเจริญ หมู่ ๔ ต. พระพุทธบาท อ. ศรีเชียงใหม่ จ. หนองคาย วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา "พุทโธ" ในวัดมีกุฏิเรือนรับรองอยู่มาก บริเวณกว้างขวาง ประกอบด้วยป่าโปร่ง ป่าไผ่ ทะเลสาบใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เหมาะแก่การอยู่ปฏิบัติ
*๓๕. วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) *
อ. บึงกาฬ จ. หนองคาย วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา "พุทโธ" วัดตั้งอยู่บนภูทอก ทางขึ้นค่อนข้างชัน สร้างด้วยความอัศจรรย์และด้วยจิตที่เด็ดเดี่ยวของพระเณร ท่านพระอาจารย์จวนได้ทำทางขึ้นเป็นขั้นบันไดและทางเดินด้วยไม้รอบภูจนถึงยอด บริเวณหน้าผา ท่านใช้ไม้ ๒ ลำมัดให้แน่นยื่นออกไป ๔ เมตร เอาเชือกบังสุกุลผูกปลายไม้ที่ยื่นออกไป ตรึงใส่เสาที่ปักไว้ แล้วไปนั่งที่ปลายไม้นั้น เพื่อตอกหินเจาะหลุมที่หน้าผา ปรากฏว่า ถ้าให้ฆราวาสไปนั่งปลายไม้ครั้งใด ก็ไม่สามารถควบคุมสติสมาธิได้ เพราะมองไปข้างบ่างก็เกิดความหวั่นไหว จนไม่สามารถตอกหินได้สำเร็จ ผู้สร้างจึงเป็นพระและเณร สิ่งปลูกสร้างนี้มี ๗ ชั้น มีกุฏิที่พักเชิงเขาที่ชั้น ๒ หรือจะพักกุฏิว่างรอบเขาก็ได้ (ต้องขออนุญาตก่อน)
เหมาะกับผู้ปฏิบัติที่ฝึกมาดีพอสมควร มีความเข้มแข็งพึ่งตนเองได้ เนื่องจากเปลี่ยวและสูงอยู่บนภูเขา แต่บรรยากาศเย็นสบาย เงียบสงบ
*๓๖. วัดดอยธรรมเจดีย์ *
บ้านทาสีนวล หมู่ ๓ ต. ตองโขบ อ. ศรีสุพรรณ จ. สกลนคร วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา "พุทโธ" ปกติจะปฏิบัติที่ศาลา ส่วนที่พักมีกุฏิ และอาคารคึกสะอาดทันสมัย
*๓๗. วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม *
ถนน รพช หมู่ ๑ ต. ปทุมวาปี อ. ส่องดาว จ. สกลนคร แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภาวนา "พุทโธ" ที่นี่มีหลายถ้ำ มีถ้ำหนึ่งชื่อถ้ำพวง ซึ่งพระอาจารย์มั่นเคยเล่าให้ฟังว่า เป็นถ้ำที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เคยมีพระอรหันต์ชื่อ พระนรสีห์ มานิพพานที่นี่
*๓๘. วัดป่าสุทธาวาส *
๑๓๙๖ บ้านคำสะอาด หมู่ ๑๐ ต. ธาตุเชิงชุม อ. เมือง จ. สกลนคร แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา "พุทโธ" มีอาคารเป็นตึกปูน ๓ ชั้นหลังใหญ่ จุคนได้หลายร้อยคน เย็นสบาย
*๓๙. วัดคำประมง *
เลขที่ ๒๐ หมู่ ๔ บ้านคำประมง ต. สว่าง อ. พรรณนานิคม จ. สกลนคร ๔๗๑๓๐ วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่สิม พุทธจาโร เนื่องจากเป็นวัดที่มีพระจำพรรษาอยู่น้อยในฤดูนอกพรรษา จึงเงียบสงบ มีเจ้าหน้าที่ตัดหญ้า ปลูกดอกไม้สวยงามอย่างดี มีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ และสิ่งก่อสร้างสวยงาม มีสระน้ำทะเลสาบใหญ่ ฝูงปลามากมาย มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมและให้อาหารปลาอยู่เสมอ
*๔๐. สำนักปฏิบัติธรรมศิริธรรม (ถ้ำชี) *
เขากิ่ว ต. ไร้ส้ม อ. เมือง จ. เพชรบุรี ๗๖๐๐๐ โทร. (๐๓๒) ๔๒๘-๕๒๒ วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อกนฺตสิริภิกขุ แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ และอานาปานสติ เขากิ่วเป็นภูเขาเตี้ย ๆ มีต้นไม้หนาแน่นมาก อยู่ใกล้เมือง เดินทางสะดวก บนเขามีลิงอยู่บ้าง แต่ไม่ทำร้ายคน บนสำนักฯ มีเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ศาลา ถ้ำชี ซึ่งใช้เป็นอุโบสถ กุฏิที่พัก ห้องน้ำ-ส้วม พอสะดวกสบายแก่การปฏิบัติ ที่นี่เน้นการปฏิบัติเคร่งครัด กินน้อย นอนน้อย ปฏิบัติมาก
9 ก.ย. 2552
รวมฮิต"แผ่นโกง"วิธีใช้กูเกิ้ล
พอดีว่าไปเจอทิปเจ๋งๆ ที่แจกฟรีสำหรับผู้ใช้กูเกิ้ล(Google)บนบล็อกแห่งหนึ่ง โดยบางไซต์ที่แนะนำมาจะสามารถดาวน์โหลดเป็นไฟล์ PDF เพื่อนำมาพิมพ์เก็บไว้อ้างอิงเวลาใช้งานได้เลย จะเรียกว่าเป็น "Cheat Sheet" ก็ได้ เพราะมันรวบรวมคำสั่งต่างๆ แบบย่อสำหรับดูเพื่อใช้งานกูเกิ้ลได้ทันที สะดวก ง่ายดาย โดนใจวัยโจ๋จริงๆ
นอกจากชุดคำสั่ง และวิธีเข้าถึงฟังก์ชันของบริการ ตลอดจนเครื่องมือออนไลน์ต่างๆ ของกูเกิ้ลแล้ว บางเว็บไซต์ยังมีการเผยทิปเด็ดๆ ที่ซุกซ่อนไว้อีกด้วย ซึ่งคุณผู้อ่านสามารถดาวน์โหลด หรือพิมพ์เก็บไว้อ้างอิง เพื่อใช้เป็นเหมือนคู่มืออย่างย่อๆ ในการใช้บริการของกูเกิ้ลให้คุ้มค่า ส่วนจะมีอะไรบ้างนัันตามไปดูกันเลย
1. Google Help: Cheat Sheet สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งหัดใช้กูเกิ้ล แล้วอยากจะทราบเทคนิคการค้นหาให้ได้สิ่งที่ต้องการได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ผมว่า เข้าไปที่นี่เหมาะสุด เพราะเป็นที่รวบรวมเทคนิคพื้นฐานที่มือใหม่น่าจะลองหัดใช้ รับรองไม่ผิดหวังครับ
2. Google Docs & Spreadsheets Keyboard Shortcuts ส่วนที่นี้เหมาะสำหรับใครที่ใช้บริการแอพฯออนไลน์ เพราะเป็นที่รวบรวมคีย์ลัดของบริการทั้งสองไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งประหยัดเวลา และเวิร์กสุดๆ
นอกจากชุดคำสั่ง และวิธีเข้าถึงฟังก์ชันของบริการ ตลอดจนเครื่องมือออนไลน์ต่างๆ ของกูเกิ้ลแล้ว บางเว็บไซต์ยังมีการเผยทิปเด็ดๆ ที่ซุกซ่อนไว้อีกด้วย ซึ่งคุณผู้อ่านสามารถดาวน์โหลด หรือพิมพ์เก็บไว้อ้างอิง เพื่อใช้เป็นเหมือนคู่มืออย่างย่อๆ ในการใช้บริการของกูเกิ้ลให้คุ้มค่า ส่วนจะมีอะไรบ้างนัันตามไปดูกันเลย
1. Google Help: Cheat Sheet สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งหัดใช้กูเกิ้ล แล้วอยากจะทราบเทคนิคการค้นหาให้ได้สิ่งที่ต้องการได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ผมว่า เข้าไปที่นี่เหมาะสุด เพราะเป็นที่รวบรวมเทคนิคพื้นฐานที่มือใหม่น่าจะลองหัดใช้ รับรองไม่ผิดหวังครับ
2. Google Docs & Spreadsheets Keyboard Shortcuts ส่วนที่นี้เหมาะสำหรับใครที่ใช้บริการแอพฯออนไลน์ เพราะเป็นที่รวบรวมคีย์ลัดของบริการทั้งสองไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งประหยัดเวลา และเวิร์กสุดๆ
3. Google Cheat Sheet (v.1.6) ส่วนตัวชอบ"แผ่นโกง(การใช้งาน)"ของที่นี่มาก เพราะนอกจากจะรวบรวมชุดคำสั่ง และฟังก์ชันที่น่าสนใจได้อย่างครบถ้วนแล้ว ยังมีการจัดวางรูปแบบสวยงามน่าใช้อีกด้วย สามารถดาวน์โหลดไฟล์ PDF มาพิมพ์ได้เลย (เทคนิค ค้นหนัง ค้นเพลง อยู่ที่นี่ด้วยล่ะ)
4.Google Calculator Sheet Cheat สำหรับใครที่ชอบใช้กูเกิ้ลแทนเครื่องคิดเลข ต้องมาที่เลย เพราะมันจะรวมทุกฟังก์ชันของการคำนวณที่กูเกิ้ลทำได้ เรียกได้ว่า คุณสามารถใช้มันเป็นเครื่องมือช่วยทำการบ้านคณิตศาสตร์ได้เป็นอย่างดี
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)