5 มิ.ย. 2554

อิชิตันชาเขียว การย้อนเกล็ดโออิชิที่เจ็บแสบ ภาค5

วันที่ 9 เดือน 9คุณตันลาออกจากโออิชิเสร็จ ก็เตรียมเปิดโครงการแรก ก็คือราเมนแชมเปี้ยนในเดือนพฤศจิกายน 53 ซึ่งรวมเอาสุดยอดราเมน6ร้านมารวมไว้ที่เดียว สร้างจุดชายใหม่ให้พื้่นที่ ARENA 10 ได้ทันที

แม้ว่าจำนวนร้านราเมนในถนนสุขุมวิทจะมีมากกว่า100ร้านแต่นั่นกลับไปไม่ใช่ปัญหาสำหรับตัน ภาสกรนทีเลย ไม่ว่าจะเป็นร้านราเมนที่ดังแค่ไหนสุขุมวิทก็จะมีคนรู้จักและฐานลูกค้าต่อร้านไม่เกิน 2 หมื่นคนต่อปีโดยประมาณ เพราะแต่ละร้านเป็นร้านเล็กๆ และมีการประชาสัมพันธ์แบบทั่วๆไป มีลงแมกกาซีน หนังสือพิมพ์ และลงอินเทอร์เนต ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

คติของตันโออิชิคือ “ไม่ต้องกลัวคู่แข่งที่มีอยู่แล้วในสนาม ถ้าเรามั่นใจว่าเราดีกว่าเขา ก็สู้ชนะได้แน่นอน ไม่ว่าจะเข้าสู่สนามช้ากว่าก็ตามที”

ด้วยการตลาดแบบคุณตัน Social Networkสมัยใหม่ และแฟนพันธ์แท้ที่เชื่อในความเป็นแบรนด์ของตัน ทำให้ “ราเมนแชมป์เปี้ยน” มีคนรู้จักระดับหลายแสนคนตั้งแต่ก่อนเเปิดร้าน ดังยิ่งกว่าร้านราเมนใดๆที่เคยเปิดมาในสุขุมวิททั้งหมด

แค่คนวนเวียนมากินเพราะอยาก “ลอง” ก็ทำให้มีคนเข้าเต็มตลอด พร้อมด้วยการตลาดแหวกแนว เช่นการบริจาคเงินที่ขายราเมนได้ทั้งหมดในสัปดาห์นั้นให้ผู้ประสบภัยพิบัติที่ญี่ปุ่นก็สร้างความฮือฮาให้คนไม่ใช่น้อย พร้อมยอดบริจาคที่ UPDATE ทุกวัน ซึ่งจะมีร้านอาหารใดในประเทศไทยที่กล้าทำแบบนี้

ทั้งการจัดเดี่ยวเดี่ยวกับตัน การบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ เป็นการช่วยโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น ได้ใจคนไปมากมาย

กลับกันในช่วงเวลานั้นก็เกิดโครงการ 9 Challengers ที่เฟ้นหาผู้สมัคร 9 คน คุณสมบัติกว้างๆ จบปริญญาตรีสาขาใดก็ได้ อายุ 20 -35 ปี ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ ด้วยการส่งคลิปวีดีโอสมัครงานความยาวไม่เกิน 2 นาที เพื่อเป็นพนักงานของบริษัทไม่ตันจำกัดรุ่นแรก โดยทั้ง 9 คนนี้จะได้ทำงานที่บริษัท พร้อมด้วยหุ้นบริษัทมูลค่า 3 แสนบาท

เกิดปรากฎการณ์คนส่งคลิปมาสมัครกับคุณตันเกือบ 2000 คลิป โดยที่คุณตันไม่ต้องใช้เงินลงสื่อเลยแม้แต่บาทเดียว แค่โพสลงในFaceboookเท่านั้นเอง

สร้างความหวังสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่มากมาย ที่อยากจะร่วมงานกับคุณตันที่เป็นฮีโร่ของเขา

มีเงื่อนไขเล็กๆมากมายในการเข้าทีมงานครั้งนี้ ที่น่าสังเกตุ

· ผู้ชนะทั้ง 9 คน จะต้องยึดถือ กฏ ระเบียบ และมาตรฐานการประเมินผล เช่นเดียวกับพนักงานทั่วไปของบริษัทฯ กรณีไม่ปฏิบัติตามกฏ และนโยบายของบริษัท หรือไม่ผ่านการประเมินผลงาน บริษัทฯ สามารถยกเลิกสัญญาจ้างได้ทุกกรณีโดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน หรือรางวัลใดๆ

· เงินเดือน และผลตอบแทนอื่นๆ ขึ้นอยู่กับ ความสามารถและประสบการณ์ของผู้ที่ได้รับการคัดเลือก

· The 9 Challengers ทั้ง 9 คน ที่ผ่านโปรตามระเบียบของบริษัท ในกรณีที่มีการลาออกหลังจากอยู่ครบ 1 ปี จะได้รับเงินมูลค่า 100,000 บาท

· The 9 Challengers ทั้ง 9 คน ที่ผ่านโปรตามระเบียบของบริษัท ในกรณีที่มีอายุการทำงานครบ 3 ปี จะได้รับหุ้นของบริษัทฯ มูลค่า 300,000 บาท ในกรณีที่มีการลาออกหลังจากอยู่ครบ 3 ปี สามารถเก็บหุ้นจำนวน 300,000 บาทไว้ได้

โครงการที่ดู “เปิดกว้าง” กลับมีเงื่อนไขซ้อนกันหลายชั้น บริษัทสามารถกำหนดเงินเดือนคุณได้ ให้คุณไม่ผ่านทดลองงานได้ ยกเลิกสัญญาจ้างได้ทุกกรณี หากลาออกในสองปีแรกจะได้ปีละ 1 แสนบาทนั้น แทบไม่น่าสนใจอะไร เพราะบริษัทกำหนดเงินเดือนเราได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

การที่ปีที่ 3 ได้หุ้นบริษัทมูลค่า 3 แสนบาทนั้น เป็นสิ่งที่ดูหอมหวานที่สุดสำหรับผู้ชนะทั้ง 9 คนที่ได้ร่วมงานกับตัน แต่หากมองลึกลงไปดีๆ รางวัลที่ได้คือหุ้นของบริษัทเมื่อปีที่ 3 ไม่ใช่ปีแรก มูลค่าหุ้นของบริษัทเมื่อปีแรกที่มียอดขายหลักร้อยล้าน กับปีที่สามที่มียอดหลายพันล้าน ย่อมมีค่าต่างกันมหาศาล หุ้น 3 แสนที่ผู้ชนะจะได้นั้น อาจจะมีค่าเพียงหมื่นกว่าบาทในวันนี้ก็เป็นได้

สรุปว่าคุณตันใช้เงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในการคัดเลือกคนที่ “มีใจ” อยากจะร่วมกับคุณตันจริงๆ แถมยังกำหนดเงื่อนไขที่ “ล็อค” คนเหล่านี้ให้ทำงานให้บริษัทให้เต็มที่ อย่างน้อยก็เป็นระยะเวลา 3 ปี แม้จะไม่มากมาย แต่คุณตันก็ให้ “ความเป็นเจ้าของ” เพื่อให้ทุกคนทุ่มเทให้บริษัทประสบความสำเร็จ

แต่ถ้าจะมองในแง่ลบ หากคุณเป็นพนักงานในบริษัทจำกัดมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็จะรู้เลยว่า “ความเป็นเจ้าของ” นั้นเป็นสิ่งธรรมดามากเมื่อมีการซื้อขายในตลาดหุ้น ทั้งคนนอกคนในหากคิดว่าบริษัทจะกำไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็สามารถซื้อหุ้นได้โดยเสรี ใช้เงินเปิดบัญชีเริ่มต้นที่สามหมื่นบาทก็ทำได้แล้ว

คุณตันก็รับคนเข้ามาทำงานตามปกติ โดยใช้เงื่อนไข และเทคนิคให้ดูน่าสนใจเท่านั้น ไม่ใช่การเปิดโอกาสที่ยิ่งใหญ่ ความสำเร็จในชีวิต ความฝัน อะไรมากมาย ตามที่ผู้สมัครหลายคนเข้าใจอย่างนั้น ก็มีการประเมินงาน มีการยกเลิกสัญญาได้ตามปกติ ส่วนผลตอบแทนและหุ้นที่ได้ก็ถือว่าสมเหตุสมผลสำหรับคนที่จะทุ่มเทให้บริษัท 3 ปีเป็นอย่างน้อย

ตันให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนลาออกจากโออิชิว่าจะทำธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแต่ยังกั๊กๆไม่บอกว่าคืออะไรจนกว่าจะลาออก

หากจะมีใครที่แข่งกับโออิชิได้สูสีที่สุดในประเทศไทย ก็คงเป็นคุณตันเอง เพราะรู้ทั้งตื้นลึกหนาบางทั้งหมดของโออิชิ ที่สำคัญคน คนปรุงสูตรชาเขียวโออิชิเป็นเพื่อนคุณตันนั่นเอง เป็นคนไต้หวัน แล้วบ้านที่เมืองไทยก็อยู่ใกล้ๆคุณตันด้วย

สินค้าแรกจากไม่ตันคืออัญชัญเบอรี่ และตะไคร้กีวี่ในนาม DOUBLE DRINK ที่เป็นเพียงตัวคั่นเวลาเท่านั้น หากเอาชาเขียวมาแข่งกับโออิชิทันทีก็จะดู “น่าเกลียด” ไปที่มาแข่งกับคนที่ยอมเสียเงินซื้อกิจการของตันไป 3300 ล้านบาทถ้วน

เมื่อดอกอัญชัน เบอรี่ ตะไคร้ และกีวี่ไม่ได้ปลูกในวันเดียวฉันใด การเตรียมทำชาเขียวอิชิตันมาสู่ตลาดก็ไม่ได้พึ่งมาทำฉันนั้น ต้องเตรียมที่ดิน พันธ์ชาเขียว ใช้เวลาปลูก เก็บเกี่ยว และทดลองสูตรเป็นปีถึงจะวางจำหน่ายได้ ตันวางเป้าหมายไว้แล้วแน่นอนตั้งแต่ก่อนออกจากโออิชิว่าจะต้องทำชาเขียวมาสู่ตลาด แต่ต้องรอจังหวะและเวลาที่เหมาะสม พร้อมสร้าง “จุดขาย” ใหม่ไม่ให้ซ้ำกับโออิชิของเดิมที่มีอยู่

ชาเขียวออร์แกนิคอิชิตัน โดยคนปรุงสูตรคนเดียวกับโออิชิก็ออกตลาดในที่สุด พร้อมกับรูปของตันในทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัท “ไม่ตัน จำกัด” กับแบรนด์ที่เน้นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งคำกล่าวอ้างนี้อาจจะย้อนมาทิ่มแทงตัวเขาเองในอนาคตก็ได้



ที่มา www.blogger.com โดย assuming

ไม่มีความคิดเห็น: