9 ธ.ค. 2551

บุคลิกภาพรับลมหนาว

รายงานโดย :อ.ประณม ถาวรเวช สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพจอห์นโรเบิร์ตเพาเวอร์ส

ลมหนาวโชยมาแล้วค่ะ อากาศในบ้านเราเริ่มเย็นสบาย คิดว่าเมื่อเข้าเดือน ธ.ค. ไปจนถึงช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คงเข้าขั้นหนาวอย่างจริงๆ จังๆ

เวลานี้เท่าที่ทราบ เสื้อกันหนาวกับอุปกรณ์คลายหนาวเก๋ๆ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โดยเฉพาะ “ผ้าพันคอ” ที่ขอทำนายว่าเป็นเทรนด์ที่มาแรงมากในฤดูหนาวนี้ ทราบว่าขายกันเกลี้ยง ไม่ว่าจะมือหนึ่งหรือมือสอง และต่อลูกค้า 1 คน ใช่ว่าจะซื้อกันเพียงแค่ 1 ผืน ส่วนใหญ่ซื้อตั้งแต่ 2 ผืนขึ้นไป

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ผ้าพันคอได้พัฒนามาเป็นเครื่องประดับอย่างหนึ่งของหนุ่มสาวสมัยใหม่ จะเห็นว่าหน้าฝนที่ผ่านมา ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ต่างก็นิยมมีผ้าพันคอผืนเก๋ประดับตกแต่งร่างกายกันมาแล้วเป็นอย่างมาก ฉะนั้น ในท่ามกลางลมหนาวขนานแท้ มีหรือคะที่ผ้าพันคอจะไม่ฮิต

มีสิ่งที่ต้องขออนุญาตแนะนำ เผื่อใช้เป็นข้อพิจารณาในการรักษาบุคลิกภาพของตัวเองให้ยังคงดูดี เป็นที่น่าประทับใจในตลอดหน้าหนาวนี้

1.อย่าแต่งตัวเยอะเกินคนส่วนใหญ่

หลายคนดีใจที่ได้เจอลมหนาว ก็รีบโหมประโคมแต่งตัวอย่างสนุก ลืมรอดูว่าส่วนใหญ่เขาแต่งกันมากน้อยแค่ไหน โดยหลักของบุคลิกภาพแล้ว น้อยดีกว่าเยอะค่ะ เพราะน้อยเติมได้ ปรับแต่งนิดเดียวก็เข้าได้กับคนส่วนใหญ่ “น้อย...แต่เก๋ มีเอกลักษณ์ น่าสนใจ” คือคาถาสำคัญในการแต่งตัวค่ะ การแต่งตัวเยอะ อาจทำให้คุณกลายเป็นตัวตลก สะดุดตา เป็นที่สนใจจริงๆ ค่ะ แต่ไม่ใช่ในทางบวก

ความเยอะส่วนใหญ่จะอยู่ที่เสื้อตัวนอกกับอุปกรณ์พันคอทั้งหลาย อย่าให้สองสิ่งนี้ทำหน้าที่ “กันหนาว” ในเวลาเดียวกัน หากเสื้อทำหน้าที่กันหนาวได้ดีแล้ว ผ้าพันคอก็ควรทำหน้าที่ “เติมความเก๋” เท่านั้น แต่หากผ้าพันคอทำหน้าที่กันหนาว (และเก๋) เสื้อตัวนอกก็ไม่ควรดูหนามาก มีขนฟูฟ่อง หรือทำให้ตัวคุณดูเทอะทะ อย่ารักพี่เสียดายน้องระหว่างเสื้อกันหนาวกับผ้าพันคอ แค่ตัดสินใจให้ได้ว่า วันนี้ใครจะทำหน้าที่กันหนาว ใครจะทำหน้าที่เสริมเสน่ห์ เท่านี้คุณก็จะเป็น “คนขี้หนาว” ที่ดูดี มีรสนิยมแล้ว

2.อย่าประมาทต่อสายลมหนาว

ลมหนาวมาพร้อมๆ กับความอ่อนแอของร่างกาย แถมยังหอบเอาเชื้อโรคต่างๆ นานามาฝากเราด้วย

การดูแลสุขภาพในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างปลายฤดูฝนสู่ต้นฤดูหนาวจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะขืนต้องออกงานหรือไปทำงานในสภาพไอโขลกๆ หน้าซีดหน้าเซียว จับไข้ตัวสั่น มันไม่ช่วยให้มีสง่าราศีแต่อย่างใดเลย การดูแลสุขภาพในหน้าหนาวก็คือ การรักษาความอบอุ่นของร่างกายเอาไว้ อาจต้องออกกำลังกายมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายถึงหักโหมขึ้นนะ ให้มีเวลาในการอบอุ่นร่างกายให้มากขึ้น และช่วงวอร์มดาวน์หลังออกกำลังกายก็สำคัญ

พร้อมกันนี้ ก็ควรใส่ใจรับประทานอาหารให้ครบทั้งสามมื้อ อาหารที่จะรับประทานควรเป็นอาหารปรุงสุกใหม่ๆ เพราะช่วงต้นหนาวอย่างนี้ มีไวรัสฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศมากเป็นพิเศษ การใส่ใจเรื่องอาหารการกินจะช่วยร่างกายมีความต้านทานโรคภัยต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

3.ผิวพรรณก็สำคัญใช่ย่อย

หน้าหนาวอากาศแห้ง พลอยทำให้ผิวของเราแห้งหนักกว่าปกติ การเลือกใช้ครีมบำรุงผิวในหน้าหนาวจึงต้องเลือกชนิดเข้มเข้น และติดทนทาน ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดี ทำให้ผิวเอิบอิ่ม ดูชุ่มชื้นตลอดทั้งวัน จุดที่หลายคนอาจไม่ได้ระมัดระวังมาก ก็คือ มือกับริมฝีปากค่ะ สองจุดนี้จะแห้งเป็นขุย หรือหลุดลอกได้ง่ายมากๆ ควรมีโลชันทามือติดตัวไว้ตลอดเวลา เพราะว่ามือของเราสกปรกและต้องล้างบ่อยๆ ทุกครั้งที่ล้าง โดยเฉพาะล้างด้วยน้ำอุ่นและสบู่ จะยิ่งทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้น รวมไปถึงน้ำมันที่คอยปกป้องผิว จึงต้องคอยทาโลชันบำรุงช่วย โดยเฉพาะคนที่ทำงานให้ห้องปรับอากาศ ส่วนริมฝีปาก ควรใช้ลิปสติกที่ทั้งปกป้องและบำรุง คือ ปกป้องจากอากาศที่หนาวเย็นและแห้ง ไม่หลุดลอกง่าย ไม่แข็งตัวเป็นคราบ และมีสารบำรุงริมฝีปากด้วย อาจต้องคอยสำรวจริมฝีปากและเติมลิปสติกให้อยู่ในสภาพดีตลอดทั้งวัน พร้อมกันนี้ให้จิบน้ำบ่อยๆ เพื่อที่ผิวและริมฝีปากจะได้ไม่ขาดน้ำ ทำให้ดูอิ่มเอิบ มีน้ำมีนวลตามธรรมชาติ

4.อย่าละเลยความผึ่งผาย อากาศหนาว

คนเราจะห่อตัว ห่อไหล่ โดยไม่ทันรู้ตัว เสียบุคลิกค่ะ เลือกเครื่องแต่งกายที่ช่วยบรรเทาความหนาว เลือกให้เข้ากับกาลเทศะ จะได้เดินไปไหนมาไหน พบปะกับใครๆ ได้อย่างสมาร์ตเหมือนปกติ ที่สำคัญอย่าเดินออกมาตากลมมาก เพราะแม้จะมีเสื้อผ้าช่วยกันหนาว แต่ท่ามกลางอากาศเย็น บวกกับสายลมโชย จะทำให้เราหนาวได้มากกว่าปกติ จนต้องห่อตัวหรือเดินไหล่งุ้ม ไม่น่ามองได้

5.ห่อหุ้มเท้าเอาไว้บ้าง

หน้าหนาวส้นเท้าแตกแหละหยาบง่าย หมั่นขัดถู สปา และทาครีมบำรุงให้มากเป็นพิเศษ ทางที่ดีเลือกรองเท้าที่ห่อหุ้มเท้ามากกว่าเปิดเปลือย เพราะหนังเท้าจะหยาบกร้านและแห้งได้เร็วกว่าจุดอื่นๆ ในร่างกาย ที่สำคัญเป็นส่วนที่เราไม่ค่อยได้สัมผัสหรือใส่ใจ บางคนเท้าหยาบ ผิวแตกมาก ยังอุตส่าห์สวมรองเท้าเปิดเปลือยให้เห็นความหยาบและแห้งกร้านของผิวเท้าอีก แค่นึกภาพก็คงจะรู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าน่ามองหรือไม่

6.ยิ้มไว้

หน้าหนาวไม่ทราบว่าเป็นอะไร คนไม่ค่อยยิ้ม อาจเพราะกังวลอยู่กับความหนาว จนรีบร้อนอยากจะเดินๆ หรือทำธุระให้เสร็จ แล้วกลับเข้าตึก เข้าห้อง เข้าบ้าน เพื่อให้พ้นจากความหนาวเย็น บ้างก็มีปัญหาเรื่องแผลในปาก (อันเนื่องมาจากไวรัสที่ฟุ้งอยู่ทั่ว) บางคืนก็เจ็บปากเพราะริมฝีปากแตกเป็นขุย แต่ไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไร รอยยิ้มและความแจ่มใสยังคงเป็นเสน่ห์ และน่าลุ่มหลงอยู่เสมอ ดูแลริมฝีปากให้เอิบอิ่ม สวย และยิ้มให้สวยตามปกติ ดีที่สุดเลย

7.จัดกระเป๋าให้เข้าที่

เปลี่ยนฤดูแล้ว ก็ลองเปลี่ยนกระเป๋า หรือจัดกระเป๋าใหม่ได้แล้ว สัมภาระหลายอย่างไม่ต้องใช้ ก็หยิบออกไปให้พ้นกระเป๋า จะได้ไม่ต้องแบกของหนัก หรือใช้กระเป๋าใบใหญ่ให้ดูพะรุงพะรัง หน้าหนาวเสื้อผ้ามักหนา แค่นั้นก็ดูเทอะทะมากแล้ว ถ้ายังต้องมาหิ้ว ถือ หรือแบกกระเป๋ารุงรังอีก ความน่ามองหายหมดแน่

ทั้งหมดที่แนะนำมานี้ ลองนำไปเป็นข้อเตือนใจหรือเป็นข้อพิจารณากันดู หวังว่าจะเป็นประโยชน์ และช่วยให้หน้าหนาวนี้ คุณยังคงเป็นคนที่หลายคนมีความสุขที่ได้มอง รู้จัก เจอะเจอ หรือได้ร่วมงานด้วย เพราะความเอาใจใส่ต่อเรื่องเหล่านี้ ได้ช่วยให้คุณยังคมสมาร์ตเหมือนเดิม แถมดูอินเทรนด์ขึ้นตามกระแสแฟชั่นที่กำลังหลากไหลมาพร้อมๆ กับสายลมหนาว

ไม่มีความคิดเห็น: