18 เม.ย. 2553

โรคผิวหนังที่มากับหน้าร้อน

โรคผิวหนังที่มากับหน้าร้อน (Lisa)
ผด กลาก เกลื้อน มักมาเยือนเมื่อมีเหงื่อออกมาก และอับชื้น เกามาก ๆ อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้
นักร้องสาว เทย์เลอร์ สวิฟต์ มักสวมใส่เสื้อผ้าเบาสบายในหน้าร้อน เพื่อป้องกันความอับขึ้นซึ่งอาจก่อให้เกิดเชื้อรา ผดผื่นคันได้ โดยเฉพาะหน้าร้อนในเมืองไทยมักจะร้อนมากจนเหงื่อไหลไคลย้อย ก่อให้เกิดโรคผิวหนังได้หากรู้ไม่เท่าทัน ดังนั้น พญ.รัศนี อัครพันธุ์ รองผู้อำนวยการบริหารสถาบันโรคผิวหนัง จึงตอบข้อข้องใจเกี่ยวกับโรคผิวหนังในฤดูร้อนดังนี้ค่ะ
Q : โรคผิวหนังในฤดูร้อนที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง
A : ส่วนใหญ่มักเป็นผด เนื่องจากอากาศร้อนก็จะทำให้เหงื่อไหลไคลย้อย ซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบของรูขุมขน เมื่อรูขุมขนชุ่มเหงื่อก็จะเกิดผดเม็ดเล็ก ๆ แดง ๆ หรือบางครั้งจะเป็นเม็ดใส ๆ พบมากในเด็กเล็ก โดยที่ผดมักขึ้นรอบ ๆ คอ หน้าผาก พยายามให้เด็กอยู่ในที่เย็น มีลมโกรก ไม่ใส่เสื้อผ้าหนา ๆ เพื่อไม่ให้เหงื่อออกมาก หากอาการไม่ดีขึ้น ให้ทายาแก้ผื่นคัน ในเด็กโตที่ชอบวิ่งเล่นจนชุ่มเหงื่อก็มักมีผลขึ้นบริเวณรักแร้ มีรอยแดงไหม้เนื่องจากเหงื่อกัด ส่วนผู้ใหญ่มักเป็นที่คอ เนื่องจากใส่เสื้อคอปิด ใส่สร้อย ก็จะทำให้อับเหงื่อจนเกิดอาการคัน เมื่อผ่านหน้าร้อนไปแล้วมีเหงื่อน้อย แต่ก็จะดีขึ้นเอง ฉะนั้น เวลาเหงื่อออกมากก็ให้อาบน้ำหรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด
Q : พบผิวไหม้แดดบ่อยไหม
A : ผิวไหม้แดดก็พบบ่อย โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน คนมักไปเที่ยวสงกรานต์ ไปชายทะเลก็จะตากแดดกันมาก ทำให้ผิวไหม้แดดและลอกผิวจะดำคล้ำขึ้น ฉะนั้น จึงควรใส่เสื้อผ้าแขนยาวปกปิดป้องกันแดด ทายากันแดด ใส่หมวกหรือกางร่ม ใส่แว่นกันแดดเพื่อปกป้องผิวและดวงตา
Q : นอกจากผดแล้ว เชื้อราที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง
A : เชื้อราที่พบบ่อยคือเกลื้อน พบมากในผู้ที่ใส่เครื่องแบบ ใส่เสื้อผ้ารัดมาก ๆ หรือต้องใส่เสื้อสองชั้นก็จะเกิดเกลื้อนซึ่งมีลักษณะเป็นวงขาว ๆ วงแดง ๆ หรือวงดำ ๆ ซึ่งมักเกิดกับผู้เล่นกีฬาที่มีเหงื่อออกมากแล้วไม่ได้อาบน้ำทันที ปล่อยให้ความชื้นหมักหมมมีเหงื่อขังก็จะเกิดเชื้อราขึ้น แต่ถ้าเป็นเกลื้อนที่เหงื่อซึ่งจะเห็นดวงขาว ๆ ไม่คัน เมื่อเหงื่อออกก็จะเห็นดวงเล็ก ๆ ชัด อาจมีรอยแดงรอบ ๆ แล้วก็จะคันมากขึ้นมักเกิดบริเวณหลัง หน้าอก ท้อง และในบริเวณร่มผ้า
Q : กลากเกิดขึ้นบ่อยใบหน้าร้อนไหม
A : กลากก็พบบ่อยในหน้าร้อน มักพบในบริเวณที่มีความอับชื้น เช่น รักแร้ ได้ราวนม ขาหนีบ แรกๆ ก็อับชื้นเหมือนถูกเหงื่อกัด แล้วก็จะดัน หากมีเชื้อราเข้ามาร่วมด้วย ผื่นจะขยายเป็นวง มีขอบเขตชัดเจนมีขุย และจะคันมาก คือกลากจะคันกว่าเกลื้อนมาก
Q : ในกรณีนี้ต้องดูแลรักษายังไง
A : ส่วนใหญ่ก็จะใช้ยาทารักษากลากรักษาเกลื้อน หากเป็นมากก็ใช้ยารับประทานสำหรับรักษาเชื้อรา
Q : อยากทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดกลากและเกลื้อน
A : สิ่งแรกคือต้องรู้สาเหตุ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการสวมเสื้อผ้าอับ ๆ รัด ๆ ใส่กางเกงยีนส์ อยู่ในที่ร้อนมาก ๆ เล่นกีฬาหรือทำงานกลางแจ้ง ก็อาจทำให้เกิดกลากและเกลื้อนได้ คนที่เป็นเกลื้อนมักเป็น ๆ หาย ๆ หรือหากใครเคยเป็นก็จะเป็นอีกได้ง่ายกับคนคนนั้น กลากก็เช่นเดียวกัน คนที่เป็นแล้วก็เป็นซ้ำได้อีก คือลักษณะผิวหนังของคนบางคน เหมาะที่จะทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ง่ายนั่นเอง ฉะนั้น ต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดให้ดี บางครั้งกลากอาจจะติดจากการใช้ของร่วมกับคนที่เป็นโรค หรือติดจากสัตว์เลี้ยงก็ได้
Q : มีวิธีป้องกันอย่างไรจึงจะไม่ทำให้เกิดกลากหรือเกลื้อน
A : การป้องกันก็คือ พยายามอย่าให้มีความอับชื้นควรซักเสื้อผ้าให้สะอาดและตากให้แห้ง หน้าร้อนควรใส่เสื้อผ้าหลวมโปร่ง ผ้าฝ้ายที่ระเหยเหงื่อง่าย อาบน้ำบ่อย ๆ อย่าปล่อยให้หมักหมม หลังอาบน้ำควรเช็ดบริเวณซอกพับให้แห้ง โรยแป้งบาง ๆ ปัจจุบันมีแป้งสำหรับป้องกันเชื้อรา ก็อาจช่วยชะลอไม่ให้เป็นเร็วขึ้น และอาจจะช่วยป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นใหม่
Q : กรณีที่ซื้อยาทาเองจะมีความปลอดภัยแค่ไหน
A : ปกติถ้าทายาฆ่าเชื้อรานานต่อเนื่อง 3-4 สัปดาห์ ก็จะทำให้อาการดีขึ้นได้ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะไม่ทายาต่อเนื่อง เนื่องจากเห็นว่าอาการดีขึ้นแล้ว เมื่อหยุดทายาไปไม่นานก็จะมีเชื้อรากลับเป็นซ้ำที่เดิมอีก หรือถ้ามีเชื้อราเกิดขึ้นหายตำแหน่ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อดูแลรักษาโดยใช้ยา การร่วมกับยารับประทานยาฆ่าเชื้อราบางชนิด มีผลข้างเคียงทำให้ผิวหนังหลุดลอก ผู้ป่วยบางคนไม่เข้าใจ อยากให้โรคหายเร็วทายาหนามาก หรือทายาซ้ำหลายครั้งต่อวัน จะทำให้ผิวหนังระคายเคือง แสบแดง เจ็บ และผิวลอกได้ ฉะนั้น จึงควรอ่านข้อแนะนำในการใช้ยาให้ถูกต้อง จากฉลากยาเสียก่อนว่าควรทาอย่างไร ทาบ่อยแค่ไหนมากน้อยเพียงไร ที่สำคัญคือเมื่อแพทย์ให้ยาฆ่าเชื้อราไปทาก็ควรทาประมาณ 3-4 สัปดาห์ แม้จะมีอาการดีขึ้นในหนึ่งสัปดาห์ก็ตาม เพราะถ้าทายาไม่ต่อเนื่องเชื้อราก็ยังอยู่และอาจกลับมาได้อีก คือควรทำตามคำแนะนำของแพทย์ ทั้งยากินและยาทา อย่าหยุดยาเอง
Q : มีเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนในหน้าร้อนไหม
A : เกิดขึ้นได้ในกรณีที่เป็นผดและคันมาก จะเกาจนผิวหนังถลอกทำให้ติดเชื้อแบคทีเรียแบบแทรกซ้อน ซึ่งไม่ได้เกิดจากสาเหตุเริ่มต้น ปกติเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียผ่านเข้าได้ผิวหนัง และเกิดแผลอักเสบติดเชื้อตุ่มหนอง ฝี และเป็นแผลได้
Q : ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ผิวหนังควรดูแลตัวเองอย่างไรดี
A : คนกลุ่มนี้ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษผิวทั้งในหน้าหนาวและในหน้าร้อน ใบหน้าหนาวก็จะมีผิวแห้งมากต้องทาครีมบำรุงมากๆ ไม่อาบน้ำอุ่นจัด ไม่ฟอกสบู่มาก ในหน้าร้อนถ้าเหงื่อออกมากจะมีผื่นคันบริเวณคอข้อพับ แขน ขา ฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงอากาศที่ร้อน อับหรือมีฝุ่นละอองมาก เนื่องจากจะทำให้คันมากขึ้น
Q : จำเป็นไหมที่ต้องใช้สบู่ยา
A : ผิวหนังปกติของคนทั่วไปไม่จำเป็นต้องใช้สบู่ยาแล้วแต่กรณี ส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำให้ใช้สบู่ยาในกรณีที่ติดเชื้อเท่านั้น ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์เพราะการใช้สบู่ยา อาจทำให้เกิดการแพ้ได้ และเมื่อใช้ต่อเนื่องจะทำให้เชื้อดื้อยาได้
Q : สาว ๆ ส่วนใหญ่คงอยากรู้ว่าการเกิดกระและฝ้าในฤดูร้อนจะรักษาหายไหม
A : การเกิดกระและฝ้าในหน้าหน้าร้อนแสดงว่าไปมีกิจกรรมนอกบ้าน เช่น ไปต่างจังหวัด ไปทะเลขึ้นเขา การออกกำลังกายกลางแจ้ง ทำให้เกิดกระหรือทำให้ฝ้าที่มีอยู่มีสีเข้มขึ้น ฝ้ามักจะเกิดจากแสงแดด ฮอร์โมน และพันธุกรรม ฝ้าเกิดง่ายแต่หายยาก แต่อาจจางลงได้ เมื่อรู้สาเหตุก็พยายามเลี่ยงปัจจัยนั้น ๆ สิ่งที่เสี่ยงไม่ได้คือพันธุกรรม หากเกิดจากฮอร์โมนมักเป็นตอนตั้งครรภ์ หรือฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นจากการกินยาคุม จึงควรทายากันแดดขนาดเท่าข้อนิ้วก้อยหรือทาสองรอบ เพื่อความมีประสิทธิภาพของยากันแดด

ข้อควรรู้ การดูแลผิวหนังในหน้าร้อน
ในคนที่แพ้โลหะไม่ควรใส่เครื่องประดับที่ทำจากนิกเกิ้ล เพราะเมื่อเหงื่อออก ก็จะทำให้นิกเกิ้ลละลายออกมาทำปฏิกิริยากับผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอักเสบหรือเกิดผื่นแพ้ได้


ในหน้าร้อนควรสระผมบ่อย ๆ เผื่อศีรษะอับขึ้น

หากต้องใส่รองเท้าที่ปกปิดมิดชิด ก็ควรถอดออกบ้างเมื่อนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน หากเท้ามีเหงื่อออกมากก็ให้หายาระงับไม่ให้เหงื่อออกมากเกินไป หรือโรยแป้งไว้ระหว่างนิ้วเท้าเพื่อขับเหงื่อ ควรเปลี่ยนรองเท้าบ่อย ๆ และนำไปผึ่งตากแดดเพื่อดับกลิ่นและฆ่าเชื้อโรคด้วย

ข้อแนะนำ จาก พญ.รัศนี อัคารพันธุ์
ในช่วงหน้าร้อนอากาศจะร้อนจัด แสงแดดแรงมาก ถ้าอยู่ในที่ร่มจึงไม่ควรใส่เสื้อผ้าหนาและรัดเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการอับชื้นเหงื่อ เกิดผดผื่นคันได้แต่เมื่อออกแดดก็ไม่ควรใส่แขนกุด คอกว้าง เพราะจะทำให้ผิวไหม้แดดได้ ควรใส่เสื้อแขนยาว กางร่มกันแดดและควรทายากันแดด โดยควรฝึกหายากันแดดตั้งแต่เด็กหากรู้จักหลีกเลี่ยงแดดตั้งแต่เด็ก เมื่อโตขึ้น จะได้ลดความกังวลเรื่องใบหน้าเหี่ยวง่ายเป็นริ้วรอยก่อนวัย คือเราป้องกันตั้งแต่แรกได้

ไม่มีความคิดเห็น: