10 ธ.ค. 2552

หนูดี - วนิษา เรซ : ทำอะไรที่ไม่เคยทำ

เคยไหมคะ ที่เราทดลองทำอะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อน อาจเป็นเรียนภาษาใหม่ หรือ เรียนเต้น หรือ ตกลงใจไปทำงานในต่างประเทศทั้งที่ไม่เคยเดินทางไปประเทศนั้นมาเลย และก็ทำให้เรารู้สึกเปิ่น เขิน แปลก และไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไรเลย รู้สึกสับสนและบางครั้งก็ไม่สบายใจเล็กๆ ด้วยซ้ำ

ทุกครั้งที่จะเดินทางไปประเทศไหนที่ไม่เคยไป หรือกำลังจะเรียนอะไรที่ไม่เคยเรียนมาก่อน หนูดีจะกังวลและกลัวไปล่วงหน้าว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยไหม เราจะทำได้ไหม เราจะปลอดภัยไหม หรือ เราจะหน้าแตกต่อหน้าคนอื่นไหม การลงมือทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อนนี่เราต้องรวบรวมความกล้าแบบมหาศาลเลยนะคะ
แต่เวลาที่เราเก่งมากแล้ว หรือ "คนมอง" ว่าเราเก่งมากกกกก.... และเราเริ่มรู้สึกว่าเรา "ควบคุม" โลกเล็กๆ รอบตัวของเราได้อย่างมั่นคงแล้วล่ะก็ คงถึงเวลาที่เราต้อง "ออกเดินทาง" ไปสู่โลกที่ไม่คุ้นเคยและเราไม่รู้สึกว่าเรา "เก่งไปหมด" อีกครั้งแล้วค่ะ

"ออกเดินทาง" ในความหมายของหนูดีตรงนี้มีความหมายตรงตัวก็ได้ หรือ ความหมายเปรียบเทียบก็ได้ เพราะทันทีที่เรารู้สึกชินและสบายๆ กับชีวิตนั้น หมายความว่าเรากำลังอยู่ในโซนปลอดภัยเกินไป หรือที่คุณครูฝรั่งของหนูดีเรียกว่า "comfort zone" ซึ่งเป็นสถานที่และเวลาที่เรารู้สึกว่า เราเก่งเราทำอะไรก็ได้ ทำอะไรก็ฉลาดไปเสียทั้งหมด

ระวังนะคะ เพราะโซนนี้ถ้าเราปล่อยตัวเองให้อยู่อาศัยนานเกินไป สมองเราจะเริ่มนิ่ง เราจะเริ่มไม่เรียนรู้ เราจะเริ่มเฉื่อยชา และเริ่มหมดความคิดสร้างสรรค์ นักวิจัยด้านความคิดสร้างสรรค์ท่านหนึ่งชื่อ ดร.มิฮาเลย์ ชิคเซนมีไฮ เคยทำงานวิจัยชิ้นหนึ่งดังเชียวค่ะ มีชื่อว่า "โฟลว์" ซึ่งพูดถึงภาวะที่มนุษย์สามารถทำงานสร้างสรรค์ได้ดีที่สุด มีผลิตผลของชิ้นงานได้มากที่สุด และโบนัสก็คือ ยังเป็นช่วงที่เรามีความสุขที่สุดอีกด้วย

หากไม่ได้ดูลึกลงไปถึงงานวิจัย เราคงคิดว่าคนที่อยู่ในช่วงแห่งความคิดสร้างสรรค์และความสุข คงไม่มีความเครียดเลย แต่จริงๆ แล้ว ความเครียดเล็กๆ กลับเป็นผลดีค่ะ เพราะ ดร.มิฮาเลย์ แบ่งสภาวะจิตใจของคนออกเป็นสามสภาวะใหญ่ใหญ่ๆ คือ โซนปลอดภัย โซนคิดสร้างสรรค์ และ โซนจลาจล

แน่นอนว่า ระดับความเครียดก็ผันแปรไล่ตามกันไป คือ เครียดน้อยมาก เครียดปานกลาง และเครียดมากที่สุด ปรากฏว่าระดับความเครียดน้อยมากกลับไม่สร้างความคิดสร้างสรรค์ เพราะ "โซนสบาย" ตรงทำให้สมองของเรานิ่งเกินไปเหมือนบ่ายวันอาทิตย์ที่นอนอยู่บ้านสบายๆ

แต่ในทางสุดโต่งอีกด้านคือ โซนจลาจล สมองของเราก็เต็มไปด้วยความเครียดจนสร้างสรรค์ไม่ออก เหมือนกับเวลารถเพิ่งชนแล้วเราเดินลงไปเห็นรอยแผลเต็มหน้ารถนั่นเองค่ะ ทั้งโมโหทั้งเครียดแบบนี้สมองทำงานได้ไม่ปรกติแน่นอน

เพราะฉะนั้น เวลาที่ดีที่สุดสำหรับสมองก็คือ โซนสร้างสรรค์ เป็นเวลาที่เรากำลังทำกิจกรรมหนึ่งหรืองานหนึ่ง ที่ยากกว่าความสามารถปัจจุบันของเรานิดหนึ่ง ไม่มากไม่น้อย เหมือนกับเวลาที่เราเรียนรู้อะไรใหม่ๆ แต่เราพอมีพื้นฐานเดิมอยู่บ้างแล้ว ต้องเขย่งทางความคิดนิดหนึ่ง ไม่รู้สึกว่าเราสบายเกินไป แล้วไม่นานค่ะ ความคิดสร้างสรรค์จะหลั่งไหลมาพร้อมกับความรู้สึกพอใจและสนุกสนาน

กิจกรรมเหล่านี้จะทำให้เราหลุดหายเข้าไปในโลกอีกโลกหนึ่งจนลืมเวลาได้ ใครที่เคยอ่านหนังสือติดพันไม่อยากลุกไปรับประทานอาหารหรือเข้าห้องน้ำ หรือ ทำโปรเจ็คงานสนุกมากจนไม่อยากคุยกับใคร ก็น่าจะเคยได้สัมผัสโซนสร้างสรรค์นี้แล้ว

หนูดีเองมีกฎประจำตัวว่า ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่หนึ่งสิ่งทุกปี หรือ ไปอยู่ในวัฒนธรรมและสังคมที่เราไม่ชินเสมอๆ เพื่อให้สมองได้คอยปรับตัวและ "อัพเกรด" ความคิดเป็นระยะๆ

ในปีนี้ หนูดีและครอบครัวเลือกมาพักผ่อนประจำปีและเรียนวิชาที่หนูดีไม่เคยเรียนมาก่อนในเมืองปารีสเป็นเวลาหนึ่งเดือน สมองของหนูดีต้องทั้งปรับและรับข้อมูลขนานใหญ่ ทั้งเรื่องภาษาที่ไม่คุ้นเลยคือฝรั่งเศส ซึ่งตอนนี้เริ่มเดาบางคำได้แล้ว หรือ เรื่องทัศนคติ วิธีคิด วิธีการใช้ชีวิตแบบฝรั่งเศสที่หนูดีไม่เคยชินสักนิด แต่ก็สนุกเหลือเกินกับการได้เห็นการใช้ชีวิตที่แปลกไป

แถมหนูดียังเลือกมาเรียนเรื่องที่ไกลตัวที่สุด คือ เรื่องแฟชั่นฝรั่งเศส ต้องอ่านหนังสือที่ไม่เคยอ่าน คือนิตยสารแฟชั่น ไปเดินทำการบ้านตามร้านเสื้อผ้าทั้งๆ ที่ไม่ใช่คนชอบชอปปิ้งเลย แต่ต้องยอมรับว่าเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หนูดีได้เรียนรู้มากมาย รู้สึกว่าตัวเอง "ไว" ขึ้นเยอะ และพอได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำได้มาก่อนแล้ว รู้สึกภูมิใจและสุขใจดีจังค่ะ

หนูดีว่าคำว่า "ฉลาด" และ "สุข" อยู่ไม่ไกลกัน ถ้าเราไม่กลัวที่จะลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ แล้วก้าวออกจากโซนสบาย ไปสู่โลกภายนอก...นอกไปจากสิ่งที่เราคุ้นชินเสียบ้างเป็นระยะๆ ชีวิตก็น่าจะสนุกขึ้นอีกมาก และยังมีความฉลาดในเรื่องใหม่ๆเป็นของแถมด้วยค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น: