อาการแสบร้อนขณะปัสสาวะเป็นอาการสำคัญของโรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
อาการแสบร้อนขณะปัสสาวะเป็นอาการสำคัญของโรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หรือที่เรียกว่า กระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีผู้หญิงราว 1 ใน 5 เคยเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบอย่างน้อย 1 ครั้ง ขณะที่ผู้ชายพบไม่บ่อยนัก แพทย์มักรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ระหว่างนี้คุณควรดื่มน้ำมากๆ และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำต่อไปนี้ เพื่อบรรเทาอาการปวดและช่วยให้หายเร็วขึ้น
รักษาด้วยน้ำ
- เมื่อเริ่มมีอาการให้ดื่มน้ำโซดาเย็นๆ โดยใช้ผงเบคกิ้งโซดา (bicarbonate of soda) 1ฺ4 ช้อนชา ผสมกับน้ำ 125 มล. ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ตามด้วยน้ำเปล่า 2 แก้ว น้ำโซดาช่วยลดความเป็นกรดของปัสสาวะ ทำให้อาการแสบร้อนขณะปัสสาวะลดลง
- ดื่มน้ำชั่วโมงละ 1 แก้วตลอดทั้งวัน การดื่มน้ำมากทำให้มีปัสสาวะมากและปัสสาวะเจือจาง ช่วยลดการระคายเคือง ปริมาณปัสสาวะที่เพิ่มขึ้นจะช่วยชะล้างแบคทีเรียออกจากทางเดินปัสสาวะด้วย
- หลีกเลี่ยงน้ำผลไม้ตระกูลส้มมะนาว น้ำมะเขือเทศ กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มเหล่านี้ทำให้มีอาการแสบร้อนขณะปัสสาวะมากขึ้น
รักษาด้วยชาสมุนไพร
- ดื่มชากระเทียม สารบางชนิดในกระเทียมมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของทางเดินปัสสาวะอักเสบได้เป็นอย่างดี ลอกเปลือกกระเทียมสด 2-3 กลีบ บดหยาบแล้วแช่ในน้ำอุ่น 5 นาที กรองกากออกแล้วดื่มน้ำ
- ดื่มน้ำตะไคร้ ตะไคร้มีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะอย่างอ่อนและลดการอักเสบ ใช้ต้นสด 40-60 กรัม ต้มกับน้ำ 225-290 มล. กรองน้ำดื่มครั้งละ 75 มล. วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
ป้องกันไว้ก่อน
- สิ่งสำคัญที่คุณควรปฏิบัติคือ ปัสสาวะอย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมงเป็นประจำ และปัสสาวะให้สุดทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจ หลังจากปัสสาวะเสร็จควรพักสักครู่ (ผู้หญิงควรลุกขึ้นยืนก่อน) แล้วปัสสาวะซ้ำอีกครั้ง
- รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนักเป็นพิเศษ อาบน้ำก่อนมีเพศสัมพันธ์และปัสสาวะหลังเสร็จกิจเสมอ เพื่อให้ปัสสาวะช่วยชะล้างเชื้อแบคทีเรียที่อาจซึมแทรกเข้าท่อปัสสาวะขณะมีเพศสัมพันธ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น