14 ก.ค. 2552

ยืดอายุด้วยโยเกิร์ต

โยเกิร์ตทำมาจากนมหมักที่เติมเชื้อจุลินทรีย์ชนิดดี ซึ่งจัดอยู่ในจำพวก ไพรไบโอติก ที่จะเปลี่ยนแลคโตสเป็นกรดแลคติก ทำให้นมเปลี่ยนสภาพเป็นกึ่งเหลวกึ่งข้นและมีรสเปรี้ยวคล้ายนมบูด การกินโยเกิร์ตจะช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีให้ระบบลำไส้ ที่ช่วยทั้งยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ชนิดไม่ดีและเพิ่มภูมิต้านทานให้ระบบย่อย และเพราะจุลินทรีย์ชนิดดีสามารถย่อยน้ำตาลในนมได้ คนที่แพ้นมเพราะขาดเอนไซม์แลคโตสจึงหมดปัญหาท้องเสียหรือปวดท้องเมื่อกินโยเกิร์ต เพราะน้ำตาลแลคโตสในนมถูกเชื้อแลคโตบาสิลัสจะเปลี่ยนเป็นกรดแลคติกที่ย่อยง่าย ซึ่งงานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า จุลินทรีย์ชนิดดีจะป้องกันการติดเชื้อ คนที่ท้องเสียจึงสามารถกินโยเกิร์ตเพื่อช่วยลดอาการถ่ายท้องได้

11 สารอาหารในโยเกิร์ต

เชื่อหรือไม่ว่าการกินโยเกิร์ตนั้นให้โปรตีนและแคลเซียมในปริมาณสูงกว่าการกินนม เพราะกรดแลคติกในโยเกิร์ตจะย่อยแคลเซียมในนม ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น ทั้งยังเป็นแหล่งรวมของวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการเพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง

ในโยเกิร์ตชนิดไขมันต่ำ 1 ถ้วยมีสารอาหารมากถึง 11 ชนิด ได้แก่ไอโอดีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 2 โปรตีน วิตามินบี 12 ทริปโทฟาน โปแตสเซียม โมลิปเดนัม สังกะสี และวิตามินบี5 จึงไม่น่าแปลกใจที่โยเกิร์ตเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ชาวบัลแกเรียซึ่งกินโยเกิร์ตเป็นประจำอายุยืน เพราะ

-โยเกิร์ตมีแคลเซียมสูง จึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ความดันโลหิตสูง มะเร็งในลำไส้ใหญ่ ช่วยในการลดน้ำหนักและเพิ่มการเผาผลาญไขมัน
-มีเชื้อแลคโตบาสิลัส ที่ช่วยลดการอักเสบของลำไส้และไขข้อ และเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีในโยเกิร์ตยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ ‘เฮลิโคแบคเตอร์ เอชไพโลไร’ ที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะ
-มีกรดไขมันคอนจูเกตเต็ดไลโนเลอิค ช่วยป้องกันโรคหัวใจ
-กินโยเกิร์ตะวันละ 2-5 ถ้วย สามารถช่วยลดระดับ ‘แกซไฮโดรเจรซัลไฟด์’ ที่ทำให้ลมหายใจมีกลิ่น พร้อมลดความเสี่ยงของโรคเหงือก
-โยเกิร์ตมีแบคทีเรียมีชีวิต ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินบีและวิตามินเคในลำไส้ ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าสามารถช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
-กินโยเกิร์ตวันละ 8 ออนซ์เป็นเวลา 6 เดือน สำหรับผู้หญิงที่ติดเชื้อยีสต์ในช่องคลอดบ่อยๆ การติดเชื้อจะลดลงถึง 3 เท่า

แล้วกินอย่างไรให้อายุยืน?โยเกิร์ตรสชาติดั้งเดิมของชาวบัลแกเรียไม่ใส่น้ำตาลและมีรสเปรี้ยว แต่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่มีขายตามท้องตลาดจะมีรสหวานเนื่องจากผสมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมลงไปด้วย ดังนั้นการกินโยเกิร์ตรสธรรมชาติจึงให้ผลดีกับร่างกายที่สุด แต่ถ้านำมาผสมกับผลไม้สด หรือปั่นรวมกับผลไม้และนมก็จะได้อาหารที่มีพลังงานเพียงพอถึงเที่ยงเลยทีเดียวค่ะ ส่วนใครที่ชอบทางสลัดหรือแซนด์วิช ใช้โยเกิร์ตแทนน้ำสลัดแบบมายองเนสก็อร่อยไม่แพ้กัน

มาทำโยเกิร์ตด้วยตัวเอง นำนมสดรสจืด 1 ลิตรต้มด้วยไฟปานกลาง เมื่อเดือดอ่อนๆ ทิ้งไว้จนอุณหภูมิลดเหลือประมาณ 40 องศาเซลเซียส เติมโยเกิร์ตรสธรรมชาติลงไป 1 ถ้วย คนให้เข้ากันแล้วเทใส่ภาชนะที่มีฝาปิด วางทิ้งไว้นอกตู้เย็น 1 คืน (ถ้าชิมแล้วยังไม่เปรี้ยวให้ทิ้งไว้อีก 2-3 ชั่วโมงจนได้รสชาติที่ต้องการ) จากนั้นนำไปแช่ในตู้เย็น เก็บไว้รับประทานได้ 3 วัน

ไม่มีความคิดเห็น: