13 ก.ค. 2552

ร่างกายกำลังพยายามเตือนคุณ

แก้มแดงเป็นวง

อยู่ ๆ แก้มก็แดงราวกับทารูจสีแดง (ที่ไม่ได้เกิดจากอาการเขินอาย) ปกติจะเกิดจากสารฮีสตามีน หรือสารเคมีที่ร่างกายผลิตขึ้นมาจากการ ได้รับอาหารบางอย่างจำนวนมาก อย่างเช่น หอยเชลล์ ช็อกโกเลต มะเขือเทศ และลูกเบอร์รี่ ถึงแม้ว่าอาหารที่เป็นตัวกระตุ้นนี้จะย่อยไปแล้ว ฮีสตามีนก็ยังคงอยู่ในระบบ และอาจต้องใช้เวลาถึง 48 ชม. ในการจือจางลง มันไม่ใช่สัญญาณว่าคุณแพ้อาหาร เพราะฉะนั้นคุณก็ยังคงอร่อยกับอาหารเหล่านี้ได้ แต่ควรจำกัดขนาดของการกินแต่ละวันเท่านั้น

เส้นเลือดฝอยในตาแตก

คุณอาจจะกินยาแก้อักเสบ หรือยาแก้ปวดมากไป ไม่ว่าจะเป็นแอสไพริน หรือยาแก้ปวดที่มีไอบูโพรเฟน (อย่างเช่นแอ๊ดวิล) ยาเหล่านี้ออกฤทธิ์ทำให้เลือดบางลง และลดการอุดตัน ซึ่งทำให้อาการบวมลดลง แต่ถ้าคุณกินยาเหล่านี้ทุกวันเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ ในตาของคุณ ก็อาจจะเปราะบาง แตกได้ ลดขนาดยาหรือเปลี่ยน ไปกินยาแก้ปวดที่มีเซตามินโนเฟนแทน อย่างไทลินนอล ซึ่งไม่มีผลต่อการอุดตัน

ลิ้นสีซีดหรือสีน้ำตาล

ลิ้นที่มีสุขภาพดี ควรมีสีชมพูเหมือนหมากฝรั่ง แต่ถ้ามันมีสีซีด หรือออกโทนน้ำตาลเหมือนอย่างสีเนื้อย่าง อาจเป็นสัญญาณของโรคโลหิตจาง ซึ่งเป็นโรคที่พบมาก โดยเฉพาะในผู้หญิง เพราะว่าร่างกายของคุณ ผลิตเม็ดเลือดแดงไม่เพียงพอ อีกสองอาการที่ตามมาคือ เหนื่อยเพลียและไม่ค่อยตื่นตัว กระฉับกระเฉง โรคโลหิตจางมักเกิดเพราะร่างกายมีระดับธาตุเหล็กในเลือดต่ำ เพราะฉะนั้นไปให้แพทย์ตรวจซะ ถ้าพบว่าคุณเป็นโรคโลหิตจาง แพทย์จะสั่งให้คุณกินธาตุเหล็กเสริมทุกวัน หรือแนะนำให้คุณกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ตัวอย่างเช่น ผักขมและเนื้อแดง

มีเส้นสีคล้ำบาง ๆ ตามแนวขวางของปลายจมูก

รอยเส้นตามขวางสีน้ำตาลจากปลายจมูกด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง เป็นผลจากการแพ้สิ่งที่มีอยู่ในอากาศ เมื่อคุณเริ่มรู้สึกคันจมูก คุณก็จะถูขยี้จมูกโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดรอยย่น ยาแก้แพ้ที่ซื้อได้ทั่วไป จะช่วยลดอาการแพ้ได้ คุณจะได้ต่อต้านอาการอยากจะเกาขยี้ และให้เวลาเส้นสีคล้ำนั้นจางไป

รอยผื่นแดงเหมือนใยแมงมุมที่หน้าอก

หรือที่เรียกกันว่า หลอดเลือดแมงมุม อาการนี้เกิดจากระดับเอสโตรเจนที่พุ่งสูง ทำให้ผนังหลอดเลือดทั่วร่างกายขยาย เพราะผิวหนังที่หน้าอกคุณบอบบาง รอยแดงที่พันกันไปมาของเส้นเลือดขยาย ใต้ผิวหนังจึงเห็นได้ชัดในคนที่ผิวค่อนข้างขาว สิ่งหนึ่งที่ทำให้เอสโตรเจนสูงขึ้นก็คือ ยาคุมกำเนิด ควรเปลี่ยนไปใช้สูตรที่ไม่มีเอสโตรเจน หรือมีจำนวนต่ำ และรอยแดงเหล่านั้นควรจะหายไป

รอยย่นรอบ ๆ ดวงตา และปาก

คุณอาจจะกินอาหารที่มีไขมันและน้ำน้อยไป เพราะถ้าปราศจากสองตัวนี้ เซลล์ผิวหนังในส่วน ที่บอบบางมากที่สุดบนผิวหน้าจะหดตัวและแห้ง ทำให้ผิวดูเหมือนกระดาษย่น รอยเหล่านี้ไม่เหมือนกับ รอยย่นที่เกิดจากความชรา เพราะรอยย่นนี้จะหายไปเมื่อกินน้ำ 8 แก้วต่อวัน และการกินไขมันอิ่มตัวสามมื้อต่อวัน อย่างปลาแซลมอน ถั่วต่าง ๆ และผล อโวคาโด

รอยฝ้าสีน้ำตาลที่ใบหน้า

โทษไปที่เอสโตเจนที่อยู่ในเม็ดยาคุมกำเนิดได้เลย สำหรับรอยฝ้า ที่มักเกิดขึ้นบริเวณหน้าผาก แก้ม และคาง เรียกว่าโคลแอซมมา มันจะเกิดเมื่อระดับเอสโตเจนพุ่งสูง ซึ่งมักจะเป็นเพราะกินยาคุมกำเนิด เร่งให้เกิดการผลิตเม็ดสีของผิว การเปลี่ยนมากินยาคุมกำเนิดที่มี เอสโตเจนต่ำหรือไม่มีเลย อาจไม่ช่วยให้รอยฝ้านี้หายไปหมด แต่คุณสามารถพบแพทย์ผิวหนังเพื่อให้สั่งยาบางตัวมาช่วย หรืออาจจะรักษาด้วยวิธีเลเซอร์ หรือการลอกผิว

รอยช้ำสีม่วงกว่าจะหาย

ส่วนใหญ่มักจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับการดื่มมากเกินไป เพราะแอลกอฮล์จะไปคั่งค้างสะสมในเลือด การดื่มสามแก้ว หรือมากกว่าใน 1 วัน เป็นเวลาหลายสัปดาห์และเดินชนหรือเตะอะไรเข้า จะทำให้มีการตกเลือดช้ำอยู่ในผิวหนัง ทำให้เกิดรอยช้ำห้อเลือดสีม่วง ซึ่งใช้เวลานานหลายวัน หรือนานกว่าปกติถึงจะหาย ลดขนาดการดื่มลงและอาการการห้อเลือดนั้นจะกลับสู่ปกติ

เส้นเลือดฝอยแตกเป็นลายแมงมุมที่ด้านหลังขา

เหตุก็คือ คุณมักนั่งไขว้ห้างมันทำให้เกิดแรงกดดัน ที่ด้านข้างของขาที่อยู่ด้านบน ทำให้เส้นเลือดฝอยละเอียดยิบนั้นแตก ถ้าคุณไม่สามารถเลิกนิสัยการนั่งไขว้ห้างได้ คุณควรจะเปลี่ยนขาข้างไขว้ห้างบ่อย ๆ เพื่อว่าด้านใดด้านหนึ่งจะได้ ไม่ได้รับแรงกดมากเกินไป นอกจากนั้นก็ควรจะยกขาวันละ 20 นาที เพื่อทำให้เลือดเดินสะดวก ป้องกันไม่ให้เกิดรอยเพิ่มขึ้น และช่วยให้รอยเดิมจางลง

ผมบางเป็นย่อม ๆ บางเป็นย่อม ๆ

บนศีรษะซึ่งทำให้คุณเห็นหนังศีรษะขาว อาจเป็นเพราะไทรอยด์ทำงานต่ำกว่าปกติ ต่อมไทรอยด์นี้ เป็นต่อมเล็ก ๆ ที่คอ มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมน เพื่อควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย และหน้าที่อื่น ๆ อาการที่พบได้บ่อยในผู้หญิงนี้ มีผลทำให้ระบบเผาผลาญ ในร่างกาย และการเจริญเติบโตของผมช้าลง (อาการอย่างอื่นก็ เช่น ผิวแห้งเป็นประจำ และน้ำหนักลดฮวบฮาบอย่างไม่มีสาเหตุ) แต่โชคดีที่ไทรอยด์ที่ไม่เป็นปกตินี้ สามารถแก้ได้ด้วยยาบางชนิด คุณจึงควรปรึกษาแพทย์ เพื่อจะได้วัดระดับตรวจดดูและรักษา

ขาสองข้างไม่เท่ากัน

เราทุกคนทิ้งน้ำหนักลงที่ขาทั้งสองข้างไม่เท่ากัน ตอนที่เดินหรือวิ่งกล้ามเนื้อขาของขาด้านที่ลงน้ำหนักมาก จะเติบโตและมีขนาดใหญ่กว่าอีกข้างที่ไม่ค่อยได้ออกแรง ปกติจะใหญ่กว่าประมาณหนึ่งนิ้ว ถ้ามันรบกวนจิตใจคุณมากนัก ก็ไปออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อให้ขาข้างเล็กด้วยการยกขา

ไม่มีความคิดเห็น: