29 พ.ย. 2551

อย่าปล่อยให้เท้าปล่อยกลิ่น

อย่าปล่อยให้เท้า..ปล่อยกลิ่นประท้วง

คนเรามักใส่ใจหน้าตาและส่วนอื่นๆ ของร่างกาย มากกว่าเท้า ทั้งๆ ที่การดูแลสุขภาพเท้าก็มีความสำคัญ และไม่ได้ยากเย็นอะไร นายแพทย์ประวิตร พิศาลบุตร แนะนำไว้ว่า

สวมรองเท้าที่มีขนาดพอเหมาะ

งานวิจัยทางการแพทย์ชี้ว่า เด็กจำนวนมากใส่รองเท้าที่เล็กเกินไป ราวครึ่งหนึ่งของเด็กหญิงวัยเรียนจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับเท้า เมื่ออายุได้เพียง 10 ปี ความผิดปกติของเท้าหลายอย่าง เช่น เล็บขบ เล็บผิดรูปร่าง ตาปลา หรือกระดูกคด ล้วนเกิดจากการใส่รองเท้าที่มีขนาดไม่เหมาะสม

นอกจากนี้ควรเปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน และมีรองเท้าหลายๆ คู่ ใส่สลับกันบ้าง คู่ใดไม่ได้ใส่ก็ผึ่งให้แห้ง นอกจากนี้ควรเลือกถุงเท้า รองเท้า ที่ระบายอากาศได้ดี เช่น รองเท้าหนังหรือรองเท้ากีฬาที่มีรูระบายอากาศ หรือรองเท้าเปิดหัว เปิดส้น

ล้างเท้าทุกวัน

ยกเว้นกรณีที่ผิวหนังเท้าแห้งและแตกอยู่แล้ว หลังจากล้างเท้าไม่ควรสวมถุงเท้ารองเท้าทันที ควรรอให้เท้าแห้งสนิทก่อน อาจใช้ผ้าขนหนูซับหรือใช้พัดลมเป่าให้แห้งเร็วขึ้น เพราะเท้าที่เปียกชื้นจะติดเชื้อราที่เรียกว่า ฮ่องกงฟุต ได้ง่าย

เท้าเป็นอวัยวะที่มีต่อมเหงื่อมากมาย ทำให้เหงื่อออกมาก ถ้าไม่หมั่นทำความสะอาด เท้าและรองเท้าก็จะส่งกลิ่นเหม็นได้ง่ายๆ ขณะเดียวกัน ผิวหนังเท้ามีต่อมไขมันน้อย ฝ่าเท้าจึงแห้งและแตกง่าย ในกรณีนี้ต้องใช้ครีมหรือโลชั่นทาเพื่อให้ความชุ่มชื้น

ระวังส้นเท้าแตก

ควรดูแลเท้าเป็นพิเศษระหว่างการอาบน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เมื่อผิวหนังถูกน้ำจนนุ่มแล้ว ให้ใช้หินขัดขี้ไคลค่อยๆ ถูส่วนที่มีหนังหนาตัวขึ้นกว่าปกติ จากนั้นจึงทาครีมให้ความชุ่มชื้น นวดบริเวณส้นเท้าและฝ่าเท้า จนครีมซึมซาบเข้าไป วิธีนี้จะช่วยป้องกันส้นเท้าแตกได้

ใช้แป้งโรย

หากเหงื่อออกที่เท้ามาก ใช้แป้งฝุ่นโรยก็ช่วยได้ เลือกใช้แป้งทั่วไปหรือแป้งเฉพาะสำหรับเท้าที่เรียกว่า foot powder ก็ได้ แป้งชนิดนี้มีลักษณะคล้ายแป้งฝุ่นทาตัว แต่เนื้อแป้งอาจหนากว่าและดูดซึมน้ำได้ดีกว่า การโรยแป้งทำให้ผิวที่เท้าแห้ง ไม่เปียกชื้น ลดการระคายเคือง ช่วยให้รู้สึกเย็นสบาย

ป้องกันเล็บขบ

เล็บขบพบได้บ่อยในคนที่สวมรองเท้าคับเกินไปและตัดเล็บผิดวิธี เล็บมือนั้นตัดเป็นรูปโค้งมนตามนิ้วมือได้ แต่เล็บเท้าควรตัดเป็นเส้นตรง เพราะหากตัดโค้งมนตามนิ้วเท้า เมื่อเล็บงอกขึ้นมาใหม่ อาจงอกแทงผิวหนังข้างๆ เล็บ ทำให้เกิดการอักเสบบวมแดงได้

ผู้ที่มีโรคของระบบประสาททำให้เท้าชา เช่น โรคเบาหวาน ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังดูแลรักษาเท้าให้มากขึ้น เพราะอาจเกิดแผลเรื้อรังที่เท้าได้

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากนะครับ สำหรับบทความ