30 ส.ค. 2552

โรคเบาหวานในเด็ก และวัยรุ่น

เชื่อว่าหลายท่าน คงเคยได้ยินคำว่า "โรคเบาหวาน" กันมาพอสมควร โดยไม่ต้องบรรยายกิตติศัพท์ความรุนแรงและความน่ากลัวของโรคนี้ เพราะสถิติในรอบหลายปีหลัง พบว่ามีผู้ป่วยเบาหวานเพิ่มมากขึ้น และไม่เพิ่มขึ้นเฉพาะกับผู้ป่วยสูงอายุเท่านั้น ในผู้ป่วยเด็กเองก็พบโรคเบาหวานมากขึ้นเช่นกัน..อย่าเพิ่งตกใจกันไป เพราะโรคเบาหวานสามารถเกิดขึ้นได้ในเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กอ้วนหรือเด็กที่มีน้ำหนักมาก

เบาหวานเป็นโรคที่มีน้ำตาลสูงในเลือด เกิดจากความผิดปกติของเมตาบอลิสมของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน สืบเนื่องมาจากการที่ร่างกายมีการหลั่งอินซูลินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีความสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่เพียงพอ หรือมีความผิดปกติของอวัยวะเป้าหมายของอินซูลิน ได้แก่ ตับ กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อไขมันร่วมด้วย

ชนิดของโรคเบาหวานในเด็ก

ชนิดของโรคเบาหวานในเด็กมี 2 ชนิดหลัก คือ เบาหวานชนิดที่ 1 (type 1 diabetes) เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดสำหรับเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น เกิดจากการที่เซลล์ตับอ่อนที่เรียกว่า "บีต้าเซลล์" ถูกทำลาย เป็นผลจากกระบวนการทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม ต้องได้รับการรักษาด้วยการฉีดอินซูลินเท่านั้น และมักเริ่มเป็นโรคเมื่ออายุยังน้อย

ส่วนเบาหวานชนิดที่ 2 (type 2 diabetes) ซึ่งพบมากขึ้นในเด็กและวัยรุ่นปัจจุบัน และมักพบร่วมกับโรคอ้วนหรือภาวะโภชนาการเกิน ในอดีตเชื่อว่าเป็นโรคที่พบในผู้ใหญ่เท่านั้น เบาหวานชนิดที่ 2 นี้ ต้องรักษาด้วยยากินและบางรายต้องใช้การฉีดอินซูลิน นอกจากนี้เบาหวานชนิดที่ 2 ยังอาจรวมถึงผู้ป่วยบางโรคที่ได้รับยาที่ทำให้เกิดน้ำตาลสูงในเลือดชั่วคราวด้วย เช่น ยาเคมีบำบัดที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งบางชนิด เป็นต้น

อุบัติการณ์ที่เกิดขึ้น

อุบัติการณ์ของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ในเด็กก็ยังคงมากกว่าเบาหวานชนิดที่ 2 แต่อุบัติการณ์ของเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับโรคอ้วนที่มากขึ้นนั้น เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงกว่าสิบปีที่ผ่านมา

อุบัติการณ์ของภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนในเด็กและวัยรุ่นไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากราวร้อยละ 6 ในปี พ.ศ. 2533 เป็นร้อยละ 13-15 ในระหว่างปี พ.ศ. 2539-2541 ตัวอย่างข้อมูลของหน่วยต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิสม ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มีผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เพียง 4 รายที่ได้รับการวินิจฉัยในช่วง 10 ปีแรก (พ.ศ. 2533-2542) แต่ในช่วง 10 ปีหลัง (พ.ศ. 2543-2552) พบผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เพิ่มขึ้นอีกเกือบ 40 ราย หรือประมาณ 10 เท่า

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคอ้วนและเบาหวานชนิดที่ 2 ตามมา ได้แก่ ภาวะโภชนาการเกินและการขาดการออกกำลังกาย การที่มีความไม่สมดุลระหว่างการได้รับ และการใช้พลังงานเป็นเวลานานทำให้เกิดความอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเกิดเบาหวานชนิดที่ 2ความแตกต่างของโรคเบาหวานในเด็กและโรคเบาหวานในผู้ใหญ่

โรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่นมีความคล้ายคลึงกับโรคเบาหวานในผู้ใหญ่ แต่ก็มีความแตกต่างกัน ดังนี้

1. ชนิดของเบาหวาน

ส่วนมากเบาหวานที่พบในเด็กจะเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 แต่ในผู้ใหญ่จะพบชนิดที่ 2 มากกว่า อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันพบเบาหวานชนิดที่ 2 ในเด็กเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการพบอัตราเพิ่มขึ้นของเด็กอ้วนทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ

2. การดูแลรักษา

เนื่องจากเด็กและวัยรุ่นเป็นวัยที่ยังมีการเจริญเติบโตและช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ ด้านทั้งอารมณ์ การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และฮอร์โมนต่างๆ รวมทั้งยังอยู่ในช่วงวัยเรียน มีคนรอบข้างที่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลรักษา ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ครู และเพื่อนๆ รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ด้านต่างๆ ฉะนั้นการดูแลรักษาผู้ป่วยเด็กจึงมีความละเอียดซับซ้อนมาก

3. ระยะเวลาที่เป็นเบาหวาน

เนื่องจากถ้าเริ่มเป็นเบาหวานตั้งแต่เด็กโอกาสที่จะพบภาวะแทรกซ้อนในอนาคตก็มีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี

ลักษณะอาการของเด็กที่เป็นโรคเบาหวาน

ถ้าเป็นเบาหวานชนิดที่ 1

เด็กจะมีอาการปัสสาวะมากและบ่อย ดื่มน้ำมาก กินเก่ง แต่น้ำหนักลด ผอมลง บางรายน้ำหนักอาจลดได้ถึง 10 กิโลกรัม บางรายที่มีอาการมานานและไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษา เด็กอาจจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ส่วนบางรายที่มีอาการหนักจะมีภาวะเลือดเป็นกรด หายใจเหนื่อยหอบ

ส่วนเด็กที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2

เกือบจะทั้งหมดเกิดขึ้นในเด็กและวัยรุ่นที่อ้วนหรือน้ำหนักเกิน และส่วนใหญ่มักเริ่มมีอาการในระยะที่เริ่มเป็นหนุ่มสาวแล้ว ประมาณร้อยละ 50-75 ของผู้ป่วยจะมีพ่อหรือแม่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 เกือบร้อยละ 90 ของผู้ป่วยจะมีญาติใกล้ชิดเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งนอกจากความอ้วนแล้ว ผู้ป่วยเด็กเบาหวานชนิดที่ 2 มักมีปื้นดำหนาที่คอ รักแร้ ขาหนีบ ซึ่งขัดถูไม่ออก บางรายอาจมีการติดเชื้อราร่วมด้วย เช่น ที่ช่องคลอด ผิวหนัง ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยสังเกตว่าเด็กน้ำหนักลด แต่อาจมีอาการปัสสาวะมาก ดื่มน้ำมาก นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยบางรายที่ยังไม่มีอาการ แต่ตรวจพบจากการตรวจสุขภาพทั่วไปหรือมาปรึกษาแพทย์เรื่องอ้วนและแพทย์ทำการ ตรวจเลือดแล้วพบน้ำตาลสูงในเลือด นอกจากนี้ในเด็กอ้วนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 อาจมีความผิดปกติของระบบอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในหลอดเลือดสูง นอนกรน ปวดข้อ ไขมันเกาะที่ตับ ประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ เป็นต้น

หลักในการรักษา

หลักในการรักษาผู้ป่วยเด็กเบาหวาน ขึ้นอยู่กับชนิดของเบาหวาน ประกอบด้วย

1. การใช้ยา

การฉีดอินซูลินสำหรับเบาหวานชนิดที่ 1 และยากินหรือฉีดอินซูลินร่วมด้วยสำหรับเบาหวานชนิดที่ 2

2. การปรับวิถีการดำเนินชีวิต

เป็นหัวใจสำคัญและมีความสำคัญอย่างมากในการรักษาเบาหวานชนิดที่ 2

คำแนะนำในการปรับวิถีชีวิตความเป็นอยู่

ต้องปรับในเรื่องอาหารการกิน ต้องควบคุมอาหารโดยมีเป้าหมายเพื่อให้น้ำหนักลดลงช้าๆ ในรายที่อ้วน มากกว่าที่จะพยายามทำให้น้ำหนักเป็นปกติ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง รวมทั้งเลี่ยงอาหารฟาสต์ฟู้ดต่างๆ และควรออกกำลังกายอยู่เป็นประจำวันละครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง และลดการอยู่นิ่งๆ หรือนอนดูโทรทัศน์ และเล่นเกมคอมพิวเตอร์

แม้ว่าในปัจจุบัน โรคเบาหวานเป็นโรคที่ยังรักษาไม่หายขาด และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี ก็อาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้

นอกจากนี้ การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรค ทางเลือกในการรักษา รวมทั้งสาเหตุและการดำเนินโรครวมทั้งภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก เช่นเดียวกันกับการมีส่วนร่วมของครอบครัวและโรงเรียน จะทำให้การรักษาประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น: