6 มี.ค. 2554

ทันตกรรมรากเทียม (Dental Implant)


คือ วิทยาการที่คิดค้นขึ้นเพื่อทดแทนการสูญเสียฟันธรรมชาติ โดยจะฝังวัสดุ ที่มีรูปร่างคล้ายรากฟันลงบนกระดูกขากรรไกร เพื่อช่วยให้ การใส่ฟันปลอมติดแน่นไม่ต้องถอดออก หรือฟันปลอมชนิด ถอดได้ยึดเกาะติดแน่นได้ดี โดยอาจใช้รากเทียมเพื่อการ ใส่ฟันปลอมตั้งแต่ 1 ซี่ ในบางกรณีการใส่ฟันปลอมทั้งปาก ก็อาจใช้รากเทียมเพียง 2 ตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ใช้ ในการยึดเกาะของฟันปลอม


รากเทียมประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ คือ

1.รากเทียม(Fixture)

ทำ มาจากโลหะไทเทเนียม (Titanium) มีลักษณะคล้ายรากฟัน และจะฝังอยู่ใน กระดูกขากรรไกร สามารถยึดติดได้อย่าง แนบแน่นโดยไม่ทำให้เนื้อเยื่ออักเสบ และ ไม่เกิดผลข้างเคียง ใดๆ

2. เดือยรองรับครอบฟัน(Abutment)

เมื่อ ฝังรากเทียมบน กระดูกขากรรไกร จะใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน เพื่อให้ รากเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกรได้ดี หลังจากนั้นจึงใส่เดือยรองรับครอบฟันลงบน รากเทียม เพื่อใช้เป็นที่รองรับครอบฟันต่อไป

3. ครอบฟัน(crown)

เป็นส่วนที่อยู่ด้านบนของเหงือกบนเดือยรองรับจะทำมาจาก เซรามิค(porcelain) มีรูปร่างลักษณะและสีเหมือนฟันธรรมชาติ มีความคงทนถาวร


จาก การศึกษาวิจัยและเอกสารวิชาการต่างๆ ได้กล่าวถึง รากเทียมว่า สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมี ลักษณะเหมือนฟันธรรมชาติมากจนยากที่จะสังเกตได้การทำ รากเทียมนั้นสามารถทำได้เกือบทุกคนที่สูญเสียฟันแท้ไป โดยไม่จำกัดอายุ

แล้ว ความมีชีวิตชีวาจะกลับมาเยือนท่านอีก เพราะท่าน จะสามารถ ทำกิจกรรมประจำวันได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง การรักษา โดยการทำรากเทียม ทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาต้องมีความ เชี่ยวชาญและเข้าใจ สามารถวินิจฉัยและวางแผนการรักษาผู้ป่วย ได้เป็นอย่างดี สามารถเลือกใช้รากเทียมแต่ละชนิดให้เหมาะกับ ผู้ป่วย และยังต้องมีความเชี่ยวชาญหลักการบดเคี้ยวและขั้นตอน ทางทันตกรรมประดิษฐ์

ดังนั้นผู้ป่วยควรปรึกษาทันตแพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญ เพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์หลังการรักษา



• ยิ้มด้วยความมั่นใจ

• รับประทานอาหารได้ทุกชนิดที่คุณชื่นชอบ

• พูดจาชัดถ้อยชัคคำเป็นธรรมชาติ

• เพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว

• ทำให้อาหารย่อยได้ดีขึ้น

• บูรณะโครงสร้างของใบหน้าให้เกิดความสมบูรณ์แบบ

• สร้างเสริมคุณภาพชีวิตให้มีความสุขมากยิ่งขึ้น

• เชื่อมั่นในตนเองและทำให้มีบุคลิกภาพที่ดี

ไม่มีความคิดเห็น: