4 มี.ค. 2555

หมอเตือน ยาคุมฉุกเฉินอันตราย

นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ปัจจุบันหลายๆ ครอบครัวมีแนวโน้มที่จะไม่ต้องการบุตรด้วยเหตุผลความไม่พร้อมจากสภาพสังคม เศรษฐกิจ โดยเฉพาะคู่สมรสที่ยังอยู่ในวัยรุ่น วัยทำงาน จึงจำเป็นต้องใช้วิธีคุมกำเนิดที่ได้ผลดีอย่างสม่ำเสมอ วิธีที่ง่ายและสะดวกในผู้ชายคือการใช้ถุงยางอนามัย นอกจากนี้ ถุงยางอนามัยยังจะช่วยให้มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และโรคเอดส์ได้อีกด้วย และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ สำหรับผู้หญิงอาจใช้วิธีกินยาเม็ดคุมกำเนิดร่วมด้วย โดยใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดที่ในแต่ละแผง มียา 21 เม็ด หรือ 22 เม็ด หรือ 28 เม็ด โดยกินทุกวัน วันละ 1 เม็ด 

นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในกรณีผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจ ไม่ต้องการตั้งครรภ์ และไม่แน่ใจว่าตนเองเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ด้วยการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน ซึ่งยาคุมกำเนิดชนิดนี้มีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไป 



เป็นชนิดฮอร์โมนเดี่ยว มีส่วนประกอบของโปรเจสโตเจนปริมาณสูง มีวิธีใช้ 2 แบบ แบบแรก ต้องกินให้ครบ 2 เม็ด ภายใน 72 ชั่วโมง หลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ หรือแบบที่สองเป็นแบบดั้งเดิม คือกินเม็ดแรกทันทีที่สะดวก แล้วกินเม็ดที่สอง 12 ชั่วโมงต่อมา ทั้งสองแบบจะให้ผลไม่ต่างกัน ยาชนิดนี้อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้บ้างเพียงเล็กน้อย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน แต่สิ่งที่พึงระวัง คือ ยาชนิดนี้เป็นยาที่ใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉิน ฮอร์โมนที่กินมีปริมาณสูง หญิงที่มีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ จึงไม่ควรใช้ยานี้แทนยาเม็ดคุมกำเนิดแบบปกติ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ 

“สิ่งที่จะเป็นเกราะป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์และลดการพึ่งพายาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน คือการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศศึกษาที่ถูกต้อง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น เพราะที่ผ่านมาได้มีการศึกษาพบว่า วัยรุ่นสมัยนี้เริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกที่อายุเฉลี่ย 15 ปี และมีแนวโน้มอายุของการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกจะน้อยลงเรื่อย ๆ และในวัยรุ่นชายมากกว่าร้อยละ 90 มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ส่วนวัยรุ่นหญิงยอมรับแนวคิดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานกันมากขึ้น 

อีกทั้งยังขาดความพร้อมทางวุฒิภาวะที่จะรับผิดชอบร่วมกัน ส่งผลให้การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่มักเป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ดังนั้น การส่งเสริมให้ฝ่ายชายให้เกียรติฝ่ายหญิง และฝ่ายหญิงควรรักนวลสงวนตัวมากขึ้น จึงเป็นวิธีการที่จะช่วยแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรได้ดีอีกทางหนึ่ง” นพ.ณรงค์ศักดิ์กล่าว 

ไม่มีความคิดเห็น: