1 พ.ย. 2552

ลาก่อน...ผิวเสียหน้าหนาว

ลาก่อน...ผิวเสียหน้าหนาว (Health & Cuisine)

อย่าปล่อยให้ปัญหาผิวแห้งเสียเป็นอุปสรรคความสวยอีกต่อไป มารู้จักวิธีดูแลรักษาผิวหน้าหนาวกันเสียแต่วันนี้ดีกว่า 5 อาการผิวป่วยหน้าหนาว

1. ผิวแห้งและเหี่ยว อาการแรกเริ่มของผิวในหน้าหนาว เกิดจากผิวขาดความชุ่มชื้น เพราะอากาศสัมพัทธ์หรือความชื้นรอบตัวน้อย ทำให้ร่างกายเสียน้ำมากกว่าปกติ จึงแห้งและเกิดริ้วรอย บริเวณที่ผิวแห้งเป็นประจำคือ หน้าแข้ง หลังมือ แขน
2. ผิวแตก เป็นผลต่อเนื่องจากผิวแห้งที่ขาดการดูแลรักษา ทำให้ผิวหนังชั้นบนหดตัว และแห้งแตกเป็นร่อง เช่น ริมฝีปาก ส้นเท้า เป็นต้น

3. คันและอักเสบที่ผิว เมื่อผิวแห้งมักเกิดอาการคันทำให้ต้องเกา ยิ่งเกาก็ยิ่งคันมากขึ้น อาจทำให้เป็นแผลและอาการอักเสบภายหลัง

4. ผิวแพ้ง่าย ผิวที่แห้งจะไวต่อการระคายเคืองและแพ้ง่าย เพราะโดยธรรมชาติผิวต้องปิดสนิทและมีน้ำมันเคลือบผิวอยู่อีกชั้นหนึ่ง เรียกว่า Natural barrier หรือเกาะป้องกันผิว เมื่อผิวสูญเสียความชุ่มชื้นไป ผิวจะเผยอหรือเป็นขุย ทำให้เชื้อโรคจากฝุ่นละออง หรือส่วนผสมต่าง ๆ ในครีมบำรุงซึมเข้าสู่ผิวเร็วขึ้น จึงเกิดอาการแพ้และระคายเคืองได้ง่าย

5. โรคเซ็บเดิม จัดอยู่ในประเภทเดียวกับโรคภูมิแพ้ตระกูลหอบหืด แต่มีสาเหตุมาจากเชื้อยีสต์บริเวณผิวเจริญเติบโตมากผิดปกติ จนเกิดเป็นผื่น บวมแดง คัน ลอกเป็นขุยจากร่องจมูก หัวคิ้ว หนังศีรษะ หรือลุกลามไปทั้วทั้งตัวได้ พบมากและกำเริบในช่วงหน้าหนาว เนื่องจากอากาศแห้งเป็นตัวกระตุ้น มักเกิดกับคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีประวัติของคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะทารกและผู้สูงอายุ การรักษาคือ กินยาลดการอักเสบจำพวกเสตรียลอยด์และย่าฆ่าเชื้อยีสต์ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นและไม่ใช้สบู่หรือครีมใด ๆ เพิ่มปราการปกป้องผิว

ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ให้เหมาะกับสภาพผิว ผลิตภัณฑ์บางอย่างที่ใช้ได้ผลดีใน หน้าร้อน แต่อาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ในหน้าหนาว ควรเลือกครีมเนื้อเข้มข้น ชนิด Water in oil เพราะมีน้ำมันช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวได้นานขึ้น ใครที่ผิวแห้งมากลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารช่วยลดการสูญเสียน้ำ อาทิ Vaseline, Petrolatum, Lanolin, Ceramide และมีส่วนผสมของ AHAs, Salicylic acid, Lactic aicd และมอยเจอร์ไรเซอร์สูง เพื่อช่วยลดการตึงตัวของผิวหนัง

ใช้ครีมกันแดด หน้าหนาวมีช่วงเวลาที่แดดออกค่อนข้างสั้น แต่ในแดดนั้นจะมีรังสีอัลตราไวโอเลตอยู่มาก จึงต้องเลือกครีมกันแดดที่มี SPF ตั้งแต่ 25 ขึ้นไปเพื่อกันรังสีUVชนิด B ซึ่งทำให้ผิวไหม้เกรียม และเลือก PA (Protection Grade of UVA) ตั้งแต่ 3 บวก (PA+++) ขึ้นไป เพื่อป้องกันรังสีUV ชนิด A ซึ่งเป็นสาเหตุของความหมองคล้ำ

ล้างหน้าให้ถูกวิธี โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดที่มีฟองน้อย ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ใช้น้ำลูบใบหน้าให้เปียกก่อนแล้วจึงบีบครีมล้างหน้าใส่มือ เพื่อให้ครีมเจือจางลง ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหน้าแห้งและระคายเคืองได้

พยายามไม่อาบน้ำอุ่น เพราะเป็นการเร่งให้ผิวแห้งมากขึ้น และควรหลีกเลี่ยงการ อบซาวน่า หรือขัดผิวเพราะผิวกำลังอ่อนแอ กินให้สวยท้าลมหนาว

ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว เพราะอากาศหนาวทำให้เราปัสสาวะบ่อย ร่างกายสูญเสียน้ำ ผิวจึงแห้งง่าย

รับประทานผักผลไม้มากๆ ช่วงหน้าหนาวแนะนำให้กินผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น พริกขี้หนู พริกหวาน ส้ม มะขาม ฝรั่ง เพราะนอกจากบำรุงผิวยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน ป้องกันหวัดได้อีกด้วย

เด็กทารก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมได้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ชีส ซุป น้ำสลัดน้ำข้น โยเกิร์ต เพราะการที่กระเพาะย่อยน้ำตาลในนมไม่ได้ ร่างกายจึงต้องไปดึงเชื้อยีสต์ในลำไส้มาช่วยย่อยน้ำตาล ทำให้เชื้อยีสต์มีจำนวนมากขึ้น(Over Growth) เมื่อถูกกระตุ้นด้วยอากาศแห้งในหน้าหนาวจะทำให้เกิดโรคเซ็บเดิม และปวดไขข้อได้

เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา จะทำให้ปัสสาวะบ่อยเนื่องจากคาเฟอีนมีส่วนในการขับปัสสาวะ แนะนำให้เลี่ยงมาดื่มเครื่องดื่มสมุนไพรหรือชาผลไม้ที่ไม่มีส่วนผสมของคาเฟอีนแทน สูตรถนอมหน้ารับลมหนาว

สำหรับสาว ๆ ที่ชอบทำมาสก์เองด้วยผลิตผลจากธรรมชาติ หน้าหนาวอย่างนี้แนะนำให้ใช้นมสด 1/2 ช้อนชาและน้ำผึ้งแท้ 1/2 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันแล้วทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 8-10 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด นมสดจะช่วยให้หน้าเนียนนุ่ม ไม่แห้ง ส่วนน้ำผึ้งรักษาความชุ่มชื้นและลดการระคายเคืองได้ดี

ไม่มีความคิดเห็น: