2 พ.ค. 2553

10 สุดยอดที่เที่ยวชั้นนำ ของเมืองไทย

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลักอุตสาหกรรมหนึ่งที่นำเงินตราเข้าประเทศมากมายมหาศาล แต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ กลับเผชิญปัญหานานับประการ นับตั้งแต่ประเด็นการเมือง การระบาดของไข้หวัด และสารพัดปัญหา จนภาคการท่องเที่ยวหดตัวลงอย่างน่าใจหาย...ทว่านับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 ปัญหาต่างๆดูเหมือนจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการคาดหวังถึงผลที่อาจจะกลับมาในไฮซีซันนี้ Business+ ฉบับเปิดปี 2553 ได้ทำการสำรวจกระแสความนิยมการท่องเที่ยวปีนี้ของคนไทยว่า ไฮซีซันนี้ คนไทยมีความคิดเห็น และพร้อมจะจ่ายเงินเพื่อการท่องเที่ยวเท่าไร...

ปาย ที่เที่ยวอันดับหนึ่งของเมืองไทย


คำถามแรกสุดสำหรับสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองไทยที่คนไทยอยากไปมากที่สุดนั้น ผลสำรวจปรากฏว่า ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งที่คนอยากไปมากที่สุด แซงหน้าสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเกาะพีพี ภูเก็ต ภูกระดึง หมู่เกาะสุรินทร์ ภูสอยดาว หรือกระทั่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเชียงใหม่ซึ่งนับเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่องกันที่ ปาย ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่งปีใหม่ปีนี้ใครที่เบื่อรถติดที่กรุงเทพฯ คงอยากขึ้นเหนือไปแถวแม่ฮ่องสอนไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ซื้อน้ำมันงาบริสุทธิ์ แวะชิมถั่วเหลืองคั่ว และลองบรรยากาศรถติด และต่อคิวเติมน้ำมันที่ปายกันบ้าง โดยปายได้รับความนิยมที่ร้อยละ 24.82

สำหรับที่เที่ยวอันดับ 2 ของปีนี้ได้แก่ หมู่เกาะพีพี ที่ได้รับความนิยมร้อยละ 11.35 โดยหมู่เกาะพีพีนั้น ได้ชื่อว่า เป็นสวรรค์ของนักดำน้ำ เพราะอุดมไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด ประการัง และดอกไม้ทะเลเรียกว่า ถ้าเป็นแหล่งดำน้ำแล้ว พีพี จะต้องขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆอย่างแน่นอน

ภูเก็ต มาเป็นอันดับ 3 ด้วยความนิยมร้อยละ 8.51 จากความเป็นศูนย์กลางของสถานที่ท่องเที่ยวในภาคใต้ แวดล้อมไปด้วยสาธารณูปโภค และระบบคมนาคมที่สมบูรณ์แบบ แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม จึงครองความนิยมอันดับที่ 3 ได้อย่างแข็งแกร่ง

ภูกระดึง ถ้าพูดถึงภูเขาแล้ว ชื่อของภูกระดึง ต้องผุดขึ้นมาในใจของนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ ด้วยความสวยงามปานสวรรค์บนดิน และความท้าทายที่ต้องเดินเท้าขึ้นภู จึงเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมที่สุดในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้ ครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องไม่พลาดที่จะสัมผัสกับบรรยากาสบนภูกระดึงให้ได้ โดยภูกระดึงได้รับความนิยมที่ 7.09 %




แม่ฮ่องสอน จังหวัดที่คนอยากไปที่สุด


ตามติดมากับ ปาย ที่ครองอันดับหนึ่งในด้านสถานที่ท่องเที่ยว เพราะแม่ฮ่องสอน ก็ครองความเป็นอันดับหนึ่งของจังหวัดที่คนอยากไปท่องเที่ยวมากที่สุดเช่นกัน และเป็นอีกปีหนึ่งที่คนให้ความสนใจแม่ฮ่องสอน ไม่น้อยกว่า เชียงใหม่ และเชียงราย

เหตุผลที่ทำให้แม่ฮ่องสอน ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่งนั้น นอกเหนือจากเหนือจากธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์ ก็ยังเป็นเพราะมนต์เสน่ห์ของความเป็นชนบท ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติของวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ และแหล่งท่องเที่ยวที่เสมือนเป็นสวรรค์บนดิน เช่น ปางอุ๋ง และปาย รวมถึงความท้าทายของการเดินทางที่ต้องผ่านโค้งหฤโหดถึง 1,864 โค้ง ทั้งหมดทำให้เรื่องราวของแม่ฮ่องสอนสมบูรณ์แบบเหมือนดั่งเทพนิยาย ที่ ณ เวลานี้ ใครไม่เคยไปเหยียบแม่ฮ่องสอน ก็เหมือนกับรู้จักประเทศไทยเพียงเศษเสี้ยว แม่ฮ่องสอน ได้รับความนิยมที่ร้อยละ 21.68

เชียงใหม่เป็นอันดับที่ 2 ของจังหวัดที่ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยความเป็นศูนย์กลางของแหล่งท่องเที่ยวในภาคเหนือ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ และการคมนาคมที่สะดวกทำให้เชียงใหม่ยังคงความนิยมอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง เรียกว่า จะไปเที่ยวจังหวัดไหนทางเหนือก็ได้ แต่ต้องไม่พลาดที่จะแวะเชียงใหม่ เชียงใหม่จึงได้รับนิยมที่ร้อยละ 20.98 แพ้แม่ฮ่องสอนไปอย่างฉิวเฉียด

ภูเก็ต จังหวัดท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่ยังคงเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวภาคใต้ เฉกเช่นเดียวกับเชียงใหม่ที่เป็นศูนย์กลางภาคเหนือ จึงได้รับความนิยมที่ร้อยละ 16.08





สำหรับภาคที่คนอยากไปท่องเที่ยวมากที่สุด ณ ช่วงไฮซีซันนี้นั้น ภาคเหนือได้รับความนิยมสูงที่สุดที่ร้อยละ 42.36 จากอากาศที่หนาวเย็น ภาคใต้ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่สองด้วยความนิยมร้อยละ 21.53 และภาคอีสานได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 3 ด้วยความนิยมร้อยละ 11.81ภาคตะวันออกได้รับความนิยมที่ร้อยละ 11.11 และภาคกลางได้รับความนิยมที่ร้อยละ 8.33


คนไทยยังนิยมเที่ยวเมืองไทย

ประเด็นหนึ่งที่ Business+ ทำการสำรวจคือพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทย โดยคำถามแรกที่อยากรู้มากที่สุดคือ ในช่วงไฮซีซันนี้ คนไทยนิยมเที่ยวในประเทศ หรือต่างประเทศ ซึ่งผลการสำรวจที่ออกมานั้น พบกว่า คนไทยร้อยละ 69.59 นิยมเที่ยวภายในประเทศ ขณะที่คนไทยอีกร้อยละ 16.22 มีแผนจะเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ และมีเพียงร้อยละ 14.2 เท่านั้นที่ไม่มีแผนการเดินทางท่องเที่ยวในช่วง ไฮซีซันนี้เลย






สำหรับผู้ที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวนั้น ส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 41.5 มีแผนจะเดินทางท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซันนี้ ไม่น้อยกว่า 2-3 ครั้ง ร้อยละ 27.89 ของคนไทย มีแผนจะท่องเที่ยวอย่างน้อย 1 ครั้ง และร้อยละ 12.24 มีแผนเดินทางท่องเที่ยว 4-5 ครั้ง ร้อยละ 8.84 ระบุว่า ไม่มีแผนเดินทางท่องเที่ยว และร้อยละ 6.12 ระบุว่า มีแผนเดินทางท่องเที่ยวมากกว่า 5 ครั้งในช่วงไฮซีซันนี้






โดยผู้ที่มีแผนจะเดินทางท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซันนี้จะเดินทางในประเทศ 2-3 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 47.62 มีแผนเดินทางในประเทศครั้งเดียวคิดเป็นร้อยละ 21.09มีแผนเดินทางในประเทศมากกว่า 5 ครั้งคิดเป็นร้อยละ 15.65 มีแผนเดินทางในประเทศ 4-5 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 10.88

สำหรับในแต่ละครั้งของการเดินทางนั้น ส่วนใหญ่แล้วคนไทยมักจะเดินทางท่องเที่ยวกันครั้งละ 3-5 คนโดยคิดเป็นสัดส่วนที่ร้อยละ 37.41 เดินทางครั้งละ 1-2 คนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 31.97 เดินทางครั้งละ 5-10 คนคิดเป็นร้อยละ 19.05 และเดินไปกับทัวร์ร้อยละ 6.8





ใช้เงินท่องเที่ยวอย่างประหยัด

ประเด็นหนึ่งที่ Business+ พยายามจะวัดคือในการท่องเที่ยวแต่ละครั้งนั้นจะมีเงินสะพัดจำนวนเท่าไร ซึ่งกลุ่มตัวอย่างระบุมาว่า ในการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละครั้งนั้น ร้อยละ 41.38 ใช้เงินเดินทางท่องเที่ยวครั้งละ 5,000-10,000 บาท ร้อยละ 24.14 ใช้เงินกับการเดินทางท่องเที่ยวครั้งละไม่เกิน 5,000 บาท กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 22.76 ใช้เงินเดินทางท่องเที่ยวครั้งละ10,000-30,000 บาท และกลุ่ม ตัวอย่างร้อยละ 6.9 ใช้เงินในการท่องเที่ยวครั้งละ 30,000-100,000 บาท






สำหรับพาหนะที่ได้รับความนิยมในการท่องเที่ยวนั้น รถยนต์ส่วนตัวได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่ง ที่ร้อยละ 53.1 ใช้หลายพาหนะผสมผสานกัน ได้รับความนิยมที่ร้อยละ 20.69 เครื่องบินได้รับความนิยมที่ร้อยละ 8.28 เหมารถตู้ได้รับความนิยมที่ร้อยละ 7.59 รถไฟได้รับความนิยมที่ร้อยละ 5.52





สำหรับระยะเวลาในการท่องเที่ยวแต่ละครั้งนั้น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 62.59 ระบุว่า ใช้เวลาท่องเที่ยวแต่ละครั้งนาน 3-5 วัน กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 15.65 ใช้เวลาเดินทางครั้งละ 1-2 วัน กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 14.97 ใช้เวลาเดินทางครั้งละ 5-7 วัน กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 5.44 ใช้เวลาเดินทางครั้งละ 7-15 วัน


สำหรับอัตราค่าที่พักที่ยอมรับได้ต่อคืนนั้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ถึง ร้อยละ 71.92 ระบุว่า อัตราค่าที่พักในระดับที่รับได้นั้นควรอยู่ที่ระดับ 500-2,000 บาท กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 19.86 ยอมรับได้ที่ราคาไม่เกิน 500 บาท และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 5.48 ระบุว่ายอมรับค่าที่พักได้ที่ราคา 2,000-5,000 บาท



 
 
สำหรับคำถามฟันธงว่า จะใช้เงินเดินทางท่องเที่ยในช่วงไฮซีซันนี้ทั้งหมดเท่าไรนั้น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 52.05 ระบุว่า ใช้เงินไม่เกิน 10,000 บาท กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 31.51 ระบุว่า ใช้เงินประมาณ 10,000-30,000 บาท กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 10.27 ระบุว่าใช้เงินเดินทางในช่วงไฮซีซัน 30,000-100,000 บาท


สำหรับผลของการสำรวจในครั้งนี้นั้น อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพราะหากแปรความตามผลสำรวจที่ออกมาแล้วนั้นเชื่อว่าจะมีเม็ดเงินในระบบที่หมุนเวียนในการท่องเที่ยวครั้งนี้อย่างน้อยหลักหมื่นล้านเลยทีเดียว โดยคำนวณจากประชากรผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ 9 ล้านคน ซึ่งระบุว่าร้อยละ 69.59 นิยมเดินทางท่องเที่ยวในประเทศและกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ระบุว่า ใช้เงินประมาณ5,000-10,000 บาท ในการท่องเที่ยวแต่ละครั้งเบ็ดเสร็จแล้วจึงน่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในการท่องเที่ยวครั้งนี้ประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะทำให้การท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซันนี้ มีสีสัน และคึกคักแตกต่างจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ไม่มีความคิดเห็น: