3 เม.ย. 2554
สธ.เตือนอย่าหลงเชื่อคำโฆษณาใช้น้ำมันงา-มะพร้าวบ้วนปาก
แนะ ใช้น้ำมันกานพลู แทน
เทรนด์ใหม่คนรักสุขภาพฮิตใช้น้ำมันมะพร้าว-น้ำมันงา บ้วนปากเพื่อรักษาโรคในช่องปาก เผยสรรพคุณดีไม่แพ้น้ำยาบ้วนปาก ขณะที่รอง ผอ.แพทย์แผนไทยเตือนอย่าหลงเชื่อเพราะสรรพคุณของน้ำมันทั้งสองชนิดดีต่อผิวพรรณมากกว่า
กระแสความแรงของสมุนไพรธรรมชาติยังคงมีต่อเนื่อง ล่าสุดมีผู้นำน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันงามาใช้เป็นยารักษาโรคในช่องปากซึ่งถือเป็นเทรนด์ใหม่ที่น่าจับตามองของกลุ่มคนผู้รักษ์สุขภาพ
ภญ.ดร.อัญชลีจูฑะพุทธิ รองผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุขบอกว่า เคยได้ยินมาเช่นกันว่ามีคนนำน้ำมันงาและน้ำมันมะพร้าวไปบ้วนปากแต่ก็ไม่แพร่หลายนักเพราะน้ำมันทั้งสองชนิดนั้นเป็นน้ำมันที่คนส่วนใหญ่นำมาใช้เพื่อบำรุงผิวพรรณมากกว่า
อย่างไรก็ตามขอฝากเตือนไปยังผู้ใช้น้ำมันทั้งสองชนิดบ้วนปากว่าอย่างพยายามนำน้ำมันทั้งสองนั้นมาบ้วนปากเพราะสรรพคุณจริงๆ อาจจะไม่ใช้รักษาโรคในช่องปากแต่หากจะใช้สมุนไพรในการรักษาโรคในช่องปากก็ขอแนะนำให้ใช้น้ำมันกานพลูเพราะน้ำมันกานพลูมีสรรพคุณใช้เป็นยาแก้ปวดฟัน ใช้น้ำมันที่ได้จากการกลั่นดอกตูมของดอกกานพลู 4-5 หยดใช้สำลีพันปลายไม้ จุ่มน้ำมันจิ้มลงในรูฟันที่ปวดจะทำให้อาการปวดทุเลา และใช้แก้โรครำมะนาดก็ได้ หรือใช้ทั้งดอกเคี้ยวแล้วอมไว้ตรงบริเวณที่ปวดฟันเพื่อระงับอาการปวด หรือใช้ดอกกานพลูตำพอแหลกผสมกับเหล้าขาวเพียงเล็กน้อยพอแฉะใช้จิ้มหรืออุดฟันที่ปวด ระงับกลิ่นปากใช้ดอกตูม 2-3 ดอก อมไว้ในปาก จะช่วยทำให้ระงับกลิ่นลงได้
อย่างไรก็ตามในการเลือกซื้อน้ำมันงา น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันอื่นๆ รวมถึงสมุนไพรต่างๆ ผู้ซื้อควรจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากระทรวงสาธารณสุขจะปลอดภัยที่สุดเพราะกระทรวงสาธารณสุขจะออกใบรับรองมาตรฐานให้กับผู้ประกอบการที่มีการผลิตที่ถูกต้องตามหลักสากลเท่านั้น
"ขอแนะนำว่าหากผู้รักสุขภาพต้องการจะใช้ธรรมชาติบำบัดโรคในช่องปากควรใช้น้ำมันกานพลูจะมีสรรพคุณที่ตรงกว่าน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันงาซึ่งทั้งสองชนิดนี้น่าจะใช้บำรุงผิวพรรณจะดีกว่า"รองผู้อำนวยการสถาบันแพทย์แผนไทยกล่าว
ด้าน คัมภีร์ สมหวัง กรรมการผู้จัดการบริษัท กินดีมาร์เก็ตติ้ง จำกัดผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันงาและสินค้าสมุนไพรซึ่งได้รับรางวัลสินค้าโอทอปดีเด่นเมื่อปี2549 กล่าวว่าผู้รักสุขภาพที่หันมานิยมใช้น้ำมันงาและน้ำมันมะพร้าวบ้วนปาก ซึ่งสมุนไพรทั้งสองตัวนี้มีสรรพคุณในน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ มีปริมาณกรดลอริกอยู่สูงจึงทำให้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ มีคุณสมบัติด้านในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันช่วยฆ่าเชื้อ แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราได้
ในขณะที่น้ำมันงามีสรรพคุณต้านแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัสสามารถลดการอักเสบ เมื่อใช้กลั้วคอและบ้วนปากจะลดเชื้อที่ทำให้เกิดเหงือกอักเสบ เชื้อก่อโรคเจ็บคอ และเชื้อหวัดได้
"อาจจะเป็นเพราะสรรพคุณข้างต้นทำให้มีกลุ่มผู้รักสุขภาพหันมาใช้น้ำมันทั้งสองชนิดบ้วนปากแทนน้ำยาบ้วนปาก แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าการรักษาสุขภาพเหงือกและฟันรวมไปถึงโรคในช่องปากต่างๆ นั้นควรจะไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า"
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น