เนื่องจากเคยเป็นฝ่ายบุคคลในโรงงาน พอจะมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง ประกันสังคมเขามีไว้รองรับปัจจัยพื้นฐานครับ และการรักษาพยาบาลก็เป็นหนึ่งในนั้น หากอยากสบายมากนักก็แนะนำให้ซื้อประกันสุขภาพเอาครับ เพราะประกันสังคมหักในส่วนของการพยาบาลเพียง 0.88% ของเงินเดือนเท่านั้นแหละ ผมจึงขอสรุปว่าทำอะไรควรใส่ใจหาข้อมูลจึงจะดี
ผมไม่ได้ทำงานที่ประกันสังคม และตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นผู้ที่เสียเงินเข้ากองทุนประกันสังคมแล้ว แต่เนื่องจากเคยทำงานฝ่ายบุคคล จึงขอสาธยายให้รู้ถึงประโยชน์ของประกันสังคมบ้าง ข้อมูลเหล่านี้หาได้จาก http://www.sso.go.th ครับ
ประกันสังคมครอบคลุม 7 อย่าง คือ
1. กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
หลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์
กรณีเจ็บป่วยทั่วไป
กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน
กรณีประสบอันตราย
ค่าพาหนะกรณีย้ายสถานพยาบาล
กรณีขอรับเงินทดแทนการขาดรายได้
กรณีทันตกรรม
กรณีการบำบัดทดแทนไต
การปลูกถ่ายไขกระดูก
โรคและบริการที่ไม่มีสิทธิได้รับบริการทางการแพทย์
การบริการที่ท่านจะได้รับจากสถานพยาบาล
ข้อสังเกต
2. กรณีคลอดบุตร
หลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์
หลักฐานที่ต้องใช้เพื่อขอรับประโยชน์ทดแทน
ขั้นตอนการขอรับประโยชน์ทดแทน
3. กรณีทุพพลภาพ
หลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์
หลักฐานที่ต้องใช้เพื่อขอรับประโยชน์ทดแทน
ขั้นตอนการขอรับประโยชน์ทดแทน
4. กรณีเสียชีวิต
หลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์
หลักฐานที่ต้องใช้เพื่อขอรับประโยชน์ทดแทน
ขั้นตอนการขอรับประโยชน์ทดแทน
5. กรณีสงเคราะห์บุตร
หลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์
หลักฐานที่ต้องใช้เพื่อขอรับประโยชน์ทดแทน
ขั้นตอนการขอรับประโยชน์ทดแทน
6. กรณีชราภาพ
เงื่อนไขและประโยชน์ทดแทน
หลักฐานที่ต้องใช้เพื่อขอรับประโยชน์ทดแทน
ขั้นตอนการขอรับประโยชน์ทดแทน
วิธีการคำนวณประโยชน์ทดแทน
7. กรณีว่างงาน
หลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์
หลักฐานที่ต้องใช้เพื่อขอรับประโยชน์ทดแทน
ขั้นตอนและวิธีการขอรับประโยชน์ทดแทน
แผนผังขั้นตอนการดำเนินงาน
หมายเหตุ :ต้องขึ้นทะเบียนภายใน 30 วัน
การหักเงินสมทบ ร้อยละ 5 ของค่าจ้าง โดยค่าจ้างสูงสุดที่เอาคำนวณจ่ายเงินสมทบคือไม่เกิน 15,000 (เข้าใจว่ามาจาก 3 ส่วนนายจ้าง,ผู้ประกันตน และรัฐบาล) แบ่งเป็น
- ชราภาพและสงเคราะห์บุตร 3.00 %
- กรณีว่างงาน 0.50 %
- เพื่อคุ้มครองกรณีเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ และ ตาย 1.50 % แบ่งย่อยเป็น
1. กรณีเจ็บป่วย เรียกเก็บ 0.88
2. กรณีคลอดบุตร เรียกเก็บ 0.12
3. กรณีทุพพลภาพ เรียกเก็บ 0.44
4. กรณีตาย เรียกเก็บ 0.06
ทั้งนี้ เงินสมทบกรณีชราภาพและสงเคราะห์บุตร ร้อยละ 3 นั้น ประกันสังคมจะคืนให้ทั้งหมด + เงินสมทบในส่วนของนายจ้าง + ผลประโยชน์ตอบแทนที่จะได้จากกองทุน ซึ่งเงินที่คุณได้กลับนี้มากกว่าที่คุณส่งมาในแต่ละเดือนเสียอีก เพียงแต่มันเป็นเงินสะสม เมื่อถึงเวลาที่กำหนดจึงจะได้เท่านั้นเอง ซึ่งจะได้เป็นบำเหน็จหรือบำนาญก็แล้วแต่จำนวนเงินสมทบที่คุณสะสมไว้ กรณีสงเคราะห์บุตร ที่จ่ายให้ผู้ประกันตนปัจจุบันเดือนละ 350 บาท/บุตร 1 คน คราวละไม่เกิน 2 คนกัน คุณลองดูในส่วนเงินสมทบสิครับ อัตราเงินสมทบของกรณีนี้คือ 3 % แต่สปส.ก็เอามาจ่ายคืนให้คุณหมดในกรณีชราภาพ ดังนั้นเงินประโยชน์จากสงเคราะห์บุตร เหมือนคุณได้ฟรีโดยไม่ต้องส่งสมทบกรณีนี้เลย
ส่วนเงินสมทบกรณีว่างงานก็เรียกเก็บเพียง 0.5 เท่านั้น ในขณะที่คุณมีสิทธิได้ถึง 90 หรือ 180 วันใน 1 ปีแล้วแต่กรณี
อ้างอิงจาก http://www.sso.go.th/webboard.php?cat_id=60&mod=view&qid=1146
หากอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเองก็เข้าไปลงทะเบียนที่ http://www.sso.go.th แล้วตรวจสอบได้เลยครับ ตัวผมเองทำงานภาคเอกชนอยู่แค่ปีสองปี หลังจากนั้นก็มาทำงานภาครัฐวิสาหกิจ แต่เงินที่สมทบไปก็ยังตรวจสอบได้ครับ นี่ขนาดตอนนั้นเงินเดือนไม่กี่บาท คือจ่ายไม่ถึง 750 แต่ได้เงินเก็บมาเกือบหมื่นสาม ดอกเบี้ย ไม่ได้ต่างจากกองทุนรวมเท่าไหร่เลย (แน่นอนว่าไม่ต้องเสียภาษีเหมือนฝากธนาคาร) แต่เบิกได้ตอนอายุ 55 หรือ 60 ไม่แน่ใจ หากตายไปก็ได้ลูกได้หลานอย่าไปคิดมาก (ดูจากใน http://www.sso.go.th/ เอาเอง)
สุดท้าย คือ เป็นสิ่งที่ดีที่มีกองทุนนี้ขึ้นมาครับ แต่ส่วนของผู้เสียเงินต้องเข้าไปมีสิทธิ์มีเสียงในการกำกับดูแลให้มากกว่านี้ ระบบของเราอายุยังน้อยยังต้องพัฒนาอีกแยะ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ หรอกครับท่านทั้งหลาย
31 ม.ค. 2551
การแพทย์แผนไทย กับโรคมะเร็ง
[ คัดลอก จากหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ.2541 ] *การแพทย์แผนไทย กับโรคมะเร็ง *
*พ.ญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ *
------------------------------
การแพทย์แผนไทยเป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้ป่วยส่วนมากเลือกใช้ในการรักษาโรค สถาบันการแพทย์ แผนไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่ง ที่ศึกษาหาแนวทาง ในการดูแล รักษาโรค มีบทบาทในการส่งเสริม ให้มีการใช้ สมุนไพร เป็นทางเลือกหนึ่ง ของผู้ป่วยทั่ว ๆ ไป รวมทั้งโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง ปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับกันว่า การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง มีความสำคัญ มากกว่าการเน้นไปที่ การรักษา เพราะเชื่อว่า มะเร็งเป็นโรค ที่สามารถป้องกันได้ ด้วยการมีพฤติกรรม ที่ถูกต้อง เหมาะสม ดังนั้น การแพทย์แผนไทย จึงได้พัฒนาองค์ความรู้ การศึกษาวิจัย การเผยแพร่ความรู้ ด้านการใช้สมุนไพร และการรักษ าด้วยแพทย์แผนไทย โดยการให้ความรู้ แก่ประชาชน ในด้านการส่งเสริมสุขภาพ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การบริโภค การปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะการมีพฤติกรรม การบริโภคที่ถูกต้อง เหมาะสม
ทั้งนี้ เนื่องจาก สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง ที่สำคัญ เกิดจากการมีโภชนาการ ที่ไม่ถูกต้อง เต็มไปด้วยสารพิษ ไม่ออกกำลังกาย อยู่ในสิ่งแวดล้อม ที่เป็นพิษ และอื่น ๆ เพราะฉะนั้น การมีพฤติกรรม ด้านสุขภาพ ที่ถูกต้อง เหมาะสม ในการบริโภคอาหาร จะช่วยให้สามารถ ป้องกันโรคนี้ได้ เช่น การรับประทานอาหาร ที่มีเส้นใย (Fiber) อาหารที่มีวิตามิน เอ ซี, อี, สูง ลด อาหารไขมันจากสัตว์ อาหารกระป๋อง อาหารที่มีสีสังเคราะห์ และสารเคมี เช่น สารกันบูด เจือปน เลี่ยง อาหารปิ้ง ย่าง อบ รมควัน เลือก รับประทานอาหารที่สด สะอาด รับประทานผัก ผลไม้ อาหารสมุนไพร ที่ปลอดสารพิษ
การรับประทานผัก ผลไม้ มีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง เพราะผัก ผลไม้หลายชนิด จะมีคุณสมบัติ เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ และสารที่ฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ในวันหนึ่งควรได้ผัก 25- 30% ผลไม้ 10 % เนื้อปลา หรือถั่ว 10% อีก 50% ควรเป็นข้าวกล้อง หรือเผือก พืชผัก ผลไม้ โดยการปรุงด้วยวิธีธรรมดา เช่น ต้ม ลวก แกง หรือ รับประทานดิบ ไม่ควรเติมน้ำตาล น้ำผึ้ง เกินความจำเป็น เพราะจะทำให้ร่างกาย ได้รับน้ำตาล มากเกินไป *ผักและผลไม้ ซึ่งเป็นพืช สมุนไพร ที่มีสารต้านเซลล์มะเร็ง ได้แก่ มะกรูด ผักแขยง คื่นฉ่าย บัวบก ผักชีฝรั่ง กระชาย ข่าใหญ่ มันเทศ ใบมะม่วง มะกอก เบญจมาศ แขนงกะหล่ำ แตงกวา พริกไทย ดีปลี โหระพา กระเพรา ใบตะไคร้ ถั่ว ผักแว่น ผักขวง เพกา ชะพูล ลูกผักชี เร่ว เหงือก ปลาหมอ ขมิ้นอ้อย หัวหอมแดง หอมใหญ่ กระเทียม *ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ทางเลือกในการรักษาโรคมะเร็ง ควรใช้หลายวิธีรวมกัน ทั้งการรักษา โดยการแพทย์แผนปัจจุบัน และการแพทย์แผนไทย รวมทั้งคำนึงถึงสภาพจิตใจ ของผู้ป่วย และญาติด้วย เมื่อทราบแน่ชัด จากการตรวจของแพทย์แผนปัจจุบันว่า ผู้ป่วยเป็นมะเร็งแล้ว ไม่ควรปิดกั้น หนทางเลือกในการรักษา ของผู้ป่วย หากผู้ป่วยจะเลือก รักษาแผนปัจจุบัน ร่วมกับแผนไทย แต่วิธี ที่จะเป็นประโยชน์สูงสุด กับผู้ป่วยคือ การรักษากับแพทย์ แผนปัจจุบันก่อน เพราะมะเร็งระยะแรก ๆ สามารถรักษาให้หายขาดได้ ส่วนการเลือกรักษา โดยแผนไทยนั้น ควรพิจารณาศึกษา หรือถามผู้ที่รู้จริง ให้ถ่องแท้ก่อนตัดสินใจ และควรรักษา ควบคู่กันกับ แผนปัจจุบัน
ในขณะเดียวกัน ก็ให้แพทย์แผนปัจจุบัน ตรวจรักษา อย่างสม่ำเสมอ ส่วนการใช้สมุนไพร และการใช้ทางเลือกอื่นนั้น จะเป็นการประคับประคอง ดูแลด้านสุขภาพจิต ของผู้ป่วย และญาติ และเพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน ทางด้านร่างกาย และด้านจิตใจ เช่น การใช้สมาธิ เป็นต้น นอกจากนี้ ควรต้องรักษาสุขภาพ ให้แข็งแรง โดการออกกำลังกาย สม่ำเสมอ การรับประทานอาหาร ที่มีประโยชน์ ได้สารอาหารครบถ้วน การพักผ่อนอย่างเพียงพอ ก็เป็นการช่วยป้องกันโรคได้ทางหนึ่ง
*พ.ญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์*
*พ.ญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ *
------------------------------
การแพทย์แผนไทยเป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้ป่วยส่วนมากเลือกใช้ในการรักษาโรค สถาบันการแพทย์ แผนไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่ง ที่ศึกษาหาแนวทาง ในการดูแล รักษาโรค มีบทบาทในการส่งเสริม ให้มีการใช้ สมุนไพร เป็นทางเลือกหนึ่ง ของผู้ป่วยทั่ว ๆ ไป รวมทั้งโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง ปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับกันว่า การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง มีความสำคัญ มากกว่าการเน้นไปที่ การรักษา เพราะเชื่อว่า มะเร็งเป็นโรค ที่สามารถป้องกันได้ ด้วยการมีพฤติกรรม ที่ถูกต้อง เหมาะสม ดังนั้น การแพทย์แผนไทย จึงได้พัฒนาองค์ความรู้ การศึกษาวิจัย การเผยแพร่ความรู้ ด้านการใช้สมุนไพร และการรักษ าด้วยแพทย์แผนไทย โดยการให้ความรู้ แก่ประชาชน ในด้านการส่งเสริมสุขภาพ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การบริโภค การปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะการมีพฤติกรรม การบริโภคที่ถูกต้อง เหมาะสม
ทั้งนี้ เนื่องจาก สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง ที่สำคัญ เกิดจากการมีโภชนาการ ที่ไม่ถูกต้อง เต็มไปด้วยสารพิษ ไม่ออกกำลังกาย อยู่ในสิ่งแวดล้อม ที่เป็นพิษ และอื่น ๆ เพราะฉะนั้น การมีพฤติกรรม ด้านสุขภาพ ที่ถูกต้อง เหมาะสม ในการบริโภคอาหาร จะช่วยให้สามารถ ป้องกันโรคนี้ได้ เช่น การรับประทานอาหาร ที่มีเส้นใย (Fiber) อาหารที่มีวิตามิน เอ ซี, อี, สูง ลด อาหารไขมันจากสัตว์ อาหารกระป๋อง อาหารที่มีสีสังเคราะห์ และสารเคมี เช่น สารกันบูด เจือปน เลี่ยง อาหารปิ้ง ย่าง อบ รมควัน เลือก รับประทานอาหารที่สด สะอาด รับประทานผัก ผลไม้ อาหารสมุนไพร ที่ปลอดสารพิษ
การรับประทานผัก ผลไม้ มีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง เพราะผัก ผลไม้หลายชนิด จะมีคุณสมบัติ เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ และสารที่ฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ในวันหนึ่งควรได้ผัก 25- 30% ผลไม้ 10 % เนื้อปลา หรือถั่ว 10% อีก 50% ควรเป็นข้าวกล้อง หรือเผือก พืชผัก ผลไม้ โดยการปรุงด้วยวิธีธรรมดา เช่น ต้ม ลวก แกง หรือ รับประทานดิบ ไม่ควรเติมน้ำตาล น้ำผึ้ง เกินความจำเป็น เพราะจะทำให้ร่างกาย ได้รับน้ำตาล มากเกินไป *ผักและผลไม้ ซึ่งเป็นพืช สมุนไพร ที่มีสารต้านเซลล์มะเร็ง ได้แก่ มะกรูด ผักแขยง คื่นฉ่าย บัวบก ผักชีฝรั่ง กระชาย ข่าใหญ่ มันเทศ ใบมะม่วง มะกอก เบญจมาศ แขนงกะหล่ำ แตงกวา พริกไทย ดีปลี โหระพา กระเพรา ใบตะไคร้ ถั่ว ผักแว่น ผักขวง เพกา ชะพูล ลูกผักชี เร่ว เหงือก ปลาหมอ ขมิ้นอ้อย หัวหอมแดง หอมใหญ่ กระเทียม *ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ทางเลือกในการรักษาโรคมะเร็ง ควรใช้หลายวิธีรวมกัน ทั้งการรักษา โดยการแพทย์แผนปัจจุบัน และการแพทย์แผนไทย รวมทั้งคำนึงถึงสภาพจิตใจ ของผู้ป่วย และญาติด้วย เมื่อทราบแน่ชัด จากการตรวจของแพทย์แผนปัจจุบันว่า ผู้ป่วยเป็นมะเร็งแล้ว ไม่ควรปิดกั้น หนทางเลือกในการรักษา ของผู้ป่วย หากผู้ป่วยจะเลือก รักษาแผนปัจจุบัน ร่วมกับแผนไทย แต่วิธี ที่จะเป็นประโยชน์สูงสุด กับผู้ป่วยคือ การรักษากับแพทย์ แผนปัจจุบันก่อน เพราะมะเร็งระยะแรก ๆ สามารถรักษาให้หายขาดได้ ส่วนการเลือกรักษา โดยแผนไทยนั้น ควรพิจารณาศึกษา หรือถามผู้ที่รู้จริง ให้ถ่องแท้ก่อนตัดสินใจ และควรรักษา ควบคู่กันกับ แผนปัจจุบัน
ในขณะเดียวกัน ก็ให้แพทย์แผนปัจจุบัน ตรวจรักษา อย่างสม่ำเสมอ ส่วนการใช้สมุนไพร และการใช้ทางเลือกอื่นนั้น จะเป็นการประคับประคอง ดูแลด้านสุขภาพจิต ของผู้ป่วย และญาติ และเพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน ทางด้านร่างกาย และด้านจิตใจ เช่น การใช้สมาธิ เป็นต้น นอกจากนี้ ควรต้องรักษาสุขภาพ ให้แข็งแรง โดการออกกำลังกาย สม่ำเสมอ การรับประทานอาหาร ที่มีประโยชน์ ได้สารอาหารครบถ้วน การพักผ่อนอย่างเพียงพอ ก็เป็นการช่วยป้องกันโรคได้ทางหนึ่ง
*พ.ญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์*
สมัครงานอย่างไร ให้ได้งาน (สำหรับผู้ที่กำลังหางานครับ)
การสัมภาษณ์งาน
1. คำถามทั่วไปที่ผู้สัมภาษณ์นิยมใช้
- ทำไมคุณคิดว่าคุณจะรู้สึกพอใจ เมื่อได้ทำงานในตำแหน่งนี้
ควรตอบว่าเป็นงานที่มีความก้าวหน้า เป็นงานที่ทำได้ทำในสิ่งที่เรียนมา เป็นงานที่ชอบมานาน กิจการดีมีความมั่นคง ได้ยินว่ากิจการมีชื่อเสียงที่สุดด้านนี้หรืออยากทำงานในกิจการเล็ก ๆ ที่อบอุ่น มีโอกาสเรียนรู้งานได้มาก
- เคยมีประสบการณ์งานด้านนี้หรือไม่ มีหรือไม่มีประสบการณ์ก็
ให้ตอบตามความเป็นจริง หากผู้สมัครงานเคยมีประสบการณ์มาก่อนก็จะเป็นประโยชน์กับตัวผู้สมัครงานเอง หากไม่มีก็ควรบอกว่ามีประสบการณ์อื่นที่ใกล้เคียงหรือเคยฝึกงานมา หรือเคยทำงานแบบนี้กรณีไม่มีประสบการณ์ใด ๆ เลยก็ควรบอกไปตรง ๆ และพร้อมที่จะเรียนรู้เพราะมีใจชอบงานลักษณะนี้
- ใช้คอมพิวเตอร์ หรือพูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษได้หรือไม่
ทำได้หรือไม่ควรตอบไปตามความจริง หากไม่ได้ควรตอบว่ากำลังจะไปเรียนรู้เพิ่มเติม เพราะรู้ว่าจำเป็นและมีประโยชน์ในการทำงานมาก
- ทำไมจึงออกจากงานเดิมที่ทำอยู่ หรือทำไมจึงคิดเปลี่ยนงาน
ไม่ควรตำหนิที่ทำงานเดิม แม้จะทราบว่าที่ทำงานเดิมเป็นคู่แข่งที่สำคัญที่ทำงานใหม่ที่กำลังสมัครงาน เพราะจะถูกมองในแง่ลบ ควรตอบว่าไม่ชอบบรรยากาศหรือวิธีการทำงานแบบธุรกิจ หรืออะไรที่กว้าง ๆ และเน้นว่า คิดว่าที่ทำงานใหม่จะให้โอกาสและประสบการณ์ที่ดีกว่า หรือต้องทำงานที่ท้าทายกว่า
- สิ่งที่เรียนมาไม่ตรงกับงานที่ทำ และจะทำงานได้อย่างไร
ควรยอมรับความจริงว่าใช่ ไม่ตรงจริง ๆ แต่ผู้สมัครงานมีความสนใจในงานลักษณ์นี้มากกว่างานที่ตรงกับความรู้ที่เรียนมาจริง ๆ
- อยากจะถามอะไรเกี่ยวกับบริษัทบ้างไหม ไม่ควรตอบว่าไม่มี
แต่ควรถามเกี่ยวกับความรับผิดชอบในงานที่ผู้สมัครงานต้องทำ หรือถามเกี่ยวกับบริษัท ให้เห็นว่าผู้สมัครงานมีความสนใจในกิจการของบริษัท หรือถามเกี่ยวกับสวัสดิการ โครงการฝึกอบรมของบริษัท เพื่อให้เห็นว่าผู้สมัครงานมีความต้องการ มีจุดประสงค์ใดบ้างในอนาคต
- ต้องการเงินเดือนเท่าไร ไม่ควรตอบว่าไม่รู้ แต่ควรตอบว่าไม่
ต่ำกว่าเท่าไร โดยสอบถามอัตราเงินเดือนของพนักงานระดับนี้ จากคนรู้จักหรือกิจการใกล้เคียงหรือเพื่อนฝูง ผู้สมัครงานควรต้องรู้ว่าตัวเองต้องได้เงินเดือนเท่าไรจึงจะสามารถดำรงชีพได้และมีเงินเหลือเก็บบ้าง หากไม่รู้จริง ๆ ว่าตนเองต้องการเงินเดือนเท่าไรจึงจะเหมาะสม ควรตอบว่าแล้วบริษัทจะเห็นสมควรขอให้ดูความสามารถก่อน จะพยายามทำงานอย่างเต็มความสามารถ
กรณีไม่เข้าใจคำถาม ควรบอกผู้สัมภาษณ์ไปตรง ๆ ให้ถามคำถามใหม่อีกครั้ง และหลังจาการสัมภาษณ์แล้ว ควรมีการติดตามข่าวว่าได้งานหรือไม่แม่บริษัทจะบอกว่าจะติดต่อกลับมาเอง เพื่อแสดงความสนใจจริงที่ต้องการจะทำงานบริษัทนั้น ๆ
2. ข้อที่ควรปฏิบัติในการเข้ารับการสัมภาษณ์
- ศึกษารายละเอียดของบริษัทก่อนเข้ารับการสัมภาษณ์เพื่อจะได้มีเรื่องสนทนาขณะสัมภาษณ์และเป็นการแสดงความสนใจที่มีต่อบริษัท
- ไปรับการสัมภาษณ์ตรงตามเวลา โดยไปก่อนเวลาอย่างน้อย 10 นาที หากไปช้าหรือไปไม่ได้ต้องรีบโทรศัพท์เพื่อขอเลื่อนนัดการสัมภาษณ์ออกไป
- นั่งรออย่างเรียบร้อย ไม่ควรเดินไปเดินมาหรือส่งเสียงดัง
- ควรยิ้มให้ผู้สัมภาษณ์ ขณะเริ่มทักทายและกล่าวคำว่า " สวัสดี "
- ควรถามผู้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับงานที่จะให้ทำว่าจะให้ทำอะไร ทำที่ไหน ถ้าไม่มีคำถามเลยผู้สัมภาษณ์อาจคิดว่าผู้สัมภาษณ์ไม่มีความสนใจในงานที่จะสมัคร แต่ไม่ควรถามมากจนผู้สัมภาษณ์รำคาญ
- พูดให้ชัดเจนมีความเป็นธรรมชาติ และด้วยความมั่นใจ
- ใช้กริยา วาจาสุภาพขณะตอบคำถาม ผู้สัมภาษณ์อาจใช้วิธีแหย่ให้โกรธ หรือใช้คำพูดดูถูก เพื่อดูอารมณ์ของผู้สมัครงานขณะที่โมโห หรือไม่พอใจ ดังนั้นผู้สมัครงานต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า
- แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ไม่พับแขนเสื้อทั้งแขนยาวและแขนสั้น
- ควรตัดผมสั้นไม่ปล่อยไว้จนยาว และโกนหนวดให้เรียบร้อย (สำหรับผู้ชาย)
- ควรใส่รองเท้าให้เรียบร้อย และไม่ควรใส่รองเท้ากีฬา รองเท้าสานหรือรองเท้าแตะ ไม่ควรใส่ถุงเท้าสีสด ๆ หรือสีที่เป็นจุดเด่น
- ควรมองหน้าผู้สัมภาษณ์ ไม่ควรหลบตาและนั่งตาลอย มองนอกหน้าต่าง มองโต๊ะหรือแสดงอาการขวยเขิน
- ถ้าจะไอควรใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก และกล่าวคำขอโทษ ขณะสัมภาษณ์ ไม่ควรนั่งไขว่ห้าง
- ถ้าประตูห้องปิดควรเคาะประตูก่อนเข้าห้อง และกล่าวขออนุญาตนอกจากนั้นต้องระวังอย่าลากเก้าอี้ให้มีเสียงดัง
- คำถามที่ควรถามผู้สัมภาษณ์คือ ถามว่าในสายตาของผู้สัมภาษณ์เราเป็นอย่างไรมีจุดอ่อนที่จะต้องแก้ไขอย่างไรบ้าง เพราะการทำเช่นนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้สมัครงานในครั้งต่อไป
หลังจาการสัมภาษณ์แลัว สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์จะใช้พิจารณาผู้สมัครงานจะพิจารณาจากสิ่งต่อไปนี้ คือ ความประทับใจครั้งแรก ความฉลาด มีไหวพริบ ความคิดริเริ่ม ความกระตือรือร้น ความขยันหมั่นเพียร ความสามารถในการสื่อข้อความ และมีจุดมุ่งหมายของชีวิต
หวังว่าหลังจากที่ได้ทราบถึงวิธีการเลือกงานให้เหมาะสมกับตนเองแล้ว การเตรียมตัวสมัครงาน วิธีการสมัครงาน การสัมภาษณ์งาน คำถามและข้อปฏิบัติในการเข้ารับการสัมภาษณ์งานแล้ว จะสามารถช่วยทำให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการสมัครงานและสัมภาษณ์งานทุกท่านน่ะค่ะ
ที่มา : สำนักงานจัดหางาน
1. คำถามทั่วไปที่ผู้สัมภาษณ์นิยมใช้
- ทำไมคุณคิดว่าคุณจะรู้สึกพอใจ เมื่อได้ทำงานในตำแหน่งนี้
ควรตอบว่าเป็นงานที่มีความก้าวหน้า เป็นงานที่ทำได้ทำในสิ่งที่เรียนมา เป็นงานที่ชอบมานาน กิจการดีมีความมั่นคง ได้ยินว่ากิจการมีชื่อเสียงที่สุดด้านนี้หรืออยากทำงานในกิจการเล็ก ๆ ที่อบอุ่น มีโอกาสเรียนรู้งานได้มาก
- เคยมีประสบการณ์งานด้านนี้หรือไม่ มีหรือไม่มีประสบการณ์ก็
ให้ตอบตามความเป็นจริง หากผู้สมัครงานเคยมีประสบการณ์มาก่อนก็จะเป็นประโยชน์กับตัวผู้สมัครงานเอง หากไม่มีก็ควรบอกว่ามีประสบการณ์อื่นที่ใกล้เคียงหรือเคยฝึกงานมา หรือเคยทำงานแบบนี้กรณีไม่มีประสบการณ์ใด ๆ เลยก็ควรบอกไปตรง ๆ และพร้อมที่จะเรียนรู้เพราะมีใจชอบงานลักษณะนี้
- ใช้คอมพิวเตอร์ หรือพูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษได้หรือไม่
ทำได้หรือไม่ควรตอบไปตามความจริง หากไม่ได้ควรตอบว่ากำลังจะไปเรียนรู้เพิ่มเติม เพราะรู้ว่าจำเป็นและมีประโยชน์ในการทำงานมาก
- ทำไมจึงออกจากงานเดิมที่ทำอยู่ หรือทำไมจึงคิดเปลี่ยนงาน
ไม่ควรตำหนิที่ทำงานเดิม แม้จะทราบว่าที่ทำงานเดิมเป็นคู่แข่งที่สำคัญที่ทำงานใหม่ที่กำลังสมัครงาน เพราะจะถูกมองในแง่ลบ ควรตอบว่าไม่ชอบบรรยากาศหรือวิธีการทำงานแบบธุรกิจ หรืออะไรที่กว้าง ๆ และเน้นว่า คิดว่าที่ทำงานใหม่จะให้โอกาสและประสบการณ์ที่ดีกว่า หรือต้องทำงานที่ท้าทายกว่า
- สิ่งที่เรียนมาไม่ตรงกับงานที่ทำ และจะทำงานได้อย่างไร
ควรยอมรับความจริงว่าใช่ ไม่ตรงจริง ๆ แต่ผู้สมัครงานมีความสนใจในงานลักษณ์นี้มากกว่างานที่ตรงกับความรู้ที่เรียนมาจริง ๆ
- อยากจะถามอะไรเกี่ยวกับบริษัทบ้างไหม ไม่ควรตอบว่าไม่มี
แต่ควรถามเกี่ยวกับความรับผิดชอบในงานที่ผู้สมัครงานต้องทำ หรือถามเกี่ยวกับบริษัท ให้เห็นว่าผู้สมัครงานมีความสนใจในกิจการของบริษัท หรือถามเกี่ยวกับสวัสดิการ โครงการฝึกอบรมของบริษัท เพื่อให้เห็นว่าผู้สมัครงานมีความต้องการ มีจุดประสงค์ใดบ้างในอนาคต
- ต้องการเงินเดือนเท่าไร ไม่ควรตอบว่าไม่รู้ แต่ควรตอบว่าไม่
ต่ำกว่าเท่าไร โดยสอบถามอัตราเงินเดือนของพนักงานระดับนี้ จากคนรู้จักหรือกิจการใกล้เคียงหรือเพื่อนฝูง ผู้สมัครงานควรต้องรู้ว่าตัวเองต้องได้เงินเดือนเท่าไรจึงจะสามารถดำรงชีพได้และมีเงินเหลือเก็บบ้าง หากไม่รู้จริง ๆ ว่าตนเองต้องการเงินเดือนเท่าไรจึงจะเหมาะสม ควรตอบว่าแล้วบริษัทจะเห็นสมควรขอให้ดูความสามารถก่อน จะพยายามทำงานอย่างเต็มความสามารถ
กรณีไม่เข้าใจคำถาม ควรบอกผู้สัมภาษณ์ไปตรง ๆ ให้ถามคำถามใหม่อีกครั้ง และหลังจาการสัมภาษณ์แล้ว ควรมีการติดตามข่าวว่าได้งานหรือไม่แม่บริษัทจะบอกว่าจะติดต่อกลับมาเอง เพื่อแสดงความสนใจจริงที่ต้องการจะทำงานบริษัทนั้น ๆ
2. ข้อที่ควรปฏิบัติในการเข้ารับการสัมภาษณ์
- ศึกษารายละเอียดของบริษัทก่อนเข้ารับการสัมภาษณ์เพื่อจะได้มีเรื่องสนทนาขณะสัมภาษณ์และเป็นการแสดงความสนใจที่มีต่อบริษัท
- ไปรับการสัมภาษณ์ตรงตามเวลา โดยไปก่อนเวลาอย่างน้อย 10 นาที หากไปช้าหรือไปไม่ได้ต้องรีบโทรศัพท์เพื่อขอเลื่อนนัดการสัมภาษณ์ออกไป
- นั่งรออย่างเรียบร้อย ไม่ควรเดินไปเดินมาหรือส่งเสียงดัง
- ควรยิ้มให้ผู้สัมภาษณ์ ขณะเริ่มทักทายและกล่าวคำว่า " สวัสดี "
- ควรถามผู้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับงานที่จะให้ทำว่าจะให้ทำอะไร ทำที่ไหน ถ้าไม่มีคำถามเลยผู้สัมภาษณ์อาจคิดว่าผู้สัมภาษณ์ไม่มีความสนใจในงานที่จะสมัคร แต่ไม่ควรถามมากจนผู้สัมภาษณ์รำคาญ
- พูดให้ชัดเจนมีความเป็นธรรมชาติ และด้วยความมั่นใจ
- ใช้กริยา วาจาสุภาพขณะตอบคำถาม ผู้สัมภาษณ์อาจใช้วิธีแหย่ให้โกรธ หรือใช้คำพูดดูถูก เพื่อดูอารมณ์ของผู้สมัครงานขณะที่โมโห หรือไม่พอใจ ดังนั้นผู้สมัครงานต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า
- แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ไม่พับแขนเสื้อทั้งแขนยาวและแขนสั้น
- ควรตัดผมสั้นไม่ปล่อยไว้จนยาว และโกนหนวดให้เรียบร้อย (สำหรับผู้ชาย)
- ควรใส่รองเท้าให้เรียบร้อย และไม่ควรใส่รองเท้ากีฬา รองเท้าสานหรือรองเท้าแตะ ไม่ควรใส่ถุงเท้าสีสด ๆ หรือสีที่เป็นจุดเด่น
- ควรมองหน้าผู้สัมภาษณ์ ไม่ควรหลบตาและนั่งตาลอย มองนอกหน้าต่าง มองโต๊ะหรือแสดงอาการขวยเขิน
- ถ้าจะไอควรใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก และกล่าวคำขอโทษ ขณะสัมภาษณ์ ไม่ควรนั่งไขว่ห้าง
- ถ้าประตูห้องปิดควรเคาะประตูก่อนเข้าห้อง และกล่าวขออนุญาตนอกจากนั้นต้องระวังอย่าลากเก้าอี้ให้มีเสียงดัง
- คำถามที่ควรถามผู้สัมภาษณ์คือ ถามว่าในสายตาของผู้สัมภาษณ์เราเป็นอย่างไรมีจุดอ่อนที่จะต้องแก้ไขอย่างไรบ้าง เพราะการทำเช่นนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้สมัครงานในครั้งต่อไป
หลังจาการสัมภาษณ์แลัว สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์จะใช้พิจารณาผู้สมัครงานจะพิจารณาจากสิ่งต่อไปนี้ คือ ความประทับใจครั้งแรก ความฉลาด มีไหวพริบ ความคิดริเริ่ม ความกระตือรือร้น ความขยันหมั่นเพียร ความสามารถในการสื่อข้อความ และมีจุดมุ่งหมายของชีวิต
หวังว่าหลังจากที่ได้ทราบถึงวิธีการเลือกงานให้เหมาะสมกับตนเองแล้ว การเตรียมตัวสมัครงาน วิธีการสมัครงาน การสัมภาษณ์งาน คำถามและข้อปฏิบัติในการเข้ารับการสัมภาษณ์งานแล้ว จะสามารถช่วยทำให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการสมัครงานและสัมภาษณ์งานทุกท่านน่ะค่ะ
ที่มา : สำนักงานจัดหางาน
ทาครีมกันแดด อย่างไรให้ได้ผล
ทุกวันนี้การใช้ครีมกันแดดดูเหมือนจะแทรกเข้ามาอยู่ในวิถีชีวิตของคนเรามากขึ้น ประกอบกับการกระหน่ำโฆษณาของผู้ผลิตรายต่างๆ ให้เห็นความสำคัญของการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จนดูราวกับว่าจะขาดมันเสียไม่ได้ แต่คุณจะทราบหรือไม่ว่าการทาครีมกันแดดนั้นมิใช่สักแต่ว่า ทาๆเข้าไปก็แล้วกัน
มาลองดูกันดีกว่าว่าจะหาวิธีทาครีมกันแดดอย่างไรให้ได้ผล โดยขอหยิบยกบางส่วนมาจากนิตยสารฉลาดซื้อ เดือนธันวาคม 2550 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุดที่มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ส่งถึงสมาชิก
รศ.ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล เขียนไว้ในคอลัมน์ "สวยอย่างฉลาด" ว่า ปัญหาครีมกันแดดที่ทาแล้วไม่ได้ผลมีหลายปัจจัย ที่สำคัญคือ
1. วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องและได้ผล ต้องทาครีมเพื่อปกปิดผิวหนังทุกรูขุมขน...แต่โดยทั่วไปผู้บริโภคมักนิยมทาเพียงเบาบาง ทำให้รังสีดวงอาทิตย์สามารถกระทบและทะลุเข้าสู่ผิวหนังได้บางส่วน นักวิชาการ จึงแนะนำว่าหากต้องการทาให้ได้ผลควรทาบ่อยๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง
2. หลังทาครีมกันแดด ผู้บริโภคมักมีกิจกรรมต่างๆ เช่น ออกกำลังด้วยการตีกอล์ฟ ว่ายน้ำ วิ่ง เดิน หรืออื่นๆ ทำให้เหงื่อออกทางผิวหนังและครีมกันแดดจะถูกชะออกหมดโดยง่าย ทำให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดลดลงหรือหมดไป
3. สารกรองรังสียูวีที่เป็นองค์ประกอบในครีมกันแดดหลายชนิดไม่คงตัว สลายตัวเมื่อโดนความร้อน ทำให้ครีมกันแดดเสื่อม สินค้าบางตัวอาจเสื่อมตั้งแต่ยังไม่ทันใช้ก็มี หากผู้ขายเก็บไว้ในร้านค้าที่ร้อนหรือผู้บริโภคเอง ซื้อไปเก็บในที่ร้อนทำให้สารกันแดดเสื่อมประสิทธิภาพก่อนเปิดใช้ ดังนั้น จึงควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ เก็บสินค้าในสถานที่ปรับอากาศ และอย่าลืมดูวันเดือนปีที่ผลิตว่าเก่าเก็บหรือไม่ เพราะนอกจากครีมกันแดดจะหมดประสิทธิภาพแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดพิษระคายเคืองต่อผิวหนังได้อีกด้วยหากครีมหมดอายุ
เห็นไหมล่ะว่ามันมีหลายปัจจัยจริงๆ กว่าจะทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวให้ได้ผลอย่างที่ตั้งใจไว้.
ที่มา : ไทยรัฐ
มาลองดูกันดีกว่าว่าจะหาวิธีทาครีมกันแดดอย่างไรให้ได้ผล โดยขอหยิบยกบางส่วนมาจากนิตยสารฉลาดซื้อ เดือนธันวาคม 2550 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุดที่มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ส่งถึงสมาชิก
รศ.ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล เขียนไว้ในคอลัมน์ "สวยอย่างฉลาด" ว่า ปัญหาครีมกันแดดที่ทาแล้วไม่ได้ผลมีหลายปัจจัย ที่สำคัญคือ
1. วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องและได้ผล ต้องทาครีมเพื่อปกปิดผิวหนังทุกรูขุมขน...แต่โดยทั่วไปผู้บริโภคมักนิยมทาเพียงเบาบาง ทำให้รังสีดวงอาทิตย์สามารถกระทบและทะลุเข้าสู่ผิวหนังได้บางส่วน นักวิชาการ จึงแนะนำว่าหากต้องการทาให้ได้ผลควรทาบ่อยๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง
2. หลังทาครีมกันแดด ผู้บริโภคมักมีกิจกรรมต่างๆ เช่น ออกกำลังด้วยการตีกอล์ฟ ว่ายน้ำ วิ่ง เดิน หรืออื่นๆ ทำให้เหงื่อออกทางผิวหนังและครีมกันแดดจะถูกชะออกหมดโดยง่าย ทำให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดลดลงหรือหมดไป
3. สารกรองรังสียูวีที่เป็นองค์ประกอบในครีมกันแดดหลายชนิดไม่คงตัว สลายตัวเมื่อโดนความร้อน ทำให้ครีมกันแดดเสื่อม สินค้าบางตัวอาจเสื่อมตั้งแต่ยังไม่ทันใช้ก็มี หากผู้ขายเก็บไว้ในร้านค้าที่ร้อนหรือผู้บริโภคเอง ซื้อไปเก็บในที่ร้อนทำให้สารกันแดดเสื่อมประสิทธิภาพก่อนเปิดใช้ ดังนั้น จึงควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ เก็บสินค้าในสถานที่ปรับอากาศ และอย่าลืมดูวันเดือนปีที่ผลิตว่าเก่าเก็บหรือไม่ เพราะนอกจากครีมกันแดดจะหมดประสิทธิภาพแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดพิษระคายเคืองต่อผิวหนังได้อีกด้วยหากครีมหมดอายุ
เห็นไหมล่ะว่ามันมีหลายปัจจัยจริงๆ กว่าจะทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวให้ได้ผลอย่างที่ตั้งใจไว้.
ที่มา : ไทยรัฐ
20 วิธีรักษาสุขภาพใจ อ่อนแอได้แต่อย่าอ่อนใจ
คุณเคยประสบเหตุการณ์ "ชีวิตล่ม" หรือไม่ ช่วงเวลาที่คุณรู้สึกว่าไม่เหลืออะไรอีกแล้วในชีวิต หัวใจปวดชาและไม่ว่ามองไปทางไหนก็เหมือนมีหมอกซึมเศร้าครอบคลุมไปทั่วการสูญเสียบุคคลที่รัก หรือการต้องผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายก็เพียงพอที่จะให้ทำคุณสงสัยว่าคุณจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกหรือ ? แนะนำ 20 วิธีต่อไปนี้ เพื่อให้คุณสามารถทำใจและก้าวไปข้างหน้ากับชีวิตได้
1. ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง อย่าพยายามผลักอารมณ์หรือความรู้สึกออกไป ขั้นแรกของการรักษาสภาพจิตใจก็คือการที่คุณแยกแยะอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นความเศร้า ความโกรธ ความรู้สึกผิด หรือความรู้สึกอื่นๆ จงยอมรับเมื่อมันเกิดขึ้น
2. กำหนดเวลาสงบ ทำหน้าที่ในแต่ละวันของคุณให้เสร็จ และกำหนดเวลา 15 นาทีในแต่ละวันให้เป็นเวลาสงบ ควรจะเป็นเวลาเดียวกันทุกวันหากทำได้ ระหว่างวันควรให้เวลาตนเองได้อยู่เงียบๆเช่นไปเดินเล่นคนเดียว หรือเขียนบันทึก
3. แสดงความรู้สึกของคุณออกมา ให้สังเกตุและศึกษาอารมณ์ของตัวเอง แล้วถ่ายทอดออกมา ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบันทึก บทกลอน จดหมาย หรือการวาดภาพ
4. สร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว เพื่อนฝูง หรือเข้ากลุ่มกับผู้ที่มีประสบการณ์เดียวกันเพื่อแชร์ความรู้สึกของคุณ เปิดกว้างต่อความรักและความห่วงใยที่มีอยู่รอบตัวคุณ อย่าคิดว่าคุณอยู่ตัวคนเดียว
5. สร้างเครื่องเตือนความทรงจำ หากคุณสูญเสียคนที่เป็นที่รักไป ให้ทำสิ่งเล็กๆน้อยที่ช่วยให้คุณระลึกถึงผู้ที่จากไป เช่น คุณอาจจะจัดทำสมุดบันทึกภาพหรือวิดีโอเกี่ยวกับผู้ซึ่งจากไป แล้วแจกจ่ายให้เพื่อนหรือญาติๆ
6. สร้างสิ่งอุทิศกับสิ่งที่คุณเสียไป ซึ่งอาจจะเป็นบ้านหรือตึกที่ทำงาน โดยการทำอัลบั้มภาพรวมเรื่องราวที่มีความหมายพิเศษ
7. หาวัตถุแทนค่าทางใจ อาจเป็นสิ่งของที่มีความหมายพิเศษและทำให้คุณรู้สึกว่าได้อยู่ใกล้กับสิ่งที่คุณสูญเสีย ซึ่งจะเป็นสิ่งที่คุณจะทนุถนอมไว้ในใจตลอดไป
8. ถ่ายทอดความรัก หนึ่งในการให้เกียรติชีวิตที่สูญเสียไปก็คือ การถ่ายทอดและเผือแผ่ความรักไปยังผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการยิ้ม ให้กำลัง หรือเป็นที่ปรึกษาใหัผู้อื่นเพื่อสร้างความรู้สึกทางบวกให้ตนเอง
9. ทำกุศลกรรมในชื่อของคนรักของคุณที่จากไป คุณอาจจะก่อตั้งมูลนิธิหรือกองทุนเพื่อสิ่งที่ผู้ที่จากไปนั้นรัก หรือให้ความสำคัญ
10. แสดงความมีน้ำใจในที่ทำงาน หากคุณสูญเสียเพื่อนร่วมงาน คุณอาจจะทำโดยไม่ต้องออกชื่อก็ได้
11. บอกเล่าเรื่องราวของคุณ เพื่อว่าผู้อื่นที่ประสบเหตการณ์เดียวกันจะได้ไม่รู้สึกเดียวดาย
12. กอดและปลอบโยน ผู้ซึ่งกำลังเศร้าโศกจากการสูญเสีย
13. ช่วยเหลือ เช่นการรับเอาสัตว์จรจัดมาเลี้ยง
14. สนุกสนานกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ เช่นการแสดงดนตรี หรือเกมกีฬา
15. พูดคำขอบคุณ ให้มากขึ้นที่โต๊ะอาหาร
16. กอด ลูกๆ ของคุณ ไม่ว่าพวกแกจะโตแค่ไหนแล้วก็ตาม
17. มีความอดทน กับทุกๆคนที่คุณพบให้มากขึ้น
18. แสดงความรักให้บ่อยขึ้น
19. กำหนดมุมมอง ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
20. ใช้ชีวิตให้เต็มที่ ทุกวันอย่างมีค่าและมีความหมาย
มันเป็นเรื่องง่ายและ 'สะดวก' ที่จะปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งลงไปในความเศร้าโศกเมื่อชีวิตคุณผ่านประสบการณ์อันเลวร้าย การทำใจและมีชีวิตต่อไปนั้นเป็นเรื่องยากและต้องใช้ความพยายามอย่างสูง ทว่าเมื่อคุณสามารถก้าวผ่านพ้นช่วงเวลาอันมืดครึ้มไปได้สำเร็จ คุณจะพบว่าชีวิตนั้นยังมีสิ่งน่ารื่นรมย์ที่จะช่วยให้คุณก้าวต่อไปได้อย่างมีความสุข อ่อนแอได้แต่อย่าอ่อนใจ นะจ๊ะ...อิอิ
1. ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง อย่าพยายามผลักอารมณ์หรือความรู้สึกออกไป ขั้นแรกของการรักษาสภาพจิตใจก็คือการที่คุณแยกแยะอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นความเศร้า ความโกรธ ความรู้สึกผิด หรือความรู้สึกอื่นๆ จงยอมรับเมื่อมันเกิดขึ้น
2. กำหนดเวลาสงบ ทำหน้าที่ในแต่ละวันของคุณให้เสร็จ และกำหนดเวลา 15 นาทีในแต่ละวันให้เป็นเวลาสงบ ควรจะเป็นเวลาเดียวกันทุกวันหากทำได้ ระหว่างวันควรให้เวลาตนเองได้อยู่เงียบๆเช่นไปเดินเล่นคนเดียว หรือเขียนบันทึก
3. แสดงความรู้สึกของคุณออกมา ให้สังเกตุและศึกษาอารมณ์ของตัวเอง แล้วถ่ายทอดออกมา ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบันทึก บทกลอน จดหมาย หรือการวาดภาพ
4. สร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว เพื่อนฝูง หรือเข้ากลุ่มกับผู้ที่มีประสบการณ์เดียวกันเพื่อแชร์ความรู้สึกของคุณ เปิดกว้างต่อความรักและความห่วงใยที่มีอยู่รอบตัวคุณ อย่าคิดว่าคุณอยู่ตัวคนเดียว
5. สร้างเครื่องเตือนความทรงจำ หากคุณสูญเสียคนที่เป็นที่รักไป ให้ทำสิ่งเล็กๆน้อยที่ช่วยให้คุณระลึกถึงผู้ที่จากไป เช่น คุณอาจจะจัดทำสมุดบันทึกภาพหรือวิดีโอเกี่ยวกับผู้ซึ่งจากไป แล้วแจกจ่ายให้เพื่อนหรือญาติๆ
6. สร้างสิ่งอุทิศกับสิ่งที่คุณเสียไป ซึ่งอาจจะเป็นบ้านหรือตึกที่ทำงาน โดยการทำอัลบั้มภาพรวมเรื่องราวที่มีความหมายพิเศษ
7. หาวัตถุแทนค่าทางใจ อาจเป็นสิ่งของที่มีความหมายพิเศษและทำให้คุณรู้สึกว่าได้อยู่ใกล้กับสิ่งที่คุณสูญเสีย ซึ่งจะเป็นสิ่งที่คุณจะทนุถนอมไว้ในใจตลอดไป
8. ถ่ายทอดความรัก หนึ่งในการให้เกียรติชีวิตที่สูญเสียไปก็คือ การถ่ายทอดและเผือแผ่ความรักไปยังผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการยิ้ม ให้กำลัง หรือเป็นที่ปรึกษาใหัผู้อื่นเพื่อสร้างความรู้สึกทางบวกให้ตนเอง
9. ทำกุศลกรรมในชื่อของคนรักของคุณที่จากไป คุณอาจจะก่อตั้งมูลนิธิหรือกองทุนเพื่อสิ่งที่ผู้ที่จากไปนั้นรัก หรือให้ความสำคัญ
10. แสดงความมีน้ำใจในที่ทำงาน หากคุณสูญเสียเพื่อนร่วมงาน คุณอาจจะทำโดยไม่ต้องออกชื่อก็ได้
11. บอกเล่าเรื่องราวของคุณ เพื่อว่าผู้อื่นที่ประสบเหตการณ์เดียวกันจะได้ไม่รู้สึกเดียวดาย
12. กอดและปลอบโยน ผู้ซึ่งกำลังเศร้าโศกจากการสูญเสีย
13. ช่วยเหลือ เช่นการรับเอาสัตว์จรจัดมาเลี้ยง
14. สนุกสนานกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ เช่นการแสดงดนตรี หรือเกมกีฬา
15. พูดคำขอบคุณ ให้มากขึ้นที่โต๊ะอาหาร
16. กอด ลูกๆ ของคุณ ไม่ว่าพวกแกจะโตแค่ไหนแล้วก็ตาม
17. มีความอดทน กับทุกๆคนที่คุณพบให้มากขึ้น
18. แสดงความรักให้บ่อยขึ้น
19. กำหนดมุมมอง ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
20. ใช้ชีวิตให้เต็มที่ ทุกวันอย่างมีค่าและมีความหมาย
มันเป็นเรื่องง่ายและ 'สะดวก' ที่จะปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งลงไปในความเศร้าโศกเมื่อชีวิตคุณผ่านประสบการณ์อันเลวร้าย การทำใจและมีชีวิตต่อไปนั้นเป็นเรื่องยากและต้องใช้ความพยายามอย่างสูง ทว่าเมื่อคุณสามารถก้าวผ่านพ้นช่วงเวลาอันมืดครึ้มไปได้สำเร็จ คุณจะพบว่าชีวิตนั้นยังมีสิ่งน่ารื่นรมย์ที่จะช่วยให้คุณก้าวต่อไปได้อย่างมีความสุข อ่อนแอได้แต่อย่าอ่อนใจ นะจ๊ะ...อิอิ
ถนอมดวงตาด้วย 8 วิธีง่าย ๆ
ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญต่อการมองเห็น และการรับรู้สิ่งต่าง ๆ บนโลก ดวงตานั้นมีความอ่อนโยน และบอบบาง จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการดูแลรักษาเป็นพิเศษ วันนี้ก็เลยถือโอกาสนำวิธีการถนอมดวงตาแบบง่าย ๆ มาให้ลองปฏิบัติกัน
1. ควรใช้สายตาที่มีแสงสว่างเพียงพอและหลีกเลียงการเพ่งมองเป็นเวลานาน ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดตาได้
2. ควรสวมแว่นตากันแดดทุกครั้งที่อยู่ในที่มีแสงจ้า
3. ควรหลีกเลี่ยงการใช้มือสกปรกขยี้ตา หรือใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า เพราะอาจจะมีเครื่องสำอางที่ตกค้างอยู่บนผ้าเช็ดหน้า มาทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบได้
4. กรณีที่ใช้สายตานาน ๆ เช่น อ่านหนังสือ ก็ควรหาช่วงพักผ่อนสายตา ด้วยการทอดสายตาออกไปไกล ๆ หรือมองต้นไม้สีเขียวบ้าง
5. การนอนอย่างเพียงพอในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี เป็นการพักผ่อนสายตาที่ดี
6. การแต่งหน้าอาจทำให้เกิดถุงใต้ตา และรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย เนื่องจากเนื้อครีมเข้มข้นอาจใช้แรงกดในการทา ซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยได้ ดังนั้นควรหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติบำรุงผิวหน้าและผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ ต้องมีเนื้อครีมที่บางเบา ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
7. ถ้าดวงตาเกิดอาการบวมแดงหรือดูอิดโรยไม่สดใส ให้ใช้สำลีชุบน้ำเย็นหรือผ้าห่อน้ำแข็ง มาวางไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้าง เพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น
8. บริหารดวงตา โดยการกรอกลูกตาไปมาเป็นวงกลม เริ่มจากตามเข็มนาฬิกาครบหนึ่งรอบ แล้วกรอกทวนเข็มนาฬิกา ทำอย่างนี้ซ้ำ ๆ กัน วันละ 2-3 ครั้ง หรือนอนหงายหรือนั่งหลับตาสักพัก แล้วใช้แตงกวาฝานเป็นชิ้นบาง ๆ นำมาแปะไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้าง เมื่อลืมตาขึ้นมาจะทำให้ดวงตาดูมีชีวิตชีวาขึ้น
1. ควรใช้สายตาที่มีแสงสว่างเพียงพอและหลีกเลียงการเพ่งมองเป็นเวลานาน ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดตาได้
2. ควรสวมแว่นตากันแดดทุกครั้งที่อยู่ในที่มีแสงจ้า
3. ควรหลีกเลี่ยงการใช้มือสกปรกขยี้ตา หรือใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า เพราะอาจจะมีเครื่องสำอางที่ตกค้างอยู่บนผ้าเช็ดหน้า มาทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบได้
4. กรณีที่ใช้สายตานาน ๆ เช่น อ่านหนังสือ ก็ควรหาช่วงพักผ่อนสายตา ด้วยการทอดสายตาออกไปไกล ๆ หรือมองต้นไม้สีเขียวบ้าง
5. การนอนอย่างเพียงพอในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี เป็นการพักผ่อนสายตาที่ดี
6. การแต่งหน้าอาจทำให้เกิดถุงใต้ตา และรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย เนื่องจากเนื้อครีมเข้มข้นอาจใช้แรงกดในการทา ซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยได้ ดังนั้นควรหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติบำรุงผิวหน้าและผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ ต้องมีเนื้อครีมที่บางเบา ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
7. ถ้าดวงตาเกิดอาการบวมแดงหรือดูอิดโรยไม่สดใส ให้ใช้สำลีชุบน้ำเย็นหรือผ้าห่อน้ำแข็ง มาวางไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้าง เพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น
8. บริหารดวงตา โดยการกรอกลูกตาไปมาเป็นวงกลม เริ่มจากตามเข็มนาฬิกาครบหนึ่งรอบ แล้วกรอกทวนเข็มนาฬิกา ทำอย่างนี้ซ้ำ ๆ กัน วันละ 2-3 ครั้ง หรือนอนหงายหรือนั่งหลับตาสักพัก แล้วใช้แตงกวาฝานเป็นชิ้นบาง ๆ นำมาแปะไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้าง เมื่อลืมตาขึ้นมาจะทำให้ดวงตาดูมีชีวิตชีวาขึ้น
เคล็ดลับ ขจัดเครียด แบบง่ายๆ
a.. ฝึกหายใจ : นั่งลงและเอนหลังกับพนักเก้าอี้ในท่าสบาย สูดหายใจเข้าลึกๆ และช้าๆ วิธีนี้ จะสามารถขจัดความเครียดออกไปได้
b.. นวดฝ่าเท้า : ใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงบนฝ่าเท้า แล้วนวดคลึงเบาๆ เพื่อคลายเส้นที่ปวดตึง โดยไล่จาก ส้นเท้า ไปจนถึงปุ่มโคนหัวแม่เท้า แล้วจึงค่อยนวดวนออกไปด้านนอกฝ่าเท้า
c.. น้ำช่วยได้ : แค่น้ำเปล่าเย็นๆ หรือน้ำส้มคั้นสดๆ จากตู้เย็นเพียงหนึ่งแก้ว ก็สามารถทำให้ รู้สึกผ่อนคลายในยามเครียด ได้อย่างประหลาด
d.. กลิ่นหอมขจัดเครียด : น้ำมันหอมที่มีกลิ่นหอมสดชื่น ที่เรารู้จักคุ้นหูกันดีในนามของ Aromatherapy สามารถช่วยคลายเครียดได้ เพียงเทน้ำมันหอม ลงบนฝ่ามือ แล้วนวดคลึงเบาๆ บริเวณขมับ ก็จะทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง
e.. ขจัดความเมื่อยขบให้ลำตัว : เมื่อความเครียดรุมเร้าจะปวดไหล่ หลังและคอ ลองเปลี่ยนอิริยาบทง่ายๆ โดยขยับตัว ออกมานั่งตรงส่วนปลายของเก้าอี้ วางเท้าลงที่พื้นในท่าสบาย จากนั้นวางมือขวาที่ต้นขาซ้าย แล้วเอื้อมมือซ้าย ไปจับที่พนักเก้าอี้เหนือไหล่ขวา บิดตัวไปทางซ้ายช้าๆ จนสุด พร้อมเป่าลมออกจากแก้ม สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับหมุนตัวกลับไปในท่าตรง แล้วค่อยๆ ปล่อยลมออกทางปาก จนกลับมาอยู่ในท่าตรง สลับทำแบบเดียวกันด้านขวาและทำหลายๆ รอบ ลองทำดูนะคะ :)
b.. นวดฝ่าเท้า : ใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงบนฝ่าเท้า แล้วนวดคลึงเบาๆ เพื่อคลายเส้นที่ปวดตึง โดยไล่จาก ส้นเท้า ไปจนถึงปุ่มโคนหัวแม่เท้า แล้วจึงค่อยนวดวนออกไปด้านนอกฝ่าเท้า
c.. น้ำช่วยได้ : แค่น้ำเปล่าเย็นๆ หรือน้ำส้มคั้นสดๆ จากตู้เย็นเพียงหนึ่งแก้ว ก็สามารถทำให้ รู้สึกผ่อนคลายในยามเครียด ได้อย่างประหลาด
d.. กลิ่นหอมขจัดเครียด : น้ำมันหอมที่มีกลิ่นหอมสดชื่น ที่เรารู้จักคุ้นหูกันดีในนามของ Aromatherapy สามารถช่วยคลายเครียดได้ เพียงเทน้ำมันหอม ลงบนฝ่ามือ แล้วนวดคลึงเบาๆ บริเวณขมับ ก็จะทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง
e.. ขจัดความเมื่อยขบให้ลำตัว : เมื่อความเครียดรุมเร้าจะปวดไหล่ หลังและคอ ลองเปลี่ยนอิริยาบทง่ายๆ โดยขยับตัว ออกมานั่งตรงส่วนปลายของเก้าอี้ วางเท้าลงที่พื้นในท่าสบาย จากนั้นวางมือขวาที่ต้นขาซ้าย แล้วเอื้อมมือซ้าย ไปจับที่พนักเก้าอี้เหนือไหล่ขวา บิดตัวไปทางซ้ายช้าๆ จนสุด พร้อมเป่าลมออกจากแก้ม สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับหมุนตัวกลับไปในท่าตรง แล้วค่อยๆ ปล่อยลมออกทางปาก จนกลับมาอยู่ในท่าตรง สลับทำแบบเดียวกันด้านขวาและทำหลายๆ รอบ ลองทำดูนะคะ :)
30 ม.ค. 2551
ทำนายฝัน (ก)
กก
ฝันเห็นต้นกก จะได้เป็นคนไกล่เกลี่ยเรื่องราวความขัดแย้ง เป็นคนกลางสมานใจให้คู่รักที่ทะเลาะเบาะแว้งกันกงเต๊กฝันเห็นพิธี
กงเต๊ก
ในงานศพ หรือได้เห็นเครื่องกงเต๊ก ทายว่าจะหมดเคราะห์หมดทุกข์ ถ้าป่วยก็จะหายเร็ววัน ถ้าปกติก็จะได้ลาภหรือยศ แต่จะมีอันต้องเสียญาติผู้ใหญ่ทางบิดา
กงสุล
ฝันเห็นกงสุลทั้งของไทยและต่างประเทศ จะได้เดินทางไกลหรือได้ลาภ
กบ
ฝันเห็นกบ ได้ยินเสียงกบ หรือเห็นฝูงกบจำนวนมากๆ หรือได้จับกบ ทำนายว่าจะได้โชคลาภทางค้าขาย นายหน้าหรือการเสี่ยงโชค ได้เลื่อนตำแหน่งการงาน หรือได้รับชื่อเสียงดีเด่นในผลงาน
กรง
ฝันเห็นกรงสัตว์ จะมีข่าวดี หรือจะมีคนช่วยเหลือเกื้อกูลในการงานหรือธุรกิจ
กรรไกร
ฝันเห็นกรรไกร ผู้มีอาวุโสสจะให้ความช่วยเหลือ
กรวดทราย
ฝันเห็นกรวดทราย หรือได้จับก้อนกรวด ก้อนทราย จะได้รับทุกข์เกี่ยวกับการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่น หรือจะได้รับความเดือดร้อน เพราะคนภายในเรือนหรือครอบครัว
กระจก
ฝันเห็นกระจกส่องหน้าหรือได้ส่องกระจก ทายว่าจะได้รับเคราะห์จากกรรมเก่าหรือทางชื่อเสียง ถ้าฝันเห็นกระจกสีต่างๆ จะได้รับโชคลาภทางการงาน และหน้าที่หรือชื่อเสียงเกียรติคุณ
กระจาด
ฝันเห็นกระจาดหรือตะกร้า หรือเข่งสานด้วยไม้ไผ่หรือฝันว่า ได้แบกได้จับกระจาด ทายว่าจะได้รับความเดือดร้อนจากการรับรองหรือการค้ำประกัน หรือการซื้อขายเกี่ยวกับเงินเชื่อ มิฉะนั้นก็จะถูกฉ้อโกงทรัพย์สิน
กริช, กั้นหยั่น
ฝันเห็นกริช (มีดสองคม) หรือกั้นหยั่น (มีดสองคมของจีน ที่เขียนเป็นหน้าสิงโตคาบกั้นหยั่นบนกระจก สำหรับแขวนกันภูติร้ายหน้าประตูบ้านของคนจีนส่วนมาก) ทายว่าจะหมดเคราะห์ ที่ป่วยจะหาย หรือเป็นความในโรงศาลจะชนะ
กฐิน
ฝันเห็นองค์กฐินหรือองค์ผ้าป่าในงาน ทายว่าจะได้ลาภลอย หรือโชคลาภทางการเสี่ยงโชค จะมีโชคฟลุ๊กๆ ทางการค้าขาย
กระดิ่ง
ฝันเห็นกระดิ่ง หรือได้ยินเสียงกระดิ่ง หรือระฆัง และในฝันมั่นในว่า เป็นเสียงกระดิ่งหรือระฆังแน่นอนทายว่าจะได้รับข่าวดีจากทางไกล หรือโชคลาภในทางเสี่ยงจะบังเกิดขึ้นในเร็ววัน
กระดุม
ฝันเห็นลูกกระดุม หรือเครื่องเย็บสอย ทายว่าถ้าเป็นสตรีสาวโสดจะได้พบเนื้อคู่ บุรุษจะได้ลาภในหน้าที่การงานหรือถ้ามีครอบครัวแล้วจะได้บุตรหญิงน่ารัก
กระต่าย
ฝันเห็นกระต่าย ทายว่าจะได้รับโชคลาภทางการเสี่ยงโชค หรือมิฉะนั้น ก็จะได้รับทุกขลาภ คือมีทุกข์ทางเจ็บไข้ได้ป่วย ได้รับความตกใจเสียก่อนจึงจะมีลาภ
กระทง
ฝันเห็นกระทงในงานลอยกระทง มีเทียนจุดสว่างไสวตามประเพณีลอยกระทง ทายว่าจะหมดเคราะห์ที่ป่วยก็จะหายหรือจะได้พบกับโชคลาภทางไกลในไม่ช้า
กระท่อม
ฝันเห็นกระท่อม หรือกระต๊อบหลังเล็กๆ กลางทุ่ง ไม่มีคนอาศัยเลย ทายว่าจะต้องมีการเดินทางไกล หรือต้องถูกโยกย้ายไปในทิศทางไกลจากเดิม ถ้าฝันว่าอยู่ในกระท่อม จะมีลาภระยะนาน
กระบอก
ฝันเห็นกระบอกไม้ไผ่ หรือต้นไผ่เป็นลำใหญ่ๆ สำหรับตัดมาทำกระบอก ทายว่าจะได้รับอุบัติเหตุจากการเดินทาง หรือมิฉะนั้นก็จะต้องได้รับข่าวร้ายจากญาติมิตร หรือเพื่อนฝูงทางไกล
กระเป๋า
ฝันเห็นกระเป๋าใส่เงิน หรือกระเป๋าใส่เสื้อผ้าเดินทาง ทายว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่ในการงาน หรือมีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายไปในทางดี
กระโปรง
ฝันว่าตนเอง(หญิง) ได้นุ่งกระโปรงใหม่ หรือได้รับกระโปรงใหม่จากใครคนหนึ่งในฝัน ทายว่าจะได้รับเคราะห์จากเพื่อนฝูง หรือญาติมิตรภายในบ้านจะนำเรื่องเดือดร้อนเข้ามาสู่
กราม
ฝันว่ากรามหัก ผู้ใหญ่จะจากไป ถ้าเป็นกรามบนจะเป็นฝ่ายชาย กรามล่างจะเป็นฝ่ายหญิง
โกรธ
ฝันว่าโกรธ คุณกำลังจะมีความสุข
กลด
ฝันเห็นกลดกางกั้นหรือบังแสงอาทิตย์ที่กำลังแผดกล้า ทายว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่ในราชการหรือการงานและมีลาภถ้าเป็นหญิงต้องครรภ์ จะได้บุตรชายที่ดี ถ้าในฝันเห็นร่มกางกันแดด ก็จะได้รับการช่วยเหลือในเรื่องการเงิน หรือการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ (ดูคำว่าร่มในอักษร ร.)
กลอง
ฝันเห็นกลอง ได้ตีกลอง ได้เห็นคนตีกลอง หรือได้ยินเสียงกลอง ทายว่าท่านจะได้รับยศหรือชื่อเสียงในไม่ช้าเป็นลางนิมิตรมงคลดี
กล้วย
ฝันเห็นกล้วย การงานหรือสิ่งที่หวังไว้จะเกิดการสะดุด ต้องใช้สติและความพยายามสูงจึงจะผ่านพ้นวิกฤติไปได้
กล้องถ่ายรูป
ฝันเห็นกล้องถ่ายรูปหรือการถ่ายรูป ทายว่าจะต้องโยกย้ายสถานที่อยู่หรือที่ทำงานหรืออาจมีเรื่องยุ่งยากทางครอบครัวทำให้ต้องแยกทางเดิน
กลางคืน
ฝันเห็นเวลากลางคืน จะได้ลาภยศและชื่อเสียง
เกลือ
ฝันว่าได้รับประทานเกลือหรือเห็นนาเกลือขาวริมทะเล ทายว่าจะได้รับของกำนัล หรือการว่าจ้างในธุรกิจ หรือการทำสัญญาซื้อขายอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นผลกำไรในไม่ช้า
กวาง
ฝันเห็นกวาง หรือเขากวางสวยงาม ได้จับต้องลูบคลำ ทายว่าจะได้เลื่อนยศ หรือตำแหน่งหน้าที่การงาน แต่มักมีอันให้ต้องเปลี่ยนแปลง หรือโยกย้ายที่อยู่ไปด้วยกับลาภ
เกวียน
ฝันเห็นเกวียนเทียมด้วยม้า หรือวัวควาย หรือได้นั่งขี่ไปในเกวียน ทายว่าจะได้รับโชคลาภจากผู้ใหญ่หรือได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้านาย
กษัตริย์
ถ้าฝันเห็นองค์พระเจ้าแผ่นดิน หรือพระราชินีท่านจะได้เลื่อนตำแหน่งยศทางราชการ หรือในตำแหน่งหน้าที่การงานทั่วไป หรืออาจมีโชคลาภในการเสียงโชค ลาภลอย ได้รับข่าวดีจากญาติผู้ใหญ่
กอดรัด
ฝันว่าได้กอดรัดคนที่ตายไปแล้ว จะได้รับเคราะห์อย่างหนัก จะได้รับความกังวลในเรื่องการงานที่กำลังดำเนินงานอยู่ถ้าฝันว่าได้กอดรัดกับเพศตรงข้าม จะถูกคนปองร้ายหรือมีผู้แอบนินทากล่าวร้าย ไม่สู้ดีนัก
กังหัน
ฝันเห็นกังหันที่กำลังหมุน ทายว่าผู้ฝันจะได้รับลาภและยศ ที่ป่วยก็จะหาย คลายจากโรคภัยทั้งปวงกัลปพฤกษ์ฝันเห็นต้นกัลปพฤกษ์ หรือตามความเข้าใจในฝันว่าเป็นต้นไม้
กัลปพฤกษ์
ทายว่าเป็นฝันที่ดี ผู้ฝันคิดอะไรไว้จะสมปรารถนา
กำแพง
ฝันเห็นกำแพงโบราณ หรือกำแพงรั้วของบ้านใหญ่ๆ ทายว่าการที่คิดไว้จะมีอุปสรรค และมีคนคอยขัดขวาง ถ้าฝันว่า ตนเองปีนกำแพงข้างไปยังกำแพงอีกข้างหนึ่งได้ ทายว่าจะมีโชคลาภและการงานที่คิดไว้ หรือกำลังทำอยู่จะประสบผลสำเร็จงดงาม แต่จะต้องมีความมานะขยันอดทน
กา
ฝันเห็นกาหรืออีกาดำ จะได้รับเคราะห์หรือเป็นลางบอกเหตุร้ายไม่ดีนักกางเขนฝันเห็นเครื่องหมายกางเขน ศาสนาคริสต์หรือไม้กางเขนที่ปักบนหลุมฝังศพ ทายว่าจะได้ลาภหรือได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงาน การซื้อขายจะดีขึ้น
กางเขน(นก)
ฝันเห็นนกกางเขน หรือนกพิราบ นกต่างๆ ทายว่าจะต้องพลัดพรากจากที่อยู่ หรือมีอันให้เดินทางไกล หรือจะต้องเดือดร้อนเพราะเคหสถานที่อยู่
กางร่ม
ฝันว่า กางร่ม จะมีคนช่วยเหลือให้ได้เจริญในหน้าที่การงาน เป็นใหญ่เป็นโต
กาน้ำ
ฝันเห็นกาน้ำ จะมีคนเชิญไปงานสังสรรค์ มีลาภปาก
กาสาวพัสตร์(ผ้าเหลือง)
ฝันเห็นผ้าไตรจีวร แต่ไม่เป็นองค์พระ ทายว่าถ้ามีครอบครัวแล้วจะได้บุตรชาย หรือได้ลาภเป็นของมีค่าเป็นสัตว์ 4 เท้า 2 เท้า
ก้างปลา
ฝันว่าได้เห็นหรือได้เคี้ยวกลืนก้างปลา ทายว่าจะเกิดอุปสรรคขัดขวางกิจการที่กำลังทำอยู่ แต่ในที่สุดจะต่อสู้เอาชนะอุปสรรคนั้นได้ในไม่ช้า
กิน
ฝันว่า กินข้าว ได้เลื่อนขั้น เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
ฝันว่า กินคน จะได้เป็นผู้บังคับบัญชา เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหาร
ฝันว่า กินดิน มีคนยกย่อง สรรเสริญ มีอำนาจบารมี
ฝันว่า กินนก หรือ กินข้าวนก จะมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น แต่จะผ่านพ้นไปในที่สุด
ฝันว่า กินบัว ไม่ว่าส่วนใดก็ตามของบัว อาการป่วยจะทุเลาลง
ฝันว่า กินผึ้ง จะได้ลาภแบบไม่คาดคิด โชคดี อาจได้เลื่อนตำแหน่งด้วย
ฝันว่า กินพระจันทร์ หรือดวงอาทิตย์ จะได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง มีหน้าตาในสังคม
ฝันว่า กินยา จะหายจากอาการป่วยในเร็ววัน
ฝันว่า กินอาหาร จะได้ลาภและความสุขจากลูกหลานหรือบริวาร
กินนร
ฝันเห็นนางกินนร (คนครึ่งนก) หรือกินรี จะเป็นรูปปั้นหรือมีชีวิตจิตใจก็ตามแต่ ทายว่าถ้าเป็นหญิงจะต้องมีการโยกย้ายที่อยู่หรือที่ทำงานถ้าเป็นชายจะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น หรือถ้าเป็นชายโสดก็จะได้พบเนื้อคู่ที่มีสกุลหลักฐาน
กิ้งก่า
ฝันเห็นกิ้งก่าตัวเล็กหางยาว ทายว่าจะได้ลาภจากผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ แต่จะมีเคราะห์เพราะถูกทำร้ายเป็นทุกขลาภส่วนมากจะได้ลาภก่อนมีเคราะห์
กิ้งกือ
ฝันเห็นกิงกือ จะได้เดินทางไกลอย่างไม่คาดคิด ได้รับการต้อนรับดี
กุญแจ
ฝันว่าได้นับกุญแจหรือถือวงกุญแจ ทำนายว่าจะได้รับโชคลาภในทางการค้า หรือการพนันเสี่ยงโชค ถ้ารับราชการจะได้เลื่อนตำแหน่งหรือยศสูงขึ้น
กุ้งปลา
ฝันเห็นกุ้งปลา หรือได้จับกุ้งปลา มากหรือน้อย ทายว่าจะได้ลาภ จากการเสี่ยงโชค หรือซื้อขายมากน้อยตามที่ฝัน คือถ้าฝันว่าจับกุ้งปลาจำนวนมากก็ได้ลาภก้อนใหญ่ ฝันนี้เชื่อกันส่วนมากว่า เป็นฝันที่แม่นยำที่สุด
แก้ว(ลูกแก้ว)
ฝันเห็นแก้ว ได้ถือแก้ว จับแก้ว (ลูกแก้ว) ทำนายว่าจะได้บุตรดี หรือมีการเลื่อนยศทางตำแหน่งหน้าที่ผู้เป็นโสดจะได้พบเนื้อคู่ที่ถูกโฉลก ได้คู่ครองที่พึงพอใจ
แก้ว(ภาชนะ)
ฝันเห็นแก้วหรือจับแก้วไว้ในมือ จะได้ลาภในทุกทาง ชื่อเสียง เงินทอง ยศถาบรรดาศักดิ์
เกาะ
ฝันเห็นเกาะ จะมีคนติฉินนินทา ทำให้เสียหาย ถ้าอยู่ในองค์การจะถูกเจ้านายเพ่งเล็ง
โกนผม
ฝันว่าโกนผมหรือโกนหนวด ทายว่าจะได้รับเคราะห์เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือเจ็บป่วย
โกมุท(ดอกบัว)
ฝันเห็นดอกบัวตูมหรือโกมุท ได้เก็บดอกบัวสีแดง ทายว่าจะหมดเคราะห์หมดทุกข์ถ้าป่วยจะหาย ถ้าปกติจะได้ลาภเป็นข้าวของเงินทอง
โกศ
ฝันเห็นโกศศพในงานพิธีต่างๆ หรือโกศใส่กระดูก ทายว่าจะได้ลาภข้าวของเงินทองจากญาติผู้ใหญ่ หรืออาจจะได้เงินทองจากมรดกญาติพี่น้อง
เกี่ยวข้าว
ฝันว่าได้ไปเก็บหรือเกี่ยวข้าวในนา หรือฝันเห็นชาวนากำลังเกี่ยวข้าวอยู่ไกลๆ ในทุ่งนา ทายว่าการที่คิดไว้จะยังไม่บรรลุผลสมประสงค์ หรือถ้าสำเร็จก็จะกินเวลาเนิ่นนานไปทีเดียว
เกือก(รองเท้า)
ฝันเห็นเกือกหรือรองเท้า ได้สวมหรือได้จับรองเท้าของเพศตรงข้าม ทายว่าคนผู้นั้นถ้าเป็นโสด จะได้พบเนื้อคู่ที่สูงอายุ ถ้ามีครอบครัวแล้วจะได้บุตร
ไก่
ฝันเห็นไก่ ได้กินไก่ จับไก่ หรือเป็ดไก่บินเข้ามาหา ทายว่าท่านจะประสบโชคลาภทางการเงินหรือวัสดุสิ่งของหรือสิ่งที่มีชีวิต ซึ่งอาจเป็นบุตรหรือเป็นสัตว์สี่เท้าสองเท้าที่มีคนนำมาให้
เกาทัณฑ์
ฝันเห็นเกาทัณฑ์หรือธนู หรือหน้าไม้ ทายว่าจะมีลาภหรือได้รับข่าวเกี่ยวกับญาติมิตรทางไกล
ฝันเห็นต้นกก จะได้เป็นคนไกล่เกลี่ยเรื่องราวความขัดแย้ง เป็นคนกลางสมานใจให้คู่รักที่ทะเลาะเบาะแว้งกันกงเต๊กฝันเห็นพิธี
กงเต๊ก
ในงานศพ หรือได้เห็นเครื่องกงเต๊ก ทายว่าจะหมดเคราะห์หมดทุกข์ ถ้าป่วยก็จะหายเร็ววัน ถ้าปกติก็จะได้ลาภหรือยศ แต่จะมีอันต้องเสียญาติผู้ใหญ่ทางบิดา
กงสุล
ฝันเห็นกงสุลทั้งของไทยและต่างประเทศ จะได้เดินทางไกลหรือได้ลาภ
กบ
ฝันเห็นกบ ได้ยินเสียงกบ หรือเห็นฝูงกบจำนวนมากๆ หรือได้จับกบ ทำนายว่าจะได้โชคลาภทางค้าขาย นายหน้าหรือการเสี่ยงโชค ได้เลื่อนตำแหน่งการงาน หรือได้รับชื่อเสียงดีเด่นในผลงาน
กรง
ฝันเห็นกรงสัตว์ จะมีข่าวดี หรือจะมีคนช่วยเหลือเกื้อกูลในการงานหรือธุรกิจ
กรรไกร
ฝันเห็นกรรไกร ผู้มีอาวุโสสจะให้ความช่วยเหลือ
กรวดทราย
ฝันเห็นกรวดทราย หรือได้จับก้อนกรวด ก้อนทราย จะได้รับทุกข์เกี่ยวกับการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่น หรือจะได้รับความเดือดร้อน เพราะคนภายในเรือนหรือครอบครัว
กระจก
ฝันเห็นกระจกส่องหน้าหรือได้ส่องกระจก ทายว่าจะได้รับเคราะห์จากกรรมเก่าหรือทางชื่อเสียง ถ้าฝันเห็นกระจกสีต่างๆ จะได้รับโชคลาภทางการงาน และหน้าที่หรือชื่อเสียงเกียรติคุณ
กระจาด
ฝันเห็นกระจาดหรือตะกร้า หรือเข่งสานด้วยไม้ไผ่หรือฝันว่า ได้แบกได้จับกระจาด ทายว่าจะได้รับความเดือดร้อนจากการรับรองหรือการค้ำประกัน หรือการซื้อขายเกี่ยวกับเงินเชื่อ มิฉะนั้นก็จะถูกฉ้อโกงทรัพย์สิน
กริช, กั้นหยั่น
ฝันเห็นกริช (มีดสองคม) หรือกั้นหยั่น (มีดสองคมของจีน ที่เขียนเป็นหน้าสิงโตคาบกั้นหยั่นบนกระจก สำหรับแขวนกันภูติร้ายหน้าประตูบ้านของคนจีนส่วนมาก) ทายว่าจะหมดเคราะห์ ที่ป่วยจะหาย หรือเป็นความในโรงศาลจะชนะ
กฐิน
ฝันเห็นองค์กฐินหรือองค์ผ้าป่าในงาน ทายว่าจะได้ลาภลอย หรือโชคลาภทางการเสี่ยงโชค จะมีโชคฟลุ๊กๆ ทางการค้าขาย
กระดิ่ง
ฝันเห็นกระดิ่ง หรือได้ยินเสียงกระดิ่ง หรือระฆัง และในฝันมั่นในว่า เป็นเสียงกระดิ่งหรือระฆังแน่นอนทายว่าจะได้รับข่าวดีจากทางไกล หรือโชคลาภในทางเสี่ยงจะบังเกิดขึ้นในเร็ววัน
กระดุม
ฝันเห็นลูกกระดุม หรือเครื่องเย็บสอย ทายว่าถ้าเป็นสตรีสาวโสดจะได้พบเนื้อคู่ บุรุษจะได้ลาภในหน้าที่การงานหรือถ้ามีครอบครัวแล้วจะได้บุตรหญิงน่ารัก
กระต่าย
ฝันเห็นกระต่าย ทายว่าจะได้รับโชคลาภทางการเสี่ยงโชค หรือมิฉะนั้น ก็จะได้รับทุกขลาภ คือมีทุกข์ทางเจ็บไข้ได้ป่วย ได้รับความตกใจเสียก่อนจึงจะมีลาภ
กระทง
ฝันเห็นกระทงในงานลอยกระทง มีเทียนจุดสว่างไสวตามประเพณีลอยกระทง ทายว่าจะหมดเคราะห์ที่ป่วยก็จะหายหรือจะได้พบกับโชคลาภทางไกลในไม่ช้า
กระท่อม
ฝันเห็นกระท่อม หรือกระต๊อบหลังเล็กๆ กลางทุ่ง ไม่มีคนอาศัยเลย ทายว่าจะต้องมีการเดินทางไกล หรือต้องถูกโยกย้ายไปในทิศทางไกลจากเดิม ถ้าฝันว่าอยู่ในกระท่อม จะมีลาภระยะนาน
กระบอก
ฝันเห็นกระบอกไม้ไผ่ หรือต้นไผ่เป็นลำใหญ่ๆ สำหรับตัดมาทำกระบอก ทายว่าจะได้รับอุบัติเหตุจากการเดินทาง หรือมิฉะนั้นก็จะต้องได้รับข่าวร้ายจากญาติมิตร หรือเพื่อนฝูงทางไกล
กระเป๋า
ฝันเห็นกระเป๋าใส่เงิน หรือกระเป๋าใส่เสื้อผ้าเดินทาง ทายว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่ในการงาน หรือมีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายไปในทางดี
กระโปรง
ฝันว่าตนเอง(หญิง) ได้นุ่งกระโปรงใหม่ หรือได้รับกระโปรงใหม่จากใครคนหนึ่งในฝัน ทายว่าจะได้รับเคราะห์จากเพื่อนฝูง หรือญาติมิตรภายในบ้านจะนำเรื่องเดือดร้อนเข้ามาสู่
กราม
ฝันว่ากรามหัก ผู้ใหญ่จะจากไป ถ้าเป็นกรามบนจะเป็นฝ่ายชาย กรามล่างจะเป็นฝ่ายหญิง
โกรธ
ฝันว่าโกรธ คุณกำลังจะมีความสุข
กลด
ฝันเห็นกลดกางกั้นหรือบังแสงอาทิตย์ที่กำลังแผดกล้า ทายว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่ในราชการหรือการงานและมีลาภถ้าเป็นหญิงต้องครรภ์ จะได้บุตรชายที่ดี ถ้าในฝันเห็นร่มกางกันแดด ก็จะได้รับการช่วยเหลือในเรื่องการเงิน หรือการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ (ดูคำว่าร่มในอักษร ร.)
กลอง
ฝันเห็นกลอง ได้ตีกลอง ได้เห็นคนตีกลอง หรือได้ยินเสียงกลอง ทายว่าท่านจะได้รับยศหรือชื่อเสียงในไม่ช้าเป็นลางนิมิตรมงคลดี
กล้วย
ฝันเห็นกล้วย การงานหรือสิ่งที่หวังไว้จะเกิดการสะดุด ต้องใช้สติและความพยายามสูงจึงจะผ่านพ้นวิกฤติไปได้
กล้องถ่ายรูป
ฝันเห็นกล้องถ่ายรูปหรือการถ่ายรูป ทายว่าจะต้องโยกย้ายสถานที่อยู่หรือที่ทำงานหรืออาจมีเรื่องยุ่งยากทางครอบครัวทำให้ต้องแยกทางเดิน
กลางคืน
ฝันเห็นเวลากลางคืน จะได้ลาภยศและชื่อเสียง
เกลือ
ฝันว่าได้รับประทานเกลือหรือเห็นนาเกลือขาวริมทะเล ทายว่าจะได้รับของกำนัล หรือการว่าจ้างในธุรกิจ หรือการทำสัญญาซื้อขายอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นผลกำไรในไม่ช้า
กวาง
ฝันเห็นกวาง หรือเขากวางสวยงาม ได้จับต้องลูบคลำ ทายว่าจะได้เลื่อนยศ หรือตำแหน่งหน้าที่การงาน แต่มักมีอันให้ต้องเปลี่ยนแปลง หรือโยกย้ายที่อยู่ไปด้วยกับลาภ
เกวียน
ฝันเห็นเกวียนเทียมด้วยม้า หรือวัวควาย หรือได้นั่งขี่ไปในเกวียน ทายว่าจะได้รับโชคลาภจากผู้ใหญ่หรือได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้านาย
กษัตริย์
ถ้าฝันเห็นองค์พระเจ้าแผ่นดิน หรือพระราชินีท่านจะได้เลื่อนตำแหน่งยศทางราชการ หรือในตำแหน่งหน้าที่การงานทั่วไป หรืออาจมีโชคลาภในการเสียงโชค ลาภลอย ได้รับข่าวดีจากญาติผู้ใหญ่
กอดรัด
ฝันว่าได้กอดรัดคนที่ตายไปแล้ว จะได้รับเคราะห์อย่างหนัก จะได้รับความกังวลในเรื่องการงานที่กำลังดำเนินงานอยู่ถ้าฝันว่าได้กอดรัดกับเพศตรงข้าม จะถูกคนปองร้ายหรือมีผู้แอบนินทากล่าวร้าย ไม่สู้ดีนัก
กังหัน
ฝันเห็นกังหันที่กำลังหมุน ทายว่าผู้ฝันจะได้รับลาภและยศ ที่ป่วยก็จะหาย คลายจากโรคภัยทั้งปวงกัลปพฤกษ์ฝันเห็นต้นกัลปพฤกษ์ หรือตามความเข้าใจในฝันว่าเป็นต้นไม้
กัลปพฤกษ์
ทายว่าเป็นฝันที่ดี ผู้ฝันคิดอะไรไว้จะสมปรารถนา
กำแพง
ฝันเห็นกำแพงโบราณ หรือกำแพงรั้วของบ้านใหญ่ๆ ทายว่าการที่คิดไว้จะมีอุปสรรค และมีคนคอยขัดขวาง ถ้าฝันว่า ตนเองปีนกำแพงข้างไปยังกำแพงอีกข้างหนึ่งได้ ทายว่าจะมีโชคลาภและการงานที่คิดไว้ หรือกำลังทำอยู่จะประสบผลสำเร็จงดงาม แต่จะต้องมีความมานะขยันอดทน
กา
ฝันเห็นกาหรืออีกาดำ จะได้รับเคราะห์หรือเป็นลางบอกเหตุร้ายไม่ดีนักกางเขนฝันเห็นเครื่องหมายกางเขน ศาสนาคริสต์หรือไม้กางเขนที่ปักบนหลุมฝังศพ ทายว่าจะได้ลาภหรือได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงาน การซื้อขายจะดีขึ้น
กางเขน(นก)
ฝันเห็นนกกางเขน หรือนกพิราบ นกต่างๆ ทายว่าจะต้องพลัดพรากจากที่อยู่ หรือมีอันให้เดินทางไกล หรือจะต้องเดือดร้อนเพราะเคหสถานที่อยู่
กางร่ม
ฝันว่า กางร่ม จะมีคนช่วยเหลือให้ได้เจริญในหน้าที่การงาน เป็นใหญ่เป็นโต
กาน้ำ
ฝันเห็นกาน้ำ จะมีคนเชิญไปงานสังสรรค์ มีลาภปาก
กาสาวพัสตร์(ผ้าเหลือง)
ฝันเห็นผ้าไตรจีวร แต่ไม่เป็นองค์พระ ทายว่าถ้ามีครอบครัวแล้วจะได้บุตรชาย หรือได้ลาภเป็นของมีค่าเป็นสัตว์ 4 เท้า 2 เท้า
ก้างปลา
ฝันว่าได้เห็นหรือได้เคี้ยวกลืนก้างปลา ทายว่าจะเกิดอุปสรรคขัดขวางกิจการที่กำลังทำอยู่ แต่ในที่สุดจะต่อสู้เอาชนะอุปสรรคนั้นได้ในไม่ช้า
กิน
ฝันว่า กินข้าว ได้เลื่อนขั้น เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
ฝันว่า กินคน จะได้เป็นผู้บังคับบัญชา เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหาร
ฝันว่า กินดิน มีคนยกย่อง สรรเสริญ มีอำนาจบารมี
ฝันว่า กินนก หรือ กินข้าวนก จะมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น แต่จะผ่านพ้นไปในที่สุด
ฝันว่า กินบัว ไม่ว่าส่วนใดก็ตามของบัว อาการป่วยจะทุเลาลง
ฝันว่า กินผึ้ง จะได้ลาภแบบไม่คาดคิด โชคดี อาจได้เลื่อนตำแหน่งด้วย
ฝันว่า กินพระจันทร์ หรือดวงอาทิตย์ จะได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง มีหน้าตาในสังคม
ฝันว่า กินยา จะหายจากอาการป่วยในเร็ววัน
ฝันว่า กินอาหาร จะได้ลาภและความสุขจากลูกหลานหรือบริวาร
กินนร
ฝันเห็นนางกินนร (คนครึ่งนก) หรือกินรี จะเป็นรูปปั้นหรือมีชีวิตจิตใจก็ตามแต่ ทายว่าถ้าเป็นหญิงจะต้องมีการโยกย้ายที่อยู่หรือที่ทำงานถ้าเป็นชายจะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น หรือถ้าเป็นชายโสดก็จะได้พบเนื้อคู่ที่มีสกุลหลักฐาน
กิ้งก่า
ฝันเห็นกิ้งก่าตัวเล็กหางยาว ทายว่าจะได้ลาภจากผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ แต่จะมีเคราะห์เพราะถูกทำร้ายเป็นทุกขลาภส่วนมากจะได้ลาภก่อนมีเคราะห์
กิ้งกือ
ฝันเห็นกิงกือ จะได้เดินทางไกลอย่างไม่คาดคิด ได้รับการต้อนรับดี
กุญแจ
ฝันว่าได้นับกุญแจหรือถือวงกุญแจ ทำนายว่าจะได้รับโชคลาภในทางการค้า หรือการพนันเสี่ยงโชค ถ้ารับราชการจะได้เลื่อนตำแหน่งหรือยศสูงขึ้น
กุ้งปลา
ฝันเห็นกุ้งปลา หรือได้จับกุ้งปลา มากหรือน้อย ทายว่าจะได้ลาภ จากการเสี่ยงโชค หรือซื้อขายมากน้อยตามที่ฝัน คือถ้าฝันว่าจับกุ้งปลาจำนวนมากก็ได้ลาภก้อนใหญ่ ฝันนี้เชื่อกันส่วนมากว่า เป็นฝันที่แม่นยำที่สุด
แก้ว(ลูกแก้ว)
ฝันเห็นแก้ว ได้ถือแก้ว จับแก้ว (ลูกแก้ว) ทำนายว่าจะได้บุตรดี หรือมีการเลื่อนยศทางตำแหน่งหน้าที่ผู้เป็นโสดจะได้พบเนื้อคู่ที่ถูกโฉลก ได้คู่ครองที่พึงพอใจ
แก้ว(ภาชนะ)
ฝันเห็นแก้วหรือจับแก้วไว้ในมือ จะได้ลาภในทุกทาง ชื่อเสียง เงินทอง ยศถาบรรดาศักดิ์
เกาะ
ฝันเห็นเกาะ จะมีคนติฉินนินทา ทำให้เสียหาย ถ้าอยู่ในองค์การจะถูกเจ้านายเพ่งเล็ง
โกนผม
ฝันว่าโกนผมหรือโกนหนวด ทายว่าจะได้รับเคราะห์เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือเจ็บป่วย
โกมุท(ดอกบัว)
ฝันเห็นดอกบัวตูมหรือโกมุท ได้เก็บดอกบัวสีแดง ทายว่าจะหมดเคราะห์หมดทุกข์ถ้าป่วยจะหาย ถ้าปกติจะได้ลาภเป็นข้าวของเงินทอง
โกศ
ฝันเห็นโกศศพในงานพิธีต่างๆ หรือโกศใส่กระดูก ทายว่าจะได้ลาภข้าวของเงินทองจากญาติผู้ใหญ่ หรืออาจจะได้เงินทองจากมรดกญาติพี่น้อง
เกี่ยวข้าว
ฝันว่าได้ไปเก็บหรือเกี่ยวข้าวในนา หรือฝันเห็นชาวนากำลังเกี่ยวข้าวอยู่ไกลๆ ในทุ่งนา ทายว่าการที่คิดไว้จะยังไม่บรรลุผลสมประสงค์ หรือถ้าสำเร็จก็จะกินเวลาเนิ่นนานไปทีเดียว
เกือก(รองเท้า)
ฝันเห็นเกือกหรือรองเท้า ได้สวมหรือได้จับรองเท้าของเพศตรงข้าม ทายว่าคนผู้นั้นถ้าเป็นโสด จะได้พบเนื้อคู่ที่สูงอายุ ถ้ามีครอบครัวแล้วจะได้บุตร
ไก่
ฝันเห็นไก่ ได้กินไก่ จับไก่ หรือเป็ดไก่บินเข้ามาหา ทายว่าท่านจะประสบโชคลาภทางการเงินหรือวัสดุสิ่งของหรือสิ่งที่มีชีวิต ซึ่งอาจเป็นบุตรหรือเป็นสัตว์สี่เท้าสองเท้าที่มีคนนำมาให้
เกาทัณฑ์
ฝันเห็นเกาทัณฑ์หรือธนู หรือหน้าไม้ ทายว่าจะมีลาภหรือได้รับข่าวเกี่ยวกับญาติมิตรทางไกล
ทำไมตรุษจีน จึงจุดประทัดและเชิดสิงโต
ขอเริ่มจาธรรมเนียมจุดประทัดก่อนว่า เกิดจากในอดีตมีคนหัวใสนำดินระเบิดไปบรรจุในบ้องไม้ไผ่เล็กๆ แล้วจุด เสียงไม้ไผ่ระเบิดก็ดังสนั่นหู เด็กเล็กได้ยินก็ร้องจ้า บรรดาสุนัขและสัตว์เลี้ยงทั้งหลายต่างพากันกลัวเสียงประทัดวิ่งหนีกันได้ทำให้มีคนคิดว่าเสียงดังโป้งป้างของประทัด น่าจะไล่เจ้าตัวเหนียนได้ ซึ่งเหนียนคำนี้เป็นเสียงจีนกลาง จีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า นี้ แปลว่า ปี คนจีนโบราณเชื่อว่าช่วงสิ้นปีที่อากาศหนาวเย็นจัด คนไม่สบายกันมากเพราะเจ้าตัวเหนียนออกมาอาละวาด
การจุดประทัดเสียงดังน่าจะไล่เจ้าตัวเหนียนและโรคภัยไข้เจ็บให้ตกใจกลัวหนีไปได้แล้วต่อมาธรรมเนียมนี้ก็ปรับไปว่า จุดประทัดให้เสียงดังๆ นี้จะเรียกโชคดีให้มาหา บ้างก็ว่าเพื่อให้สะดุดหูเทพเจ้า ท่านจะได้มาช่วยคุ้มครองส่วนการเชิดสิงโตวันตรุษจีน ที่บางท้องที่จัดเป็นพิธีแห่มังกรใหญ่โต ธรรมเนียมนี้มีความเป็นมาอย่างไร จำได้ว่าเคยเขียนเรื่องการเชิดสิงโตไว้ในตอนความรู้จากคำ...สิงห์ ปัจจุบันอยู่ในหนังสือขุมทรัพย์ความรู้ซ่อนอยู่ในคำจีนโดยคนจีนเรียกการแสดงเชิดสิงโตว่า ไซ่จื้อบู่ แปลง่ายๆ ว่า ระบุลูกสิงโต จัดอยู่ในหมวดการแสดงสวมหน้ากากสัตว์
จากบันทึกของราชวงศ์เหนือ...ใต้ (พ.ศ. 850 - 1132) เมื่อชาวบ้านในมณฑลกวางตุ้ง มีการแสดงเชิดสิงโตเพื่อไล่ผีที่เชื่อว่า มาลงกินผู้ชายและสัตว์เลี้ยง ก่อเกิดเป็นความเชื่อว่า เชิดสิงโตช่วยไล่ภูตผีปีศาจได้ ก็เลยเข้าคู่กันเหมาะมากกับการจุดประทัดวันตรุษจีนส่วนการแห่มังกร ก็เริ่มจากในสมัยราชวงศ์จิ๋นหรือฉิน (พ.ศ. 254 - 339) จัดเป็นการแสดงเล็กๆ แล้วมาจัดเป็นโชว์ใหญ่ที่สวยตระการตาในสมัยราชวงศ์ฮั่น (พ.ศ. 337 - 763)
โดยเริ่มต้นจะมาจากตำนานปลาหลีฮื้อกระโดดข้ามประตูสวรรค์ ก็จะกลายเป็นปลามังกรมีฤทธิ์เดช โดยปลามังกรนี้คือสัตว์ยิ่งใหญ่มีพลังอำนาจ ใครได้พบได้ชมก็จะได้รับพลังช่วยเสริมให้เจ้าตัวโชคดีทำมาหากินได้ผลบริบูรณ์แต่เนื่องจากทั้งการเชิดสิงโตและแห่มังกรนี้ ผู้แสดงต้องมีความสามารถพิเศษในเชิงกายกรรมต่อตัว การสมดุลตัว ที่สุดของการเชิดสิงโตคือการได้ซองอั่งเปา สุดยอดของการแห่มังกรคือ การต่อตัวขึ้นไปเพื่อหยิบซองอั่งเปาบนไม้สูงที่เมื่อทำได้ ความหมายของการได้ซองอั่งเปานี้คือ การจะได้โชคดีกันถ้วนหน้าตลอดปีทีเดียว
การจุดประทัดเสียงดังน่าจะไล่เจ้าตัวเหนียนและโรคภัยไข้เจ็บให้ตกใจกลัวหนีไปได้แล้วต่อมาธรรมเนียมนี้ก็ปรับไปว่า จุดประทัดให้เสียงดังๆ นี้จะเรียกโชคดีให้มาหา บ้างก็ว่าเพื่อให้สะดุดหูเทพเจ้า ท่านจะได้มาช่วยคุ้มครองส่วนการเชิดสิงโตวันตรุษจีน ที่บางท้องที่จัดเป็นพิธีแห่มังกรใหญ่โต ธรรมเนียมนี้มีความเป็นมาอย่างไร จำได้ว่าเคยเขียนเรื่องการเชิดสิงโตไว้ในตอนความรู้จากคำ...สิงห์ ปัจจุบันอยู่ในหนังสือขุมทรัพย์ความรู้ซ่อนอยู่ในคำจีนโดยคนจีนเรียกการแสดงเชิดสิงโตว่า ไซ่จื้อบู่ แปลง่ายๆ ว่า ระบุลูกสิงโต จัดอยู่ในหมวดการแสดงสวมหน้ากากสัตว์
จากบันทึกของราชวงศ์เหนือ...ใต้ (พ.ศ. 850 - 1132) เมื่อชาวบ้านในมณฑลกวางตุ้ง มีการแสดงเชิดสิงโตเพื่อไล่ผีที่เชื่อว่า มาลงกินผู้ชายและสัตว์เลี้ยง ก่อเกิดเป็นความเชื่อว่า เชิดสิงโตช่วยไล่ภูตผีปีศาจได้ ก็เลยเข้าคู่กันเหมาะมากกับการจุดประทัดวันตรุษจีนส่วนการแห่มังกร ก็เริ่มจากในสมัยราชวงศ์จิ๋นหรือฉิน (พ.ศ. 254 - 339) จัดเป็นการแสดงเล็กๆ แล้วมาจัดเป็นโชว์ใหญ่ที่สวยตระการตาในสมัยราชวงศ์ฮั่น (พ.ศ. 337 - 763)
โดยเริ่มต้นจะมาจากตำนานปลาหลีฮื้อกระโดดข้ามประตูสวรรค์ ก็จะกลายเป็นปลามังกรมีฤทธิ์เดช โดยปลามังกรนี้คือสัตว์ยิ่งใหญ่มีพลังอำนาจ ใครได้พบได้ชมก็จะได้รับพลังช่วยเสริมให้เจ้าตัวโชคดีทำมาหากินได้ผลบริบูรณ์แต่เนื่องจากทั้งการเชิดสิงโตและแห่มังกรนี้ ผู้แสดงต้องมีความสามารถพิเศษในเชิงกายกรรมต่อตัว การสมดุลตัว ที่สุดของการเชิดสิงโตคือการได้ซองอั่งเปา สุดยอดของการแห่มังกรคือ การต่อตัวขึ้นไปเพื่อหยิบซองอั่งเปาบนไม้สูงที่เมื่อทำได้ ความหมายของการได้ซองอั่งเปานี้คือ การจะได้โชคดีกันถ้วนหน้าตลอดปีทีเดียว
29 ม.ค. 2551
5 ข้อช้อปปิ้งออนไลน์สบายใจช่วงตรุษจีน-วาเลนไทน์
ช่วงเทศกาลแห่งการจับจ่ายใช้สอยโดยเฉพาะตรุษจีนและวาเลนไทน์ กำลังใกล้เข้ามา หลายคนคงกำลังเริ่มมองหาของขวัญชิ้นสำคัญให้กับบุคคลใกล้ชิด และอาจเลือกวิธีซื้อของที่ถูกใจผ่านทางออนไลน์เพื่อความสะดวกรวดเร็ว และประหยัดเวลา อย่างไรก็ตาม เรื่องความปลอดภัยในการซื้อของผ่านทางออนไลน์ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอยู่ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยักษ์ใหญ่ไอบีเอ็มขอเสนอข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับนักช๊อปออนไลน์ ในช่วงเทศกาลสำคัญที่กำลังจะมาถึง ดังต่อไปนี้
ข้อแนะนำ 5 ประการเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการช้อปปิ้งออนไลน์
1. ถึงแม้จะมีรูปกุญแจปรากฏที่ด้านล่างของบราวเซอร์ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัย
สำหรับการเข้าหน้าเว็บไซต์ที่ต้องใส่ชื่อ ข้อมูลส่วนตัวรวมทั้งข้อมูลบัตรเครดิตของคุณ ขอให้แน่ใจว่า URL address ในหน้านั้น ต้องทำผ่าน หรือเป็น address ที่ขึ้นต้นด้วย https เท่านั้น
ในกรณีที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์นั้น ๆ ท่านสามารถดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอนรูปกุญแจที่ด้านล่างของบราวเซอร์เพื่อดูว่าเว็บไซต์นั้น ๆ มีรายละเอียดเกี่ยวกับประกาศนียบัตรทางด้านความปลอดภัย (Security Certificate) หรือไม่ และประกาศนียบัตรนั้นเป็นของเว็บไซต์นั้นจริงหรือเปล่า
2. ไม่ใช้บัตรเดบิต ในการซื้อของผ่านทางออนไลน์
ในการซื้อของผ่านทางออนไลน์ การใช้บัตรเครดิตจะมีข้อได้เปรียบกว่าการใช้บัตรเดบิตตรงที่เจ้าของบัตรสามารถร้องเรียนกับทางธนาคารเจ้าของบัตรได้ ในกรณีที่พบรายการผิดปกติในใบแจ้งยอดประจำเดือนนั้น และสามารถจัดการกับรายการผิดปกตินั้น ก่อนการชำระยอดค้างประจำเดือน ในขณะที่เมื่อใช้บัตรเดบิต การทำธุรกรรมใด ๆ ก็ตามจะเป็นการหักเงินออกจากบัญชีทันที ซึ่งการร้องเรียนกับธนาคารเจ้าของบัตร ในกรณีที่มีการพบรายการผิดปกติ จะทำได้ยากกว่า 3. อย่าคลิก link ที่มากับอีเมล์ ที่ดูเหมือนว่าจะส่งมาจากร้านค้าออนไลน์
ในช่วงใกล้เทศกาลสำคัญ ท่านอาจได้รับอีเมล์มากมายที่ชักชวนให้จับจ่ายซื้อของผ่านทางเว็บไซต์ต่าง ๆ แต่สิ่งที่สำคัญคือ ท่านจะทราบได้อย่างไรว่า อีเมล์นั้นส่งมาจากร้านค้าที่มีตัวตนจริง หรือเป็นอีเมล์ปลอมกันแน่
ดังนั้น หากท่านต้องการเข้าเว็บไซต์ จาก link ที่แนบมากับอีเมล์ ขอแนะนำให้เปิดบราวเซอร์ขึ้นมาใหม่ และเอา URL address นั้นมาพิมพ์ที่ช่องใส่ URL ด้วยตัวเอง แต่ในกรณีที่ URL address ยาวมาก และท่านไม่มีเวลา อาจใช้วิธีพิมพ์โดเมนเนมของเว็บไซต์นั้น และคลิก link ที่ท่านต้องการจะเข้าจากหน้า Home ของเว็บไซต์นั้น ๆ แทน
4. ถ้าท่านเริ่มไม่ไว้ใจเว็บไซต์นั้น หรือเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลกับข้อเสนอที่ให้มา ให้เปลี่ยนไปเข้าเว็บอื่นแทน
ในกรณีที่ท่านเข้าเว็บไซต์ช็อปปิ้งบางเว็บไซต์ แล้วเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของข้อเสนอที่เว็บไซต์นั้นมอบให้ ขอเสนอแนะว่าให้เปลี่ยนไปเข้าเว็บไซต์อื่นแทนจะดีกว่า เพราะท่านอาจจะถูกหลอกกับข้อเสนอที่ดีเกินความเป็นจริงหรือโดนเว็บนั้นแอบทำมิดีมิร้าย เช่น แอบเอา malware มาลงกับเครื่องของท่านผ่านทางบราวเซอร์ โดยที่ท่านไม่รู้ตัว ก็เป็นได้
5. ระมัดระวังการให้ข้อมูลส่วนตัว โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับการจ่ายเงิน
โดยปกติ ข้อมูลที่เว็บไซต์ช้อปปิ้งทั่วไปต้องการจากท่าน ก็จะเป็นแค่ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ที่จะจัดส่งใบแจ้งหนี้ หมายเลขบัตรเครดิต วันหมดอายุของบัตร และ โค้ด CCV2 ด้านหลังบัตร
นอกจากนี้ บางเว็บไซต์อาจต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เช่น อีเมล์แอดเดรส หรือ เบอร์โทรศัพท์ของท่านเพื่อเพิ่มความสะดวกในการจัดส่งของ แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ท่านจะให้ข้อมูลดังกล่าว ควรตรวจสอบในเงื่อนไขว่าเว็บไซต์นั้นจะเก็บข้อมูลส่วนตัวของท่านเป็นความลับหรือไม่
นอกจากข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ท่านต้องให้ข้อมูลอื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นรหัสส่วนตัวของบัตร (PIN) หรือ ข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ของท่าน เพราะเว็บไซต์ที่ทำธุรกิจอย่างถูกต้อง จะไม่ถามข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ หากท่านพบเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ถามข้อมูลเกินพอดีเหล่านี้ ให้หยุดการทำธุรกรรมกับเว็บไซต์นั้นทันที และแจ้งธนาคารหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รับทราบ
ข้อแนะนำ 5 ประการเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการช้อปปิ้งออนไลน์
1. ถึงแม้จะมีรูปกุญแจปรากฏที่ด้านล่างของบราวเซอร์ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัย
สำหรับการเข้าหน้าเว็บไซต์ที่ต้องใส่ชื่อ ข้อมูลส่วนตัวรวมทั้งข้อมูลบัตรเครดิตของคุณ ขอให้แน่ใจว่า URL address ในหน้านั้น ต้องทำผ่าน หรือเป็น address ที่ขึ้นต้นด้วย https เท่านั้น
ในกรณีที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์นั้น ๆ ท่านสามารถดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอนรูปกุญแจที่ด้านล่างของบราวเซอร์เพื่อดูว่าเว็บไซต์นั้น ๆ มีรายละเอียดเกี่ยวกับประกาศนียบัตรทางด้านความปลอดภัย (Security Certificate) หรือไม่ และประกาศนียบัตรนั้นเป็นของเว็บไซต์นั้นจริงหรือเปล่า
2. ไม่ใช้บัตรเดบิต ในการซื้อของผ่านทางออนไลน์
ในการซื้อของผ่านทางออนไลน์ การใช้บัตรเครดิตจะมีข้อได้เปรียบกว่าการใช้บัตรเดบิตตรงที่เจ้าของบัตรสามารถร้องเรียนกับทางธนาคารเจ้าของบัตรได้ ในกรณีที่พบรายการผิดปกติในใบแจ้งยอดประจำเดือนนั้น และสามารถจัดการกับรายการผิดปกตินั้น ก่อนการชำระยอดค้างประจำเดือน ในขณะที่เมื่อใช้บัตรเดบิต การทำธุรกรรมใด ๆ ก็ตามจะเป็นการหักเงินออกจากบัญชีทันที ซึ่งการร้องเรียนกับธนาคารเจ้าของบัตร ในกรณีที่มีการพบรายการผิดปกติ จะทำได้ยากกว่า 3. อย่าคลิก link ที่มากับอีเมล์ ที่ดูเหมือนว่าจะส่งมาจากร้านค้าออนไลน์
ในช่วงใกล้เทศกาลสำคัญ ท่านอาจได้รับอีเมล์มากมายที่ชักชวนให้จับจ่ายซื้อของผ่านทางเว็บไซต์ต่าง ๆ แต่สิ่งที่สำคัญคือ ท่านจะทราบได้อย่างไรว่า อีเมล์นั้นส่งมาจากร้านค้าที่มีตัวตนจริง หรือเป็นอีเมล์ปลอมกันแน่
ดังนั้น หากท่านต้องการเข้าเว็บไซต์ จาก link ที่แนบมากับอีเมล์ ขอแนะนำให้เปิดบราวเซอร์ขึ้นมาใหม่ และเอา URL address นั้นมาพิมพ์ที่ช่องใส่ URL ด้วยตัวเอง แต่ในกรณีที่ URL address ยาวมาก และท่านไม่มีเวลา อาจใช้วิธีพิมพ์โดเมนเนมของเว็บไซต์นั้น และคลิก link ที่ท่านต้องการจะเข้าจากหน้า Home ของเว็บไซต์นั้น ๆ แทน
4. ถ้าท่านเริ่มไม่ไว้ใจเว็บไซต์นั้น หรือเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลกับข้อเสนอที่ให้มา ให้เปลี่ยนไปเข้าเว็บอื่นแทน
ในกรณีที่ท่านเข้าเว็บไซต์ช็อปปิ้งบางเว็บไซต์ แล้วเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของข้อเสนอที่เว็บไซต์นั้นมอบให้ ขอเสนอแนะว่าให้เปลี่ยนไปเข้าเว็บไซต์อื่นแทนจะดีกว่า เพราะท่านอาจจะถูกหลอกกับข้อเสนอที่ดีเกินความเป็นจริงหรือโดนเว็บนั้นแอบทำมิดีมิร้าย เช่น แอบเอา malware มาลงกับเครื่องของท่านผ่านทางบราวเซอร์ โดยที่ท่านไม่รู้ตัว ก็เป็นได้
5. ระมัดระวังการให้ข้อมูลส่วนตัว โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับการจ่ายเงิน
โดยปกติ ข้อมูลที่เว็บไซต์ช้อปปิ้งทั่วไปต้องการจากท่าน ก็จะเป็นแค่ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ที่จะจัดส่งใบแจ้งหนี้ หมายเลขบัตรเครดิต วันหมดอายุของบัตร และ โค้ด CCV2 ด้านหลังบัตร
นอกจากนี้ บางเว็บไซต์อาจต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เช่น อีเมล์แอดเดรส หรือ เบอร์โทรศัพท์ของท่านเพื่อเพิ่มความสะดวกในการจัดส่งของ แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ท่านจะให้ข้อมูลดังกล่าว ควรตรวจสอบในเงื่อนไขว่าเว็บไซต์นั้นจะเก็บข้อมูลส่วนตัวของท่านเป็นความลับหรือไม่
นอกจากข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ท่านต้องให้ข้อมูลอื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นรหัสส่วนตัวของบัตร (PIN) หรือ ข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ของท่าน เพราะเว็บไซต์ที่ทำธุรกิจอย่างถูกต้อง จะไม่ถามข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ หากท่านพบเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ถามข้อมูลเกินพอดีเหล่านี้ ให้หยุดการทำธุรกรรมกับเว็บไซต์นั้นทันที และแจ้งธนาคารหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รับทราบ
โปรดระวังอีเมล์ของมิจฉาชีพ
ขณะนี้มีอีเมล์แสดงตัวว่าเป็นธนาคารนครหลวงไทย โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะทำการส่งอีเมล์โดยใช้ชื่อ http://www.scibnet.cn/
เนื่องจากขณะนี้มีอีเมล์แสดงตัวว่าเป็นธนาคารนครหลวงไทย ได้มีการสร้างอีเมล์หลอกลวงให้รางวัลต่าง ๆ และให้กรอกข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะทำการส่งอีเมล์โดยใช้ชื่อ http://www.scibnet.cn/ โปรดอย่าตอบกลับหรือให้ข้อมูลใด ๆ ทั้งสิ้น
ธนาคารนครหลวงไทย ขอแจ้งให้ท่านโปรดระวัง และหลีกเลี่ยงที่จะเข้าสู่เว็บไซต์ผ่านทางอีเมล์ดังกล่าว และธนาคารไม่มีนโยบายที่จะแจกรางวัล หรือ ขอข้อมูลลูกค้า เช่น หมายเลขบัตรเครดิต รหัสบัตรเครดิต, User ID, Password ผ่านทางอีเมล์ การติดต่อกับธนาคารทาง Internet สามารถเข้าที่ www.scib.co.th เท่านั้น
หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมใด โปรดติดต่อ SCIB Contact Center โทร. 0 2828 8000 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ e-mail : scibweb@scib.co.th
ตัวอย่างอีเมล์หลอกลวง
SCIB นำเสนอโตโยต้า แคมรี่ รุ่นใหม่ให้กับผู้โชคดี จำนวน 2 รางวัล และคุณอาจเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลเงินสดมูลค่า 1,500,000 บาท หรือคุณอาจได้รับโชคเดินทางท่องเที่ยว ชมทิวทัศน์สวยงามที่เมืองพัทยา
เข้าสู่ระบบ !
SCIB are offering two lucky winners the chance to own a brand new TOYOTA CAMRY... or perhaps you’ll win a prize money of 1, 500, 000 baht… or you could find yourself enjoying the stunning scenery and fantastic journey to Pataya....
Sign-up !
หมดเขตร่วมลุ้นรับรางวัล วันที่ 29 ธันวาคม
The closing date of the draw is 29 Dec 2007
เนื่องจากขณะนี้มีอีเมล์แสดงตัวว่าเป็นธนาคารนครหลวงไทย ได้มีการสร้างอีเมล์หลอกลวงให้รางวัลต่าง ๆ และให้กรอกข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะทำการส่งอีเมล์โดยใช้ชื่อ http://www.scibnet.cn/ โปรดอย่าตอบกลับหรือให้ข้อมูลใด ๆ ทั้งสิ้น
ธนาคารนครหลวงไทย ขอแจ้งให้ท่านโปรดระวัง และหลีกเลี่ยงที่จะเข้าสู่เว็บไซต์ผ่านทางอีเมล์ดังกล่าว และธนาคารไม่มีนโยบายที่จะแจกรางวัล หรือ ขอข้อมูลลูกค้า เช่น หมายเลขบัตรเครดิต รหัสบัตรเครดิต, User ID, Password ผ่านทางอีเมล์ การติดต่อกับธนาคารทาง Internet สามารถเข้าที่ www.scib.co.th เท่านั้น
หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมใด โปรดติดต่อ SCIB Contact Center โทร. 0 2828 8000 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ e-mail : scibweb@scib.co.th
ตัวอย่างอีเมล์หลอกลวง
SCIB นำเสนอโตโยต้า แคมรี่ รุ่นใหม่ให้กับผู้โชคดี จำนวน 2 รางวัล และคุณอาจเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลเงินสดมูลค่า 1,500,000 บาท หรือคุณอาจได้รับโชคเดินทางท่องเที่ยว ชมทิวทัศน์สวยงามที่เมืองพัทยา
เข้าสู่ระบบ !
SCIB are offering two lucky winners the chance to own a brand new TOYOTA CAMRY... or perhaps you’ll win a prize money of 1, 500, 000 baht… or you could find yourself enjoying the stunning scenery and fantastic journey to Pataya....
Sign-up !
หมดเขตร่วมลุ้นรับรางวัล วันที่ 29 ธันวาคม
The closing date of the draw is 29 Dec 2007
28 ม.ค. 2551
๏~* คู่มือหาความสุข *~๏
เคยคิดกันมั้ยคะว่า ความสุขนั้น บางคนหายากเย็นแสนเข็ญ บ้างก็ช่างหาได้ง่ายดายจริง ๆ เราอย่ามัวมานั่งแบกทุกข์กันเลยนะ จงท่องขึ้นใจไว้เลยว่าความสุขหาได้เสมอ หาได้ระหว่างทางของชีวิตและอย่ารอความสุขเดินเข้ามา ลองเทคนิคเหล่านี้ดู เพื่อไปทักทายกับมันค่ะ
1. มองช่วงแห่งความสุขในชีวิตของคุณ คอยจดจำสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันและบอกเพื่อน แทนทึ่จะบอกเล่าแค่ความทุกข์กับเธอ
2. ฝึกสร้างทัศนคติที่สดใส มองแต่ส่วนที่ดีที่สุดในตัวคนอื่น แทนที่จะคอยจับผิด
3. เน้นจุดแข็งของตัวเอง ด้วยการค้นหาว่าคุณเก่งอะไร? คุณมีพรสวรรค์ด้านไหน? บางครั้งคุณจะลืมจุดแข็งของตัวเองไปได้ง่าย ๆ เวลาเปรียบเทียบตัวคุณกับคนอื่นที่เราคิดว่าเหนือกว่าเรา
4. อย่าหมกมุ่นว่าทำไมคุณถึงทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ได้ ให้มองหาทางเลือกและความเป็นไปได้อื่นที่เปิดรับคุณแทน แล้วจินตนาการว่าคุณอยู่ในสถานการณ์นั้น ๆ และดูว่าทางเลือกไหนทำให้คุณรู้สึกดีที่สุด
5. อยู่ใกล้คนที่ห่วงใยคุณ อย่าพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ให้ขอความช่วยเหลือจากพวกเขา
6. มองคำปฏิเสธในแง่ดี ทุกคำว่า "ไม่" จะนำคุณเข้าใกล้คำว่า "ใช่" ยิ่งขึ้น บางครั้งคุณก็จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยเรื่องแย่ ๆ
7. อย่าคิดว่าเรื่องเลวร้ายนั้นเกิดขึ้นกับคุณคนเดียว เป็นไปได้ว่ามันก็เกิดขึ้นกับคนเป็นล้านเช่นกัน
8. อย่าพอใจกับความสุขระยะสั้น เพราะความสุขที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นทีละน้อยจากการบรรลุเป้าหมาย เช่น การเรียนภาษา เป้าหมายในอาชีพ จะทำให้คุณมีความสุขกว่าในระยะยาว
9. หาสมุดมาจดกิจกรรมหรือช่วงเวลาที่คุณมีความสุขและคอยพยายามให้มีช่วงเวลานั้นบ่อย ๆ
10. ทำงานอย่างตั้งใจและเต็มที่ที่สุด เพราะคุณจะรู้สึกว่าทำดีที่สุดแล้ว ก็จะไม่มีความกลัวอะไรเกิดขึ้นอีกเลย
1. มองช่วงแห่งความสุขในชีวิตของคุณ คอยจดจำสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวันและบอกเพื่อน แทนทึ่จะบอกเล่าแค่ความทุกข์กับเธอ
2. ฝึกสร้างทัศนคติที่สดใส มองแต่ส่วนที่ดีที่สุดในตัวคนอื่น แทนที่จะคอยจับผิด
3. เน้นจุดแข็งของตัวเอง ด้วยการค้นหาว่าคุณเก่งอะไร? คุณมีพรสวรรค์ด้านไหน? บางครั้งคุณจะลืมจุดแข็งของตัวเองไปได้ง่าย ๆ เวลาเปรียบเทียบตัวคุณกับคนอื่นที่เราคิดว่าเหนือกว่าเรา
4. อย่าหมกมุ่นว่าทำไมคุณถึงทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ได้ ให้มองหาทางเลือกและความเป็นไปได้อื่นที่เปิดรับคุณแทน แล้วจินตนาการว่าคุณอยู่ในสถานการณ์นั้น ๆ และดูว่าทางเลือกไหนทำให้คุณรู้สึกดีที่สุด
5. อยู่ใกล้คนที่ห่วงใยคุณ อย่าพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ให้ขอความช่วยเหลือจากพวกเขา
6. มองคำปฏิเสธในแง่ดี ทุกคำว่า "ไม่" จะนำคุณเข้าใกล้คำว่า "ใช่" ยิ่งขึ้น บางครั้งคุณก็จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยเรื่องแย่ ๆ
7. อย่าคิดว่าเรื่องเลวร้ายนั้นเกิดขึ้นกับคุณคนเดียว เป็นไปได้ว่ามันก็เกิดขึ้นกับคนเป็นล้านเช่นกัน
8. อย่าพอใจกับความสุขระยะสั้น เพราะความสุขที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นทีละน้อยจากการบรรลุเป้าหมาย เช่น การเรียนภาษา เป้าหมายในอาชีพ จะทำให้คุณมีความสุขกว่าในระยะยาว
9. หาสมุดมาจดกิจกรรมหรือช่วงเวลาที่คุณมีความสุขและคอยพยายามให้มีช่วงเวลานั้นบ่อย ๆ
10. ทำงานอย่างตั้งใจและเต็มที่ที่สุด เพราะคุณจะรู้สึกว่าทำดีที่สุดแล้ว ก็จะไม่มีความกลัวอะไรเกิดขึ้นอีกเลย
๏~* สิ่งที่ควรมี ตลอดชีวิต *~๏
( 1 ) เอาใจเขามาใส่ใจเรา
( 2 ) เชื่อมั่นตัวเอง
( 3 ) อย่ามองคนที่หน้าตา
( 4 ) กล้าคิด พูด และทำ
( 5 ) เมื่อมีเรื่องจงหมั่นปรึกษาผู้อื่น
( 6 ) และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย
( 7 ) อย่าโกหกกับเรื่องที่คุณคิดว่าผิด
( 8 ) ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ
( 9 ) เปิดใจให้กว้าง
( 10 ) มองการณ์ไกล
( 11 ) วางแผนอนาคต
( 12 ) อย่าโทษตัวเอง
( 13 ) มีความรับผิดชอบ
( 14 ) ตอบแทนเมื่อได้รับ
( 15 ) ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้หรือไม่มี
( 16 ) อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด
( 17 ) คิดถึงส่วนรวมให้มาก
( 18 ) ดูแลตัวเองให้เป็น
( 19 ) รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี
( 20 ) อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า
( 21 ) อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียมันไปแล้ว
( 22 ) จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร
( 23 ) ที่ทำอยู่มีผลดี / เสีย มีประโยชน์ / ไร้ประโยชน์
( 24 ) อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก
( 25 ) ให้อภัยแก่ตนเอง และ ผู้อื่น
( 26 ) อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตัวเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน
( 27 ) คนไม่ผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไร
( 28 ) ได้หน้าอย่าลืมหลัง
( 29 ) คุณไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อมความรู้สึกที่เสียไปแล้ว แต่จงวางแผนที่จะดูแลไม่ให้มันเสีย
( 30 ) อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ
( 31 ) อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง
( 32 ) รู้จักแบ่งเวลาและหน้าที่
( 33 ) ทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง
( 34 ) อย่าเห็นแก่ตัว
( 35 ) อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
( 36 ) อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้ หรือ เปลี่ยนแปลงมันได้
( 37 ) กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง
( 38 ) เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก็คุยกันได้
( 39 ) อย่าคิดว่าเขาไม่โทรมา ถ้าคุณก็ไม่เคยโทรหาเขาเช่นกัน
( 40 ) จงเป็นฝ่ายให้มากกว่าฝ่ายรับ
( 41 ) ดูแลบิดา มารดาให้ดี คุณมีโอกาสรีบทำซะก่อนจะไม่มี
( 42 ) อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว มันไม่กลับมาแต่คุณสามารถทำมันใหม่หรือเรียนรู้จากมันได้
( 43 ) คำพูดเมื่อพูดออกไปแล้ว ไม่สามารถเรียกกลับได้ ดังนั้นคิดก่อนพูด
( 44 ) อย่าทุ่มเทกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์
( 45 ) คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด
( 46 ) ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้
( 47 ) หาจุดหมายให้กับชีวิต
( 48 ) เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น
( 49 ) ถ้างง เขียนหนังสือได้แต่เขียนให้เป็นภาษา
( 50 ) วันๆ หนึ่งคุณทำอะไรไปบ้างที่ไม่ใช่กิน นอน เล่น
( 51 ) ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตาย แล้วค่อยช่วยหรอกนะ
( 52 ) เพื่อนคุณก็เช่นกันอย่าปล่อยให้เขา เครียดจนจะตายแล้วถึงไปถามหรือดูแล
( 53 ) ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง
( 54 ) คุณซื้อนาฬิกาได้แต่คุณซื้อเวลาไม่ได้
( 55 ) ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่รึเปล่า ? ถ้ามีกลับไปหาซะ
( 56 ) ตอนนี้คุณคอยใครอยู่รึเปล่า ? จะคอยอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ? ทำอะไรซะบ้าง
( 57 ) อย่ากล่าวคำว่าขอโทษบ่อย มีอะไรดีๆตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามขอโทษ
( 58 ) ตอนคุณลำบากคุณคิดถึงใคร ? คุณอยากให้ใครช่วยเหลือ ?
( 59 ) ตอนนี้คุณสบายอยู่ ? แล้วคนที่คุณเคยขอความช่วยเหลือล่ะ ? หมดประโยชน์ ?
( 60 ) ไม่ใช่ ? แล้วไง ?? ต้องให้บอกต่อมั้ย ???
( 61 ) ทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของผู้อื่น
( 62 ) ตอนที่คุณกำลังอ่านประโยคนี้ จงรู้ไว้ซะว่าคุณเป็นมนุษย์และยังมีชีวิตอยู่
( 63 ) ใครเป็นคนทำให้คุณมีชีวิต ? ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง ?
( 64 ) ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกว่ารักเขาก็เพียงพอแล้ว
( 65 ) อย่ารอให้ถึงวันเกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน
( 66 ) ไม่มีกฎหมายใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา
( 67 ) ถ้าเป็นคุณอยู่ดีๆมีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุณจะรู้สึกดีไหม ? หรือว่าดูที่ราคาขนม ?
( 68 ) เหล้าทำให้คุณลืมได้ตอนเมาแอ๋ แต่เพื่อนแท้ทำให้คุณลืมเรื่องร้ายๆได้ตลอดชีวิต
( 69 ) อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใคร อย่างน้อยๆถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้ จงรู้ไว้ว่าคุณยังมีผู้เขียนอีกคน
( 70 ) อย่าคิดว่าตนเป็นคนที่โชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุด
( 71 ) อย่าพูดคำว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอก ถ้าคุณก็ไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน
( 72 ) เหนื่อยแล้วพักซะเถอะ อย่าฝืนอ่านต่อเลย คนเขียนดีใจมากแล้วที่คุณอ่านถึงตรงนี้
( 73 ) อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคม เพราะคุณก็เป็นคนเพียงแต่คุณยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง
( 74 ) ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปก็อยู่ในตัวคุณ ?
(75) คุณมองเพชรมองที่ความงามภายใน หรือป้ายราคาข้างนอก?
( 76 ) ถ้าคุณกินอาหารเหลือ ลองนึกถึงเด็กที่ไม่มีอันจะกิน
( 77 ) มีเรื่องราวอีกมากมาย ที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือลองค้นคว้าดูจะรู้
( 78 ) ลูกธนูที่ถูกปล่อยออกจากหน้าไม้ อันตรายน้อยกว่าหอกที่แทงมาจากข้างหลัง
( 79 ) การถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บปวด อย่าให้มันเกิด
( 80 ) ทำยังไง ?? ต้องขโมยขึ้นบ้านก่อนถึงไปดูแลรั้วบ้านใช่มั้ย ??
(81) ทำใจกับสิ่งต่างๆล่วงหน้าไว้บ้างก็ดี
(82) จะยกตัวอย่างให้ สมมุติคนที่คุณรักจากไปตอนนี้ คุณคิดว่าคุณทำอะไรให้เขาบ้างหรือยัง??
(83) อย่าตอบว่าทำยังไงก็ตอบแทนไม่หมด ขอถามว่าทำรึยัง? ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ?
(84) คุณทำใจได้แล้วหรือถ้ามันเกิดอะไรขึ้น? คุณไปร้องไห้ข้างโลงศพ ยังไงเขาก็ไม่ฟื้นหรือได้ยินหรอกนะ ?
(85) ตัวคุณมีคุณค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุณรู้จักดึงมันออกมาใช้ได้รึเปล่า??
(86) หัดคุยกับตัวเองซะบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีอะไรอีกมากที่คุณไม่รู้?
(87) ร่างกายใช้มากี่ปีแล้ว เคยดูแลมันบ้างรึเปล่า? หรือเอาไว้เพื่อให้วิญญาณมีที่สิงสถิตย์
( 88 ) การใส่เสื้อสวยๆ ไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรอกนะ ที่ดีขึ้นคือบุคลิกต่างหาก
( 89 ) หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง อดีตเราลืมไม่ได้แต่เลิกคิดได้
( 90 ) ลองทำอะไรบ้าๆดูบ้างก็ดี อย่ายึดติดกับอะไรนักเลย
( 91 ) ผู้เขียนไม่ใช่คนรู้อะไรมากมาย ไม่ได้มาโชว์ว่าตัวเองอวดรู้ แต่อยากให้คุณได้รู้อะไรไว้บ้างก็ดี
( 92 ) สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆไปในชีวิต หรือ เรื่องที่คุณเห็นว่าไม่สำคัญ กลับมาดูแลตรงนั้นบ้างก็ดี
( 93 ) อย่าไว้ใจใครเกินไป ไม่ได้สอนให้ระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่ระวังไว้บ้างก็ดี
( 94 ) อย่าตามเพื่อนนัก กินเหล้ากิน เล่นไพ่เล่น เที่ยวหญิงเที่ยว
( 95 ) ยาเสพย์ติดทุกชนิด อย่าคิดจะลองเด็ดขาด
( 96 ) อย่าทำตามเพราะเพื่อนทำกันหมด ร่างกายเขากะร่างกายเราคนละร่างกายกัน แน่นอนจิตใจก็เหมือนกัน
( 97 ) ผู้ชายยังไงก็คือผู้ชาย ผู้หญิงก็คือผู้หญิง
( 98 ) บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
( 99 ) ไม่มีมิตรถาวร และ ศัตรูที่แท้จริง
( 100 ) จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเราเอง คนที่เรารัก และคนที่อยู่รอบกายเรา
( 2 ) เชื่อมั่นตัวเอง
( 3 ) อย่ามองคนที่หน้าตา
( 4 ) กล้าคิด พูด และทำ
( 5 ) เมื่อมีเรื่องจงหมั่นปรึกษาผู้อื่น
( 6 ) และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย
( 7 ) อย่าโกหกกับเรื่องที่คุณคิดว่าผิด
( 8 ) ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ
( 9 ) เปิดใจให้กว้าง
( 10 ) มองการณ์ไกล
( 11 ) วางแผนอนาคต
( 12 ) อย่าโทษตัวเอง
( 13 ) มีความรับผิดชอบ
( 14 ) ตอบแทนเมื่อได้รับ
( 15 ) ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้หรือไม่มี
( 16 ) อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด
( 17 ) คิดถึงส่วนรวมให้มาก
( 18 ) ดูแลตัวเองให้เป็น
( 19 ) รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี
( 20 ) อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า
( 21 ) อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียมันไปแล้ว
( 22 ) จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร
( 23 ) ที่ทำอยู่มีผลดี / เสีย มีประโยชน์ / ไร้ประโยชน์
( 24 ) อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก
( 25 ) ให้อภัยแก่ตนเอง และ ผู้อื่น
( 26 ) อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตัวเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน
( 27 ) คนไม่ผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไร
( 28 ) ได้หน้าอย่าลืมหลัง
( 29 ) คุณไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อมความรู้สึกที่เสียไปแล้ว แต่จงวางแผนที่จะดูแลไม่ให้มันเสีย
( 30 ) อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ
( 31 ) อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง
( 32 ) รู้จักแบ่งเวลาและหน้าที่
( 33 ) ทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง
( 34 ) อย่าเห็นแก่ตัว
( 35 ) อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
( 36 ) อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้ หรือ เปลี่ยนแปลงมันได้
( 37 ) กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง
( 38 ) เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก็คุยกันได้
( 39 ) อย่าคิดว่าเขาไม่โทรมา ถ้าคุณก็ไม่เคยโทรหาเขาเช่นกัน
( 40 ) จงเป็นฝ่ายให้มากกว่าฝ่ายรับ
( 41 ) ดูแลบิดา มารดาให้ดี คุณมีโอกาสรีบทำซะก่อนจะไม่มี
( 42 ) อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว มันไม่กลับมาแต่คุณสามารถทำมันใหม่หรือเรียนรู้จากมันได้
( 43 ) คำพูดเมื่อพูดออกไปแล้ว ไม่สามารถเรียกกลับได้ ดังนั้นคิดก่อนพูด
( 44 ) อย่าทุ่มเทกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์
( 45 ) คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด
( 46 ) ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้
( 47 ) หาจุดหมายให้กับชีวิต
( 48 ) เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น
( 49 ) ถ้างง เขียนหนังสือได้แต่เขียนให้เป็นภาษา
( 50 ) วันๆ หนึ่งคุณทำอะไรไปบ้างที่ไม่ใช่กิน นอน เล่น
( 51 ) ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตาย แล้วค่อยช่วยหรอกนะ
( 52 ) เพื่อนคุณก็เช่นกันอย่าปล่อยให้เขา เครียดจนจะตายแล้วถึงไปถามหรือดูแล
( 53 ) ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง
( 54 ) คุณซื้อนาฬิกาได้แต่คุณซื้อเวลาไม่ได้
( 55 ) ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่รึเปล่า ? ถ้ามีกลับไปหาซะ
( 56 ) ตอนนี้คุณคอยใครอยู่รึเปล่า ? จะคอยอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ? ทำอะไรซะบ้าง
( 57 ) อย่ากล่าวคำว่าขอโทษบ่อย มีอะไรดีๆตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามขอโทษ
( 58 ) ตอนคุณลำบากคุณคิดถึงใคร ? คุณอยากให้ใครช่วยเหลือ ?
( 59 ) ตอนนี้คุณสบายอยู่ ? แล้วคนที่คุณเคยขอความช่วยเหลือล่ะ ? หมดประโยชน์ ?
( 60 ) ไม่ใช่ ? แล้วไง ?? ต้องให้บอกต่อมั้ย ???
( 61 ) ทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของผู้อื่น
( 62 ) ตอนที่คุณกำลังอ่านประโยคนี้ จงรู้ไว้ซะว่าคุณเป็นมนุษย์และยังมีชีวิตอยู่
( 63 ) ใครเป็นคนทำให้คุณมีชีวิต ? ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง ?
( 64 ) ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกว่ารักเขาก็เพียงพอแล้ว
( 65 ) อย่ารอให้ถึงวันเกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน
( 66 ) ไม่มีกฎหมายใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา
( 67 ) ถ้าเป็นคุณอยู่ดีๆมีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุณจะรู้สึกดีไหม ? หรือว่าดูที่ราคาขนม ?
( 68 ) เหล้าทำให้คุณลืมได้ตอนเมาแอ๋ แต่เพื่อนแท้ทำให้คุณลืมเรื่องร้ายๆได้ตลอดชีวิต
( 69 ) อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใคร อย่างน้อยๆถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้ จงรู้ไว้ว่าคุณยังมีผู้เขียนอีกคน
( 70 ) อย่าคิดว่าตนเป็นคนที่โชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุด
( 71 ) อย่าพูดคำว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอก ถ้าคุณก็ไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน
( 72 ) เหนื่อยแล้วพักซะเถอะ อย่าฝืนอ่านต่อเลย คนเขียนดีใจมากแล้วที่คุณอ่านถึงตรงนี้
( 73 ) อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคม เพราะคุณก็เป็นคนเพียงแต่คุณยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง
( 74 ) ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปก็อยู่ในตัวคุณ ?
(75) คุณมองเพชรมองที่ความงามภายใน หรือป้ายราคาข้างนอก?
( 76 ) ถ้าคุณกินอาหารเหลือ ลองนึกถึงเด็กที่ไม่มีอันจะกิน
( 77 ) มีเรื่องราวอีกมากมาย ที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือลองค้นคว้าดูจะรู้
( 78 ) ลูกธนูที่ถูกปล่อยออกจากหน้าไม้ อันตรายน้อยกว่าหอกที่แทงมาจากข้างหลัง
( 79 ) การถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บปวด อย่าให้มันเกิด
( 80 ) ทำยังไง ?? ต้องขโมยขึ้นบ้านก่อนถึงไปดูแลรั้วบ้านใช่มั้ย ??
(81) ทำใจกับสิ่งต่างๆล่วงหน้าไว้บ้างก็ดี
(82) จะยกตัวอย่างให้ สมมุติคนที่คุณรักจากไปตอนนี้ คุณคิดว่าคุณทำอะไรให้เขาบ้างหรือยัง??
(83) อย่าตอบว่าทำยังไงก็ตอบแทนไม่หมด ขอถามว่าทำรึยัง? ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ?
(84) คุณทำใจได้แล้วหรือถ้ามันเกิดอะไรขึ้น? คุณไปร้องไห้ข้างโลงศพ ยังไงเขาก็ไม่ฟื้นหรือได้ยินหรอกนะ ?
(85) ตัวคุณมีคุณค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุณรู้จักดึงมันออกมาใช้ได้รึเปล่า??
(86) หัดคุยกับตัวเองซะบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีอะไรอีกมากที่คุณไม่รู้?
(87) ร่างกายใช้มากี่ปีแล้ว เคยดูแลมันบ้างรึเปล่า? หรือเอาไว้เพื่อให้วิญญาณมีที่สิงสถิตย์
( 88 ) การใส่เสื้อสวยๆ ไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรอกนะ ที่ดีขึ้นคือบุคลิกต่างหาก
( 89 ) หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง อดีตเราลืมไม่ได้แต่เลิกคิดได้
( 90 ) ลองทำอะไรบ้าๆดูบ้างก็ดี อย่ายึดติดกับอะไรนักเลย
( 91 ) ผู้เขียนไม่ใช่คนรู้อะไรมากมาย ไม่ได้มาโชว์ว่าตัวเองอวดรู้ แต่อยากให้คุณได้รู้อะไรไว้บ้างก็ดี
( 92 ) สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆไปในชีวิต หรือ เรื่องที่คุณเห็นว่าไม่สำคัญ กลับมาดูแลตรงนั้นบ้างก็ดี
( 93 ) อย่าไว้ใจใครเกินไป ไม่ได้สอนให้ระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่ระวังไว้บ้างก็ดี
( 94 ) อย่าตามเพื่อนนัก กินเหล้ากิน เล่นไพ่เล่น เที่ยวหญิงเที่ยว
( 95 ) ยาเสพย์ติดทุกชนิด อย่าคิดจะลองเด็ดขาด
( 96 ) อย่าทำตามเพราะเพื่อนทำกันหมด ร่างกายเขากะร่างกายเราคนละร่างกายกัน แน่นอนจิตใจก็เหมือนกัน
( 97 ) ผู้ชายยังไงก็คือผู้ชาย ผู้หญิงก็คือผู้หญิง
( 98 ) บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
( 99 ) ไม่มีมิตรถาวร และ ศัตรูที่แท้จริง
( 100 ) จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเราเอง คนที่เรารัก และคนที่อยู่รอบกายเรา
รู้ใจจากสถานที่นัดเดท
นัดที่ห้างสรรพสินค้า
สำหรับคนที่เวลานัดหวานใจ ก็เอาแต่นัดเจอกันที่ห้างทุกที เป็นคนที่มีความขัดแย้งในใจลึกๆ คือไม่ชอบให้ใครรู้จักตัวเอง จะเก็บตัวโดดเดี่ยวและค่อนข้างจะเข้าใจยากอยู่สักหน่อย
นัดที่ร้านอาหาร
ส่วนคนที่ชอบนัดเจอตามร้านอาหาร ไม่ว่าจะร้านไอศกรีม หรือร้านกาแฟก็ตาม เป็นคนที่มีบุคลิกสบายๆ เป็นคนอารมณ์ดี ชอบทำให้คนใกล้ตัวหัวเราะ..รักความสบาย แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนขี้เกียจหรอกนะ เป็นคนที่มีความรักอย่างมากมาย...ค่อนข้างที่จะเจ้าชู้อยู่นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้จริงจังแต่อย่างใด แต่เพื่อให้อารมณ์จิตใจมีชีวิตชีวาเท่านั้นเอง
นัดที่โรงหนัง
ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนที่เข้าใจยาก อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย ขึ้นๆ ลงๆ ไม่ค่อยคงที่นัก บางครั้งก็ดูลึกลับซับซ้อนเกินเข้าใจ แต่ก็เป็นคนที่จิตใจอ่อนไหว หลงใหลอะไรได้ง่ายๆ และขี้สงสาร ส่วนด้านลบนั้นมักจะเป็นคนที่ชอบจะหลอกใช้คนอื่น
นัดที่สถานที่ท่องเที่ยว
ชอบนัดเจอตามสถานที่ท่องเที่ยวหรือจำพวกสวนสนุก..สวนหย่อม..สวนสาธารณะทั้งหลายนั้น โดยทั่วไปแล้วมักเป็นคนที่เปิดเผย จริงใจ ชอบความสนุกสนานและมักจะชอบแสวงหาความเพลิดเพลินอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังรู้จักความต้องการของตัวเองเป็นอย่างดี ประเภทที่ว่ารู้สึกสับสนกับชีวิตนั้นไม่ใช่แม้แต่น้อย
นัดไปที่เเปลกๆ
ชอบนัดไปยังสถานที่แปลกๆ ที่คนทั่วไปไม่ค่อยนัดเจอนั้น มักเป็นคนที่ไม่มีกฏเกณฑ์ใดๆ ในชีวิต ไม่แคร์คำพูดหรือความคิดของใครอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านดีหรือด้านร้าย นอกจากนี้ชอบการผจญภัยที่ตื่นเต้นอันตราย มีความท้าทายมากๆ และไม่ค่อยเเสดงอารมณ์ออกมาให้ใครเห็นนัก แม้ว่าแท้จริงแล้วอารมณ์อ่อนไหวมากแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีความเป็นมิตร เป็นกันเองและจะคบหาได้ง่าย
นัดที่ทำงาน-โรงเรียน
ชอบนัดเจอที่ทำงานหรือว่าหน้าโรงเรียนล่ะก็ บอกได้เลยว่าคนๆ นั้นเป็นคนที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องกฏระเบียบมากๆ จะมีความสุขอยู่ในกรอบประเพณีดั้งเดิม ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่สามารถจัดการรับผิดชอบการงานได้ดี โดยเฉพาะงานที่ต้องการความละเอียดมากๆ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ตั้งใจสูงอีกต่างหาก
นัดที่บ้าน
ชอบนัดเจอที่บ้านของตนเอง เป็นคนที่มีความเป็นผู้นำอยู่ในตัว เป็นคนใจกว้างและชอบการเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ เป็นคนที่ชอบพึ่งพาตัวเองมากกว่าหวังพึ่งผู้ใหญ่ แถมยังเป็นคนที่ติดจะหยิ่งๆ อยู่สักหน่อย ไม่ชอบให้ใครมาเยาะเย้ยด้วยประการใดๆ ทั้งปวง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนใจดีชอบบริการคนอื่น แต่ก็เพราะต้องการความชื่นชมนิยมยกย่องตอบแทนกลับมา
สำหรับคนที่เวลานัดหวานใจ ก็เอาแต่นัดเจอกันที่ห้างทุกที เป็นคนที่มีความขัดแย้งในใจลึกๆ คือไม่ชอบให้ใครรู้จักตัวเอง จะเก็บตัวโดดเดี่ยวและค่อนข้างจะเข้าใจยากอยู่สักหน่อย
นัดที่ร้านอาหาร
ส่วนคนที่ชอบนัดเจอตามร้านอาหาร ไม่ว่าจะร้านไอศกรีม หรือร้านกาแฟก็ตาม เป็นคนที่มีบุคลิกสบายๆ เป็นคนอารมณ์ดี ชอบทำให้คนใกล้ตัวหัวเราะ..รักความสบาย แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนขี้เกียจหรอกนะ เป็นคนที่มีความรักอย่างมากมาย...ค่อนข้างที่จะเจ้าชู้อยู่นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้จริงจังแต่อย่างใด แต่เพื่อให้อารมณ์จิตใจมีชีวิตชีวาเท่านั้นเอง
นัดที่โรงหนัง
ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนที่เข้าใจยาก อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย ขึ้นๆ ลงๆ ไม่ค่อยคงที่นัก บางครั้งก็ดูลึกลับซับซ้อนเกินเข้าใจ แต่ก็เป็นคนที่จิตใจอ่อนไหว หลงใหลอะไรได้ง่ายๆ และขี้สงสาร ส่วนด้านลบนั้นมักจะเป็นคนที่ชอบจะหลอกใช้คนอื่น
นัดที่สถานที่ท่องเที่ยว
ชอบนัดเจอตามสถานที่ท่องเที่ยวหรือจำพวกสวนสนุก..สวนหย่อม..สวนสาธารณะทั้งหลายนั้น โดยทั่วไปแล้วมักเป็นคนที่เปิดเผย จริงใจ ชอบความสนุกสนานและมักจะชอบแสวงหาความเพลิดเพลินอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังรู้จักความต้องการของตัวเองเป็นอย่างดี ประเภทที่ว่ารู้สึกสับสนกับชีวิตนั้นไม่ใช่แม้แต่น้อย
นัดไปที่เเปลกๆ
ชอบนัดไปยังสถานที่แปลกๆ ที่คนทั่วไปไม่ค่อยนัดเจอนั้น มักเป็นคนที่ไม่มีกฏเกณฑ์ใดๆ ในชีวิต ไม่แคร์คำพูดหรือความคิดของใครอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านดีหรือด้านร้าย นอกจากนี้ชอบการผจญภัยที่ตื่นเต้นอันตราย มีความท้าทายมากๆ และไม่ค่อยเเสดงอารมณ์ออกมาให้ใครเห็นนัก แม้ว่าแท้จริงแล้วอารมณ์อ่อนไหวมากแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีความเป็นมิตร เป็นกันเองและจะคบหาได้ง่าย
นัดที่ทำงาน-โรงเรียน
ชอบนัดเจอที่ทำงานหรือว่าหน้าโรงเรียนล่ะก็ บอกได้เลยว่าคนๆ นั้นเป็นคนที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องกฏระเบียบมากๆ จะมีความสุขอยู่ในกรอบประเพณีดั้งเดิม ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่สามารถจัดการรับผิดชอบการงานได้ดี โดยเฉพาะงานที่ต้องการความละเอียดมากๆ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ตั้งใจสูงอีกต่างหาก
นัดที่บ้าน
ชอบนัดเจอที่บ้านของตนเอง เป็นคนที่มีความเป็นผู้นำอยู่ในตัว เป็นคนใจกว้างและชอบการเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ เป็นคนที่ชอบพึ่งพาตัวเองมากกว่าหวังพึ่งผู้ใหญ่ แถมยังเป็นคนที่ติดจะหยิ่งๆ อยู่สักหน่อย ไม่ชอบให้ใครมาเยาะเย้ยด้วยประการใดๆ ทั้งปวง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนใจดีชอบบริการคนอื่น แต่ก็เพราะต้องการความชื่นชมนิยมยกย่องตอบแทนกลับมา
๏~* เรื่องสั้น (ขำๆ ค่ะ) *~๏
1. ชายตาบอดกับหมาคู่ใจ
มีชายตาบอดคนหนึ่งเดินไปตามถนนโดยมีสุนัขคู่ใจนำทาง พอถึงสี่แยกที่มีรถพลุกพล่าน สุนัขเจ้ากรรมกลับเดินดุ่ยๆไปในถนนที่มีรถวิ่งขวักไขว่ ชายตาบอดไม่รู้เรื่อง ก็เดินตามไป ปรากฏว่า ผู้ขับขี่รถยนต์ต้องเหยียบเบรคกันเอี๊ยดอ๊าด แถมบีบแตรกันดังสนั่นกันไปทั่วทั้งถนน จนแสบแก้วหู เดชะบุญ ที่คนตาบอดและสุนัขคู่ใจก็สามารถเดินข้ามถนนไปได้อย่างปลอดภัย หลังจากยืนสูดหายใจอยู่พักใหญ่
ชายตาบอดก็เอามือล้วงหยิบขนมปังแผ่นโตออกมาจากกระเป๋า และยื่นให้สุนัขคู่ใจ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ ก็เกิดความสงสัย จึงเดินตรงรี่เข้าไปถามชายตาบอดว่า ผู้ที่เห็นเหตุการณ์: “นี่ท่านยังจะให้รางวัลเจ้าสุนัขตัวนี้อีกรึ มันเกือบจะทำให้ท่านต้องบาดเจ็บนะ” ชายตาบอดทำท่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วตอบว่า: “ผมเพียงแต่อยากจะรู้ว่า หัวมันอยู่ตรงไหน จะได้ตบหัวมันได้ถูก” ผู้ที่เห็นเหตุการณ์: ???????
2. เคยตัว
เด็กน้อยลูกมหาเศรษฐีระดับโลก คนหนึ่งใช้ชีวิตเติบโตท่ามกลางกลุ่มบอร์ดี้การ์ด กับคำพร่ำสอนของพ่อที่ว่า ไปไหนก็ต้องมีคนอารักขา มิฉะนั้นเจ้าจะมีชะตาชีวิตดั่งเช่นเด็กรวยๆที่ถูกจับไปเรียกค่าไถ่ทั้งหลาย ว่าแล้วก็เปิด V.D.O. ให้ลูกดูทุกเช้าเย็นเกี่ยวกับการจับเด็กไปเรียกค่าไถ่ ใกล้เทศกาลคริสมาสในปีหนึ่ง เด็กรวยรายนี้ก็อยากจะได้จักรยานจากเซนตาคลอส จึงลงมือเขียน จ.ม. ถึงลุงแซนต้าทันที
มีใจความว่า “ถึงลุงแซนต้า ผมอยากได้..” เขาเขียนได้แค่นี้ ก็ฉีกจดหมายทิ้ง แล้วเขียนใหม่ว่า “ถึงไอ้หนูแซนตาคลอส ข้าอยากได้ ..” แล้วเขาก็ฉีกทิ้งอีกเพราะยังไม่ถูกใจ หลังจากที่คิดสักพัก เด็กน้อยก็เอาตุ๊กตากวางแรนเดียร์ ออกมา เอากรรไกรตัดหูข้างหนึ่งใส่ในซอง จ.ม. แล้วเขียนว่า “ถึงไอ้หนูแซนต้า ถ้าแกอยากจะเห็นกวางของแกอีกหล่ะก็..เอาจักรยานมาให้ข้าซะดีๆ” ฮ่ะๆๆๆ
3. มือถือนี้ของใคร?
วันนึงผมไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์ใกล้ที่ทำงาน ขณะที่อยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ผมหันไปมอง เห็นชายคนนึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นรับสาย และนี่คือบทสนทนาของเขา "ฮัลโหล” "หวัดดีค่ะที่รัก ยังอยู่ที่ฟิตเนสเหรอคะ” “ใช่จ้ะ” “ดีจัง ดาวก็ยังอยู่ที่เซ็นทรัลเลยค่ะ เจอเสื้อตัวนึงซ้วยสวย ดาวอยากได้จัง ขอซื้อนะคะ” “แล้วราคาเท่าไหร่ล่ะจ๊ะ” “สองหมื่นกว่าเองค่ะ” “ก็เอาสิ ถ้าคุณชอบนะ” “แล้วชั้นล่างเค้าเอาบีเอ็มรุ่นใหม่มาโชว์ สวยมากเลยค่ะ ดาวคุยกับเซลส์แล้ว เค้าบอกถ้าจองวันนี้เค้าจะให้ราคาลดพิเศษสุดเลย…” “เขาให้ราคาเท่าไหร่ล่ะ” “สี่ล้านสองเอง” “โอเค แต่บอกเขาว่าราคานี้ต้องฟูลออปชั่นนะ” “ดีใจจังเลย แต่ยังมีอีกอย่างค่ะ…” “อะไรล่ะ” “คุณอย่าหาว่าดาวยุ่งไม่เข้าท่าเลยนะคะ
เมื่อเช้าดาวขับรถผ่านบ้านที่เราเคยไปดูกันเมื่อสองเดือนที่แล้ว ตอนนี้เขากำลังมีโปรโมชั่น ลดราคาลงมาตั้งเยอะแน่ะค่ะ…” “เท่าไหร่ล่ะ” “ยี่สิบห้าล้านถ้วน แถม…” “เงินไม่ใช่น้อยเลยนะนั่น” “แหมที่รักคะ ราคาเต็มเข้าตั้งสามสิบล้านเชียวนะคะ” “ผมขอคิดดูหน่อยนะ” “ที่รักคะ วันนี้โปรโมชั่นวันสุดท้ายแล้ว และสำนักงานขายเค้าก็กำลังจะปิดแล้วด้วย ตอนนี้เซลส์เขารอให้ดาวเขียนเช็คเงินมัดจำให้อยู่น่ะค่ะ” “ก็แล้วแต่คุณละกัน” “โอเคนะคะที่รัก วันนี้คุณน่ารักจังขอบคุณค่ะ บ๊ายบาย” เขาวางโทรศัพท์ไว้บนม้านั่งเหมือนเดิมแล้วถาม
“ใครรู้บ้างครับว่าโทรศัพท์มือถือนี่ของใคร!!?”
4. โอ้…พระเจ้า
ในสมัยย้อนหลังไป 10 ปี มีชายชราคนหนึ่งไปเที่ยวที่ชายหาดชะอำ ขณะกำลังเดินเล่นเลาะไปตามชายหาด ก็มีหญิงสาวสวยในชุดบิกินนี่ นอนอาบแดดที่ชายหาด ชายชราก็เดินเข้าไปหาหญิงสาวด้วยความมั่นอดมั่นใจ แล้วก็เอ่ยปากกระซิบถามว่า "อีหนู ลุงขอจับนมหน่อยได้ไหม" ตาแก่ถามแล้วทำหน้าตากระลิ้มกระเลี่ย "ไปให้พ้นนะ ตาแก่บ้ากาม" หล่อนด่าอย่างไม่แยแส "ขอจับนมหน่อย เดี๋ยวให้เงินร้อยนึง" ตาแก่ยังไม่ลดความพยายาม " ร้อยนึง? จะบ้าหรือไง ไปให้พ้น!! " หล่อนไล่อีก พูดแล้วก็เมินหน้าหนี "ขอจับนมหน่อยเหอะน่า ให้ห้าร้อยเลยเอ้า" ตาแก่ต่อรอง อย่างมีความหวัง "ไม่ได้ไปให้พ้น" หล่อนตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรเลย "งั้นพันนึง!"ตาแก่เพิ่มวงเงิน หญิงสาวเริ่มรู้สึกลังเล แต่แล้วก็ได้สติ "บอกว่าไม่ได้ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง" "งั้นให้ห้าพันเลยเอ้า ขอจับนมแค่นิดเดี๋ยวเท่านั้น" ตาแก่ทำตาละห้อยขอร้อง หญิงสาวนึกในใจว่า เขาแก่มากแล้ว ดูท่าทางก็ไม่น่ามีพิษมีภัยอะไร
อีกอย่างเงินห้าพันนี่ ในสมัยโน้นก็ไม่ใช่น้อยๆ เลยบอกไปว่า "ก็ได้แต่ให้จับแค่แป๊บเดียวนะลุง" ว่าแล้วหล่อนปลดสายบิกินนี่ท่อนบนออก แล้วตาแก่ก็สอดมือเข้าไปถูนวด ลูบคลำเต้านมของหญิงสาว ลูบพลางก็รำพึงว่า "โอ พระเจ้า ! โอ พระเจ้า! โอ พระเจ้า!" ไม่ขาดปาก ด้วยความสงสัย หญิงสาวเลยถามว่า "ทำไมลุงต้องพูดว่า โอ พระเจ้า ! โอพระเจ้า! โอ พระเจ้า! ด้วยล่ะลุง" ตาแก่พึมพำตอบขณะที่มือยังลูบคลำบีบนวดเต้านมของหญิงสาว!โอ พระเจ้า โอพระเจ้า! โอ พระเจ้า ชาตินี้ลูกจะไปหาเงินห้าพันได้จากที่ไหน" ฮิๆๆๆๆ
มีชายตาบอดคนหนึ่งเดินไปตามถนนโดยมีสุนัขคู่ใจนำทาง พอถึงสี่แยกที่มีรถพลุกพล่าน สุนัขเจ้ากรรมกลับเดินดุ่ยๆไปในถนนที่มีรถวิ่งขวักไขว่ ชายตาบอดไม่รู้เรื่อง ก็เดินตามไป ปรากฏว่า ผู้ขับขี่รถยนต์ต้องเหยียบเบรคกันเอี๊ยดอ๊าด แถมบีบแตรกันดังสนั่นกันไปทั่วทั้งถนน จนแสบแก้วหู เดชะบุญ ที่คนตาบอดและสุนัขคู่ใจก็สามารถเดินข้ามถนนไปได้อย่างปลอดภัย หลังจากยืนสูดหายใจอยู่พักใหญ่
ชายตาบอดก็เอามือล้วงหยิบขนมปังแผ่นโตออกมาจากกระเป๋า และยื่นให้สุนัขคู่ใจ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ ก็เกิดความสงสัย จึงเดินตรงรี่เข้าไปถามชายตาบอดว่า ผู้ที่เห็นเหตุการณ์: “นี่ท่านยังจะให้รางวัลเจ้าสุนัขตัวนี้อีกรึ มันเกือบจะทำให้ท่านต้องบาดเจ็บนะ” ชายตาบอดทำท่าเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วตอบว่า: “ผมเพียงแต่อยากจะรู้ว่า หัวมันอยู่ตรงไหน จะได้ตบหัวมันได้ถูก” ผู้ที่เห็นเหตุการณ์: ???????
2. เคยตัว
เด็กน้อยลูกมหาเศรษฐีระดับโลก คนหนึ่งใช้ชีวิตเติบโตท่ามกลางกลุ่มบอร์ดี้การ์ด กับคำพร่ำสอนของพ่อที่ว่า ไปไหนก็ต้องมีคนอารักขา มิฉะนั้นเจ้าจะมีชะตาชีวิตดั่งเช่นเด็กรวยๆที่ถูกจับไปเรียกค่าไถ่ทั้งหลาย ว่าแล้วก็เปิด V.D.O. ให้ลูกดูทุกเช้าเย็นเกี่ยวกับการจับเด็กไปเรียกค่าไถ่ ใกล้เทศกาลคริสมาสในปีหนึ่ง เด็กรวยรายนี้ก็อยากจะได้จักรยานจากเซนตาคลอส จึงลงมือเขียน จ.ม. ถึงลุงแซนต้าทันที
มีใจความว่า “ถึงลุงแซนต้า ผมอยากได้..” เขาเขียนได้แค่นี้ ก็ฉีกจดหมายทิ้ง แล้วเขียนใหม่ว่า “ถึงไอ้หนูแซนตาคลอส ข้าอยากได้ ..” แล้วเขาก็ฉีกทิ้งอีกเพราะยังไม่ถูกใจ หลังจากที่คิดสักพัก เด็กน้อยก็เอาตุ๊กตากวางแรนเดียร์ ออกมา เอากรรไกรตัดหูข้างหนึ่งใส่ในซอง จ.ม. แล้วเขียนว่า “ถึงไอ้หนูแซนต้า ถ้าแกอยากจะเห็นกวางของแกอีกหล่ะก็..เอาจักรยานมาให้ข้าซะดีๆ” ฮ่ะๆๆๆ
3. มือถือนี้ของใคร?
วันนึงผมไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์ใกล้ที่ทำงาน ขณะที่อยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ผมหันไปมอง เห็นชายคนนึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นรับสาย และนี่คือบทสนทนาของเขา "ฮัลโหล” "หวัดดีค่ะที่รัก ยังอยู่ที่ฟิตเนสเหรอคะ” “ใช่จ้ะ” “ดีจัง ดาวก็ยังอยู่ที่เซ็นทรัลเลยค่ะ เจอเสื้อตัวนึงซ้วยสวย ดาวอยากได้จัง ขอซื้อนะคะ” “แล้วราคาเท่าไหร่ล่ะจ๊ะ” “สองหมื่นกว่าเองค่ะ” “ก็เอาสิ ถ้าคุณชอบนะ” “แล้วชั้นล่างเค้าเอาบีเอ็มรุ่นใหม่มาโชว์ สวยมากเลยค่ะ ดาวคุยกับเซลส์แล้ว เค้าบอกถ้าจองวันนี้เค้าจะให้ราคาลดพิเศษสุดเลย…” “เขาให้ราคาเท่าไหร่ล่ะ” “สี่ล้านสองเอง” “โอเค แต่บอกเขาว่าราคานี้ต้องฟูลออปชั่นนะ” “ดีใจจังเลย แต่ยังมีอีกอย่างค่ะ…” “อะไรล่ะ” “คุณอย่าหาว่าดาวยุ่งไม่เข้าท่าเลยนะคะ
เมื่อเช้าดาวขับรถผ่านบ้านที่เราเคยไปดูกันเมื่อสองเดือนที่แล้ว ตอนนี้เขากำลังมีโปรโมชั่น ลดราคาลงมาตั้งเยอะแน่ะค่ะ…” “เท่าไหร่ล่ะ” “ยี่สิบห้าล้านถ้วน แถม…” “เงินไม่ใช่น้อยเลยนะนั่น” “แหมที่รักคะ ราคาเต็มเข้าตั้งสามสิบล้านเชียวนะคะ” “ผมขอคิดดูหน่อยนะ” “ที่รักคะ วันนี้โปรโมชั่นวันสุดท้ายแล้ว และสำนักงานขายเค้าก็กำลังจะปิดแล้วด้วย ตอนนี้เซลส์เขารอให้ดาวเขียนเช็คเงินมัดจำให้อยู่น่ะค่ะ” “ก็แล้วแต่คุณละกัน” “โอเคนะคะที่รัก วันนี้คุณน่ารักจังขอบคุณค่ะ บ๊ายบาย” เขาวางโทรศัพท์ไว้บนม้านั่งเหมือนเดิมแล้วถาม
“ใครรู้บ้างครับว่าโทรศัพท์มือถือนี่ของใคร!!?”
4. โอ้…พระเจ้า
ในสมัยย้อนหลังไป 10 ปี มีชายชราคนหนึ่งไปเที่ยวที่ชายหาดชะอำ ขณะกำลังเดินเล่นเลาะไปตามชายหาด ก็มีหญิงสาวสวยในชุดบิกินนี่ นอนอาบแดดที่ชายหาด ชายชราก็เดินเข้าไปหาหญิงสาวด้วยความมั่นอดมั่นใจ แล้วก็เอ่ยปากกระซิบถามว่า "อีหนู ลุงขอจับนมหน่อยได้ไหม" ตาแก่ถามแล้วทำหน้าตากระลิ้มกระเลี่ย "ไปให้พ้นนะ ตาแก่บ้ากาม" หล่อนด่าอย่างไม่แยแส "ขอจับนมหน่อย เดี๋ยวให้เงินร้อยนึง" ตาแก่ยังไม่ลดความพยายาม " ร้อยนึง? จะบ้าหรือไง ไปให้พ้น!! " หล่อนไล่อีก พูดแล้วก็เมินหน้าหนี "ขอจับนมหน่อยเหอะน่า ให้ห้าร้อยเลยเอ้า" ตาแก่ต่อรอง อย่างมีความหวัง "ไม่ได้ไปให้พ้น" หล่อนตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรเลย "งั้นพันนึง!"ตาแก่เพิ่มวงเงิน หญิงสาวเริ่มรู้สึกลังเล แต่แล้วก็ได้สติ "บอกว่าไม่ได้ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง" "งั้นให้ห้าพันเลยเอ้า ขอจับนมแค่นิดเดี๋ยวเท่านั้น" ตาแก่ทำตาละห้อยขอร้อง หญิงสาวนึกในใจว่า เขาแก่มากแล้ว ดูท่าทางก็ไม่น่ามีพิษมีภัยอะไร
อีกอย่างเงินห้าพันนี่ ในสมัยโน้นก็ไม่ใช่น้อยๆ เลยบอกไปว่า "ก็ได้แต่ให้จับแค่แป๊บเดียวนะลุง" ว่าแล้วหล่อนปลดสายบิกินนี่ท่อนบนออก แล้วตาแก่ก็สอดมือเข้าไปถูนวด ลูบคลำเต้านมของหญิงสาว ลูบพลางก็รำพึงว่า "โอ พระเจ้า ! โอ พระเจ้า! โอ พระเจ้า!" ไม่ขาดปาก ด้วยความสงสัย หญิงสาวเลยถามว่า "ทำไมลุงต้องพูดว่า โอ พระเจ้า ! โอพระเจ้า! โอ พระเจ้า! ด้วยล่ะลุง" ตาแก่พึมพำตอบขณะที่มือยังลูบคลำบีบนวดเต้านมของหญิงสาว!โอ พระเจ้า โอพระเจ้า! โอ พระเจ้า ชาตินี้ลูกจะไปหาเงินห้าพันได้จากที่ไหน" ฮิๆๆๆๆ
ไวรัสตับอักเสบเอ Hepatitis A
ในอดีตอุบัติการของตับอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ ในเด็กอายุระหว่าง 5- 14 ปี ค่อนข้างสูง ในประเทศที่กำลังพัฒนาเช่นประเทศไทย เด็กส่วนใหญ่ที่ได้รับเชื้อจะมีอาการไม่รุนแรงหรือไม่แสดง หรือไม่แสดงอาการ แต่ก็สร้างภูมิคุ้มกันโรคทำให้ผู้ใหญ่ส่วนมากมีภูมิต้านทานต่อเชื้อนี้
ในปัจจุบัน อุบัติการของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ กำลังลดลงทั้งนี้เนื่องจากอนามัยส่วนบุคคลดีขึ้น ทำให้เด็กติดเชื้อไวรัสนี้น้อยลงเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จึงไม่มีภูมิต้านทาน ผู้ใหญที่ ได้รับเชื้อจะมีอาการตับอักเสบรุนแรงกว่าเด็ก
อาการของโรคตับอักเสบ เอ จะเริ่มมีอาการ 15-50 วัน หลังจากได้รับเชื้อ
อาการ
ของโรคตับอักเสบจะคล้ายคลึงกันไม่ว่าจะเกิดจากไวรัสชนิดเอ หรือ บี โดยในระยะ3-7 วันแรกจะมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน เจ็บท ี่ใต้ชายโครงขวา ต่อจากนั้นอาจมีอุจจาระสีเหลือง ซีดลง ไข้เริ่มลดลง ผู้ป่วยหยุดอาเจียนและเริ่มไม่อยากกินอาหารในขณะเดียวกับที่สังเกตว่ามีตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน) เกิดขึ้น อาการดีซ่านนี้จะเป็นราว 1-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติในเวลาไม่เกิน 4-8 สัปดาห์ มีบางรายที่อาจมีดีซ่านร่วมกับอุจจาระสีเหลืองซีดนานเกิน 2 เดือน แต่ที่สุดก็จะหายเป็นปกติไม่มีผู้ใดกลายเป็นโรคตับอักเสบหรือตับแข็ง (ยังไม่มีการรักษาเฉพาะและไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ)
การรักษา
ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาประคับประคอง โดยให้นอนพักมากๆห้ามเล่นซน ในช่วงที่มีอาการตาเหลือง ควรให้หยุดเรียนอย่างน้อย 2 สัปดาห์นับตั้งแต่เริ่มมีอาการ ให้ไปโรงเรียนได้เมื่อหายมีอาการอ่อนเพลีย ตาเหลือง ลดลงและปัสสาวะใสขึ้น แต่ ยังห้ามเล่นพละ จนกว่าแพทย์อนุญาต ในเรื่องอาหารถ้ายังมีอาการคลื่นไส้เบื่ออาหาร ให้อาหาร จำพวกแป้ง และน้ำตาลเช่น น้ำหวาน เมื่อเริ่มกินได้ให้กินอาหารตามปกติ ถ้ากินอาหารไขมัน แล้วท้องอืด หรือปวดท้องให้งดไว้ก่อน ถ้ากินอาหารไม่ได้เลย ให้พบแพทย์ นอกจากนี้ให้เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้แม้ว่าจะพบไม่บ่อยนักคือ ภาวะตับวาย
ซึ่งเกิดจากการที่เซลตับถูกทำลายหมดโดยถ้ามีอาการผิดปกติเช่น เอะอะโวยวาย หรือซึมลง มีไข้กลับขึ้นมาอีก ตาเหลืองขึ้นเรื่อยๆ หรือมีเลือดออกผิดปกต ิให้รีบกลับไปพบแพทย์ทันทีเนื่องจากเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ ติดต่อกันทางเดินอาหารและน้ำผู้ป่วยที่เป็นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ จะขับถ่ายเชื้อนี้ ออกมากับอุจจาระเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะมีอาการดีซ่าน ให้เห็น ชัดเจนดังนั้นถ้าไม่รักษาอนามัยส่วนบุคคลให้ดี หรือขับถ่ายไม่เป็นที่ก็จะเกิดอาการแพร่ระบาดได้ง่าย
วิธีป้องกัน
คือ การให้วัคซีนซึ่งควรฉีดในวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ สำหรับเด็กการฉีดวัคซีนควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์
ในปัจจุบัน อุบัติการของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ กำลังลดลงทั้งนี้เนื่องจากอนามัยส่วนบุคคลดีขึ้น ทำให้เด็กติดเชื้อไวรัสนี้น้อยลงเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จึงไม่มีภูมิต้านทาน ผู้ใหญที่ ได้รับเชื้อจะมีอาการตับอักเสบรุนแรงกว่าเด็ก
อาการของโรคตับอักเสบ เอ จะเริ่มมีอาการ 15-50 วัน หลังจากได้รับเชื้อ
อาการ
ของโรคตับอักเสบจะคล้ายคลึงกันไม่ว่าจะเกิดจากไวรัสชนิดเอ หรือ บี โดยในระยะ3-7 วันแรกจะมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน เจ็บท ี่ใต้ชายโครงขวา ต่อจากนั้นอาจมีอุจจาระสีเหลือง ซีดลง ไข้เริ่มลดลง ผู้ป่วยหยุดอาเจียนและเริ่มไม่อยากกินอาหารในขณะเดียวกับที่สังเกตว่ามีตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน) เกิดขึ้น อาการดีซ่านนี้จะเป็นราว 1-4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติในเวลาไม่เกิน 4-8 สัปดาห์ มีบางรายที่อาจมีดีซ่านร่วมกับอุจจาระสีเหลืองซีดนานเกิน 2 เดือน แต่ที่สุดก็จะหายเป็นปกติไม่มีผู้ใดกลายเป็นโรคตับอักเสบหรือตับแข็ง (ยังไม่มีการรักษาเฉพาะและไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ)
การรักษา
ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาประคับประคอง โดยให้นอนพักมากๆห้ามเล่นซน ในช่วงที่มีอาการตาเหลือง ควรให้หยุดเรียนอย่างน้อย 2 สัปดาห์นับตั้งแต่เริ่มมีอาการ ให้ไปโรงเรียนได้เมื่อหายมีอาการอ่อนเพลีย ตาเหลือง ลดลงและปัสสาวะใสขึ้น แต่ ยังห้ามเล่นพละ จนกว่าแพทย์อนุญาต ในเรื่องอาหารถ้ายังมีอาการคลื่นไส้เบื่ออาหาร ให้อาหาร จำพวกแป้ง และน้ำตาลเช่น น้ำหวาน เมื่อเริ่มกินได้ให้กินอาหารตามปกติ ถ้ากินอาหารไขมัน แล้วท้องอืด หรือปวดท้องให้งดไว้ก่อน ถ้ากินอาหารไม่ได้เลย ให้พบแพทย์ นอกจากนี้ให้เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้แม้ว่าจะพบไม่บ่อยนักคือ ภาวะตับวาย
ซึ่งเกิดจากการที่เซลตับถูกทำลายหมดโดยถ้ามีอาการผิดปกติเช่น เอะอะโวยวาย หรือซึมลง มีไข้กลับขึ้นมาอีก ตาเหลืองขึ้นเรื่อยๆ หรือมีเลือดออกผิดปกต ิให้รีบกลับไปพบแพทย์ทันทีเนื่องจากเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ ติดต่อกันทางเดินอาหารและน้ำผู้ป่วยที่เป็นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ จะขับถ่ายเชื้อนี้ ออกมากับอุจจาระเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะมีอาการดีซ่าน ให้เห็น ชัดเจนดังนั้นถ้าไม่รักษาอนามัยส่วนบุคคลให้ดี หรือขับถ่ายไม่เป็นที่ก็จะเกิดอาการแพร่ระบาดได้ง่าย
วิธีป้องกัน
คือ การให้วัคซีนซึ่งควรฉีดในวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ สำหรับเด็กการฉีดวัคซีนควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์
ไวรัสตับอักเสบบี Hepatitis B
โรคตับอักเสบเกิดได้จากเชื้อไวรัสหลายชนิด ที่พบบ่อยคือไวรัสเอ (HAV) และไวรัสบี (HBV) ซึ่งทั้งสองชนิดนี้ทำให้เกิดอาการคล้ายคลึงกัน แต่ระบาดวิทยาของโรคต่างกัน โรคตับอักเสบบีมีความรุนแรงมากกว่าโรคตับอักเสบเอ และมีโอกาสที่จะเป็นเรื้อรังและเชื้อ HBV จะนำไปสู่มะเร็งตับได้ ปัจจุบันมีวัคซีนที่ป้องกันโรคได้
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัส Hepatitis B Virus (HBV) ซึ่งเป็น DNA ไวรัส จัดอยู่ในกลุ่ม Hepadnavirus มีส่วนของไวรัสที่สำคัญ ซึ่งเป็น antigen ที่มี markers ที่สำคัญของโรค คือ Hepatitis B surface antigen (HBsAg), Hepatitis B core antigen (HBcAg) และ Hepatitis e antigen (HBeAg) ซึ่งจะมีอยู่ในเลือดและน้ำคัดหลั่ง (secretion) ต่าง ๆ ของร่างกายระ
บาดวิทยา
เชื้อ HBV ติดต่อกันได้ทางเลือดและน้ำคัดหลั่งต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น น้ำลาย เสมหะ น้ำนม น้ำอสุจิ โดยเลือดจะเป็นแหล่งสำคัญที่มีเชื้ออยู่เป็นจำนวนมากที่สุด และในน้ำลายมีน้อยที่สุด ผู้ที่มีเชื้อ HBV อยู่ในร่างกายเกิน 6 เดือน ถือเป็นพาหะของโรค (carrier) ซึ่งมีความสำคัญในการแพร่กระจายเชื้อไปให้ผู้อื่น ทางติดต่อที่สำคัญคือการได้รับเลือดหรือส่วนประกอบของเลือดที่มี HBV การใช้เข็มหรือหลอดฉีดยาร่วมกัน การสัมผัสกับเลือด หรือน้ำคัดหลั่งต่าง ๆ ผ่านทางผิวหนัง หรือเยื่อบุต่าง ๆ และติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์ การติดต่อคล้ายกับโรคเอดส์ ผู้ที่มีการติดเชื้อ HBV เรื้อรังจะตายจากโรคตับเรื้อรัง หรือเป็นมะเร็งที่ตับ
การติดเชื้อในวัยทารกและวัยเด็กมีโอกาสที่จะเป็น carrier สูงกว่าวัยผู้ใหญ่ และนำไปสู่การเสียชีวิตด้วยโรคตับได้สูงกว่าแม่ที่เป็น carrier จะถ่ายทอดเชื้อไปยังลูกได้ มีรายงานว่าประมาณร้อยละ 70-90 ของทารกที่แม่มี HBsAg จะมีอาการติดเชื้อแบบเรื้อรัง ถ้าไม่ติดเชื้อในช่วง perinatal หลังคลอดจนถึงอายุ 5 ปี เด็กที่มีแม่เป็น HBsAg carrier ก็มีโอกาสติดเชื้อ HBV ได้สูงกว่าเด็กที่แม่ไม่มี HBsAg
โดยสรุปผู้ที่เป็นพาหะของโรค (มี HBsAg) สามารถแพร่เชื้อได้ทาง
1) ทางเลือด การได้รับเลือดหรือส่วนประกอบของเลือดที่มี HBsAg อยู่
2) การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การใช้ของมีคมเช่นมีดโกน กรรไกรตัดเล็บร่วมกัน ซึ่งอาจมีเลือดติดผ่านเข้าตามรอยฉีกขาดของผิวหนัง
3) ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีการฉีกขาดของเยื่อบุ เชื้อที่อยู่ในเลือด ในน้ำอสุจิในช่องคลอด ผ่านจากผู้เป็นพาหะไปยังผู้สัมผัสโรค ด้วยวิธีนี้สามีที่ติดเชื้อก็จะถ่ายทอดเชื้อไปยังภรรยาได้
4) แม่ที่เป็นพาหะแพร่เชื้อให้ลูกที่เกิดใหม่โดยเชื้อผ่านไปยังลูกในขณะใกล้จะคลอด ขณะคลอด โดยเชื้อที่อยู่ในเลือด ในน้ำเมือก ในช่องคลอด และในน้ำคร่ำ ผ่านเข้าทางผิวหนัง และเยื่อบุของลูกที่อาจมีการถลอกหรือฉีกขาด
5) ทางน้ำลายถึงแม้จะมีเชื้ออยู่น้อย แต่ถ้าได้รับซ้ำๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจเป็นทาง นำเชื้อไปสู่ผู้สัมผัสโรคได้ เช่น การใช้แปรงสีฟัน ใช้เครื่องใช้ในการรับประทานอาหาร เช่น ช้อน หลอดดูดน้ำ แก้วน้ำร่วมกัน หรือการที่แม่เคี้ยวอาหารก่อนแล้วป้อนลูกก็อาจเป็นทางถ่ายทอดเชื้อได้ทางหนึ่ง
6) ทางน้ำนม ในแม่ที่ติดเชื้อ HBV เชื้อจะผ่านทางน้ำนมไปยังลูกได้ ในประเทศที่มีอุบัติการณ์ของการติดเชื้อ HBV ต่ำมาก เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา (อุบัติการณ์ร้อยละ 0.1) จะไม่แนะนำให้แม่ที่เป็นพาหะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ในประเทศด้อยพัฒนา และหรือประเทศที่มีอุบัติการณ์ของการติดเชื้อสูงองค์การอนามัยโลกแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ เพราะอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อยกว่าปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากโรคอุจจาระร่วง โรคติดเชื้ออื่นๆ และภาวะทุพโภชนาการ ถ้าเด็กไม่ได้กินนมแม่
อาการและอาการแสดง
ระยะฟักตัวของโรค 50-150 วัน เฉลี่ย 120 วัน ส่วนใหญ่ของผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการ แต่อาจจะเป็นพาหะได้โดยเฉพาะในเด็กทารก การติดเชื้อในวัยทารกและเด็กเล็กโอกาสเป็นพาหะจะสูงกว่าในผู้ใหญ่อาการของผู้ป่วยตับอักเสบบีจะเริ่มด้วยมีไข้ต่ำๆ มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร เริ่มด้วยเบื่ออาหาร อาเจียน ปวดท้อง อาจปวดทั่วไปหรือปวดบริเวณชายโครงขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่คลำพบว่าตับโต กดเจ็บ จะสังเกตว่าปัสสาวะมีสีเข้มขึ้นเป็นสีชาแก่ เริ่มมีอาการตาเหลืองตัวเหลืองในปลายสัปดาห์แรก ซึ่งเมื่อถึงระยะนี้ไข้จะลดลง อาการทั่วไปจะดีขึ้น ในเด็กส่วนใหญ่ อาการของโรคตับอักเสบจะไม่รุนแรงมากเท่าในผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติภายใน 2-4 สัปดาห์ มีส่วนน้อยที่กลายเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง และบางรายที่รุนแรงมากจะมีภาวะตับวาย ซึ่งทำให้ถึงเสียชีวิต
การวินิจฉัย
จากอาการดังกล่าวร่วมกับการตรวจพบการทำหน้าที่ของตับผิดปกติโดยการตรวจเอนซัยม์ จะบอกได้ว่าเป็นโรคตับอักเสบ แต่จะบอกได้แน่นอนว่าเป็นตับอักเสบจากเชื้อ HBV ได้โดยการตรวจพบ HBsAg และตรวจพบ antibody ต่อ antigen ต่างๆ
การรักษา
ไม่มียาเฉพาะ การรักษาเป็นการให้การรักษาตามอาการและแบบประคับประคองให้อาหารที่มีคุณค่าการแยกผู้ป่วยเนื่องจากติดต่อกันทางเลือดและน้ำคัดหลั่งต่างๆ จึงจะต้องป้องกันแบบ universal precaution (เช่นเดียวกับโรคเอดส์) และในช่วงที่ไม่ทราบว่าเป็นชนิดใดแน่ จะต้องแยกแบบ enteric precaution เพราะเชื้อตับอักเสบชนิดเอ และ อี (hepatitis E virus) ติดต่อกันทาง fecal oral route
การป้องกัน
1) หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือการให้เลือดหรือส่วนประกอบต่างๆ ของเลือดโดยไม่จำเป็น
2) ไม่ใช้ของมีคม เข็มฉีดยาและหลอดฉีดยาร่วมกัน
3) ไม่ใช้ภาชนะในการดื่มน้ำ รับประทานอาหาร ร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพาหะ
4) คู่สามีภรรยา ถ้ามีผู้ใดเป็นพาหะ อีกฝ่ายหนึ่งควรได้รับวัคซีนป้องกัน
5) ให้วัคซีนป้องกันตับอักเสบบี (HB) แก่เด็กแรกเกิดทุกคนโดยให้เข็มที่ 1 ภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด เข็มที่ 2 เมื่ออายุ 2 เดือน และเข็มที่ 3 เมื่ออายุ 6 เดือน เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่จะผ่านมาจากแม่และการติดเชื้อในระยะต่อไป ในรายที่แม่มี HBeAg อาจพิจารณาให้ Hepatitis B immune globulin (HBIG) ร่วมด้วย
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัส Hepatitis B Virus (HBV) ซึ่งเป็น DNA ไวรัส จัดอยู่ในกลุ่ม Hepadnavirus มีส่วนของไวรัสที่สำคัญ ซึ่งเป็น antigen ที่มี markers ที่สำคัญของโรค คือ Hepatitis B surface antigen (HBsAg), Hepatitis B core antigen (HBcAg) และ Hepatitis e antigen (HBeAg) ซึ่งจะมีอยู่ในเลือดและน้ำคัดหลั่ง (secretion) ต่าง ๆ ของร่างกายระ
บาดวิทยา
เชื้อ HBV ติดต่อกันได้ทางเลือดและน้ำคัดหลั่งต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น น้ำลาย เสมหะ น้ำนม น้ำอสุจิ โดยเลือดจะเป็นแหล่งสำคัญที่มีเชื้ออยู่เป็นจำนวนมากที่สุด และในน้ำลายมีน้อยที่สุด ผู้ที่มีเชื้อ HBV อยู่ในร่างกายเกิน 6 เดือน ถือเป็นพาหะของโรค (carrier) ซึ่งมีความสำคัญในการแพร่กระจายเชื้อไปให้ผู้อื่น ทางติดต่อที่สำคัญคือการได้รับเลือดหรือส่วนประกอบของเลือดที่มี HBV การใช้เข็มหรือหลอดฉีดยาร่วมกัน การสัมผัสกับเลือด หรือน้ำคัดหลั่งต่าง ๆ ผ่านทางผิวหนัง หรือเยื่อบุต่าง ๆ และติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์ การติดต่อคล้ายกับโรคเอดส์ ผู้ที่มีการติดเชื้อ HBV เรื้อรังจะตายจากโรคตับเรื้อรัง หรือเป็นมะเร็งที่ตับ
การติดเชื้อในวัยทารกและวัยเด็กมีโอกาสที่จะเป็น carrier สูงกว่าวัยผู้ใหญ่ และนำไปสู่การเสียชีวิตด้วยโรคตับได้สูงกว่าแม่ที่เป็น carrier จะถ่ายทอดเชื้อไปยังลูกได้ มีรายงานว่าประมาณร้อยละ 70-90 ของทารกที่แม่มี HBsAg จะมีอาการติดเชื้อแบบเรื้อรัง ถ้าไม่ติดเชื้อในช่วง perinatal หลังคลอดจนถึงอายุ 5 ปี เด็กที่มีแม่เป็น HBsAg carrier ก็มีโอกาสติดเชื้อ HBV ได้สูงกว่าเด็กที่แม่ไม่มี HBsAg
โดยสรุปผู้ที่เป็นพาหะของโรค (มี HBsAg) สามารถแพร่เชื้อได้ทาง
1) ทางเลือด การได้รับเลือดหรือส่วนประกอบของเลือดที่มี HBsAg อยู่
2) การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การใช้ของมีคมเช่นมีดโกน กรรไกรตัดเล็บร่วมกัน ซึ่งอาจมีเลือดติดผ่านเข้าตามรอยฉีกขาดของผิวหนัง
3) ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีการฉีกขาดของเยื่อบุ เชื้อที่อยู่ในเลือด ในน้ำอสุจิในช่องคลอด ผ่านจากผู้เป็นพาหะไปยังผู้สัมผัสโรค ด้วยวิธีนี้สามีที่ติดเชื้อก็จะถ่ายทอดเชื้อไปยังภรรยาได้
4) แม่ที่เป็นพาหะแพร่เชื้อให้ลูกที่เกิดใหม่โดยเชื้อผ่านไปยังลูกในขณะใกล้จะคลอด ขณะคลอด โดยเชื้อที่อยู่ในเลือด ในน้ำเมือก ในช่องคลอด และในน้ำคร่ำ ผ่านเข้าทางผิวหนัง และเยื่อบุของลูกที่อาจมีการถลอกหรือฉีกขาด
5) ทางน้ำลายถึงแม้จะมีเชื้ออยู่น้อย แต่ถ้าได้รับซ้ำๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจเป็นทาง นำเชื้อไปสู่ผู้สัมผัสโรคได้ เช่น การใช้แปรงสีฟัน ใช้เครื่องใช้ในการรับประทานอาหาร เช่น ช้อน หลอดดูดน้ำ แก้วน้ำร่วมกัน หรือการที่แม่เคี้ยวอาหารก่อนแล้วป้อนลูกก็อาจเป็นทางถ่ายทอดเชื้อได้ทางหนึ่ง
6) ทางน้ำนม ในแม่ที่ติดเชื้อ HBV เชื้อจะผ่านทางน้ำนมไปยังลูกได้ ในประเทศที่มีอุบัติการณ์ของการติดเชื้อ HBV ต่ำมาก เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา (อุบัติการณ์ร้อยละ 0.1) จะไม่แนะนำให้แม่ที่เป็นพาหะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ในประเทศด้อยพัฒนา และหรือประเทศที่มีอุบัติการณ์ของการติดเชื้อสูงองค์การอนามัยโลกแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ เพราะอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อยกว่าปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากโรคอุจจาระร่วง โรคติดเชื้ออื่นๆ และภาวะทุพโภชนาการ ถ้าเด็กไม่ได้กินนมแม่
อาการและอาการแสดง
ระยะฟักตัวของโรค 50-150 วัน เฉลี่ย 120 วัน ส่วนใหญ่ของผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการ แต่อาจจะเป็นพาหะได้โดยเฉพาะในเด็กทารก การติดเชื้อในวัยทารกและเด็กเล็กโอกาสเป็นพาหะจะสูงกว่าในผู้ใหญ่อาการของผู้ป่วยตับอักเสบบีจะเริ่มด้วยมีไข้ต่ำๆ มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร เริ่มด้วยเบื่ออาหาร อาเจียน ปวดท้อง อาจปวดทั่วไปหรือปวดบริเวณชายโครงขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่คลำพบว่าตับโต กดเจ็บ จะสังเกตว่าปัสสาวะมีสีเข้มขึ้นเป็นสีชาแก่ เริ่มมีอาการตาเหลืองตัวเหลืองในปลายสัปดาห์แรก ซึ่งเมื่อถึงระยะนี้ไข้จะลดลง อาการทั่วไปจะดีขึ้น ในเด็กส่วนใหญ่ อาการของโรคตับอักเสบจะไม่รุนแรงมากเท่าในผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติภายใน 2-4 สัปดาห์ มีส่วนน้อยที่กลายเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง และบางรายที่รุนแรงมากจะมีภาวะตับวาย ซึ่งทำให้ถึงเสียชีวิต
การวินิจฉัย
จากอาการดังกล่าวร่วมกับการตรวจพบการทำหน้าที่ของตับผิดปกติโดยการตรวจเอนซัยม์ จะบอกได้ว่าเป็นโรคตับอักเสบ แต่จะบอกได้แน่นอนว่าเป็นตับอักเสบจากเชื้อ HBV ได้โดยการตรวจพบ HBsAg และตรวจพบ antibody ต่อ antigen ต่างๆ
การรักษา
ไม่มียาเฉพาะ การรักษาเป็นการให้การรักษาตามอาการและแบบประคับประคองให้อาหารที่มีคุณค่าการแยกผู้ป่วยเนื่องจากติดต่อกันทางเลือดและน้ำคัดหลั่งต่างๆ จึงจะต้องป้องกันแบบ universal precaution (เช่นเดียวกับโรคเอดส์) และในช่วงที่ไม่ทราบว่าเป็นชนิดใดแน่ จะต้องแยกแบบ enteric precaution เพราะเชื้อตับอักเสบชนิดเอ และ อี (hepatitis E virus) ติดต่อกันทาง fecal oral route
การป้องกัน
1) หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือการให้เลือดหรือส่วนประกอบต่างๆ ของเลือดโดยไม่จำเป็น
2) ไม่ใช้ของมีคม เข็มฉีดยาและหลอดฉีดยาร่วมกัน
3) ไม่ใช้ภาชนะในการดื่มน้ำ รับประทานอาหาร ร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นพาหะ
4) คู่สามีภรรยา ถ้ามีผู้ใดเป็นพาหะ อีกฝ่ายหนึ่งควรได้รับวัคซีนป้องกัน
5) ให้วัคซีนป้องกันตับอักเสบบี (HB) แก่เด็กแรกเกิดทุกคนโดยให้เข็มที่ 1 ภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด เข็มที่ 2 เมื่ออายุ 2 เดือน และเข็มที่ 3 เมื่ออายุ 6 เดือน เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่จะผ่านมาจากแม่และการติดเชื้อในระยะต่อไป ในรายที่แม่มี HBeAg อาจพิจารณาให้ Hepatitis B immune globulin (HBIG) ร่วมด้วย
ไวรัสตับอักเสบซี Hepatitis C
ไวรัสตับอักเสบชนิดซี เป็นสาเหตุสำคัญของโรคตับอักเสบ เกิดขึ้นภายหลังการได้รับเลือดหรือผลิตภัณฑ์จากเลือด การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี พบในประชากรทั่วไปประมาณร้อยละ 2 ของคนที่มาบริจาคเลือด หลังจากเป็นตับอักเสบแล้วก็มีแนวโน้มจะเป็นตับอักเสบเรื้อรัง 20% ของผู้ป่วยตับอักเสบเรื้อรังชนิดซี จะเป็นตับแข็งภายใน 10-20 ปี บางส่วนกลายเป็นมะเร็งตับ ติดต่อได้โดยทางเลือดและน้ำเหลือง การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในกลุ่มผู้ติดยาเสพติด นอกจากนี้ อาจติดเชื้อได้ทางเพศสัมพันธ์
ระยะฟักตัวของเชื้อนี้ประมาณ 15-160 วัน หรือเฉลี่ย 2 เดือน ทำให้เกิดโรคตับอักเสบเฉียบพลัน ปัจจุบันพบว่าเชื้อไวรัสนี้ทำให้เกิดโรคตับอักเสบเรื้อรัง และเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับได้เช่นเดียวกับไวรัสตับอักเสบชนิดบี
การให้นมบุตร การจามหรือไอ อาหารหรือน้ำ การใช้ถ้วยชามร่วมกัน ไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี
สำหรับอาการของโรคตับอักเสบ โดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีไข้นำมาก่อน ร่วมกับอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย อ่อนเพลีย บางรายอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย ปวดชายโครงขวา ปวดกล้ามเนื้อและ ปวดข้อ ต่อมาจะเริ่มมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าเป็น โรคดีซ่าน นั่นเอง ถ้ามีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์
สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเรื้อรังและกลายเป็นตับแข็งจะมีอาการ ตับ ม้ามโต, ตัวเหลืองตาเหลือง, กล้ามเนื้อลีบ, ท้องมาน, เท้าบวม
เกิดอะไรขึ้นเมื่อเราติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี
ตับอักเสบเฉียบพลัน
หลังจากไวรัสตับอักเสบ ซี เข้าสู่ร่างกายแล้วมันจะทำให้เกิด การอักเสบของตับ แต่ส่วนมากผู้ป่วยจะไม่มีอาการอะไร มีเพียงประมาณ ร้อยละ 25-30 ของผู้ป่วยจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ที่เรียกว่าดีซ่าน ดังนั้นผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าตัวเองเกิดไวรัสตับอักเสบ ซี เฉียบพลัน
ตับอักเสบเรื้อรัง
มากกว่าร้อยละ 60 ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี จะเกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งในระยะแรกผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการอะไร เมื่อมีการทำลายตับไปมากพอควร หรือภาวะที่มีการอักเสบของตับมาก ผู้ป่วยอาจมีอาการอ่อนเพลีย
เบื่ออาหาร
ตับแข็งผู้ป่วยตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสตับอักเสบ ซี นั้นตับจะมีอาการ อักเสบและถูกทำลายไปเรื่อยๆ จนในที่สุดจะกลายเป็นตับแข็ง ซึ่งถ้าเป็นมากแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการอ่อนเพลียมาก ดีซ่าน ท้องมาน และเกิดตับวายได้ในที่สุด
มะเร็งตับ
ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรังจะมีโอกาสเกิดมะเร็งตับได้มากกว่าคนปกติ และมีรายงาน ว่าถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรังอย่างถูกต้องสามารถที่จะลดโอกาสการเกิดมะเร็งตับลงได้ปัจจุบันมีวิธีตรวจสอบเสี่ยงหาเชื้อไวรัสตับอักเสบหลายวิธี ทั้งตรวจระยะเฉียบพลันและเรื้อรัง หรือแม้แต่ผู้ที่ไม่มีอาการก็สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบหรือไม่
การตรวจหาเชื้อไวรัสอักเสบ ซี
- เจาะเลือดตรวจดูการทำงานของตับเพื่อดูว่ามีการอักเสบของตับไหม และมากน้อยขนาดไหน นอกจากนี้ยังพอจะบอกว่าตับยังทำงานได้ดีขนาดไหน
- ตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันต่อไวรัสตับอักเสบ ซี หรือตรวจหาไวรัส ซี ในน้ำเหลือง หรือที่เรียกว่า "แอนติ เอช ซี วี (Anti-HCV) "โดยเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 300 - 400 บาท และรอผลประมาณ 3 - 7 วัน ในรายที่ผลเป็นบวกควรตรวจยืนยันด้วยการการตรวจไวรัสโดยตรง
- การตรวจอัลตราซาวนด์ในกรณีที่สงสัยว่าผู้ป่วยจะมีตับแข็ง หรือมะเร็งตับแล้วหรือยัง
- การเจาะเนื้อตับเพื่อช่วยยืนยันว่า ผู้ป่วยมีภาวะไวรัสตับอักเสบ ซี นอกจากนี้ยังช่วยบอกได้ว่ามีการอักเสบมากน้อยแค่ไหน มีภาวะตับแข็งแล้วหรือยัง
วิธีป้องกันตับไวรัสอักเสบ ซี
- ห้ามใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- ให้สวมถุงมือถ้าต้องสัมผัสเลือด
- ห้ามใช้มีดโกนหนวด แปรงสีฟันร่วมกัน
- ห้ามใช้อุปกรณ์ในการสักร่วมกัน
- ให้ใช้ถุงยางคุมกำเนิดถ้าหากมีเพศสัมพันธ์หลายคน
- ถ้าคุณเป็นตับอักเสบ ซีห้ามบริจาคเลือด
การปฏิบัติตัว
- โดยทั่วไปจะเป็นการรักษาตามอาการ สิ่งที่ผู้ป่วยควรทราบ คือ หลีกเลี่ยงยารับประทานที่อาจทำให้ภาวะตับอักเสบโดยทั่วไปรักษาตามอาการ
- หลีกเลี่ยงยารับประทานที่อาจนำให้ภาวะตับอักเสบรุนแรงขึ้น
- นอนพักผ่อนให้มาก เมื่อผู้ป่วยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ภูมิต้านทานโรคในร่างกายจะเพิ่มขึ้น อาการป่วยไข้ที่เป็นอยู่ก็จะดีขึ้นในไม่ช้า
ผู้ป่วยที่มีไวรัสตับอักเสบ ซี จะป้องกันการอักเสบของตับอย่างไร
- งดสุรา
- พบแพทย์ตามนัด
- ก่อนใช้ยา หรือสมุนไพรควรปรึกษาแพทย์
- ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ เอ บี
การรักษาด้วยยา
ในปัจจุบันยาที่มีการศึกษามาก และได้ผลดีที่สุดคือ อินเตอร์เฟียรอน ซึ่งต้องรักษาต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี ซึ่งประมาณร้อยละ 40-60 ของผู้ป่วยจะตอบสนองต่อการรักษา ปัจจุบันกำลังมีการศึกษายากินชื่อว่า "ไรบาไวริน" ซึ่งนำมาใช้ร่วมกับยาฉีดอินเตอร์เฟียรอน เพื่อหวังผลที่จะเพิ่มการตอบสนองต่อการรักษา
ระยะฟักตัวของเชื้อนี้ประมาณ 15-160 วัน หรือเฉลี่ย 2 เดือน ทำให้เกิดโรคตับอักเสบเฉียบพลัน ปัจจุบันพบว่าเชื้อไวรัสนี้ทำให้เกิดโรคตับอักเสบเรื้อรัง และเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับได้เช่นเดียวกับไวรัสตับอักเสบชนิดบี
การให้นมบุตร การจามหรือไอ อาหารหรือน้ำ การใช้ถ้วยชามร่วมกัน ไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี
สำหรับอาการของโรคตับอักเสบ โดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีไข้นำมาก่อน ร่วมกับอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย อ่อนเพลีย บางรายอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย ปวดชายโครงขวา ปวดกล้ามเนื้อและ ปวดข้อ ต่อมาจะเริ่มมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าเป็น โรคดีซ่าน นั่นเอง ถ้ามีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์
สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเรื้อรังและกลายเป็นตับแข็งจะมีอาการ ตับ ม้ามโต, ตัวเหลืองตาเหลือง, กล้ามเนื้อลีบ, ท้องมาน, เท้าบวม
เกิดอะไรขึ้นเมื่อเราติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี
ตับอักเสบเฉียบพลัน
หลังจากไวรัสตับอักเสบ ซี เข้าสู่ร่างกายแล้วมันจะทำให้เกิด การอักเสบของตับ แต่ส่วนมากผู้ป่วยจะไม่มีอาการอะไร มีเพียงประมาณ ร้อยละ 25-30 ของผู้ป่วยจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ที่เรียกว่าดีซ่าน ดังนั้นผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าตัวเองเกิดไวรัสตับอักเสบ ซี เฉียบพลัน
ตับอักเสบเรื้อรัง
มากกว่าร้อยละ 60 ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี จะเกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งในระยะแรกผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการอะไร เมื่อมีการทำลายตับไปมากพอควร หรือภาวะที่มีการอักเสบของตับมาก ผู้ป่วยอาจมีอาการอ่อนเพลีย
เบื่ออาหาร
ตับแข็งผู้ป่วยตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสตับอักเสบ ซี นั้นตับจะมีอาการ อักเสบและถูกทำลายไปเรื่อยๆ จนในที่สุดจะกลายเป็นตับแข็ง ซึ่งถ้าเป็นมากแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการอ่อนเพลียมาก ดีซ่าน ท้องมาน และเกิดตับวายได้ในที่สุด
มะเร็งตับ
ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรังจะมีโอกาสเกิดมะเร็งตับได้มากกว่าคนปกติ และมีรายงาน ว่าถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรังอย่างถูกต้องสามารถที่จะลดโอกาสการเกิดมะเร็งตับลงได้ปัจจุบันมีวิธีตรวจสอบเสี่ยงหาเชื้อไวรัสตับอักเสบหลายวิธี ทั้งตรวจระยะเฉียบพลันและเรื้อรัง หรือแม้แต่ผู้ที่ไม่มีอาการก็สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบหรือไม่
การตรวจหาเชื้อไวรัสอักเสบ ซี
- เจาะเลือดตรวจดูการทำงานของตับเพื่อดูว่ามีการอักเสบของตับไหม และมากน้อยขนาดไหน นอกจากนี้ยังพอจะบอกว่าตับยังทำงานได้ดีขนาดไหน
- ตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันต่อไวรัสตับอักเสบ ซี หรือตรวจหาไวรัส ซี ในน้ำเหลือง หรือที่เรียกว่า "แอนติ เอช ซี วี (Anti-HCV) "โดยเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 300 - 400 บาท และรอผลประมาณ 3 - 7 วัน ในรายที่ผลเป็นบวกควรตรวจยืนยันด้วยการการตรวจไวรัสโดยตรง
- การตรวจอัลตราซาวนด์ในกรณีที่สงสัยว่าผู้ป่วยจะมีตับแข็ง หรือมะเร็งตับแล้วหรือยัง
- การเจาะเนื้อตับเพื่อช่วยยืนยันว่า ผู้ป่วยมีภาวะไวรัสตับอักเสบ ซี นอกจากนี้ยังช่วยบอกได้ว่ามีการอักเสบมากน้อยแค่ไหน มีภาวะตับแข็งแล้วหรือยัง
วิธีป้องกันตับไวรัสอักเสบ ซี
- ห้ามใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- ให้สวมถุงมือถ้าต้องสัมผัสเลือด
- ห้ามใช้มีดโกนหนวด แปรงสีฟันร่วมกัน
- ห้ามใช้อุปกรณ์ในการสักร่วมกัน
- ให้ใช้ถุงยางคุมกำเนิดถ้าหากมีเพศสัมพันธ์หลายคน
- ถ้าคุณเป็นตับอักเสบ ซีห้ามบริจาคเลือด
การปฏิบัติตัว
- โดยทั่วไปจะเป็นการรักษาตามอาการ สิ่งที่ผู้ป่วยควรทราบ คือ หลีกเลี่ยงยารับประทานที่อาจทำให้ภาวะตับอักเสบโดยทั่วไปรักษาตามอาการ
- หลีกเลี่ยงยารับประทานที่อาจนำให้ภาวะตับอักเสบรุนแรงขึ้น
- นอนพักผ่อนให้มาก เมื่อผู้ป่วยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ภูมิต้านทานโรคในร่างกายจะเพิ่มขึ้น อาการป่วยไข้ที่เป็นอยู่ก็จะดีขึ้นในไม่ช้า
ผู้ป่วยที่มีไวรัสตับอักเสบ ซี จะป้องกันการอักเสบของตับอย่างไร
- งดสุรา
- พบแพทย์ตามนัด
- ก่อนใช้ยา หรือสมุนไพรควรปรึกษาแพทย์
- ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ เอ บี
การรักษาด้วยยา
ในปัจจุบันยาที่มีการศึกษามาก และได้ผลดีที่สุดคือ อินเตอร์เฟียรอน ซึ่งต้องรักษาต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี ซึ่งประมาณร้อยละ 40-60 ของผู้ป่วยจะตอบสนองต่อการรักษา ปัจจุบันกำลังมีการศึกษายากินชื่อว่า "ไรบาไวริน" ซึ่งนำมาใช้ร่วมกับยาฉีดอินเตอร์เฟียรอน เพื่อหวังผลที่จะเพิ่มการตอบสนองต่อการรักษา
8 ทิปการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ไม่ควรพลาด
ฝังฟอนต์เข้าไปในเอกสารเวิร์ด
มีคุณผู้อ่านหลายคนถามเข้ามาว่า เราสามารถฝังฟอนต์ ‘True Type’ (ฟอนต์ของภาษาต่างๆ และ Winding) เข้าไปในเอกสาร Word ได้หรือไม่ ? เพื่อที่ว่า เวลาที่มันถูกนำไปเปิดดูในคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ตาม เราก็ยังจะได้เห็นการใช้ชุดตัวอักษรที่ถูกต้อง แม้คอมพ์เครื่องนั้นจะไม่ได้ติดตั้งฟอนต์ที่มีอยู่ในเอกสารนั้นก็ตามคำตอบก็คือ ฟอนต์ชนิด True Type จะมีคุณสามารถของการฝัง (embed) เข้าไปในเอกสารเวิร์ดได้ครับ นอกจากนี้ นักออกแบบฟอนต์ก็มักจะจัดทำให้ฟอนต์สามารถฝังเข้าไปในหน้าเอกสารอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่คุณควรทราบก็คือ ใช่ว่าทุกฟอนต์จะฝังเข้าไปในเอกสารเวิร์ดได้ อีกทั้งการฝังฟอนต์จะทำให้ขนาดไฟล์เอกสารใหญ่ขึ้นอีกด้วย ซึ่งประเด็นหลังดูจะกลายเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร หากคุณต้องการแนบไฟล์เอกสารดังกล่าวไปกับอีเมล์
ก่อนอื่น ไม่ว่าฟอนต์ที่คุณมีอยู่จะได้รับการออกแบบให้ฝังเข้าไปในหน้าเอกสารได้ หรือไม่ก็ตาม ผมแนะนำให้คุณดาวน์โหลด Microsoft Shell Extension
(ส่วนเพิ่มขยายการทำงานของเซลล์ เช่น คำสั่งใหม่ที่เพิ่มเติมเข้าไปในคอนเท็กซ์เมนู เป็นต้น) ชื่อว่า Font Properties เนื่องจากมันจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟอนต์ ซึ่งรวมถึงว่า มันมีคุณสมบัติของการฝังฟอนต์ (embedding feature) หรือไม่อีกด้วย เพียงแค่คลิ้กขวาบนไอคอนของฟอนต์ใน Windows Explorer (C:windowsfonts) เลือกคำสั่ง Properties แล้วคลิ้กแท็บ Embedding คราวนี้กลับมาที่ขั้นตอนของการฝังฟอนต์ในเอกสาร Word หลังจากที่คุณพิมพ์หน้าเอกสารที่เลือกใช้ฟอนต์ต่างๆ ที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว ให้คลิ้กเมนู Tools เลือกคำสั่ง Options คลิ้กแท็บ Save เลือกเช็กบ็อกซ์หน้าข้อความ “Embed TrueType Fonts” คุณสามารถจัดเก็บไฟล์เอกสารให้มีขนาดเล็กลงได้อีกเล็กน้อย ด้วยการคลิ้กเลือก “Embed characters in use only” (ฝังฟอนต์เฉพาะตัวอักษรที่ใช้เท่านั้น) แล้วคลิ้กปุ่ม OK เพื่อปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Options จากนั้นจัดเก็บไฟล์เอกสารตามปกติ เพียงแค่นี้ ฟอนต์ TrueType ที่คุณต้องการก็จะถูกฝังเข้าไปในเอกสารเวิร์ดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเมื่อเวลาไปเปิดบนคอมพิวเตอร์เครื่องใด มันก็จะมีหน้าตาเหมือนกันทุกเครื่อง แม้คอมพ์เครื่องนั้นจะไม่ได้ติดตั้งฟอนต์ที่คุณใช้ก็ตาม
คืนชีพไฟล์ที่ลบหาย
แม้ว่าเราจะระมัดระวังแค่ไหน แต่การเผลอลบไฟล์ในฮาร์ดดิสก์ออกไปโดยไม่ตั้งใจก็ยังมีให้พบเห็นกันอยู่บ่อยๆ ที่แย่กว่านั้นก็คือ นึกได้อีกทีตอนทำความสะอาดถังขยะไปแล้ว (Empty Recycle Bin) นอกจากนี้ การลบด้วยวิธีกด Shift + Delete บนไฟล์ หรือโฟลเดอร์หนึ่งๆ รวมถึงการลบไฟล์ด้วยการใช้บรรทัดคำสั่ง (command line) จะทำให้ข้อมูลเหล่านั้นอันตรธานไปจาก Windows XP จนดูเหมือนว่า ไม่มีวันที่จะได้ข้อมูลนั้นกลับคืนมาแล้ว
เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าใจมากๆ หากข้อมูลที่คุณเผลอลบไปนั้นใช้เวลาในการจัดทำค่อนข้างนาน เรียกว่า กว่าจะเสร็จก็หืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว แต่ก็อย่าเพิ่งตกใจไปกว่านี้ครับ เพราะคุณยังมีโอกาสที่จะสามารถกู้ข้อมูลที่ลบไปแล้วให้กลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ได้ หากคุณแก้ไขปัญหาทันทีหลังจากเผลอลบข้อมูลนั้นไป
เนื่องจาก Windows XP ไม่ได้มาพร้อมกับแอพพลิเคชันที่ช่วยคุณกู้ข้อมูลที่ลบออกไปแล้ว ผมจึงขอแนะนำแอพพลิเคชันแจกฟรีชื่อว่า Restoration ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพในการกู้ข้อมูลที่ลบออกไปแล้วจากฮาร์ดดิสก์ให้กลับคืนมาได้อย่างสมบูรณ์ และเนื่องจากโปรแกรมไม่ต้องมีการติดตั้งเข้าไปในเครื่องก่อนแต่อย่างใด คุณจึงสามารถจัดเก็บโปรแกรมตัวนี้ไว้ในไดรฟ์ USB เพื่อใช้แก้ปัญหาในยามฉุกเฉินได้ตลอดเวลา
ภาพที่เห็นด้านบนเป็นตัวอย่างการกู้ไฟล์โดยใช้โปแรกรม Restoration ซึ่งมีขั้นตอนง่ายมาก เพียงแค่เลือกไดรฟ์ที่คุณต้องการกู้ไฟล์ที่เพิ่งลบไป จากดรอปดาวน์สิสต์บ็อกซ์ Drives ที่อยู่มุมบนขวาของหน้าต่างโปรแกรม จากนั้นคลิ้กปุ่ม “Search Deleted Files” เมื่อโปรแกรมทำการค้นหา และแสดงไฟล์ที่ลบขึ้นมาจนครบแล้ว ให้คุณคลิ้กเลือกไฟล์ที่ต้องการกู้กลับคืนมา แล้วคลิ้กปุ่ม “Restore By Copying” ประเด็นสำคัญก็คือ ในขั้นตอนของการกู้ไฟล์ ควรหลีกเลี่ยงการเขียนทับข้อมูลบนไดร์ฟที่กำลังกู้ไฟล์นั้นๆ ซึ่งหากคุณมีไดรฟ์ หรือพาร์ทิชันเดียว แนะนำให้กู้ และจัดเก็บไฟล์ดังกล่าวบนแผ่นดิสก์ แฟลชไดรฟ์ หรือฮาร์ดดิสก์บนเครือข่ายจะดีกว่า เอาเป็นว่า ลองดาวน์โหลดไปใช้กันดูนะครับ
อะไรกันนี่? ชัตดาวน์ช้ามาก
เคยไหมครับ ? ขณะที่คุณกำลังรีบเร่งจะกลับบ้าน แต่พอชัตดาวน์คอมพ์ที่อยู่ตรงหน้า คุณกลับต้องรอมากกว่า 5 นาทีระบบถึงจะปิดตัวเองเรียบร้อย เหตุการณ์สมมติที่อาจจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับคุณผู้อ่านหลายๆ คน ซึ่งเราคิดว่า มันน่าจะมีสาเหตุอื่นๆ อีกที่ทำให้ Windows XP ชัต แล้วไม่ค่อยจะยอมชัตดาวน์สักทีหลังจากที่ค้นหาคำตอบจากแหล่งข้อมูลต่างๆ มากมายก็พบว่า ปัญหาใหญ่สุดที่เป็นตัวการสำคัญที่ให้การชัดดาวน์ช้าเกินเหตุก็คือ การถอดถอนโพรไฟล์ผู้ใช้ขณะนั้น (current user profile) ออกจากหน่วยความจำนั่นเอง
สาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก็เนื่องจากว่า เมื่อโปรแกรมของผู้ผลิตรายอื่น หรือแม้แต่แอพพลิเคชันของไมโครซอฟท์เองที่บางครั้งไม่สามารถออกจากหน่วยความจำของระบบได้หมดจด (ยังคงเหลือค้างบางโมดูลการทำงานของโปรแกรม หรือบริการบางอย่างในระบบ) หน้าที่ของวินโดวส์ก็คือ มันจะต้องใช้ความพยายามทั้งหมด เพื่อถอดถอนโพรไฟล์ออกไปจนกว่าระบบจะยอมรับว่า ไม่สามารถทำได้ มันจึงค่อยชัตดาวน์ และถึงแม้ว่า คุณจะหาพบแอพพลิเคชันที่เป็นต้นตอของปัญหา แต่คุณก็คงจะทำอะไรมันไม่ได้อยู่ดี (นอกจากเลิกใช้โปรแกรมนั้น แต่ดูจะเป็นการแก้ปัญหาที่ง่ายไป หรือเปล่า ?)
ไมโครซอฟท์เข้าใจถึงปัญหานี้ดี ทางบริษัทจึงได้พัฒนายูทิลิตีแจกฟรีที่สามารถทำความสะอาดโพรไฟล์ของผู้ใช้ที่ตกค้างออกจากระบบได้โดยอัตโนมัติ ทำให้คุณไม่ต้องพบกับปัญหาการรอคอยที่ยาวนานขณะชัตดาวน์ ยูทิลิตีดังกล่าวชื่อว่า User Profile Hive Cleanup Service (ผู้ใช้จะต้องคลิ้กปุ่ม Continue เพื่อตรวจสอบไลเซนส์วินโดวส์ (validation) ก่อน จากนั้นหน้าเว็บถึงจะแสดงลิงก์ให้ดาวน์โหลด ไฟล์ชื่อว่า UPHClean-Setup.msi ขนาด 329KB) เมื่อคุณสั่งรัน และติดตั้งตามขั้นตอนวิเศษ คุณอาจจะรู้สึกว่า ตัวโปรแกรมติดตั้งไม่เห็นได้ทำอะไรให้เลย แต่ถ้าคุณเปิดดูรายชื่อของบริการที่ทำงานอยู่ในขณะนั้น คุณก็จะพบกับบริการใหม่ที่กำลังทำงานอยู่เบื้องหลัง
ในหน้าต่าง Control Panel ให้คุณดับเบิลคลิ้กบนไอคอน Administrative Tools จากนั้นดับเบิลคลิ้กบนไอคอน Services ไอเดียของบริการนี้ก็คือ มันจะทำหน้าที่เรียกคืนทรัพยากรระบบทั้งหมด เมื่องาน(task) หนึ่งๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว (หน่วยความจำ ส่วนจัดการต่างๆ เป็นต้น) โดยมันจะคอยสอดส่องผู้ใช้ที่ล็อกออฟ และทดสอบว่า มีทรัพยากรระบบที่ไม่ถูกใช้และต้องเรียกคืน หรือไม่ ? ซึ่งด้วยวิธีนี้ทำให้ระบบทราบทันทีว่า มีโพรไฟล์ใดที่ไม่ถูกใช้งาน แต่ยังคงค้างอยู่ และต้องกำจัดออกไป คราวนี้ ไม่ว่าคุณจะชัตดาวน์ ล็อกออฟ หรือรีสตาร์ต ระบบก็จะสามารถตอบสนองได้ภายในไม่กี่วินาที (แทนที่จะต้องไปพะวงกับความพยายามถอดถอนโพรไฟล์ตกค้างในหน่วยความจำ) ลองดาวน์โหลดไปติดตั้งดูนะครับ
ไฟล์ MSI หาย!!!
หลังจากติดตั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เพื่อนนายเกาหเลาช่วยพัฒนาขึ้นมาให้ผมไว้ใช้ทำงาน ซึ่งโปรแกรมที่ติดตั้งเข้าไปก็ใช้งานได้ปกติทุกอย่าง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เวลาสั่งรันโปรแกรมไมโครซอฟท์ออฟฟิศ ระบบปฎิบัติการวินโดวส์กฟ้องว่า ไม่พบไฟล์ MSI ก่อนอื่นอธิบายก่อนว่าไฟล์ MSI (นามสกุล.msi) จะทำหน้าที่เป็นฐานข้อมูลของไฟล์ที่จำเป็น ข้อกำหนดต่างๆ ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับคอนฟิกกูเรชั่นทั้งหมดของแอพพลิเคชันนั้นๆ ซึ่งปกติวินโดวส์จะจัดเก็บไฟล์ MSI ของไมโครซอฟท์ออฟฟิศเข้าไปไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณขณะติดตั้งด้วย
อย่างไรก็ตาม ถ้าไฟล์ MSI ถูกลบออกไป หรือเกิดความเสียหายกับไฟล์นี้ ปัญหาที่จะเกิดขึ้นก็จะมีตั้งแต่ไม่สามารถอัพเดต แก้ไข หรือติดตั้งคุณสมบัติเพิ่มเติมเข้าไปในโปรแกรมออฟฟิศได้ ซึ่งการที่ระบบไม่พบไฟล์ MSI นั้นมีสาเหตุได้หลายประการเหมือนกัน เช่น ไฟล์ดังกล่าวถูกลบ การเปลี่ยนชื่อไดรฟ์ของฮาร์ดดิสก์ หรือการแก้ไขรีจิสทรี (บางทีโปรแกรมของเพื่อนคุณอาจจะมีการแก้ไขรีจิสทรีที่ส่งผลกระทบกับการทำงานของไมโครซอฟท์ออฟฟิศโดยตรงก็ได้) สำหรับวิธีแก้ เมื่อวินโดวส์แจ้งว่าไม่พบไฟล์ MSI ให้คุณใส่แผ่นซีดีติดตั้งออฟฟิศเข้าไปในไดรฟ์ซีดีรอมวินโดวส์จะค้นหาไฟล์ MSI บนแผ่นซีดี และเรียกคืนไฟล์กลับเข้าไปในระบบได้ ลองทำดูนะครับ อีกวิธีหนึ่งก็คือ ลองย้อนระบบกลับไปก่อนติดตั้งโปรแกรมของเพื่อนคุณเข้าไปด้วย System Restore จากนั้นลองสั่งรันโปรแกรมออฟฟิศ หากไม่มีการแจ้งไฟล์ MSI หายไป ก็แสดงว่า โปรแกรมของเพื่อนคุณเป็นตัวการของปัญหาอย่างแน่นอน น่าจะแจ้งให้เขาทราบจะได้แก้ไขให้มันทำงานได้อย่างถูกต้องครับ
MS แจกฟรีซอฟต์แวร์ปกป้องโฟลเดอร์ส่วนตัว
ไมโครซอฟท์ออกเครื่องมือใหม่ชื่อว่า Microsoft Private Folder 1.0 ที่สามารถทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows XP Home, Windows XP Pro หรือ Windows Media Center โดยจะช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัว เมื่อเพื่อน ผู้ร่วมงาน เด็ก หรือใครก็ตามมาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือบัญชีผู้ใช้เดียวกันกับคุณด้วยเครื่องมือซอฟต์แวร์ตัวใหม่นี้ ผู้ใช้จะสามารถกำหนดรหัสผ่านให้กับโฟลเดอร์ที่มีชื่อเรียกว่า ‘My Private Folder’ ในบัญชีผู้ใช้ของตน เพื่อจัดเก็บไฟล์ส่วนตัว สำหรับ Microsoft Private Folder 1.0 จะเปิดให้ดาวน์โหลดฟรี เฉพาะลูกค้าที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP ที่ถูกลิขสิทธิ์ภายใต้โครงการ WGA (Windows Genuine Advantage) เท่านั้น นั่นหมายความว่า ผู้ใช้จะต้องผ่านขั้นตอน Validation (ตรวจสอบไลเซนส์ที่ถูกต้องผ่านออนไลน์ โดยที่หน้าโฮมของ microsoft.com คลิ้ก ask for Genuine Microsoft Software จากนั้นคลิ้ก ‘ตรวจสอบ Windows’) จึงจะดาวน์โหลดได้ เกือบลืมบอกที่ดาวน์โหลดที่นี่เลยครับ http://www.microsoft.com/genuine/
ซ่อนข้อความลับในไฟล์ภาพถ่าย
เชื่อว่า เพื่อนๆ น่าจะเคยนึกอยากฝากข้อความบางอย่างไปให้เพื่อนรักแบบไฮเทคบ้างเหมือนกัน อย่างเช่น ส่งไฟล์ภาพถ่าย โดยซ่อนข้อความไว้ภายในภาพเป็นไฟล์เดียวกัน ซึ่งผู้รับภาพดังกล่าวไปแล้ว สามารถเปิดอ่านไฟล์ข้อความที่ซ่อนอยู่ในภาพออกมาได้ โดยใช้รหัสผ่านเป็นกุญแจไขความลับที่ซ่อนอยู่ในภาพนั้น
นอกจากนี้ คุณอาจจะใช้ฟรีแวร์ตัวนี้ซ่อนพาสส์เวิร์ด หรือรหัสผ่านเข้าไปในภาพถ่าย เพื่อส่งให้ผู้รับอย่างปลอดภัยได้อีกด้วย แหม...อันนี้ฟังดูเหมือนในภาพยนตร์ลึกลับเลยนิ ซึ่งเทคนิคการซ่อนข้อความลับเข้าไปในวัสดุอุปกรณ์ และสิ่งต่างๆ ที่เราคุ้นเคยถูกเรียกว่า Steganography โดยฟรีแวร์ที่แนะนำในที่นี้จะทำให้เพื่อนๆ สามารถซ่อนไฟล์ข้อความเข้าไปในไฟล์ภาพ JPEG ได้ภายในพริบตาครับ แถมยังสามารถถอดไฟล์ข้อความนั้นออกจากภาพได้อย่างง่ายดายอีกด้วย ชักสนใจแล้วใช่ไหมละครับ ?
สำหรับฟรีแวร์ตัวนี้มีชื่อเรียกว่า JP Hide And Seek (JPHS) ดาวน์โหลดได้จาก ftp://ftp.gwdg.de/pub/linux/misc/ppdd/jphs_05.zip โดยโปรแกรมจะแทรกไฟล์ข้อความ (Text file) เข้าไปในไฟล์ภาพ JPEG ได้โดยที่ขนาดไฟล์แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย เนื่องจากข้อความที่ถูกซ่อนจะได้รับการเข้ารหัส และมีพาสเวิร์ดป้องกันอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้น โอกาสที่ใครจะเปิดอ่านมันขึ้นมาได้ (ถ้าไม่รู้กันมาก่อน) ก็น้อยเต็มทีครับ หลังจากดาวน์โหลดไฟล์ และ unzip ออกมาแล้ว คุณจะได้ไฟล์โปรแกรม 3 ไฟล์ด้วยกันคือ jphide, jpseek และ jphswin โดย 2 ไฟล์แรกสามารถเรียกใช้งานในหน้าต่าง Command ได้ทันที ส่วนไฟล์โปรแกรม jphswin จะใช้สำหรับรันบนวินโดวส์ ซึ่งขั้นตอนการซ่อนไฟล์ข้อความก็ง่ายมาก หลังจากเปิดโปรแกรมขึ้นทำงานให้คลิ้กเมนู Open jpeg เลือกไฟล์ภาพที่ต้องการซ่อนข้อความ
โดยโปรแกรมจะแนะนำขนาดของไฟล์ข้อความที่สามารถซ่อนเข้าไปได้ด้วย ซึ่งรูปขนาดเล็กๆ อย่างสาวน้อยตากลมข้างบนนี้สามารถซ่อนไฟล์ได้แค่ 1KB เป็นต้น จากนั้นคลิ้กเมนู Hide โปรแกรมจะเปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Pass phrase เพื่อให้คุณพิมพ์รหัสผ่านสำหรับถอดไฟล์ข้อความออกมาได้ หลังจากกำหนดรหัสผ่านเสร็จแล้ว โปรแกรมจะให้คุณสืบค้นไฟล์ข้อความที่ต้องการซ่อนเข้าไปในรูป เมื่อเลือกเสร็จแล้ว ขั้นตอนสุดท้าย คือ เลือกคำสั่ง Save jpeg as เพื่อจัดเก็บเป็นไฟล์ใหม่ (แต่ถ้าต้องการเก็บทับก็เลือก Save jpeg) เพียงแค่นี้ คุณก็ได้ไฟล์ภาพที่ซ่อนข้อความเข้าไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนขั้นตอนการถอดไฟล์ข้อความออกจากไฟล์ภาพก็ใช้โปรแกรมเดียวกัน โดยคลิ้ก Open jpeg เพื่อเลือกไฟล์ภาพที่มีข้อความลับซ่อนอยู่ จากนั้นคลิ้กเมนู Seek โปรแกรมจะถามรหัสผ่าน เมื่อกรอกรหัสผ่านถูกต้อง โปรแกรมจะให้คุณตั้งชื่อไฟล์ข้อความ เพื่อจัดเก็บแยกต่างหากออกมา ง่ายดีไหมครับ ?
สำรองข้อมูลบนแผ่นซีดี แต่เปิดดูไม่ได้
อาทิตย์ที่แล้วนายเกาเหลากลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด ตั้งใจจะย้ายข้อมูลจากคอมพ์เครื่องเก่ามาใส่ลงเครื่องใหม่ที่กรุงเทพฯ โดยบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นซีดีอาร์ แต่พอมาเปิดบนคอมพ์เครื่องใหม่มันฟ้องว่า “Cyclic Redundancy Error” เลยเกิดไอเดียมาคุยให้เพื่อนๆ ฟังสำหรับข้อผิดพลาดที่แจ้งว่า Cyclic Redundancy Error หมายถึง ไดรฟ์ไม่สามารถอ่านแผ่นซีดี (หรือดีวีดี) ได้นั่นเอง ซึ่งข้อผิดพลาดลักษณะนี้อาจเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนเขียนแผ่นซีดี ซึ่งถ้าคุณพบว่า มันเป็นกับทุกแผ่น กลับไปที่บ้านต่างจังหวัดครั้งหน้า แนะนำให้ลองลดความเร็วในการเขียนข้อมูลลง แน่นอนว่า มันอาจจะใช้เวลาในการเขียนมากขึ้น แต่คุณจะได้แผ่นซีดีที่เปิดอ่านได้ชัวร์ อีกประเด็นหนึ่งก็คือ แผ่นซีดีอาร์ที่ใช้เริ่มเสื่อมประสิทธิภาพแล้ว ซึ่งปกติวงจรเขียนแผ่น (burner) จะยิงเลเซอร์ผ่านชั้นพลาสติกลงไปยังแผ่นโลหะบางที่อยู่ภายในซีดี โดนทั่วไปหากแผ่นซีดีอาร์ไม่ถูกนำมาใช้นานกว่า 2 ปี ชั้นแผ่นโลหะบางๆ ดังกล่าวก็จะเริ่มเสื่อมสภาพ ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการเขียนข้อมูล นอกจากนี้ ยังอาจมีสาเหตุมาจากแผ่นมีรอยขีดข่วนได้อีกด้วย
แนะนำว่า ครั้งต่อไปคุณควรตรวจสอบด้วยการเปิดดูข้อมูลบนแผ่นซีดี หรือดีวีดี หลังการเขียนทุกครั้ง และในกรณีที่คุณต้องทำสำรองแผ่นซีดีเก็บไว้ และไม่ค่อยได้ใช้งาน ก็ควรจะทำก๊อบปี้ใหม่ทุกๆ สองปี เนื่องจากแสงสว่างที่ตกกระทบแผ่นจะเป็นตัวเร่งให้พวกมันเสื่อมเร็วขึ้น หรือถ้าจะให้ดีคุณก็ควรเก็บแผ่นซีดีที่สำรองข้อมูลไว้ในกล่องมิดชิด เพื่อช่วยให้พวกมันคงสภาพการใช้งานได้นานขึ้นครับ
PS/2 Port เรื่องไม่ลับที่น่ารู้
ปิดท้ายกับคำศัพท์ PS/2 Port ซึ่งนายเกาเหลาเชื่อว่า คุณผู้อ่านหลายๆ ท่านน่าจะเคยได้ยินคำนี้มาบ้างแล้ว แต่ทราบจริงๆ หรือไม่ว่า พอร์ต PS/2 คืออะไรกันแน่ ? และมันสำคัญ อย่างไร เรามาทำความรู้จักกับพวกมันมากขึ้นอีกสักนิดดีกว่าครับโดยทั่วไป พอร์ต PS/2 จะเป็นที่รู้จักกันในฐานะของช่องเชื่อมต่อสำหรับเมาส์ เนื่องมันเป็นพอร์ตพิเศษที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อเมาส์ หรือคีย์บอร์ดเข้ากับคอมพิวเตอร์ พอร์ตชนิดนี้จะทำงานร่วมกับปลั๊ก DIN ขนาดเล็กที่ภายในมีเข็มสัญญาณ 6 เข็ม เรียงตัวกันเป็นวง นอกจากนี้เราสามารถจดจำหน้าที่ของพอร์ต PS/2 จากสีของมันก็ได้ โดยพอร์ตที่เชื่อมต่อกับเมาส์จะใช้สีเขียว ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นสีม่วง
พอร์ตอีกชนิดหนึ่งที่มีการทำงานใกล้เคียงกับ PS/2 ก็คือ พอร์ตสื่อสารแบบอนุกรม (serial port) ซึ่งสามารถใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้เหมือนกัน เช่น โมเด็ม เป็นต้น ทั้งนี้เนื่องจากพอร์ตอนุกรมจะมีขีดความสามารถในการทำงานที่เหนือกว่า ดังนั้น พอร์ต PS/2 จึงเหมาะกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กกว่า และมีการทำงานที่ไม่ซับซ้อนอย่างเช่น เมาส์ และคีย์บอร์ด เท่านั้น พอร์ต PS/2 ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท IBM และคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะมีพอร์ต PS/2 ให้ 2 ช่อง เพื่อเชื่อมต่อกับเมาส์ และคีย์บอร์ด นั่นเอง อย่างไรก็ดี ปัจจุบันพอร์ตยอดฮิตที่รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้มากมาย ซึ่งรวมถึงเมาส์ และคีย์บอร์ดก็คงจะหนีไม่พ้น USB ครับ
มีคุณผู้อ่านหลายคนถามเข้ามาว่า เราสามารถฝังฟอนต์ ‘True Type’ (ฟอนต์ของภาษาต่างๆ และ Winding) เข้าไปในเอกสาร Word ได้หรือไม่ ? เพื่อที่ว่า เวลาที่มันถูกนำไปเปิดดูในคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ตาม เราก็ยังจะได้เห็นการใช้ชุดตัวอักษรที่ถูกต้อง แม้คอมพ์เครื่องนั้นจะไม่ได้ติดตั้งฟอนต์ที่มีอยู่ในเอกสารนั้นก็ตามคำตอบก็คือ ฟอนต์ชนิด True Type จะมีคุณสามารถของการฝัง (embed) เข้าไปในเอกสารเวิร์ดได้ครับ นอกจากนี้ นักออกแบบฟอนต์ก็มักจะจัดทำให้ฟอนต์สามารถฝังเข้าไปในหน้าเอกสารอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่คุณควรทราบก็คือ ใช่ว่าทุกฟอนต์จะฝังเข้าไปในเอกสารเวิร์ดได้ อีกทั้งการฝังฟอนต์จะทำให้ขนาดไฟล์เอกสารใหญ่ขึ้นอีกด้วย ซึ่งประเด็นหลังดูจะกลายเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร หากคุณต้องการแนบไฟล์เอกสารดังกล่าวไปกับอีเมล์
ก่อนอื่น ไม่ว่าฟอนต์ที่คุณมีอยู่จะได้รับการออกแบบให้ฝังเข้าไปในหน้าเอกสารได้ หรือไม่ก็ตาม ผมแนะนำให้คุณดาวน์โหลด Microsoft Shell Extension
(ส่วนเพิ่มขยายการทำงานของเซลล์ เช่น คำสั่งใหม่ที่เพิ่มเติมเข้าไปในคอนเท็กซ์เมนู เป็นต้น) ชื่อว่า Font Properties เนื่องจากมันจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟอนต์ ซึ่งรวมถึงว่า มันมีคุณสมบัติของการฝังฟอนต์ (embedding feature) หรือไม่อีกด้วย เพียงแค่คลิ้กขวาบนไอคอนของฟอนต์ใน Windows Explorer (C:windowsfonts) เลือกคำสั่ง Properties แล้วคลิ้กแท็บ Embedding คราวนี้กลับมาที่ขั้นตอนของการฝังฟอนต์ในเอกสาร Word หลังจากที่คุณพิมพ์หน้าเอกสารที่เลือกใช้ฟอนต์ต่างๆ ที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว ให้คลิ้กเมนู Tools เลือกคำสั่ง Options คลิ้กแท็บ Save เลือกเช็กบ็อกซ์หน้าข้อความ “Embed TrueType Fonts” คุณสามารถจัดเก็บไฟล์เอกสารให้มีขนาดเล็กลงได้อีกเล็กน้อย ด้วยการคลิ้กเลือก “Embed characters in use only” (ฝังฟอนต์เฉพาะตัวอักษรที่ใช้เท่านั้น) แล้วคลิ้กปุ่ม OK เพื่อปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Options จากนั้นจัดเก็บไฟล์เอกสารตามปกติ เพียงแค่นี้ ฟอนต์ TrueType ที่คุณต้องการก็จะถูกฝังเข้าไปในเอกสารเวิร์ดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเมื่อเวลาไปเปิดบนคอมพิวเตอร์เครื่องใด มันก็จะมีหน้าตาเหมือนกันทุกเครื่อง แม้คอมพ์เครื่องนั้นจะไม่ได้ติดตั้งฟอนต์ที่คุณใช้ก็ตาม
คืนชีพไฟล์ที่ลบหาย
แม้ว่าเราจะระมัดระวังแค่ไหน แต่การเผลอลบไฟล์ในฮาร์ดดิสก์ออกไปโดยไม่ตั้งใจก็ยังมีให้พบเห็นกันอยู่บ่อยๆ ที่แย่กว่านั้นก็คือ นึกได้อีกทีตอนทำความสะอาดถังขยะไปแล้ว (Empty Recycle Bin) นอกจากนี้ การลบด้วยวิธีกด Shift + Delete บนไฟล์ หรือโฟลเดอร์หนึ่งๆ รวมถึงการลบไฟล์ด้วยการใช้บรรทัดคำสั่ง (command line) จะทำให้ข้อมูลเหล่านั้นอันตรธานไปจาก Windows XP จนดูเหมือนว่า ไม่มีวันที่จะได้ข้อมูลนั้นกลับคืนมาแล้ว
เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าใจมากๆ หากข้อมูลที่คุณเผลอลบไปนั้นใช้เวลาในการจัดทำค่อนข้างนาน เรียกว่า กว่าจะเสร็จก็หืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว แต่ก็อย่าเพิ่งตกใจไปกว่านี้ครับ เพราะคุณยังมีโอกาสที่จะสามารถกู้ข้อมูลที่ลบไปแล้วให้กลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ได้ หากคุณแก้ไขปัญหาทันทีหลังจากเผลอลบข้อมูลนั้นไป
เนื่องจาก Windows XP ไม่ได้มาพร้อมกับแอพพลิเคชันที่ช่วยคุณกู้ข้อมูลที่ลบออกไปแล้ว ผมจึงขอแนะนำแอพพลิเคชันแจกฟรีชื่อว่า Restoration ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพในการกู้ข้อมูลที่ลบออกไปแล้วจากฮาร์ดดิสก์ให้กลับคืนมาได้อย่างสมบูรณ์ และเนื่องจากโปรแกรมไม่ต้องมีการติดตั้งเข้าไปในเครื่องก่อนแต่อย่างใด คุณจึงสามารถจัดเก็บโปรแกรมตัวนี้ไว้ในไดรฟ์ USB เพื่อใช้แก้ปัญหาในยามฉุกเฉินได้ตลอดเวลา
ภาพที่เห็นด้านบนเป็นตัวอย่างการกู้ไฟล์โดยใช้โปแรกรม Restoration ซึ่งมีขั้นตอนง่ายมาก เพียงแค่เลือกไดรฟ์ที่คุณต้องการกู้ไฟล์ที่เพิ่งลบไป จากดรอปดาวน์สิสต์บ็อกซ์ Drives ที่อยู่มุมบนขวาของหน้าต่างโปรแกรม จากนั้นคลิ้กปุ่ม “Search Deleted Files” เมื่อโปรแกรมทำการค้นหา และแสดงไฟล์ที่ลบขึ้นมาจนครบแล้ว ให้คุณคลิ้กเลือกไฟล์ที่ต้องการกู้กลับคืนมา แล้วคลิ้กปุ่ม “Restore By Copying” ประเด็นสำคัญก็คือ ในขั้นตอนของการกู้ไฟล์ ควรหลีกเลี่ยงการเขียนทับข้อมูลบนไดร์ฟที่กำลังกู้ไฟล์นั้นๆ ซึ่งหากคุณมีไดรฟ์ หรือพาร์ทิชันเดียว แนะนำให้กู้ และจัดเก็บไฟล์ดังกล่าวบนแผ่นดิสก์ แฟลชไดรฟ์ หรือฮาร์ดดิสก์บนเครือข่ายจะดีกว่า เอาเป็นว่า ลองดาวน์โหลดไปใช้กันดูนะครับ
อะไรกันนี่? ชัตดาวน์ช้ามาก
เคยไหมครับ ? ขณะที่คุณกำลังรีบเร่งจะกลับบ้าน แต่พอชัตดาวน์คอมพ์ที่อยู่ตรงหน้า คุณกลับต้องรอมากกว่า 5 นาทีระบบถึงจะปิดตัวเองเรียบร้อย เหตุการณ์สมมติที่อาจจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับคุณผู้อ่านหลายๆ คน ซึ่งเราคิดว่า มันน่าจะมีสาเหตุอื่นๆ อีกที่ทำให้ Windows XP ชัต แล้วไม่ค่อยจะยอมชัตดาวน์สักทีหลังจากที่ค้นหาคำตอบจากแหล่งข้อมูลต่างๆ มากมายก็พบว่า ปัญหาใหญ่สุดที่เป็นตัวการสำคัญที่ให้การชัดดาวน์ช้าเกินเหตุก็คือ การถอดถอนโพรไฟล์ผู้ใช้ขณะนั้น (current user profile) ออกจากหน่วยความจำนั่นเอง
สาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก็เนื่องจากว่า เมื่อโปรแกรมของผู้ผลิตรายอื่น หรือแม้แต่แอพพลิเคชันของไมโครซอฟท์เองที่บางครั้งไม่สามารถออกจากหน่วยความจำของระบบได้หมดจด (ยังคงเหลือค้างบางโมดูลการทำงานของโปรแกรม หรือบริการบางอย่างในระบบ) หน้าที่ของวินโดวส์ก็คือ มันจะต้องใช้ความพยายามทั้งหมด เพื่อถอดถอนโพรไฟล์ออกไปจนกว่าระบบจะยอมรับว่า ไม่สามารถทำได้ มันจึงค่อยชัตดาวน์ และถึงแม้ว่า คุณจะหาพบแอพพลิเคชันที่เป็นต้นตอของปัญหา แต่คุณก็คงจะทำอะไรมันไม่ได้อยู่ดี (นอกจากเลิกใช้โปรแกรมนั้น แต่ดูจะเป็นการแก้ปัญหาที่ง่ายไป หรือเปล่า ?)
ไมโครซอฟท์เข้าใจถึงปัญหานี้ดี ทางบริษัทจึงได้พัฒนายูทิลิตีแจกฟรีที่สามารถทำความสะอาดโพรไฟล์ของผู้ใช้ที่ตกค้างออกจากระบบได้โดยอัตโนมัติ ทำให้คุณไม่ต้องพบกับปัญหาการรอคอยที่ยาวนานขณะชัตดาวน์ ยูทิลิตีดังกล่าวชื่อว่า User Profile Hive Cleanup Service (ผู้ใช้จะต้องคลิ้กปุ่ม Continue เพื่อตรวจสอบไลเซนส์วินโดวส์ (validation) ก่อน จากนั้นหน้าเว็บถึงจะแสดงลิงก์ให้ดาวน์โหลด ไฟล์ชื่อว่า UPHClean-Setup.msi ขนาด 329KB) เมื่อคุณสั่งรัน และติดตั้งตามขั้นตอนวิเศษ คุณอาจจะรู้สึกว่า ตัวโปรแกรมติดตั้งไม่เห็นได้ทำอะไรให้เลย แต่ถ้าคุณเปิดดูรายชื่อของบริการที่ทำงานอยู่ในขณะนั้น คุณก็จะพบกับบริการใหม่ที่กำลังทำงานอยู่เบื้องหลัง
ในหน้าต่าง Control Panel ให้คุณดับเบิลคลิ้กบนไอคอน Administrative Tools จากนั้นดับเบิลคลิ้กบนไอคอน Services ไอเดียของบริการนี้ก็คือ มันจะทำหน้าที่เรียกคืนทรัพยากรระบบทั้งหมด เมื่องาน(task) หนึ่งๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว (หน่วยความจำ ส่วนจัดการต่างๆ เป็นต้น) โดยมันจะคอยสอดส่องผู้ใช้ที่ล็อกออฟ และทดสอบว่า มีทรัพยากรระบบที่ไม่ถูกใช้และต้องเรียกคืน หรือไม่ ? ซึ่งด้วยวิธีนี้ทำให้ระบบทราบทันทีว่า มีโพรไฟล์ใดที่ไม่ถูกใช้งาน แต่ยังคงค้างอยู่ และต้องกำจัดออกไป คราวนี้ ไม่ว่าคุณจะชัตดาวน์ ล็อกออฟ หรือรีสตาร์ต ระบบก็จะสามารถตอบสนองได้ภายในไม่กี่วินาที (แทนที่จะต้องไปพะวงกับความพยายามถอดถอนโพรไฟล์ตกค้างในหน่วยความจำ) ลองดาวน์โหลดไปติดตั้งดูนะครับ
ไฟล์ MSI หาย!!!
หลังจากติดตั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เพื่อนนายเกาหเลาช่วยพัฒนาขึ้นมาให้ผมไว้ใช้ทำงาน ซึ่งโปรแกรมที่ติดตั้งเข้าไปก็ใช้งานได้ปกติทุกอย่าง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เวลาสั่งรันโปรแกรมไมโครซอฟท์ออฟฟิศ ระบบปฎิบัติการวินโดวส์กฟ้องว่า ไม่พบไฟล์ MSI ก่อนอื่นอธิบายก่อนว่าไฟล์ MSI (นามสกุล.msi) จะทำหน้าที่เป็นฐานข้อมูลของไฟล์ที่จำเป็น ข้อกำหนดต่างๆ ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับคอนฟิกกูเรชั่นทั้งหมดของแอพพลิเคชันนั้นๆ ซึ่งปกติวินโดวส์จะจัดเก็บไฟล์ MSI ของไมโครซอฟท์ออฟฟิศเข้าไปไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณขณะติดตั้งด้วย
อย่างไรก็ตาม ถ้าไฟล์ MSI ถูกลบออกไป หรือเกิดความเสียหายกับไฟล์นี้ ปัญหาที่จะเกิดขึ้นก็จะมีตั้งแต่ไม่สามารถอัพเดต แก้ไข หรือติดตั้งคุณสมบัติเพิ่มเติมเข้าไปในโปรแกรมออฟฟิศได้ ซึ่งการที่ระบบไม่พบไฟล์ MSI นั้นมีสาเหตุได้หลายประการเหมือนกัน เช่น ไฟล์ดังกล่าวถูกลบ การเปลี่ยนชื่อไดรฟ์ของฮาร์ดดิสก์ หรือการแก้ไขรีจิสทรี (บางทีโปรแกรมของเพื่อนคุณอาจจะมีการแก้ไขรีจิสทรีที่ส่งผลกระทบกับการทำงานของไมโครซอฟท์ออฟฟิศโดยตรงก็ได้) สำหรับวิธีแก้ เมื่อวินโดวส์แจ้งว่าไม่พบไฟล์ MSI ให้คุณใส่แผ่นซีดีติดตั้งออฟฟิศเข้าไปในไดรฟ์ซีดีรอมวินโดวส์จะค้นหาไฟล์ MSI บนแผ่นซีดี และเรียกคืนไฟล์กลับเข้าไปในระบบได้ ลองทำดูนะครับ อีกวิธีหนึ่งก็คือ ลองย้อนระบบกลับไปก่อนติดตั้งโปรแกรมของเพื่อนคุณเข้าไปด้วย System Restore จากนั้นลองสั่งรันโปรแกรมออฟฟิศ หากไม่มีการแจ้งไฟล์ MSI หายไป ก็แสดงว่า โปรแกรมของเพื่อนคุณเป็นตัวการของปัญหาอย่างแน่นอน น่าจะแจ้งให้เขาทราบจะได้แก้ไขให้มันทำงานได้อย่างถูกต้องครับ
MS แจกฟรีซอฟต์แวร์ปกป้องโฟลเดอร์ส่วนตัว
ไมโครซอฟท์ออกเครื่องมือใหม่ชื่อว่า Microsoft Private Folder 1.0 ที่สามารถทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows XP Home, Windows XP Pro หรือ Windows Media Center โดยจะช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัว เมื่อเพื่อน ผู้ร่วมงาน เด็ก หรือใครก็ตามมาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือบัญชีผู้ใช้เดียวกันกับคุณด้วยเครื่องมือซอฟต์แวร์ตัวใหม่นี้ ผู้ใช้จะสามารถกำหนดรหัสผ่านให้กับโฟลเดอร์ที่มีชื่อเรียกว่า ‘My Private Folder’ ในบัญชีผู้ใช้ของตน เพื่อจัดเก็บไฟล์ส่วนตัว สำหรับ Microsoft Private Folder 1.0 จะเปิดให้ดาวน์โหลดฟรี เฉพาะลูกค้าที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP ที่ถูกลิขสิทธิ์ภายใต้โครงการ WGA (Windows Genuine Advantage) เท่านั้น นั่นหมายความว่า ผู้ใช้จะต้องผ่านขั้นตอน Validation (ตรวจสอบไลเซนส์ที่ถูกต้องผ่านออนไลน์ โดยที่หน้าโฮมของ microsoft.com คลิ้ก ask for Genuine Microsoft Software จากนั้นคลิ้ก ‘ตรวจสอบ Windows’) จึงจะดาวน์โหลดได้ เกือบลืมบอกที่ดาวน์โหลดที่นี่เลยครับ http://www.microsoft.com/genuine/
ซ่อนข้อความลับในไฟล์ภาพถ่าย
เชื่อว่า เพื่อนๆ น่าจะเคยนึกอยากฝากข้อความบางอย่างไปให้เพื่อนรักแบบไฮเทคบ้างเหมือนกัน อย่างเช่น ส่งไฟล์ภาพถ่าย โดยซ่อนข้อความไว้ภายในภาพเป็นไฟล์เดียวกัน ซึ่งผู้รับภาพดังกล่าวไปแล้ว สามารถเปิดอ่านไฟล์ข้อความที่ซ่อนอยู่ในภาพออกมาได้ โดยใช้รหัสผ่านเป็นกุญแจไขความลับที่ซ่อนอยู่ในภาพนั้น
นอกจากนี้ คุณอาจจะใช้ฟรีแวร์ตัวนี้ซ่อนพาสส์เวิร์ด หรือรหัสผ่านเข้าไปในภาพถ่าย เพื่อส่งให้ผู้รับอย่างปลอดภัยได้อีกด้วย แหม...อันนี้ฟังดูเหมือนในภาพยนตร์ลึกลับเลยนิ ซึ่งเทคนิคการซ่อนข้อความลับเข้าไปในวัสดุอุปกรณ์ และสิ่งต่างๆ ที่เราคุ้นเคยถูกเรียกว่า Steganography โดยฟรีแวร์ที่แนะนำในที่นี้จะทำให้เพื่อนๆ สามารถซ่อนไฟล์ข้อความเข้าไปในไฟล์ภาพ JPEG ได้ภายในพริบตาครับ แถมยังสามารถถอดไฟล์ข้อความนั้นออกจากภาพได้อย่างง่ายดายอีกด้วย ชักสนใจแล้วใช่ไหมละครับ ?
สำหรับฟรีแวร์ตัวนี้มีชื่อเรียกว่า JP Hide And Seek (JPHS) ดาวน์โหลดได้จาก ftp://ftp.gwdg.de/pub/linux/misc/ppdd/jphs_05.zip โดยโปรแกรมจะแทรกไฟล์ข้อความ (Text file) เข้าไปในไฟล์ภาพ JPEG ได้โดยที่ขนาดไฟล์แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย เนื่องจากข้อความที่ถูกซ่อนจะได้รับการเข้ารหัส และมีพาสเวิร์ดป้องกันอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้น โอกาสที่ใครจะเปิดอ่านมันขึ้นมาได้ (ถ้าไม่รู้กันมาก่อน) ก็น้อยเต็มทีครับ หลังจากดาวน์โหลดไฟล์ และ unzip ออกมาแล้ว คุณจะได้ไฟล์โปรแกรม 3 ไฟล์ด้วยกันคือ jphide, jpseek และ jphswin โดย 2 ไฟล์แรกสามารถเรียกใช้งานในหน้าต่าง Command ได้ทันที ส่วนไฟล์โปรแกรม jphswin จะใช้สำหรับรันบนวินโดวส์ ซึ่งขั้นตอนการซ่อนไฟล์ข้อความก็ง่ายมาก หลังจากเปิดโปรแกรมขึ้นทำงานให้คลิ้กเมนู Open jpeg เลือกไฟล์ภาพที่ต้องการซ่อนข้อความ
โดยโปรแกรมจะแนะนำขนาดของไฟล์ข้อความที่สามารถซ่อนเข้าไปได้ด้วย ซึ่งรูปขนาดเล็กๆ อย่างสาวน้อยตากลมข้างบนนี้สามารถซ่อนไฟล์ได้แค่ 1KB เป็นต้น จากนั้นคลิ้กเมนู Hide โปรแกรมจะเปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Pass phrase เพื่อให้คุณพิมพ์รหัสผ่านสำหรับถอดไฟล์ข้อความออกมาได้ หลังจากกำหนดรหัสผ่านเสร็จแล้ว โปรแกรมจะให้คุณสืบค้นไฟล์ข้อความที่ต้องการซ่อนเข้าไปในรูป เมื่อเลือกเสร็จแล้ว ขั้นตอนสุดท้าย คือ เลือกคำสั่ง Save jpeg as เพื่อจัดเก็บเป็นไฟล์ใหม่ (แต่ถ้าต้องการเก็บทับก็เลือก Save jpeg) เพียงแค่นี้ คุณก็ได้ไฟล์ภาพที่ซ่อนข้อความเข้าไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนขั้นตอนการถอดไฟล์ข้อความออกจากไฟล์ภาพก็ใช้โปรแกรมเดียวกัน โดยคลิ้ก Open jpeg เพื่อเลือกไฟล์ภาพที่มีข้อความลับซ่อนอยู่ จากนั้นคลิ้กเมนู Seek โปรแกรมจะถามรหัสผ่าน เมื่อกรอกรหัสผ่านถูกต้อง โปรแกรมจะให้คุณตั้งชื่อไฟล์ข้อความ เพื่อจัดเก็บแยกต่างหากออกมา ง่ายดีไหมครับ ?
สำรองข้อมูลบนแผ่นซีดี แต่เปิดดูไม่ได้
อาทิตย์ที่แล้วนายเกาเหลากลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด ตั้งใจจะย้ายข้อมูลจากคอมพ์เครื่องเก่ามาใส่ลงเครื่องใหม่ที่กรุงเทพฯ โดยบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นซีดีอาร์ แต่พอมาเปิดบนคอมพ์เครื่องใหม่มันฟ้องว่า “Cyclic Redundancy Error” เลยเกิดไอเดียมาคุยให้เพื่อนๆ ฟังสำหรับข้อผิดพลาดที่แจ้งว่า Cyclic Redundancy Error หมายถึง ไดรฟ์ไม่สามารถอ่านแผ่นซีดี (หรือดีวีดี) ได้นั่นเอง ซึ่งข้อผิดพลาดลักษณะนี้อาจเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนเขียนแผ่นซีดี ซึ่งถ้าคุณพบว่า มันเป็นกับทุกแผ่น กลับไปที่บ้านต่างจังหวัดครั้งหน้า แนะนำให้ลองลดความเร็วในการเขียนข้อมูลลง แน่นอนว่า มันอาจจะใช้เวลาในการเขียนมากขึ้น แต่คุณจะได้แผ่นซีดีที่เปิดอ่านได้ชัวร์ อีกประเด็นหนึ่งก็คือ แผ่นซีดีอาร์ที่ใช้เริ่มเสื่อมประสิทธิภาพแล้ว ซึ่งปกติวงจรเขียนแผ่น (burner) จะยิงเลเซอร์ผ่านชั้นพลาสติกลงไปยังแผ่นโลหะบางที่อยู่ภายในซีดี โดนทั่วไปหากแผ่นซีดีอาร์ไม่ถูกนำมาใช้นานกว่า 2 ปี ชั้นแผ่นโลหะบางๆ ดังกล่าวก็จะเริ่มเสื่อมสภาพ ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการเขียนข้อมูล นอกจากนี้ ยังอาจมีสาเหตุมาจากแผ่นมีรอยขีดข่วนได้อีกด้วย
แนะนำว่า ครั้งต่อไปคุณควรตรวจสอบด้วยการเปิดดูข้อมูลบนแผ่นซีดี หรือดีวีดี หลังการเขียนทุกครั้ง และในกรณีที่คุณต้องทำสำรองแผ่นซีดีเก็บไว้ และไม่ค่อยได้ใช้งาน ก็ควรจะทำก๊อบปี้ใหม่ทุกๆ สองปี เนื่องจากแสงสว่างที่ตกกระทบแผ่นจะเป็นตัวเร่งให้พวกมันเสื่อมเร็วขึ้น หรือถ้าจะให้ดีคุณก็ควรเก็บแผ่นซีดีที่สำรองข้อมูลไว้ในกล่องมิดชิด เพื่อช่วยให้พวกมันคงสภาพการใช้งานได้นานขึ้นครับ
PS/2 Port เรื่องไม่ลับที่น่ารู้
ปิดท้ายกับคำศัพท์ PS/2 Port ซึ่งนายเกาเหลาเชื่อว่า คุณผู้อ่านหลายๆ ท่านน่าจะเคยได้ยินคำนี้มาบ้างแล้ว แต่ทราบจริงๆ หรือไม่ว่า พอร์ต PS/2 คืออะไรกันแน่ ? และมันสำคัญ อย่างไร เรามาทำความรู้จักกับพวกมันมากขึ้นอีกสักนิดดีกว่าครับโดยทั่วไป พอร์ต PS/2 จะเป็นที่รู้จักกันในฐานะของช่องเชื่อมต่อสำหรับเมาส์ เนื่องมันเป็นพอร์ตพิเศษที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อเมาส์ หรือคีย์บอร์ดเข้ากับคอมพิวเตอร์ พอร์ตชนิดนี้จะทำงานร่วมกับปลั๊ก DIN ขนาดเล็กที่ภายในมีเข็มสัญญาณ 6 เข็ม เรียงตัวกันเป็นวง นอกจากนี้เราสามารถจดจำหน้าที่ของพอร์ต PS/2 จากสีของมันก็ได้ โดยพอร์ตที่เชื่อมต่อกับเมาส์จะใช้สีเขียว ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นสีม่วง
พอร์ตอีกชนิดหนึ่งที่มีการทำงานใกล้เคียงกับ PS/2 ก็คือ พอร์ตสื่อสารแบบอนุกรม (serial port) ซึ่งสามารถใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้เหมือนกัน เช่น โมเด็ม เป็นต้น ทั้งนี้เนื่องจากพอร์ตอนุกรมจะมีขีดความสามารถในการทำงานที่เหนือกว่า ดังนั้น พอร์ต PS/2 จึงเหมาะกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กกว่า และมีการทำงานที่ไม่ซับซ้อนอย่างเช่น เมาส์ และคีย์บอร์ด เท่านั้น พอร์ต PS/2 ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท IBM และคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะมีพอร์ต PS/2 ให้ 2 ช่อง เพื่อเชื่อมต่อกับเมาส์ และคีย์บอร์ด นั่นเอง อย่างไรก็ดี ปัจจุบันพอร์ตยอดฮิตที่รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้มากมาย ซึ่งรวมถึงเมาส์ และคีย์บอร์ดก็คงจะหนีไม่พ้น USB ครับ
100 Tips การใช้งานคอมพิวเตอร์ในแบบที่ไม่ซ้ำใคร (10)
91. ช่วยด้วย ไดรเวอร์เครื่องพิมพ์หายหากเกิดปัญหาไดรเวอร์เครื่องพิมพ์สูญหายจากเครื่องคอมพ์ของเราโดยไม่ทราบสาเหตุ วิธีแก้อย่างแรกก็คือ ไปดาวนโหลดไดรเวอร์จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ครับ ส่วนอีกวิธีที่สามารถป้องกันได้ก็คือ หาโปรแกรมสำหรับแบ็กอัพไดรเวอร์อุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครื่องเก็บไว้ หากไดรเวอร์หายอีกก็สามารถเรียกขึ้นมาใช้ได้ทันที
92. พิมพ์ซองจดหมายแบบนี้สิ... ฝีมือวิธีพิมพ์ซองจดหมายง่ายๆ เริ่มต้นไปตั้งค่าใน Word ก่อน คคลิ้กคำสั่ง แฟ้ม ต่อมาคลิ้กคำสั่ง สร้างแล้วเลือก Envelope Wizard เพียงเท่านี้เราก็สร้างซองจดหมายได้แล้ว สำหรับการพิมพ์ให้เราเลือกกระดาษก่อนพิมพ์เป็น Letter จากนั้นให้เราใส่ซองจดหมายสู่เครื่องพิมพ์ สังเกตง่ายๆ ที่ถาดใส่กระดาษมีสัญลักษณ์รูปซองจดหมายให้เราดูตามรูป เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วครับผม
93. เลือกเครื่องพิมพ์ให้เหมาะกับตัวเองวิธีการเลือกเครื่องพิมพ์แบบอิงก์เจ็ตให้เหมาะกับตัวเอง ขั้นแรกเราต้องถามว่า จะเอาไปใช้งานอะไร เน้นการพิมพ์ภาพหรือไม่ จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องรองรับการพิมพ์กระดาษขนาดใหญ่มากๆ อย่าง A3 หากเราต้องการเครื่องพิมพ์ที่ไว้ใช้ในบ้านก็น่าจะเป็นเครื่องพิมพ์ไม่ใหญ่เกินไป เพราะด้วยเนื้อที่ในการวางเครื่องจำกัด และถ้าเน้นการพิมพ์ภาพก็ต้องเลือกเครื่องพิมพ์ประเภท Photo ที่มีความสามารถในการพิมพ์ภาพที่คมชัด เพราะคุณต้องการพิมพ์รูปจากกล้องดิจิตอลทันที แต่ถ้าใครอยากได้ทั้งเครื่องพิมพ์และสแกนเนอร์ด้วยแล้ว ก็ขอแนะนำให้เลือกใช้บริการเครื่องพิมพ์แบบ All in one ที่มีความสามารถทั้งพิมพ์ภาพได้ และเป็นสแกนเนอร์ได้ในตัว ต่อมากสิ่งที่จะดูกันก็คือ ราคาหมึกของแต่ละยี่ห้อว่า ตลับหมึกมีราคาสูงมากน้อยเพียงใด แล้วลองเปรียบเทียบกันดูครับ สุดท้ายก็อย่าลืมเรื่องการรับประกันหลังการขายนะครับผม อันนี้สำคัญมาก
94. สแปมเมอร์ส่งรูปแทนข้อความ หลบตัวกรองเมล์ขยะคุณผู้อ่านทราบกันหรือยังครับว่า ขณะนี้สแปมเมอร์กำลังแพร่ขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากข้อความของพวกเขาสามารถผ่านตัวกรอง (Filter) อีเมล์ได้ โดยการส่งสแปมเมล์เป็นรูปภาพ (Images) แทนข้อความ (Text)
การส่งรูปภาพแทนข้อความในสแปมเมล์ทำให้พวกมันสามารถผ่านตัวกรองที่ไม่ฉลาดนักไปได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรู้ว่า มีข้อความอะไรอยู่ในไฟล์กราฟิกที่มากับเมล์ ซึ่งมันเป็นไปได้ตั้งแต่ไฟล์ภาพไร้สาระ งานวันเกิดเพื่อน หรือข้อความขายยาไวอะกร้าที่อยู่ในรูปของภาพกราฟิก พัฒนาการที่เกิดขึ้นทำให้สงครามระหว่างสแปมเมอร์กับนักพัฒนาฟิลเตอร์ทวีความรุนแรงอีกครั้ง เมื่อซอฟต์แวร์ตรวจจับเมล์ขยะมีความฉลาดมากขึ้น สแปมเมอร์ก็ต้องหาวิธีที่ฉลาดกว่าในการหลอกฟิลเตอร์ เพื่อให้ตัวเองหลุดรอดผ่านเข้าไปในเมล์บ็อกซ์ของเหยื่อได้ ถึงแม้สแปมพวกเภทนี้จะไม่ได้สร้างความอันตรายในระดับร้ายแรง แต่ก็เป็นสแปมที่สร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้
ซึ่งการแก้ไขสามารถทำได้ในลักษณะของการตั้งคำสั่งบล็อกการรับรูปภาพและไฟล์ที่แนบมากับเมล์ เช่นใน Outlook Express สามารถตั้งค่าได้โดยคลิ้กเมนู Tools -> Options -> Security คลิ้กเลือก Block images and other external content in HTML e-mail แต่ข้อเสียของวิธีนี้คือ จะทำให้เราไม่สามารถรูปภาพหรือไฟล์ที่แนบมากับเมล์ได้เลย ดังนั้นวิธีการพิจารณาก่อนเปิดอีเมล์ที่แนบไฟล์รูปจึงน่าจะเป็นวิธีการที่ดีกว่า
95. ตั้ง Group ให้แชร์โฟลเดอร์อย่างปลอดภัยเป็นที่ทราบกันดีว่าฟังก์ชันการแชร์ข้อมูลช่วยทำให้เราสามารถแบ่งปันข้อมูลให้แก่กัน แต่บนความสะดวกก็แฝงไปด้วยปัญหาเรื่องความปลอดภัย ทิปนี้นายเกาเหลาจึงขอนำเสนอวิธีการแชร์โฟลเดอร์อย่างปลอดภัย ด้วยการตั้งรหัสผ่านสำหรับเข้าใช้งานโฟลเดอร์ ขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยาก แค่เปิด Windows explore แล้วเลือกเมนู Tools -> Folder Options เลือกแท็บเมนู View จากนั้นให้เอาเครื่องหมายถูกที่ User Simple File Sharing (Recommended) ออก จากนั้นกดปุ่ม OK ต่อมาก็ไปเลือกโฟลเดอร์ที่เราจะแชร์ แล้วคลิ้กเมาส์ขวาเลือก Sharing and Security
สำหรับวิธีการสร้างรายชื่อผู้มีสิทธิ์นั้นให้เปิดหน้าต่าง Control Panel ขึ้นมาแล้วคลิ้กเลือก Administrative Tools -> Computer Management ต่อมาเลือก Local Users and Group ทางด้านซ้ายมือ จากนั้นให้เราคลิ้กขวาที่หน้าต่างทางด้านขวาเลือกโฟลเดอร์ Users แล้วคลิ้กขวา New User แล้วก็ตั้งชื่อ พร้อมกับรหัสผ่านให้กับชื่อนั้น จากนั้นก็นำรายชื่อที่เราสร้างนี้ ไปใช้กับการแชร์โฟลเดอร์ในข้างต้น เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย
96. Index.dat กับความเป็นส่วนตัว?หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า URL หรือแอดเดรสของเว็บไซต์ต่างๆ ที่คุณไปเยี่ยมชมมาแล้วจะไม่สามารถถูกค้นพบได้อีก หากพวกมันถูกลบออกจากไดเรกทอรี History และ Temporary Internet Files ไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วข้อมูลเหล่านั้นยังคงถูกเก็บไว้ในไฟล์ลึกลับขนาดหลายเมกะไบต์ พร้อมทั้งถูกซุกซ่อนไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะยังไม่ทราบว่า เวลาท่องเน็ตด้วย IE แอดเดรสของเว็บไซต์ต่างๆ ที่คุณเข้าไปเยี่ยมชมจะถูกจัดเก็บไว้ในไฟล์ที่ถูกซ่อนไว้ (hidden file) ด้วยชื่อว่า index.dat โดยไฟล์ดังกล่าวจะอยู่ในไดเรกทอรี Temporary Internet Files, Cookies และ History ซึ่งไดเรกทอรีย่อยเหล่านี้จะอยู่ใต้ไดเรกทอรี Windows อีกทีหนึ่ง
ดังนั้น ภารกิจสำคัญที่คุณต้องทำเพิ่มนอกเหนือจากการลบ URL ออกจากไดเรกทอรีทั้ง 2 ก็คือ การลบไฟล์ Index.dat ซึ่งมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ให้เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ กดปุ่ม F8 หรือ F5 เพื่อเข้าสู่เมนูออปชันสำหรับการบูตเครื่อง เลือก Safe mode with command prompt ล็อกอินเป็น Administrator พิมพ์คำสั่ง del index.dat /s (สั่งลบไฟล์ index.dat ในทุกไดเรกทอรี) แล้วกดปุ่ม Enter แล้วรีสตาร์ตเครื่องคอมพิวเตอร์ เพียงแค่นี้ ไฟล์ index.dat ก็จะถูกลบออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว
97. ระวัง!!! ไฟล์แนบเอกสาร Word 2003มีคำเตือนจากไมโครซอฟท์ แจ้งเตือนผู้ใช้ Windows ให้ระวังเป็นพิเศษเวลาเปิดอีเมล์ที่มีไฟล์แนบเป็นไฟล์เอกสาร Microsoft Word เนื่องจากมีภัยคุกคามใหม่ล่าสุดที่จ้องเล่นงานผู้ใช้ผ่านออนไลน์ โดยอาศัยช่องโหว่ทางด้านระบบรักษาความปลอดภัยของโปรแกรมเวิร์ดช่องโหว่ดังกล่าวจะมีอยู่ใน Word XP และ Word 2003 โดย Secunia
บริษัทผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยจัดอันดับความร้ายแรงของช่องโหว่ที่พบนี้ในระดับสูงสุด (Extreme Critical) ในขณะที่ Symantec จัดอันดับความร้ายแรงในระดับ 2 เท่านั้น (ระดับสูงสุดคือ 4) หลังจากที่พบโปรแกรมม้าโทรจันอย่างน้อย 2 ตัวแพร่กระจายบนเน็ต โดยอาศัยช่องโหว่ในการติดตั้งตัวเองเข้าไปในระบบ และควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดเข้าไปโดยสมบูรณ์ Symantec เรียกม้าโทรจันทั้งสองตัวว่า Backdoor.Ginwui และ Trojan.Mdropper.H
อย่างไรก็ดี ทางไมโครซอฟท์ระบุว่า โปรแกรม Word Viewer ไม่ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่นี้ ดังนั้นการเปิดไฟล์เอกสารแนบด้วยโปรแกรม Word Viewer น่าจะเป็นไอเดียที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ใช้ ซึ่งการโจมตีผ่านช่องโหว่ดังกล่าวกำลังเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น นายเกาเหลาจึงขอแนะนำแหล่งดาวน์โหลดตัวแก้ไขได้ฟรีจาก http://www.microsoft.com/downloads/details.aspx?familyid=95E24C87-8732-48D5-8689-AB826E7B8FDF&displaylang=en
98. เพื่อความปลอดภัยที่มากกว่า ต้องรัน Word ใน ‘Safe mode’ รายงานข่าวแจ้งว่า ไมโครซอฟท์แนะนำผู้ใช้ Word XP และ Word 2003 ให้รันแอพพลิเคชันใน Safe Mode เพื่อป้องกันการโจมตีช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สั่งรันโปรแกรมอันตรายได้ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้ช่องโหว่ที่พบโดยหลังจากผู้ใช้เปิดไฟล์เวิร์ดที่ได้รับการดัดแปลงให้เรียกใช้ออบเจ็กต์ที่มีปัญหา ซึ่งทำให้หน่วยความจำบริเวณดังกล่าวสามารถเขียนทับ และสั่งรันโค้ดอันตรายได้ ช่องโหว่ที่ว่านี้ยังสามารถส่งผ่านไปทางอีเมล์ หรือหน้าเว็บได้อีกด้วย โดยจะพยายามหลอกให้ผู้ใช้เปิดไฟล์เอกสารที่ดัดแปลงให้ใช้ช่องโหว่นี้
สำหรับช่องโหว่ที่พบนี้จะกระทบกับซอฟต์แวร์ Microsoft Office Word 2002 (XP) และ 2003 ซึ่งจนกว่าช่องโหว่เหล่านี้จะถูกแก้ไข ทางไมโครซอฟท์แนะนำให้ลูกค้าเปิดโปรแกรมใน Safe Mode โดยในขั้นแรกให้ยกเลิกการใช้โปรแกรม Word เป็น Mail editor โดยในโปรแกรม Outlook คลิ้กเมนู Tools -> Options แล้วคลิ้กแท็บ Mail Format ยกเลิกเช็กบ็อกซ์หน้าข้อความ Use Microsoft Word to edit e-mail messages และ Use Microsoft Word to read Rich Text e-mail messages ออกจากโปรแกรม Outlook แล้วรีสตาร์ตวินโดวส์ ขั้นตอนต่อมาก็คือ สร้างชอร์ตคัตสำหรับเรียกใช้ Word ใน Safe Mode โดยคลิ้กขวาบนพื้นที่ว่างของเดสก์ทอป เลือกคำสั่ง New/Shortcut คลิ้ก Browse เพื่อสืบค้นไฟล์โปรแกรม winword.exe ในช่อง Type the location of the Item: จากนั้นเพิ่มคำว่า /safe ต่อท้ายดังรูป คลิ้กปุ่ม Next แล้วตั้งชื่อชอร์ทคัตเป็น WORD Safe Mode เป็นอันเรียบร้อย
99. ตั้งค่าความปลอดภัยในวินโดวส์การตั้งค่าความปลอดภัยนั้นไม่ยากเลย เริ่มแรกที่ทาส์กบาร์ด้านมุมขวาล่างจะเห็นรูปโล่ห์สีแดงให้ดับเบิลคลิ้ก แล้วเปิดการใช้งาน Firewall จากนั้นให้เปิดการทำงานของ Automatic Update เพื่ออัพเดตระบบความปลอดภัยต่างๆ จากเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ จะช่วยให้เรารอดพ้นจากไวรัสต่าง ๆ หรือการโจมตีทางอินเทอร์เน็ตได้ระดับหนึ่ง สุดท้ายก็อย่าลืมติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัสไว้ด้วย อันนี้สำคัญมากๆ เพราะลำพังไฟร์วอล์ของระบบช่วยได้ไม่เยอะครับ
100. ไวรัสมือถือระบบปฏิบัติการ Symbian เป็นที่นิยมในมือถือมาก และยังเป็นของเล่นสนุกของคนชอบปล่อยไวรัสอีกด้วย แล้วจะทำยังไงถ้ามือถือเราติดไวรัส วิธีการแก้ไขคือ ติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัสสำหรับมือถือ โดยสามารถค้นหาได้ทางอินเทอร์เนต ต่อมาถ้าสแกนแล้วมือถือเรายังรวนๆ อยู่ ก็คงต้องฮาร์ดรีเซตเครื่องครับ และลงโปรแกรมใหม่ สุดท้ายเป็นวิธีป้องกันคือ อย่าเปิดบลูทูธตลอดเวลา และอย่ารับไฟล์จากคนที่ไม่รู้จัก หรืออย่าเปิดอ่านข้อความจากเบอร์โทรที่คุณไม่คุ้นเคยด้วยเช่นกัน เพียงเท่านี้คุณก็ปลอดภัยจากไวรัสมือถือแล้วครับผมมาถึงย่อหน้าสุดท้ายอย่างนี้แล้ว (เฮ้อ!) ก็แสดงว่า ได้เวลาล่ำลากันไปตามระเบียบ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนึ่งร้อยทิปที่ผมและกองบรรณาธิการนำเสนอไปนี้ จะช่วยให้คุณผู้อ่านที่น่ารักยิ่ง นำไปใช้และเพิ่มพูนความรู้ ให้เป็น GURU ได้ไม่ยาก
92. พิมพ์ซองจดหมายแบบนี้สิ... ฝีมือวิธีพิมพ์ซองจดหมายง่ายๆ เริ่มต้นไปตั้งค่าใน Word ก่อน คคลิ้กคำสั่ง แฟ้ม ต่อมาคลิ้กคำสั่ง สร้างแล้วเลือก Envelope Wizard เพียงเท่านี้เราก็สร้างซองจดหมายได้แล้ว สำหรับการพิมพ์ให้เราเลือกกระดาษก่อนพิมพ์เป็น Letter จากนั้นให้เราใส่ซองจดหมายสู่เครื่องพิมพ์ สังเกตง่ายๆ ที่ถาดใส่กระดาษมีสัญลักษณ์รูปซองจดหมายให้เราดูตามรูป เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วครับผม
93. เลือกเครื่องพิมพ์ให้เหมาะกับตัวเองวิธีการเลือกเครื่องพิมพ์แบบอิงก์เจ็ตให้เหมาะกับตัวเอง ขั้นแรกเราต้องถามว่า จะเอาไปใช้งานอะไร เน้นการพิมพ์ภาพหรือไม่ จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องรองรับการพิมพ์กระดาษขนาดใหญ่มากๆ อย่าง A3 หากเราต้องการเครื่องพิมพ์ที่ไว้ใช้ในบ้านก็น่าจะเป็นเครื่องพิมพ์ไม่ใหญ่เกินไป เพราะด้วยเนื้อที่ในการวางเครื่องจำกัด และถ้าเน้นการพิมพ์ภาพก็ต้องเลือกเครื่องพิมพ์ประเภท Photo ที่มีความสามารถในการพิมพ์ภาพที่คมชัด เพราะคุณต้องการพิมพ์รูปจากกล้องดิจิตอลทันที แต่ถ้าใครอยากได้ทั้งเครื่องพิมพ์และสแกนเนอร์ด้วยแล้ว ก็ขอแนะนำให้เลือกใช้บริการเครื่องพิมพ์แบบ All in one ที่มีความสามารถทั้งพิมพ์ภาพได้ และเป็นสแกนเนอร์ได้ในตัว ต่อมากสิ่งที่จะดูกันก็คือ ราคาหมึกของแต่ละยี่ห้อว่า ตลับหมึกมีราคาสูงมากน้อยเพียงใด แล้วลองเปรียบเทียบกันดูครับ สุดท้ายก็อย่าลืมเรื่องการรับประกันหลังการขายนะครับผม อันนี้สำคัญมาก
94. สแปมเมอร์ส่งรูปแทนข้อความ หลบตัวกรองเมล์ขยะคุณผู้อ่านทราบกันหรือยังครับว่า ขณะนี้สแปมเมอร์กำลังแพร่ขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากข้อความของพวกเขาสามารถผ่านตัวกรอง (Filter) อีเมล์ได้ โดยการส่งสแปมเมล์เป็นรูปภาพ (Images) แทนข้อความ (Text)
การส่งรูปภาพแทนข้อความในสแปมเมล์ทำให้พวกมันสามารถผ่านตัวกรองที่ไม่ฉลาดนักไปได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรู้ว่า มีข้อความอะไรอยู่ในไฟล์กราฟิกที่มากับเมล์ ซึ่งมันเป็นไปได้ตั้งแต่ไฟล์ภาพไร้สาระ งานวันเกิดเพื่อน หรือข้อความขายยาไวอะกร้าที่อยู่ในรูปของภาพกราฟิก พัฒนาการที่เกิดขึ้นทำให้สงครามระหว่างสแปมเมอร์กับนักพัฒนาฟิลเตอร์ทวีความรุนแรงอีกครั้ง เมื่อซอฟต์แวร์ตรวจจับเมล์ขยะมีความฉลาดมากขึ้น สแปมเมอร์ก็ต้องหาวิธีที่ฉลาดกว่าในการหลอกฟิลเตอร์ เพื่อให้ตัวเองหลุดรอดผ่านเข้าไปในเมล์บ็อกซ์ของเหยื่อได้ ถึงแม้สแปมพวกเภทนี้จะไม่ได้สร้างความอันตรายในระดับร้ายแรง แต่ก็เป็นสแปมที่สร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้
ซึ่งการแก้ไขสามารถทำได้ในลักษณะของการตั้งคำสั่งบล็อกการรับรูปภาพและไฟล์ที่แนบมากับเมล์ เช่นใน Outlook Express สามารถตั้งค่าได้โดยคลิ้กเมนู Tools -> Options -> Security คลิ้กเลือก Block images and other external content in HTML e-mail แต่ข้อเสียของวิธีนี้คือ จะทำให้เราไม่สามารถรูปภาพหรือไฟล์ที่แนบมากับเมล์ได้เลย ดังนั้นวิธีการพิจารณาก่อนเปิดอีเมล์ที่แนบไฟล์รูปจึงน่าจะเป็นวิธีการที่ดีกว่า
95. ตั้ง Group ให้แชร์โฟลเดอร์อย่างปลอดภัยเป็นที่ทราบกันดีว่าฟังก์ชันการแชร์ข้อมูลช่วยทำให้เราสามารถแบ่งปันข้อมูลให้แก่กัน แต่บนความสะดวกก็แฝงไปด้วยปัญหาเรื่องความปลอดภัย ทิปนี้นายเกาเหลาจึงขอนำเสนอวิธีการแชร์โฟลเดอร์อย่างปลอดภัย ด้วยการตั้งรหัสผ่านสำหรับเข้าใช้งานโฟลเดอร์ ขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยาก แค่เปิด Windows explore แล้วเลือกเมนู Tools -> Folder Options เลือกแท็บเมนู View จากนั้นให้เอาเครื่องหมายถูกที่ User Simple File Sharing (Recommended) ออก จากนั้นกดปุ่ม OK ต่อมาก็ไปเลือกโฟลเดอร์ที่เราจะแชร์ แล้วคลิ้กเมาส์ขวาเลือก Sharing and Security
สำหรับวิธีการสร้างรายชื่อผู้มีสิทธิ์นั้นให้เปิดหน้าต่าง Control Panel ขึ้นมาแล้วคลิ้กเลือก Administrative Tools -> Computer Management ต่อมาเลือก Local Users and Group ทางด้านซ้ายมือ จากนั้นให้เราคลิ้กขวาที่หน้าต่างทางด้านขวาเลือกโฟลเดอร์ Users แล้วคลิ้กขวา New User แล้วก็ตั้งชื่อ พร้อมกับรหัสผ่านให้กับชื่อนั้น จากนั้นก็นำรายชื่อที่เราสร้างนี้ ไปใช้กับการแชร์โฟลเดอร์ในข้างต้น เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย
96. Index.dat กับความเป็นส่วนตัว?หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า URL หรือแอดเดรสของเว็บไซต์ต่างๆ ที่คุณไปเยี่ยมชมมาแล้วจะไม่สามารถถูกค้นพบได้อีก หากพวกมันถูกลบออกจากไดเรกทอรี History และ Temporary Internet Files ไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วข้อมูลเหล่านั้นยังคงถูกเก็บไว้ในไฟล์ลึกลับขนาดหลายเมกะไบต์ พร้อมทั้งถูกซุกซ่อนไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะยังไม่ทราบว่า เวลาท่องเน็ตด้วย IE แอดเดรสของเว็บไซต์ต่างๆ ที่คุณเข้าไปเยี่ยมชมจะถูกจัดเก็บไว้ในไฟล์ที่ถูกซ่อนไว้ (hidden file) ด้วยชื่อว่า index.dat โดยไฟล์ดังกล่าวจะอยู่ในไดเรกทอรี Temporary Internet Files, Cookies และ History ซึ่งไดเรกทอรีย่อยเหล่านี้จะอยู่ใต้ไดเรกทอรี Windows อีกทีหนึ่ง
ดังนั้น ภารกิจสำคัญที่คุณต้องทำเพิ่มนอกเหนือจากการลบ URL ออกจากไดเรกทอรีทั้ง 2 ก็คือ การลบไฟล์ Index.dat ซึ่งมีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ให้เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ กดปุ่ม F8 หรือ F5 เพื่อเข้าสู่เมนูออปชันสำหรับการบูตเครื่อง เลือก Safe mode with command prompt ล็อกอินเป็น Administrator พิมพ์คำสั่ง del index.dat /s (สั่งลบไฟล์ index.dat ในทุกไดเรกทอรี) แล้วกดปุ่ม Enter แล้วรีสตาร์ตเครื่องคอมพิวเตอร์ เพียงแค่นี้ ไฟล์ index.dat ก็จะถูกลบออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว
97. ระวัง!!! ไฟล์แนบเอกสาร Word 2003มีคำเตือนจากไมโครซอฟท์ แจ้งเตือนผู้ใช้ Windows ให้ระวังเป็นพิเศษเวลาเปิดอีเมล์ที่มีไฟล์แนบเป็นไฟล์เอกสาร Microsoft Word เนื่องจากมีภัยคุกคามใหม่ล่าสุดที่จ้องเล่นงานผู้ใช้ผ่านออนไลน์ โดยอาศัยช่องโหว่ทางด้านระบบรักษาความปลอดภัยของโปรแกรมเวิร์ดช่องโหว่ดังกล่าวจะมีอยู่ใน Word XP และ Word 2003 โดย Secunia
บริษัทผู้เชี่ยวชาญระบบรักษาความปลอดภัยจัดอันดับความร้ายแรงของช่องโหว่ที่พบนี้ในระดับสูงสุด (Extreme Critical) ในขณะที่ Symantec จัดอันดับความร้ายแรงในระดับ 2 เท่านั้น (ระดับสูงสุดคือ 4) หลังจากที่พบโปรแกรมม้าโทรจันอย่างน้อย 2 ตัวแพร่กระจายบนเน็ต โดยอาศัยช่องโหว่ในการติดตั้งตัวเองเข้าไปในระบบ และควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดเข้าไปโดยสมบูรณ์ Symantec เรียกม้าโทรจันทั้งสองตัวว่า Backdoor.Ginwui และ Trojan.Mdropper.H
อย่างไรก็ดี ทางไมโครซอฟท์ระบุว่า โปรแกรม Word Viewer ไม่ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่นี้ ดังนั้นการเปิดไฟล์เอกสารแนบด้วยโปรแกรม Word Viewer น่าจะเป็นไอเดียที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ใช้ ซึ่งการโจมตีผ่านช่องโหว่ดังกล่าวกำลังเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น นายเกาเหลาจึงขอแนะนำแหล่งดาวน์โหลดตัวแก้ไขได้ฟรีจาก http://www.microsoft.com/downloads/details.aspx?familyid=95E24C87-8732-48D5-8689-AB826E7B8FDF&displaylang=en
98. เพื่อความปลอดภัยที่มากกว่า ต้องรัน Word ใน ‘Safe mode’ รายงานข่าวแจ้งว่า ไมโครซอฟท์แนะนำผู้ใช้ Word XP และ Word 2003 ให้รันแอพพลิเคชันใน Safe Mode เพื่อป้องกันการโจมตีช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สั่งรันโปรแกรมอันตรายได้ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้ช่องโหว่ที่พบโดยหลังจากผู้ใช้เปิดไฟล์เวิร์ดที่ได้รับการดัดแปลงให้เรียกใช้ออบเจ็กต์ที่มีปัญหา ซึ่งทำให้หน่วยความจำบริเวณดังกล่าวสามารถเขียนทับ และสั่งรันโค้ดอันตรายได้ ช่องโหว่ที่ว่านี้ยังสามารถส่งผ่านไปทางอีเมล์ หรือหน้าเว็บได้อีกด้วย โดยจะพยายามหลอกให้ผู้ใช้เปิดไฟล์เอกสารที่ดัดแปลงให้ใช้ช่องโหว่นี้
สำหรับช่องโหว่ที่พบนี้จะกระทบกับซอฟต์แวร์ Microsoft Office Word 2002 (XP) และ 2003 ซึ่งจนกว่าช่องโหว่เหล่านี้จะถูกแก้ไข ทางไมโครซอฟท์แนะนำให้ลูกค้าเปิดโปรแกรมใน Safe Mode โดยในขั้นแรกให้ยกเลิกการใช้โปรแกรม Word เป็น Mail editor โดยในโปรแกรม Outlook คลิ้กเมนู Tools -> Options แล้วคลิ้กแท็บ Mail Format ยกเลิกเช็กบ็อกซ์หน้าข้อความ Use Microsoft Word to edit e-mail messages และ Use Microsoft Word to read Rich Text e-mail messages ออกจากโปรแกรม Outlook แล้วรีสตาร์ตวินโดวส์ ขั้นตอนต่อมาก็คือ สร้างชอร์ตคัตสำหรับเรียกใช้ Word ใน Safe Mode โดยคลิ้กขวาบนพื้นที่ว่างของเดสก์ทอป เลือกคำสั่ง New/Shortcut คลิ้ก Browse เพื่อสืบค้นไฟล์โปรแกรม winword.exe ในช่อง Type the location of the Item: จากนั้นเพิ่มคำว่า /safe ต่อท้ายดังรูป คลิ้กปุ่ม Next แล้วตั้งชื่อชอร์ทคัตเป็น WORD Safe Mode เป็นอันเรียบร้อย
99. ตั้งค่าความปลอดภัยในวินโดวส์การตั้งค่าความปลอดภัยนั้นไม่ยากเลย เริ่มแรกที่ทาส์กบาร์ด้านมุมขวาล่างจะเห็นรูปโล่ห์สีแดงให้ดับเบิลคลิ้ก แล้วเปิดการใช้งาน Firewall จากนั้นให้เปิดการทำงานของ Automatic Update เพื่ออัพเดตระบบความปลอดภัยต่างๆ จากเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ จะช่วยให้เรารอดพ้นจากไวรัสต่าง ๆ หรือการโจมตีทางอินเทอร์เน็ตได้ระดับหนึ่ง สุดท้ายก็อย่าลืมติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัสไว้ด้วย อันนี้สำคัญมากๆ เพราะลำพังไฟร์วอล์ของระบบช่วยได้ไม่เยอะครับ
100. ไวรัสมือถือระบบปฏิบัติการ Symbian เป็นที่นิยมในมือถือมาก และยังเป็นของเล่นสนุกของคนชอบปล่อยไวรัสอีกด้วย แล้วจะทำยังไงถ้ามือถือเราติดไวรัส วิธีการแก้ไขคือ ติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัสสำหรับมือถือ โดยสามารถค้นหาได้ทางอินเทอร์เนต ต่อมาถ้าสแกนแล้วมือถือเรายังรวนๆ อยู่ ก็คงต้องฮาร์ดรีเซตเครื่องครับ และลงโปรแกรมใหม่ สุดท้ายเป็นวิธีป้องกันคือ อย่าเปิดบลูทูธตลอดเวลา และอย่ารับไฟล์จากคนที่ไม่รู้จัก หรืออย่าเปิดอ่านข้อความจากเบอร์โทรที่คุณไม่คุ้นเคยด้วยเช่นกัน เพียงเท่านี้คุณก็ปลอดภัยจากไวรัสมือถือแล้วครับผมมาถึงย่อหน้าสุดท้ายอย่างนี้แล้ว (เฮ้อ!) ก็แสดงว่า ได้เวลาล่ำลากันไปตามระเบียบ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนึ่งร้อยทิปที่ผมและกองบรรณาธิการนำเสนอไปนี้ จะช่วยให้คุณผู้อ่านที่น่ารักยิ่ง นำไปใช้และเพิ่มพูนความรู้ ให้เป็น GURU ได้ไม่ยาก
100 Tips การใช้งานคอมพิวเตอร์ในแบบที่ไม่ซ้ำใคร (9)
81. เทคนิคการประหยัดหมึกการใช้งานเครื่องพิมพ์นั้น อยากรู้มั้ยครับว่า ทำอย่างไรถึงจะประหยัดหมึก ซึ่งก็ต้องบอกว่า มีอยู่หลายวิธี วิธีแรกก็คือ ควรเลือกกระดาษให้ตรงกับการใช้งานเช่น ถ้าเราต้องการพิมพ์งานที่เป็นข้อความธรรมดาทั่วไป ก็ให้เลือกกระดาษขณะส่งพิมพ์เป็น Plain Text เพราะเป็นกระดาษธรรมดา ส่วนถ้าต้องการพิมพ์รูปภาพก็ควรเลือกประเภทกระดาษ Glossy วิธีต่อมาหลังจากเลือกกระดาษให้ถูกกับงานพิมพ์แล้ว ก็ต้องปรับแต่งค่างานพิมพ์ด้วย ถ้าต้องการพิมข้อความก็ให้เลือกงานพิมพ์เป็นแบบ Text ส่วนถ้าพิมพ์รูปภาพให้เลือกตั้งค่าความละเอียดของภาพในเครื่องพิมพ์ โดยจะมีค่าดังนี้
- Photo ใช้ในกรณีที่ต้องการได้งานพิมพ์ที่คมชัด
- Fine .ใช้ในกรณีที่ต้องการประหยัดหมึก แต่ยังคงความคมชัดของภาพอยู่
- Draft ใช้ในกรณีที่ต้องการดูภาพแบบคร่าว ไม่ต้องการรายละเอียดมากสักเท่าไร
- Text ใช้ในกรณีพิมพ์งานแบบข้อความ
82. เคล็ดลับการพิมพ์ลงหน้าแผ่นซีดีถ้าหากคุณสามารถสกรีนหน้าแผ่นซีดีของคุณให้ได้แบบตามที่คุณต้องการแล้วคงจะไม่ดีน้อยนะครับ เราก็มีเคล็ด (ไม่) ลับมาฝาก จริงๆ ก็ไม่ยากนะครับ เครื่องพิมพ์ในสมัยนี้บางรุ่น บางยี่ห้อสามารถพิมพ์สกรีนลงหน้าแผ่นซีดีได้ ลองตรวจดูในกล่องพรินเตอร์ของคุณแล้วกันว่า มีถาดที่ไว้สำหรับใส่ซีดีหรือเปล่า ? ถ้ามีก็ติดตั้งโปรแกรมในแผ่น จากนั้นก็ไปหาซื้อแผ่นซีดีที่เรียกว่า CD Printable มีราคาไม่ถึง 10 บาทครับ เพียงเท่านี้คุณก็ทำอัลบั้มเพลงส่วนตัวได้แล้วจ้า หรือทำให้คนรักในวันสำคัญๆ ก็ได้นะครับ
83. ตลับหมึกเก่าเอาไปทำอะไรดีสำหรับตลับหมึกที่ใช้หมดแล้วถ้าคุณใช้อยู่ที่ออฟฟิศคงต้องส่งซากคืนฝ่ายจัดซื้อ แต่ถ้าเป็นที่บ้านคุณก็คงทิ้งขยะตามระเบียบ ตอนนี้ก็มีผู้ผลิตตลับหมึกบางยี่ห้อได้จัดโครงการรีไซเคิลตลับหมึก โดยจะนำตลับหมึกที่ใช้แล้วไปรีไซเคิลเป็นของใช้ใหม่ ลองติดตามดูตามห้างไอทีนะครับ จะมีกล่องรับบริจาคอยู่ เพราะน่าจะเป็นประโยชน์กว่าการโยนทิ้งถังขยะหน้าบ้าน
84. การพิมพ์แบบไร้ขอบตอนนี้แทบทุกบ้านคงจะมีกล้องดิจิตอลอย่างน้อยก็ตัวสองตัวแหละครับ และก็คงจะมีพรินเตอร์ด้วยเช่นกัน คงจะมีกันเกือบทุกบ้าน ดังนั้น หลายคนที่ถ่ายภาพมาแล้วก็โหลดเข้าคอมพิวเตอร์ก็สามารถสั่งพรินต์ได้โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปอัดที่ร้าน ยิ่งถ้าเป็นอิงก์เจ็ตดีๆ ละก็...หุหุ...ร้านอัดที่ไหนก็ชิดซ้าย แต่ว่ายังมีหลายคนที่อยากอัดภาพออกมาแบบไม่มีขอบเหมือนกับที่ร้านอัดแต่ไม่รู้วิธีคำตอบก็คือ ให้ไปเปลี่ยนค่าของการพิมพ์ให้เป็น Border Free Printing ครับ เท่านี้ก็เรียบร้อย ซึ่งในเครื่องพิมพ์ของเอปสันหรือ แคนนอนก็มีฟังก์ชันนี้แล้วครับผม
85. การพิมพ์หน้าหลัง แบบไม่ต้องสอดกระดาษเองความสามารถนี้หลายคนคงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว แต่จะมีอยู่ในเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ส่วนเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตจะมีเฉพาะบางรุ่นเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ ลองไปถามที่ร้านค้าดูนะครับว่า เครื่องพิมพ์รุ่นที่เราสนใจมีมีฟังก์ชันพิมพ์สองหน้า (Duplex Print) หรือไม่ ? และหากใครมีเครื่องพิมพ์แบบนี้อยู่ที่บ้านแล้วเวลาสั่งพิมพ์ให้เลือกฟังก์ชันพิมพ์สองหน้า (Duplex Print) เท่านี้ก็สามารถประหยัดกระดาษได้ และใช้เครื่องพิมพ์ให้คุ้มค่าได้แล้วครับ
86. แชร์เครื่องพิมพ์แบ่งปันให้เพื่อนใช้สำหรับขั้นตอนการแชร์เครื่องพิมพ์นั้น เริ่มแรกให้ไปที่My Network Places แล้วคลิ้กเมาส์ขวาแล้วเลือก Properties จากนั้นคลิ้กขวาที่ไอคอน Local Area Connection .ให้ดูว่าหน้า File and Printer Sharing for Microsoft Network มีเครื่องหมายถูกหรือไม่ ? ถ้าไม่มีก็ให้คลิ้กที่ช่องว่าง จากนั้นไปที่ Control Panel ---> Printers and Faxes แล้วเลือกเครื่องพิมพ์ที่เราจะแชร์ จากนั้นคลิ้กเมาส์ขวาที่เครื่องพิมพ์เลือกที่ Properties แล้วเลือกแท็บเมนูที่ Sharing แล้ว Option Share this Printer เท่านี้ก็แชร์เครื่องพิมพ์ได้แล้ว
87. หัวหมึกตัน พิมพ์ไม่ออก ทำยังไงดีอาการหัวหมึกตันมีหลายกรณีนะครับ กรณีแรกอาจเป็นจากการไม่ได้ใช้เครื่องพิมพ์มานาน ส่วนกรณีที่สองอาจจะใช้หมึกที่ไม่ได้คุณภาพ ประเภทหมึกเติม หรือหมึกปลอม แล้วเกิดเป็นตะกอนอุดตันที่หัวพิมพ์ วิธีแรกที่จะแก้ไขก็คือใช้ฟังก์ชัน Clean Head Printing ของเครื่องพิมพ์ครับ ถ้าไม่ดีขึ้นก็ต้องติดต่อศูนย์ซ่อมจะดีกว่า และที่สำคัญให้ใช้หมึกแท้จากผู้ผลิตเครื่องพิมพ์โดยตรงดีกว่าถึงแพ้กว่านิดหน่อยแต่ก็ช่วยยืดอายุการใช้งานไปได้เยอะครับผม
88. เครื่องพิมพ์มือสอง ใช้ดีหรือไม่ ?หลายคนอาจจะลังเลใจว่าควรจะซื้อเครื่องพิมพ์มือสองหรือไม่ ? ซึ่งโดยส่วนตัวของผมจริงๆ แล้วไม่ค่อยอยากแนะนำสักเท่าไร เพราะจะมีปัญหาเรื่องหัวหมึกพิมพ์ที่ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังใช้ได้อายุการใช้งานก็จะไม่ยาวนานเท่าเครื่องใหม่แกะกล่อง แต่ถ้างบไม่พอจริงๆ ก็ต้องเลือกให้ดีๆ หน่อย หรือถ้าจะเก็บตังค์เพิ่มอีกสักนิดเพื่อซื้อเครื่องพิมพ์แบบอิงก์เจ็ตตัวใหม่ ราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิดหรอกครับ ลองไปดูตามร้านค้าดูก็แล้วกัน
89. หนึ่งคอมพ์ สองเครื่องพิมพ์การใช้งานเครื่องพิมพ์สองเครื่องบนคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกัน เป็นเรื่องที่ไม่ยาก คือต่อผ่านพอร์ตยูเอสบีทั้งสองเครื่องก็ได้ แต่จะเกิดคำถามว่า แล้วพวกไดรเวอร์จะไม่ตีกันทำให้เกิดการทำงานที่ผิดพลาดหรือ ? จริงๆ แล้วเป็นไดรเวอร์คนละยี่ห้อ และคนละรุ่นกัน ไม่เกี่ยวกันอยู่แล้วครับผม สามารถใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา
90. ยืดอายุการใช้งานอิงก์เจ็ตให้อยู่ชั่วลูกชั่วหลานการยืดอายุเครื่องพิมพ์แบบอิงก์เจ็ตนั้นไม่ยากครับ ข้อแรกคือหมั่นทำความสะอาดหัวหมึกพิมพ์สักเดือนละครั้ง โดยไปที่ฟังก์ชัน Head Clean Printing ต่อมาก็เลือกใช้หมึกพิมพ์ของแท้ เพราะหากใช้หมึกพิมพ์ของปลอม หรือหมึกเติม จะส่งผลให้หัวหมึกพิมพ์ตันได้ง่าย ต่อมาหากไม่ได้ใช้เครื่องพิมพ์เป็นเวลานานๆ ก็ควรหมั่นทำความสะอาดหัวหมึกพิมพ์ หรือส่งพิมพ์สักนิดหน่อยก็ยังดี เพื่อให้หัวหมึกไม่เสียหายง่าย เพียงเท่านี้ก็ยืดอายุการใช้งานเครื่องพิมพ์ได้นานเท่านานแล้วครับ
- Photo ใช้ในกรณีที่ต้องการได้งานพิมพ์ที่คมชัด
- Fine .ใช้ในกรณีที่ต้องการประหยัดหมึก แต่ยังคงความคมชัดของภาพอยู่
- Draft ใช้ในกรณีที่ต้องการดูภาพแบบคร่าว ไม่ต้องการรายละเอียดมากสักเท่าไร
- Text ใช้ในกรณีพิมพ์งานแบบข้อความ
82. เคล็ดลับการพิมพ์ลงหน้าแผ่นซีดีถ้าหากคุณสามารถสกรีนหน้าแผ่นซีดีของคุณให้ได้แบบตามที่คุณต้องการแล้วคงจะไม่ดีน้อยนะครับ เราก็มีเคล็ด (ไม่) ลับมาฝาก จริงๆ ก็ไม่ยากนะครับ เครื่องพิมพ์ในสมัยนี้บางรุ่น บางยี่ห้อสามารถพิมพ์สกรีนลงหน้าแผ่นซีดีได้ ลองตรวจดูในกล่องพรินเตอร์ของคุณแล้วกันว่า มีถาดที่ไว้สำหรับใส่ซีดีหรือเปล่า ? ถ้ามีก็ติดตั้งโปรแกรมในแผ่น จากนั้นก็ไปหาซื้อแผ่นซีดีที่เรียกว่า CD Printable มีราคาไม่ถึง 10 บาทครับ เพียงเท่านี้คุณก็ทำอัลบั้มเพลงส่วนตัวได้แล้วจ้า หรือทำให้คนรักในวันสำคัญๆ ก็ได้นะครับ
83. ตลับหมึกเก่าเอาไปทำอะไรดีสำหรับตลับหมึกที่ใช้หมดแล้วถ้าคุณใช้อยู่ที่ออฟฟิศคงต้องส่งซากคืนฝ่ายจัดซื้อ แต่ถ้าเป็นที่บ้านคุณก็คงทิ้งขยะตามระเบียบ ตอนนี้ก็มีผู้ผลิตตลับหมึกบางยี่ห้อได้จัดโครงการรีไซเคิลตลับหมึก โดยจะนำตลับหมึกที่ใช้แล้วไปรีไซเคิลเป็นของใช้ใหม่ ลองติดตามดูตามห้างไอทีนะครับ จะมีกล่องรับบริจาคอยู่ เพราะน่าจะเป็นประโยชน์กว่าการโยนทิ้งถังขยะหน้าบ้าน
84. การพิมพ์แบบไร้ขอบตอนนี้แทบทุกบ้านคงจะมีกล้องดิจิตอลอย่างน้อยก็ตัวสองตัวแหละครับ และก็คงจะมีพรินเตอร์ด้วยเช่นกัน คงจะมีกันเกือบทุกบ้าน ดังนั้น หลายคนที่ถ่ายภาพมาแล้วก็โหลดเข้าคอมพิวเตอร์ก็สามารถสั่งพรินต์ได้โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปอัดที่ร้าน ยิ่งถ้าเป็นอิงก์เจ็ตดีๆ ละก็...หุหุ...ร้านอัดที่ไหนก็ชิดซ้าย แต่ว่ายังมีหลายคนที่อยากอัดภาพออกมาแบบไม่มีขอบเหมือนกับที่ร้านอัดแต่ไม่รู้วิธีคำตอบก็คือ ให้ไปเปลี่ยนค่าของการพิมพ์ให้เป็น Border Free Printing ครับ เท่านี้ก็เรียบร้อย ซึ่งในเครื่องพิมพ์ของเอปสันหรือ แคนนอนก็มีฟังก์ชันนี้แล้วครับผม
85. การพิมพ์หน้าหลัง แบบไม่ต้องสอดกระดาษเองความสามารถนี้หลายคนคงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว แต่จะมีอยู่ในเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ส่วนเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตจะมีเฉพาะบางรุ่นเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ ลองไปถามที่ร้านค้าดูนะครับว่า เครื่องพิมพ์รุ่นที่เราสนใจมีมีฟังก์ชันพิมพ์สองหน้า (Duplex Print) หรือไม่ ? และหากใครมีเครื่องพิมพ์แบบนี้อยู่ที่บ้านแล้วเวลาสั่งพิมพ์ให้เลือกฟังก์ชันพิมพ์สองหน้า (Duplex Print) เท่านี้ก็สามารถประหยัดกระดาษได้ และใช้เครื่องพิมพ์ให้คุ้มค่าได้แล้วครับ
86. แชร์เครื่องพิมพ์แบ่งปันให้เพื่อนใช้สำหรับขั้นตอนการแชร์เครื่องพิมพ์นั้น เริ่มแรกให้ไปที่My Network Places แล้วคลิ้กเมาส์ขวาแล้วเลือก Properties จากนั้นคลิ้กขวาที่ไอคอน Local Area Connection .ให้ดูว่าหน้า File and Printer Sharing for Microsoft Network มีเครื่องหมายถูกหรือไม่ ? ถ้าไม่มีก็ให้คลิ้กที่ช่องว่าง จากนั้นไปที่ Control Panel ---> Printers and Faxes แล้วเลือกเครื่องพิมพ์ที่เราจะแชร์ จากนั้นคลิ้กเมาส์ขวาที่เครื่องพิมพ์เลือกที่ Properties แล้วเลือกแท็บเมนูที่ Sharing แล้ว Option Share this Printer เท่านี้ก็แชร์เครื่องพิมพ์ได้แล้ว
87. หัวหมึกตัน พิมพ์ไม่ออก ทำยังไงดีอาการหัวหมึกตันมีหลายกรณีนะครับ กรณีแรกอาจเป็นจากการไม่ได้ใช้เครื่องพิมพ์มานาน ส่วนกรณีที่สองอาจจะใช้หมึกที่ไม่ได้คุณภาพ ประเภทหมึกเติม หรือหมึกปลอม แล้วเกิดเป็นตะกอนอุดตันที่หัวพิมพ์ วิธีแรกที่จะแก้ไขก็คือใช้ฟังก์ชัน Clean Head Printing ของเครื่องพิมพ์ครับ ถ้าไม่ดีขึ้นก็ต้องติดต่อศูนย์ซ่อมจะดีกว่า และที่สำคัญให้ใช้หมึกแท้จากผู้ผลิตเครื่องพิมพ์โดยตรงดีกว่าถึงแพ้กว่านิดหน่อยแต่ก็ช่วยยืดอายุการใช้งานไปได้เยอะครับผม
88. เครื่องพิมพ์มือสอง ใช้ดีหรือไม่ ?หลายคนอาจจะลังเลใจว่าควรจะซื้อเครื่องพิมพ์มือสองหรือไม่ ? ซึ่งโดยส่วนตัวของผมจริงๆ แล้วไม่ค่อยอยากแนะนำสักเท่าไร เพราะจะมีปัญหาเรื่องหัวหมึกพิมพ์ที่ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังใช้ได้อายุการใช้งานก็จะไม่ยาวนานเท่าเครื่องใหม่แกะกล่อง แต่ถ้างบไม่พอจริงๆ ก็ต้องเลือกให้ดีๆ หน่อย หรือถ้าจะเก็บตังค์เพิ่มอีกสักนิดเพื่อซื้อเครื่องพิมพ์แบบอิงก์เจ็ตตัวใหม่ ราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิดหรอกครับ ลองไปดูตามร้านค้าดูก็แล้วกัน
89. หนึ่งคอมพ์ สองเครื่องพิมพ์การใช้งานเครื่องพิมพ์สองเครื่องบนคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกัน เป็นเรื่องที่ไม่ยาก คือต่อผ่านพอร์ตยูเอสบีทั้งสองเครื่องก็ได้ แต่จะเกิดคำถามว่า แล้วพวกไดรเวอร์จะไม่ตีกันทำให้เกิดการทำงานที่ผิดพลาดหรือ ? จริงๆ แล้วเป็นไดรเวอร์คนละยี่ห้อ และคนละรุ่นกัน ไม่เกี่ยวกันอยู่แล้วครับผม สามารถใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา
90. ยืดอายุการใช้งานอิงก์เจ็ตให้อยู่ชั่วลูกชั่วหลานการยืดอายุเครื่องพิมพ์แบบอิงก์เจ็ตนั้นไม่ยากครับ ข้อแรกคือหมั่นทำความสะอาดหัวหมึกพิมพ์สักเดือนละครั้ง โดยไปที่ฟังก์ชัน Head Clean Printing ต่อมาก็เลือกใช้หมึกพิมพ์ของแท้ เพราะหากใช้หมึกพิมพ์ของปลอม หรือหมึกเติม จะส่งผลให้หัวหมึกพิมพ์ตันได้ง่าย ต่อมาหากไม่ได้ใช้เครื่องพิมพ์เป็นเวลานานๆ ก็ควรหมั่นทำความสะอาดหัวหมึกพิมพ์ หรือส่งพิมพ์สักนิดหน่อยก็ยังดี เพื่อให้หัวหมึกไม่เสียหายง่าย เพียงเท่านี้ก็ยืดอายุการใช้งานเครื่องพิมพ์ได้นานเท่านานแล้วครับ
100 Tips การใช้งานคอมพิวเตอร์ในแบบที่ไม่ซ้ำใคร (8)
71. ท้าพิสูจน์ คอมพิวเตอร์สามารถอ่านใจคุณได้จริง ?จากประเด็นข่าวที่ว่า โปรแกรมคอมพิวเตอร์กำลังได้รับการพัฒนาให้สามารถอ่านใจผู้ใช้ได้ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นความเสี่ยงที่อาจะเกิดขึ้นกับระบบรักษาความปลอดภัย ตัวอย่างการทำงานของเว็บไซต์ The Mystic Ball (http://www.mysticalball.com/) ได้สาธิตให้เราได้เข้าใจว่า เทคโนโลยีดังกล่าวมีความเป็นไปได้อย่างไร ซึ่งผลจากการทดสอบการเดาใจของโปรแกรมบนเว็บไซต์ที่ว่านี้ มันมีความแม่นยำถึง 99.9% เลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี เราพบว่า มันมีอย่างน้อย 9 เหตุผลที่สามารถใช้อธิบายความแม่นยำในการทำนายของคอมพิวเตอร์ แม้กระทั่งคำอธิบายที่ว่า ปรากฎการณ์ดังกล่าวเป็นความลับของชิปอินเทลที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของคุณ ซึ่งไวต่อคลื่นสมองของผู้ใช้ หรือไมโครซอฟท์ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทดสอบการเคลื่อนที่ของเมาส์ หรือลูกตาของผู้ใช้ ภายในอึดใจ แต่สิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็น หากเพื่อนๆ ไม่ลองเข้าไปทดสอบด้วยตนเองที่เว็บไซต์ The Mystic Ball
วิธีทดสอบ เมื่อคุณเข้าไปในเว็บไซต์ดังกล่าว คุณจะพบชุดตัวเลข 0 – 99 พร้อมสัญลักษณ์ ส่วนทางด้านขวามือจะดูคล้ายพ่อมดหมอผีที่สามารถทำนายคำตอบของตัวเลขที่อยู่ในใจคุณได้ ขั้นแรกให้คุณเลือกตัวเลขจากกรอบทางซ้ายมือขึ้นมาตัวหนึ่ง สมมติว่า คุณเลือกหมายเลข 35 ให้เอาตัวเลขแต่ละตัวบวกกัน ก็จะได้ 3 + 5 = 8 จากนั้นเอา 35 – 8 ซึ่งจะได้เป็น 27 คราวนี้ให้คุณสังเกตสัญลักษณ์ที่อยู่ถัดจากหมายเลข 27 ว่าเป็นตัวอะไร เพ่งสมาธิไปที่สัญลักษณ์ดังกล่าว แล้วเลื่อนเมาส์ไปคลิ้กบนลูกแก้วมหัศจรรย์ คอมพิวเตอร์จะอ่านใจคุณด้วยการแสดงรูปสัญลักษณ์นั้นขึ้นมาได้อย่างแม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อเลยจริง พับผ่าสิ!!!
72. ภาพเงาสะท้อนด้วย JavaScriptคราวนี้มาถึงทิปสำหรับจาวาสคริปต์ที่เท่ๆ กันบ้าง โดยความเก่งของสคริปต์ที่แนะนำนี้จะสามารถสร้างภาพเงาสะท้อนได้อย่างสวยงามสมจริง ไม่ต้องพึ่ง photoshop กำหนดขนาดของเงาสะท้อน และการจางของภาพได้ผ่านสคริปต์ได้อย่างง่ายดาย คล้ายดังร่ายเวทย์มนต์ยังไงยังงั้นเลยสคริปต์โอเพ่นซอร์สตัวนี้มีชื่อว่า reflection.js ได้รับการพัฒนาให้มีความสามารถมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเวอร์ชัน 1.5 แล้ว โดยเจ้าของบล็อกไซต์ Romain Guy ตั้งใจเผยแพร่ให้ทุกคนนำไปใช้ และถ้าใครมีไอเดียในการแก้ไขปรับปรุงให้มันดีขึ้นก็สามารถติดต่อกลับไปได้ที่ บล็อกไซต์
(http://cow.neondragon.net/index.php/383-Reflectionjs-Demo) ของเขา แนะนำกันไปเยอะแล้ว เรามาลองดูความสามารถของมันดีกว่า เริ่มต้นด้วยการดาวน์โหลดสคริปต์ reflection.js 1.5
(http://cow.neondragon.net/stuff/reflection/reflection.zip)คลายไฟล์สคริปต์ชื่อว่า reflect.js (ขนาดของสคริปต์แค่ 5 กิโลไบต์เท่านั้น) จัดเก็บไฟล์สคริปต์ไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของคุณ จากนั้นในหน้าเว็บเพิ่มบรรทัดคำสั่งของสคริปต์เข้าไปในระหว่างแท็ก
หลังจากเซตอัพเสร็จแล้ว เราจะลองสร้างภาพเงาสะท้อนกัน โดยเพิ่ม class=”reflect” เข้าไป นอกจากจะกำหนดเงาสะท้อนด้วยค่าดีฟอลต์แล้ว เรายังสามารถปรับแต่งเงาสะท้อนได้ด้วย โดยกำหนด class= “reflect rheight33” สำหรับความสูงของเงาสะท้อนที่ 33% คุณสมบัติในการปรับแต่งอีกอันหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ความทึบแสงของเงาสะท้อน (opacity) เช่นต้องการเงาที่มีความทึบ 30% ก็ใช้คำสั่ง class=”reflect ropacity30” ไม่เพียงเท่านั้น คุณยังสามารถผสมผสานทั้งสอง class เข้าด้วยกันได้อีกต่างหาก เช่น ผมต้องการภาพสะท้อนที่สูง 80% และค่าความทึบแสง 40% ก็ใช้คำสั่ง class = “reflect rheight80 ropacity40” เป็นต้น... ความจริงลูกเล่นสำหรับการใช้สคริปต์ reflect.js ยังมีอีกพอสมควร เอาเป็นว่า ลองอ่านเพิ่มเติมจากไฟล์ readme.html ที่มาพร้อมกับสคริปต์ก็แล้วกันนะครับ
73. เช็กประวัติการแชตใน MSNถ้าอยากรู้แฟนคุณแชตกับสาวๆ หรือหนุ่มๆ คนไหนบ้าง คุณสามารถไปดูได้ที่ My Document หาโฟลเดอร์ชื่อ บันทึกการสนทนาของฉัน ถ้ามีคนใช้หลายคนเลือกโฟลเดอร์ชื่อของคนที่เราจะดู เปิดเข้าไปจะพบกับรายละเอียดการแชตทั้งหมดเก็บตามเดือนที่ใช้งาน
74. ส่งไฟล์ขนาดใหญ่ยักษ์ลำบากใจกับการส่งไฟล์ขนาดใหญ่หลายสิบเมกะไบต์ จะส่งอีกเมล์ก็ลำบาก เรามีทางเลือกให้ลองใช้หลายวิธีครับ อย่างแรกใช้บริการเว็บที่รับฝากไฟล์ เช่น yousendit คุณสามารถฝากไฟล์ได้หลายสิบเมกะไบต์เลยทีเดียว หรือถ้าไฟล์ไม่ใหญ่มากสัก 10 กว่าเมกะไบต์ คุณสามารถส่งผ่าน MSN Messenger Live ได้ครับ
75. แก้ลำเว็บไม่ให้คลิ้กขวาเซฟภาพความอยาก...ได้ไม่เคยปรานีใคร เจอเว็บรูปสวยถูกใจโก๋ แต่คลิ้กขวาเซฟไม่ได้ซะนี่ ลองดูวิธีง่ายๆ ครับ ถ้าคลิ้กขวาไม่ได้ ใช้โปรแกรมจับภาพเลยครับ จับภาพที่ต้องการ ถ้าไม่มีโปรแกรมจับภาพใช้ปุ่ม Print Screen ก็ได้ครับ ใช้ได้เหมือนกัน แต่ต้องทำใจเรื่องความละเอียดที่อาจจะไม่ได้ตามที่เว็บใส่ไว้ครับ
76. เรื่องน่ารู้ของการต่อเน็ตผ่าน 1222การต่อเน็ตผ่าน 1222 ทำได้ในกรณีที่พื้นที่มีให้บริการขององค์การโทรศัพท์เท่านั้น โดยสามารถลงทะเบียนใช้งานได้ที่เว็บของ TOT เมื่อก่อนสามารถใช้ได้ทั่วประเทศ แต่เมื่อมีการแข่งขันมากขึ้น TT&T ก็ตัดสัญญาณ 1222 ออก ส่วน ISP รายอื่นจะใช้ 1222 ก็ต้องซื้อแพ็คเกจมาใช้ก่อน
77. เผลอลบอีเมล์โดยไม่ได้ตั้งใจ อยากได้วิธีกู้คืนถ้าเผลอลบอีเมล์แล้วอยากจะกู้คืน ก่อนอื่นลองหาดูใน Delete Item หรือถังขยะในเมล์บ็อกซ์ เพราะถ้าคุณยังไม่ได้ล้างไฟล์ในถังขยะ คุณสามารถเอากลับมาได้ แต่ถ้าเป็นอีเมล์ในเครื่องที่ใช้ Outlook หรือ Outlook Express แล้วลบไฟล์ในถังขยะไปด้วย ลองใช้ System Restore ดูครับ
78. อัพเดตเวลาอัตโนมัติเครื่องคอมพิวเตอร์ใครที่นาฬิกาไม่ตรง เพี้ยนไปเพี้ยนมา หรือเพิ่งอัพเดตไบออสใหม่ แล้วอยากตั้งเวลาให้ตรง สามารถทำได้ง่ายๆ ในคลิ้กเดียวครับ ก่อนอื่นคุณต้องต่ออินเทอร์เน็ตก่อน จากนั้นดับเบิ้ลคลิ้กที่นาฬิกาที่มุมทาส์กบาร์ เลือกที่แท็บ Internet Time กด Update Now เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ
79. ทำเว็บที่ชอบให้เป็นพื้นหลังเบื่อกับวอลล์เปเปอร์เดิม ลองโปรดมาเป็นพื้นหลังดูไหมละครับ คลิ้กขวาที่หน้าเดสก์ทอป แล้วไปที่ Properties เลือกที่แท็บ Desktop เลือก Customize Desktop จากนั้นเลือกที่แท็บ Web เลือกที่ New ใส่รายชื่อเว็บที่คุณต้องการลงไป จากนั้นรอสักครู่ แล้วกด OK สองครั้ง ก็เรียบร้อยครับ เราจะเห็นหน้าต่างเว็บเล็กๆ ปรากฏขึ้นมา คุณสามารถขยายให้เต็มหน้าจอ ย่อ และปิดได้ โดยสังเกตที่มุมเล็กๆ ด้านขวาของกรอบหน้าต่าง
80. เปิดเว็บแบบเร็วโคตรๆเปิดเว็บแล้วอืดอาด ช้าเป็นเต่า ลองใช้วิธีนี้ดูดีมั้ยครับ ? ไปที่ Control Panel -> Internet Options เลือกที่แท็บ Advance แล้วเลื่อนไปที่หัวข้อ Multimedia จากนั้นเอาเครื่องที่ติ๊กอยู่หน้าคำว่า Show Picture ออก รับรองว่าจะเปิดเว็บได้เร็วปรู๊ดปร๊าดกันเลยทีเดียว หากต้องการจะดูภาพให้คลิ้กขวาที่บริเวณที่เป็นรูปแล้วสั่ง Show Picture
อย่างไรก็ดี เราพบว่า มันมีอย่างน้อย 9 เหตุผลที่สามารถใช้อธิบายความแม่นยำในการทำนายของคอมพิวเตอร์ แม้กระทั่งคำอธิบายที่ว่า ปรากฎการณ์ดังกล่าวเป็นความลับของชิปอินเทลที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของคุณ ซึ่งไวต่อคลื่นสมองของผู้ใช้ หรือไมโครซอฟท์ได้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทดสอบการเคลื่อนที่ของเมาส์ หรือลูกตาของผู้ใช้ ภายในอึดใจ แต่สิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็น หากเพื่อนๆ ไม่ลองเข้าไปทดสอบด้วยตนเองที่เว็บไซต์ The Mystic Ball
วิธีทดสอบ เมื่อคุณเข้าไปในเว็บไซต์ดังกล่าว คุณจะพบชุดตัวเลข 0 – 99 พร้อมสัญลักษณ์ ส่วนทางด้านขวามือจะดูคล้ายพ่อมดหมอผีที่สามารถทำนายคำตอบของตัวเลขที่อยู่ในใจคุณได้ ขั้นแรกให้คุณเลือกตัวเลขจากกรอบทางซ้ายมือขึ้นมาตัวหนึ่ง สมมติว่า คุณเลือกหมายเลข 35 ให้เอาตัวเลขแต่ละตัวบวกกัน ก็จะได้ 3 + 5 = 8 จากนั้นเอา 35 – 8 ซึ่งจะได้เป็น 27 คราวนี้ให้คุณสังเกตสัญลักษณ์ที่อยู่ถัดจากหมายเลข 27 ว่าเป็นตัวอะไร เพ่งสมาธิไปที่สัญลักษณ์ดังกล่าว แล้วเลื่อนเมาส์ไปคลิ้กบนลูกแก้วมหัศจรรย์ คอมพิวเตอร์จะอ่านใจคุณด้วยการแสดงรูปสัญลักษณ์นั้นขึ้นมาได้อย่างแม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อเลยจริง พับผ่าสิ!!!
72. ภาพเงาสะท้อนด้วย JavaScriptคราวนี้มาถึงทิปสำหรับจาวาสคริปต์ที่เท่ๆ กันบ้าง โดยความเก่งของสคริปต์ที่แนะนำนี้จะสามารถสร้างภาพเงาสะท้อนได้อย่างสวยงามสมจริง ไม่ต้องพึ่ง photoshop กำหนดขนาดของเงาสะท้อน และการจางของภาพได้ผ่านสคริปต์ได้อย่างง่ายดาย คล้ายดังร่ายเวทย์มนต์ยังไงยังงั้นเลยสคริปต์โอเพ่นซอร์สตัวนี้มีชื่อว่า reflection.js ได้รับการพัฒนาให้มีความสามารถมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเวอร์ชัน 1.5 แล้ว โดยเจ้าของบล็อกไซต์ Romain Guy ตั้งใจเผยแพร่ให้ทุกคนนำไปใช้ และถ้าใครมีไอเดียในการแก้ไขปรับปรุงให้มันดีขึ้นก็สามารถติดต่อกลับไปได้ที่ บล็อกไซต์
(http://cow.neondragon.net/index.php/383-Reflectionjs-Demo) ของเขา แนะนำกันไปเยอะแล้ว เรามาลองดูความสามารถของมันดีกว่า เริ่มต้นด้วยการดาวน์โหลดสคริปต์ reflection.js 1.5
(http://cow.neondragon.net/stuff/reflection/reflection.zip)คลายไฟล์สคริปต์ชื่อว่า reflect.js (ขนาดของสคริปต์แค่ 5 กิโลไบต์เท่านั้น) จัดเก็บไฟล์สคริปต์ไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของคุณ จากนั้นในหน้าเว็บเพิ่มบรรทัดคำสั่งของสคริปต์เข้าไปในระหว่างแท็ก
หลังจากเซตอัพเสร็จแล้ว เราจะลองสร้างภาพเงาสะท้อนกัน โดยเพิ่ม class=”reflect” เข้าไป นอกจากจะกำหนดเงาสะท้อนด้วยค่าดีฟอลต์แล้ว เรายังสามารถปรับแต่งเงาสะท้อนได้ด้วย โดยกำหนด class= “reflect rheight33” สำหรับความสูงของเงาสะท้อนที่ 33% คุณสมบัติในการปรับแต่งอีกอันหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ความทึบแสงของเงาสะท้อน (opacity) เช่นต้องการเงาที่มีความทึบ 30% ก็ใช้คำสั่ง class=”reflect ropacity30” ไม่เพียงเท่านั้น คุณยังสามารถผสมผสานทั้งสอง class เข้าด้วยกันได้อีกต่างหาก เช่น ผมต้องการภาพสะท้อนที่สูง 80% และค่าความทึบแสง 40% ก็ใช้คำสั่ง class = “reflect rheight80 ropacity40” เป็นต้น... ความจริงลูกเล่นสำหรับการใช้สคริปต์ reflect.js ยังมีอีกพอสมควร เอาเป็นว่า ลองอ่านเพิ่มเติมจากไฟล์ readme.html ที่มาพร้อมกับสคริปต์ก็แล้วกันนะครับ
73. เช็กประวัติการแชตใน MSNถ้าอยากรู้แฟนคุณแชตกับสาวๆ หรือหนุ่มๆ คนไหนบ้าง คุณสามารถไปดูได้ที่ My Document หาโฟลเดอร์ชื่อ บันทึกการสนทนาของฉัน ถ้ามีคนใช้หลายคนเลือกโฟลเดอร์ชื่อของคนที่เราจะดู เปิดเข้าไปจะพบกับรายละเอียดการแชตทั้งหมดเก็บตามเดือนที่ใช้งาน
74. ส่งไฟล์ขนาดใหญ่ยักษ์ลำบากใจกับการส่งไฟล์ขนาดใหญ่หลายสิบเมกะไบต์ จะส่งอีกเมล์ก็ลำบาก เรามีทางเลือกให้ลองใช้หลายวิธีครับ อย่างแรกใช้บริการเว็บที่รับฝากไฟล์ เช่น yousendit คุณสามารถฝากไฟล์ได้หลายสิบเมกะไบต์เลยทีเดียว หรือถ้าไฟล์ไม่ใหญ่มากสัก 10 กว่าเมกะไบต์ คุณสามารถส่งผ่าน MSN Messenger Live ได้ครับ
75. แก้ลำเว็บไม่ให้คลิ้กขวาเซฟภาพความอยาก...ได้ไม่เคยปรานีใคร เจอเว็บรูปสวยถูกใจโก๋ แต่คลิ้กขวาเซฟไม่ได้ซะนี่ ลองดูวิธีง่ายๆ ครับ ถ้าคลิ้กขวาไม่ได้ ใช้โปรแกรมจับภาพเลยครับ จับภาพที่ต้องการ ถ้าไม่มีโปรแกรมจับภาพใช้ปุ่ม Print Screen ก็ได้ครับ ใช้ได้เหมือนกัน แต่ต้องทำใจเรื่องความละเอียดที่อาจจะไม่ได้ตามที่เว็บใส่ไว้ครับ
76. เรื่องน่ารู้ของการต่อเน็ตผ่าน 1222การต่อเน็ตผ่าน 1222 ทำได้ในกรณีที่พื้นที่มีให้บริการขององค์การโทรศัพท์เท่านั้น โดยสามารถลงทะเบียนใช้งานได้ที่เว็บของ TOT เมื่อก่อนสามารถใช้ได้ทั่วประเทศ แต่เมื่อมีการแข่งขันมากขึ้น TT&T ก็ตัดสัญญาณ 1222 ออก ส่วน ISP รายอื่นจะใช้ 1222 ก็ต้องซื้อแพ็คเกจมาใช้ก่อน
77. เผลอลบอีเมล์โดยไม่ได้ตั้งใจ อยากได้วิธีกู้คืนถ้าเผลอลบอีเมล์แล้วอยากจะกู้คืน ก่อนอื่นลองหาดูใน Delete Item หรือถังขยะในเมล์บ็อกซ์ เพราะถ้าคุณยังไม่ได้ล้างไฟล์ในถังขยะ คุณสามารถเอากลับมาได้ แต่ถ้าเป็นอีเมล์ในเครื่องที่ใช้ Outlook หรือ Outlook Express แล้วลบไฟล์ในถังขยะไปด้วย ลองใช้ System Restore ดูครับ
78. อัพเดตเวลาอัตโนมัติเครื่องคอมพิวเตอร์ใครที่นาฬิกาไม่ตรง เพี้ยนไปเพี้ยนมา หรือเพิ่งอัพเดตไบออสใหม่ แล้วอยากตั้งเวลาให้ตรง สามารถทำได้ง่ายๆ ในคลิ้กเดียวครับ ก่อนอื่นคุณต้องต่ออินเทอร์เน็ตก่อน จากนั้นดับเบิ้ลคลิ้กที่นาฬิกาที่มุมทาส์กบาร์ เลือกที่แท็บ Internet Time กด Update Now เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ
79. ทำเว็บที่ชอบให้เป็นพื้นหลังเบื่อกับวอลล์เปเปอร์เดิม ลองโปรดมาเป็นพื้นหลังดูไหมละครับ คลิ้กขวาที่หน้าเดสก์ทอป แล้วไปที่ Properties เลือกที่แท็บ Desktop เลือก Customize Desktop จากนั้นเลือกที่แท็บ Web เลือกที่ New ใส่รายชื่อเว็บที่คุณต้องการลงไป จากนั้นรอสักครู่ แล้วกด OK สองครั้ง ก็เรียบร้อยครับ เราจะเห็นหน้าต่างเว็บเล็กๆ ปรากฏขึ้นมา คุณสามารถขยายให้เต็มหน้าจอ ย่อ และปิดได้ โดยสังเกตที่มุมเล็กๆ ด้านขวาของกรอบหน้าต่าง
80. เปิดเว็บแบบเร็วโคตรๆเปิดเว็บแล้วอืดอาด ช้าเป็นเต่า ลองใช้วิธีนี้ดูดีมั้ยครับ ? ไปที่ Control Panel -> Internet Options เลือกที่แท็บ Advance แล้วเลื่อนไปที่หัวข้อ Multimedia จากนั้นเอาเครื่องที่ติ๊กอยู่หน้าคำว่า Show Picture ออก รับรองว่าจะเปิดเว็บได้เร็วปรู๊ดปร๊าดกันเลยทีเดียว หากต้องการจะดูภาพให้คลิ้กขวาที่บริเวณที่เป็นรูปแล้วสั่ง Show Picture
100 Tips การใช้งานคอมพิวเตอร์ในแบบที่ไม่ซ้ำใคร (7)
61. Google แอบดัน Firefox ให้ผู้ใช้ IEแม้นักพัฒนาเว็บส่วนใหญ่จะให้ความเห็นว่า Firefox เป็นบราวเซอร์ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า Internet Explorer แต่ประเด็นของความสำเร็จอยู่ที่ว่า ทำอย่างไร ผู้ใช้ส่วนใหญ่ถึงจะมีโอกาสได้ลองใช้บราวเซอร์โอเพ่นซอร์สตัวนี้ ซึ่งล่าสุด ดูเหมือน Google กำลังจะบอกผู้ใช้ว่าอย่างนั้นก่อนหน้านี้ผู้ใช้บราวเซอร์ Internet Explorer ในสหรัฐฯ ที่เข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ google.com จะต้องประหลาดใจเมื่อได้พบกับโฆษณาผลิตภัณฑ์ของผู้อื่นเป็นครั้งแรกบนหน้าโฮมเพจของ Google โดยข้อความบนโฆษณาชิ้นนั้นเขียนไว้ว่า “Firefox with Google Toolbar: tabbed browsing, safer surfing”
แวบแรกที่เห็นกราฟิกของโฆษณา ผู้ใช้อาจจะเข้าใจว่า Google แค่ต้องการโปรโมต Google Toolbar เท่านั้น แต่พอได้อ่านข้อความที่อยู่เหนือกราฟิกขึ้นไป (หรือแม้แต่ในภาพกราฟิกที่เห็น) ผู้ใช้จะเข้าใจเกมการตลาดได้ทันที กล่าวคือ Google กำลังดันให้ผู้ใช้ (ที่ใช้ Google Toolbar และผู้ใช้ทั่วไป) เลือกใช้บราวเซอร์ Firefox แทนที่จะยังคงแนะนำให้ผู้ใช้ Google Toolbar บน IE เหมือนเช่นเคย
62. ลดปัญหา Firefox สวาปามหน่วยความจำสำหรับแฟนคลับไฟร์ฟ็อกซ์ (Firefox) คงจะเคยได้ยินมาบ้างว่า บราวเซอร์ตัวนี้มีปัญหาเรื่องของการสวาปามหน่วยความจำ (memory leak) โดยมันจะไม่ยอมคืนหน่วยความจำที่ไม่ได้ใช้แล้ว ซึ่งถ้าคุณอัพเดต Firefox 1.5.0.1 ทางทีมพัฒนาได้แก้ปัญหานี้ให้เบาบางลงไปมากแล้วเมื่อทรัพยากรของระบบลดลง โดยเฉพาะหน่วยความจำ แน่นอนว่า มันย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานโดยรวมด้วย กล่าวคือ อาการเครื่องทำงานช้า อืดอาดปราศจากเหตุผลจนทำให้วัยรุ่นเซ็งไปเลย ครั้งนี้ผมจึงมีเทคนิคที่ช่วยลดปัญหา ต้องขอใช้คำว่า ‘ลด’ นะครับ ไม่ใช่แก้ แต่เท่าที่ทดลองทำดูแล้วบอกได้เลยว่ามันเวิร์กจริงๆ
แม้ว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่จะทราบดีว่า ปกติแล้ว Firefox จะไม่ใช้หน่วยความจำมากเกินความจำเป็น แต่จากประสบการณ์ของผู้ใช้อีกกลุ่มหนึ่งกลับพบว่า การบริโภคหน่วยความจำของ Firefox เป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขา โจทย์ของเราก็คือ ทำอย่างไรอย่างให้ Firefox ใช้หน่วยความจำน้อยลง โดยทั่วไป รายงานการใช้หน่วยความจำของ Firefox บน Windows จะอยู่ที่ประมาณ 50 – 100 เมกะไบต์ และหน่วยความจำเสมือนอยู่ที่ 100 – 150 เมกะไบต์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะไม่เท่ากันในแต่ละเครื่อง เนื่องจาก Firefox ถูกคอนฟิกให้ใช้หน่วยความจำของระบบมากน้อยขึ้นอยู่กับหน่วยความจำระบบ หมายความว่า ถ้าเครื่องของคุณมีหน่วยความจำมาก Firefox ก็จะใช้มากตามไปด้วย และถ้ามีน้อยมันก็จะใช้น้อยนั่นเอง แต่ถ้าประสบการณ์ในการใช้งานของคุณ ตรงกันข้าม ลองทำตามวินทิปนี้ดูนะครับ
เทคนิคการปรับแต่งที่จะแนะนำต่อไปนี้จะเป็นการย้าย Firefox ขณะมินิไมซ์หน้าต่างโปรแกรมให้ไปอยู่บนฮาร์ดดิสก์แทน เพื่อให้ได้หน่วยความจำคืนมา ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ มันจะใช้หน่วยความจำเหลือประมาณ 10 เมกะไบต์เท่านั้น ในขณะที่ปกติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตอนเปิด หรือมินิไมซ์หน้าต่าง Firefox ก็จะยังคงใช้หน่วยความจำเท่าเดิม (ประมาณ 40 – 50 เมกะไบต์ที่การเปิด 5 แท็บหน้าต่าง) สำหรับการปรับแต่งเพื่อลดการใช้หน่วยความจำขณะมินิไมซ์มีดังนี้
- เปิดโปรแกรม Firefox พิมพ์คำสั่ง about:config เข้าไปในช่องใส่แอดเดรส (Address bar)
- คลิ้กขวาบนหน้าเว็บ เลือกคำสั่ง New -> Boolean
- พิมพ์ config.trim_on_minimize เข้าไปในไดอะล็อกบ็อกซ์ที่ป๊อปอัพขึ้นมา แล้วกดปุ่ม Enter
- กำหนดค่าเป็น True แล้วกดปุ่ม Enter
- ปิดโปรแกรม Firefox แล้วเปิดขึ้นใหม่อีกครั้ง
63. รู้จัก AjaxAjax หรือ Asynchronous JavaScript and XML เป็นเทคนิคในการเขียนโปรแกรมของเว็บ ที่ช่วยขจัดปัญหาของการโหลดหน้าของเว็บ เพราะทุกครั้งที่เราต้องการอัพเดตหน้าเว็บ เราต้องมีการส่งและรับข้อมูลทั้งหน้า ทั้งๆ ที่เราต้องการอัพเดตเฉพาะจุด เช่น ตัวเลขดัชนีหุ้น พยากรณ์อากาศAjax ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของเว็บ แต่เป็นเทคนิคที่ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น HTML หรือ XHTML และ CSS
สำหรับการแสดงข้อมูล DOM (Document Object Model) สำหรับให้ JavaScript ในการทำงานเพื่อใช้ในการแสดงไดนามิกข้อมูล XML และ XSLT สำหรับการส่งข้อมูลและการจัดการข้อมูล XMLHttpRequest เป็นออบเจ็กต์ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างไคลเอ็นต์และเซิร์ฟเวอร์ JavaScript คือเครื่องมือที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกัน
อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า Ajax เป็นเทคนิคที่อยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่มีอะไรใหม่ จึงทำให้โปรแกรมบราวเซอร์ที่เป็นที่นิยมกันอยู่ในปัจจุบันสามารถทำงานร่วมกับ Ajax ได้ สรุปก็คือ Ajax ไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุดของการพัฒนาเว็บแอพพลิเคชัน แต่มันประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่ถูกจับมารวบอยู่ด้วยกัน Ajax ในวันนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้ เพราะแม้แต่ Google ที่ได้รับการยอมรับว่ามีการพัฒนาเรื่องของเทคโนโลยีทางเว็บก้าวหน้าอย่างมากยังนำ Ajax มาใช้ในแอพพลิเคชันของตน เราในฐานะของนักพัฒนาชาวไทย เราคงต้องหันมาสนใจและนำ Ajax มาใช้มากขึ้น
64. ควบคุม IE ให้อยู่หมัดถ้าในองค์กรของคุณต้องการควบคุมการทำงานของ IE ให้มีขีดความสามารถเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เทคนิคการปรับแต่งในตอนนี้ช่วยได้ครับ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกตั้งข้อกำหนดเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องของผู้ใช้เต็มไปด้วยขยะจากอินเทอร์เน็ตได้ด้วยผู้ใช้สามารถควบคุม หรือจำกัดฟีเจอร์ต่างๆ ของบราวเซอร์ Internet Explorer ได้ด้วยการปรับแต่งรีจิสทรี โดยการเพิ่มคีย์ย่อย (subkey) ที่ใช้เปิดปิดฟีเจอร์ระดับปุ่มใช้ และเมนูต่างๆ ซึ่งมีขั้นตอน และรายละเอียดดังนี้
- สั่งรันโปรแกรม Registry Editor (คลิ้กปุ่ม Start -> Run พิมพ์คำสั่ง regedit)
- ในกรอบด้านซ้ายคลิ้กเข้าไปที่ HKEY_CURRENT_USERSoftwarePoliciesMicrosoftInternet Explorer
- ในกรณีที่ใต้คีย์ Internet Explorer ไม่ปรากฏว่ามีคีย์ Restrictions ให้คลิ้กขวา เลือกคำสั่ง New -> Key พร้อมกับตั้งชื่อว่า Restrictions
- จากนั้นที่ด้านขวา เราจะสร้างคีย์ย่อย (subkey) ที่มีชนิดเป็น REG_DWORD และมีค่า (Value) เป็น 1 สมมติว่า ถ้าเราจะปิดไม่ให้ผู้ใช้เข้าไปแก้ไขเมนู
Internet Options ที่กรอบด้านขวามือให้คลิ้กขวาบนพื้นที่ว่าง เลือกคำสั่ง New -> DWORD Value พร้อมกับตั้งชื่อว่า NoBrowserOptions คลิ้กเมนู Edit เลือกคำสั่ง Modify ไดอะล็อกบ็อกซ์ Edit DWORD Value จะปรากฏขึ้นมา เพื่อให้แก้ไขค่า DWORD ของคีย์ NoBrowserOptions ในกล่องใต้คำว่า Value Data: พิมพ์ 1 เข้าไป คลิ้กปุ่ม OK คราวนี้ลองเปิด IE คลิ้กเมนู Tools เลือกคำสั่ง Internet Options บราวเซอร์จะแสดงพร้อมพ์แจ้งไม่ให้ใช้คำสั่งนี้ พร้อมทั้งแนะนำให้ติดต่อแอดมิน
หากคุณต้องการควบคุมฟีเจอร์อื่นๆ ของ IE เพิ่มเติม ก็เพียงแค่เพิ่มคีย์ย่อยเข้าไปในกรอบด้านขวา และกำหนดค่า DWORD ให้เป็น 1 กับคีย์เหล่านั้น ดังเช่นในขั้นตอนที่ 4 ซึ่งคีย์ย่อยสำหรับควบคุม IE ที่อยากจะแนะนำมีดังนี้ครับ
- AlwaysPromptWhenDownload แสดงพร้อมพ์ทุกครั้งเมื่อผู้ใช้กำลังจะดาวน์โหลดไฟล์
- NoBrowserContextMenu ยกเลิกคลิ้กขวาที่ใช้เปิดคอนเท็กซ์เมนูของบราวเซอร์
- NoBrowserSaveAs ยกเลิกการทำงานของคำสั่ง Save As
- NoBrowserOptions ไม่ยอมให้ใช้คำสั่ง Internet Options ในเมนู Tools
- NoSelectDownloadDirปิดออปชันสำหรับการเลือกไดเร็กทอรีสำหรับการดาวน์โหลด
หมายเหตุ: คีย์ควบคุมเหล่านี้จะทำงานก็ต่อเมื่อคุณเปิดโปรแกรม Internet Explorer ขึ้นใหม่ หลังจากกำหนดคีย์เสร็จแล้ว
65. IE ซ่อมได้ (ง่ายนิดเดียว)เวลาที่ IE มีปัญหา ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะนึกถึงวิธีแก้ไขง่ายๆ โดยเข้าไปที่ Add/Remove Programs ใน Control Panel เลือกรายการ Microsoft Internet Explorer แล้วกดปุ่ม Change/Remove
...แต่นั่นเห็นจะยังไม่ใช่วิธีแก้ไขที่ถูกต้องเสียทีเดียวครับก่อนอื่นคุณควรจะทราบว่า แท้จริงแล้ว Internet Explorer เป็นคอมโพเน็นต์หนึ่งของระบบปฏิบัติการ ดังนั้น มันจะถูกเก็บไว้ในเซ็คชั่น Add/Remove Windows Components ในหน้าต่าง Add or Remove Programs (อยู่ในกรอบด้านซ้ายมือ) แต่ที่คุณอาจจะยังไม่ทราบอีกด้วยก็คือ ขั้นตอนที่เกิดขึ้นเป็นแค่เพียงตัดขาดการเข้าถึง IE จากเมนู Start และ Desktop เท่านั้น
วิธีเดียวที่จะซ่อม Internet Explorer ได้ก็คือ ใช้ยูทิลิตี sfc ตรวจสอบไฟล์ระบบ โดยใช้คำสั่ง sfc /scannow จากหน้าต่าง Command (กดปุ่ม Windows + R พิมพ์คำสั่ง cmd ตามด้วยกดปุ่ม Enter) ถ้าหลังจากซ่อมด้วยวิธีดังกล่าว ไม่สามารถแก้ไขได้ แนะนำให้ติดตั้ง IE ใหม่เลยจะดีกว่า ซึ่งจะมีขั้นตอนที่ค่อนข้างจะจุกจิกนิดหนึ่งดังนี้
- เรียกโปรแกรม Registry Editor (พิมพ์ regedit ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Run (กดปุ่ม Windows + R))
- เข้าไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftActiveSetupInstalled Components {89820200-ECBD-11cf-8B85-00AA005B4383}
- กดคลิ้กขวาบนไอเท็ม IsInstalled เลือกคำสั่ง Modify
- แก้ไขค่าจาก 1 เป็น 0
- ปิดโปรแกรม Registry Editor
- ดาวน์โหลด และติดตั้ง Internet Explorer 6
ขั้นตอนข้างบนนี้จะช่วยให้คุณสามารถติดตั้งคอมโพเน็นต์บราวเซอร์ของ IE 6 ได้อย่างสมบูรณ์ อ้อ...เกือบลืมไป ก่อนแก้ไขให้คุณล็อกอินเข้าสู่ระบบปฏิบัติการด้วยบัญชีผู้ใช้ที่เป็น administrator นะครับ หมายเหตุ : สำหรับการติดตั้ง OE 6 ให้แก้ไขค่าของ IsInstalled เหมือนในข้อ 3 และ 4 ก่อนที่จะเข้าไปในรีจิสทรีคีย์ HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftActiveSetupInstalled Components{44BBA840-CC51-11CF-AAFA-00AA00B6015C}
66. OE กับ Outlook ต่างกันตรงไหน?มีใครสงสัยมั้ยครับว่า โปรแกรม Outlook Express 6 กับ Outlook 2003 เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ?จริงๆ แล้ว Outlook สองเวอร์ชันนี้ มีทั้งความเหมือนและความต่าง ซึ่งผมจะอธิบายอย่างสั้นๆ ก็แล้วกันนะครับ ประเด็นแรกเลยก็คือ โปรแกรมอีเมล์ทั้งสองตัวเป็นของไมโครซอฟท์ โดย Outlook Express หรือเรียกย่อๆ ว่า OE ไม่ได้มีความหมายว่า มันเป็นเวอร์ชันที่เร็วกว่า (ก็เห็นมีคำว่า Express) Outlook เฉยๆ แต่อย่างใด ในขณะที่ Outlook 2003 ก็จะมาพร้อมกับเครื่องมือที่มีประโยชน์มากกมายไม่ว่าจะเป็น ระบบจัดการอีเมล์ ปฏิทิน (ใช้กำหนดตารางเวลาสำหรับสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน) รายชื่อผู้ติดต่อ ตลอดจนคุณสมบัติอื่นๆ ของโปรแกรมที่ทำให้มันมีความแข็งแรงมากกว่า ทำอะไรได้มากกว่า Outlook Express มาก
สำหรับ OE จะเป็นแค่โปรแกรมอีเมล์ที่มีคุณสมบัติการทำงานง่ายๆ ช่วยให้จัดการรายชื่อผู้ติดต่อได้บ้างเท่านั้น ทั้งสองโปรแกรมสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์อีเมล์ด้วยโพรโตคอล POP3, IMAP และ HTTP แต่ Outlook 2003 จะมีคุณสมบัติการทำงานต่างๆ มากมายที่ไม่พบใน OE ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถจัดการกับแอดเดรสบุ๊กที่มีอยู่หลายอันได้ สามารถเตือนจำสำหรับอีเมล์ฉบับต่างๆ บันทึกการกิจประจำวันลงในปฏิทิน และงานต่างๆ รวมถึงการกำหนดสิทธิ์ว่า จะให้ผู้รับสามารถสังพิมพ์ ก๊อบปี้ หรือฟอร์เวิร์ดอีเมล์ฉบับที่ส่งไปได้หรือไม่ ? ได้อีกด้วย
67. Java ไม่ยอมทำงานใน Firefox ?มีคุณผู้อ่านเมล์เข้ามาถามผมว่า ลองใช้บราวเซอร์ไฟร์ฟ็อกซ์มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งโดยรวมก็อยู่ในขั้นน่าพอใจ แต่วันก่อนเข้าไปในเว็บไซต์แห่งหนึ่งที่มีการใช้จาวาด้วย แต่ปรากฏว่า ไฟร์ฟ็อกซ์ไม่สามารถรันจาวาได้ ในขณะที่พอเปิดด้วยบราวเซอร์เพื่อนเก่าอย่าง IE ทุกอย่างฉลุย พอจะมีคำแนะนำง่ายๆ สำหรับการแก้ไขปัญหานี้ หรือไม่ครับ?
จากคำถามนี้สามารถพิจารณาสาเหตุที่ทำให้ไฟร์ฟ็อกซ์ไม่รันจาวาได้ 4 แนวทางด้วยกันนั่นคือ ประการแรก ไฟร์ฟ็อกซ์ไม่ได้ติดตั้งโมดูลที่รันจาวา ประการที่สองติดตั้งเข้าไปแล้ว แต่ไม่ได้เปิดการทำงาน ประการที่สาม ติดตั้งเข้าไปแล้วแต่มันไม่ยอมทำงาน และประการสุดท้าย มันถูกบล็อกไม่ให้ทำงานโดยไฟร์วอลที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ปกติที่ดีฟอลต์ของการทำงาน จาวาจะถูกติดตั้งเข้าไปในไฟร์ฟ็อกซ์อยู่แล้ว แต่มันอาจจะถูกปิดการทำงานอยู่ก็ได้ แนะนำให้ลองตรวจสอบโดยคลิ้กเมนู Tools เลือกคำสั่ง Options คลิ้ก Content ตรวจสอบให้แน่ใจว่า เช็กบ็อกซ์หน้าข้อความ Enable Java ถูกเลือกเป็นเครื่องหมายถูกเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าไม่... ก็คลิ้กเลือกให้เรียบร้อย แล้วรีสตาร์ต Firefox
ส่วนในกรณีที่มันถูกเลือกแล้ว แต่ก็จาวายังไม่ทำงานอยู่ดี แนะนำให้ลองติดตั้งจาวาเข้าไปใหม่ ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ โดย คลิ้กที่นี่ (บางทีถอดถอดไฟร์ฟ็อกซ์แล้วติดตั้งเข้าไปใหม่อาจง่ายกว่า) สำหรับวิธีแก้สุดท้าย ให้คุณลองปิดการทำงานของ Firewall แล้วเปิด Firefox เพื่อเข้าไปในเว็บไซต์ดังกล่าวอีกครั้ง ถ้าทำงานได้ปกติ ลองตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไฟร์วอลไม่ได้บล็อกการทำงานไฟร์ฟ็อกซ์ เชื่อว่า ปัญหาของคุณไม่น่าจะเป็นอื่นไปได้จากกรณีเหล่านี้ ขอให้โชคดีในการแก้ปัญหานะครับ
68. แบ็กอัพข้อมูลให้กับเครือข่ายภายในบ้านนี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่คุณผู้อ่านเมล์เข้ามา บอกว่าตอนนี้มีคอมพิวเตอร์อยู่ 3 เครื่องเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายภายในบ้าน โดยมีคอมพ์ 2 เครื่องเชื่อมต่อแบบอีเธอร์เน็ต ส่วนคอมพ์อีกเครื่องหนึ่งเชื่อมต่อแบบไร้สาย อยากให้ช่วยแนะนำวิธีง่ายๆ ในการที่จะแบ็กอัพข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์เหล่านี้ให้ด้วยในกรณีนี้ผมแนะนำให้มองหาฮาร์ดดิสก์มาเพิ่มอีกสักตัวหนึ่ง จากนั้นต่อมันเข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งในเครือข่าย โดยฮาร์ดดิสก์ที่ใช้อาจจะเลือกเป็นแบบติดตั้งภายใน หรือภายนอกก็ได้ ขั้นตอนต่อมาก็คือ กำหนดแชร์ให้กับฮาร์ดดิสก์ เพื่อว่าคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่ายสามารถเข้าถึงได้ เพียงแค่นี้ คุณก็ได้สตอเรจแยกต่างหากไว้เพื่อสำรองข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่ายของคุณแล้ว วิธีนี้น่าจะง่าย และสะดวกที่สุดแล้วนะครับ
69. Streamingเชื่อว่า คุณผู้อ่านหลายคนคงจะเคยพบเห็นคำว่า “สตรีมมิ่ง” (streaming) ตามสื่อต่างๆ มากมาย และผมก็เชื่ออีกเช่นกันว่า ยังคงมีผู้อ่านอีกหลายๆ คนที่เป็นมือใหม่ยังไม่เข้าใจความหมายของคำคำนี้ ครั้งนี้นายเกาเหลาขออนุญาตทำความเข้าใจเรื่องนี้กับคุณผู้อ่านนะครับโดยพื้นฐาน คำว่า ‘สตรีมมิ่ง’ จะถูกนำไปใช้ในกรณีที่คุณสามารถเล่นไฟล์มัลติมีเดียบนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ต้องมีการดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ตจนครบไฟล์ เนื่องจากการดาวน์โหลดไฟล์มัลติมีเดียทั้งไฟล์จะใช้เวลาค่อนข้างมาก ดังนั้น การเล่นไฟล์มัลติมีเดียจากอินเทอร์เน็ตด้วยเทคนิค ‘สตรีมมิ่ง’ จะทำให้สามารถแสดงผลข้อมูลได้ก่อนที่ไฟล์ทั้งหมดจะถูกส่งผ่านเข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณนั่นเอง
สำหรับการทำให้เทคนิคสตรีมมิ่งสามารถเล่นไฟล์มัลติมีเดียได้อย่างสมบูรณ์นั้น คอมพิวเตอร์ที่ใช้จะต้องประมวลประมวลผลได้เร็วพอด้วย เนื่องจากข้อมูลที่ถูกส่งเข้ามายังเครื่องนอกจากจะต้องได้รับการจัดเก็บเข้าไว้ในหน่วยความจำบัฟเฟอร์แล้ว มันยังต้องมีการแปลงข้อมูลเหล่านั้น เพี่อนำไปแสดงผลในรูปของเสียง หรือวิดีโอ อีกด้วย ซึ่งถ้าขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งล่าช้า คุณก็จะสังเกตเห็นได้ทันทีว่าวิดีโอ หรือเสียงมีการกระตุก หรือแน่นิ่งเป็นพักๆ (การกำหนดขนาดของหน่วยความจำบัฟเฟอร์ ความเร็วของเครื่องคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต เป็นตัวแปรสำคัญในการปรับแต่งให้การเล่นสตรีมมิ่งบนเครื่องคอมพ์ของคุณราบรื่น)
ตัวอย่างของการใช้สตรีมมิ่งที่คุณสามารถพบเห็นได้ก็เช่น เวลาที่คุณเข้าไปในเว็บไซต์ศิลปินเพลง แล้วพบว่า มีตัวอย่างเพลงใหม่ให้ลองฟัง ซึ่งพอคลิ้กปุ๊บภายในอึดใจก็ได้ยินเพลงนั้นเล่นออกมา นั่นแสดงว่า ทางเว็บไซต์ได้ใช้เทคนิคการทำสตรีมมิ่งเพื่อเล่นเพลงใหม่ให้คุณได้ทดลองฟังทันที ที่เล่นเพลงได้เร็วก็เนื่องจากมันไม่ใช่เป็นการดาวน์โหลดไฟล์เพลงใหม่ทั้งเพลงเข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณนั่นเอง
ซึ่งส่วนใหญ่ทางเว็บไซต์ก็จะให้ได้ฟังแค่บางส่วนของเพลงเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อสร้างความรู้สึกให้เกิดความต้องการฟังทั้งเพลง นอกจากนี้ ไฟล์มัลติมีเดียต่างๆ ที่เล่นใน Real Audio หรือ QuickTime ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสตรีมมิ่ง ซึ่งข้อมูลที่สตรีมมิ่งเข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์จะไม่อยู่ในรูปของไฟล์ที่นำไปใช้งานต่อได้ แต่ถ้าคุณดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่เป็นแชร์แวร์ หรือฟรีแวร์จากอินเทอร์เน็ต ไฟล์เหล่านี้ไม่ใช่ข้อมูลสตรีมมิ่ง เนื่องจากมันได้ผ่านกระบวนการดาวน์โหลดไฟล์ที่สมบูรณ์ เพื่อสามารถนำไฟล์ไปใช้งานต่อได้นั่นเอง
70. ตำแหน่ง ‘ฮอต’ สำหรับโฆษณาบนโฮมเพจใครที่คิดจะทำธุรกิจออนไลน์ อยากรู้มั้ยครับว่าการวางตำแหน่งโฆษณา และสปอนเซอร์บนหน้าเว็บนั้นควรอยู่ตรงไหนมากที่สุด เพื่อให้ผู้บริโภคสนใจโฆษณาที่อยู่บนหน้าเว็บคำตอบนี้ผมขออนุญาตอ้างอิงข้อมูลจากการทำสำรวจตำแหน่งโฆษณาบนหน้าเว็บที่จัดทำโดย Google นะครับ สำหรับตำแหน่งโฆษณาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจะอยู่ตรงกลางหน้าเว็บ นอกจากนี้ โฆษณาที่ส่วนพับบน (First Fold) ของหน้าเว็บจะเป็นจุดสังเกตที่ดีกว่าด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับคำว่า ‘พับบน’ ของหน้าเว็บ เป็นศัพท์เฉพาะ
ซึ่งหมายถึงบริเวณพื้นที่หน้าเว็บที่สามารถเห็นได้จากในบราวเซอร์ได้ทันทีโดยผู้ใช้ไม่ต้องเลื่อนหน้าจอ แต่ถ้าผู้ใช้ต้องเลื่อนหน้าเว็บอ่านเนื้อหาทั้งหน้า โอกาสที่ลูกค้าจะเห็นโฆษณาในหน้าเว็บก็ยังมีอยู่ เพียงแต่ความสนใจอาจจะน้อยกว่าบริเวณข้างต้น นอกจากนี้ ตำแหน่งของโฆษณาที่อยู่ตอนท้ายของบทความบนหน้าเว็บก็มีโอกาสได้รับความสนใจสูงเช่นเดียวกัน เนื่องจากผู้ใช้จะใช้เวลาพิจารณาให้ถี่ถ้วนอีกทีว่า เขาสามารถทำอะไรได้อีกบ้างหลังจากอ่านบทความจนจบหน้าเว็บนั้นแล้ว ซึ่งหากโฆษณาที่อยู่ถัดจากบริเวณนี้ ตอบโจทย์ความสนใจที่เกี่ยวเนื่องกับบทความ โอกาสที่โฆษณาจะได้รับความสนใจจะสูงขึ้นตามไปด้วย
แวบแรกที่เห็นกราฟิกของโฆษณา ผู้ใช้อาจจะเข้าใจว่า Google แค่ต้องการโปรโมต Google Toolbar เท่านั้น แต่พอได้อ่านข้อความที่อยู่เหนือกราฟิกขึ้นไป (หรือแม้แต่ในภาพกราฟิกที่เห็น) ผู้ใช้จะเข้าใจเกมการตลาดได้ทันที กล่าวคือ Google กำลังดันให้ผู้ใช้ (ที่ใช้ Google Toolbar และผู้ใช้ทั่วไป) เลือกใช้บราวเซอร์ Firefox แทนที่จะยังคงแนะนำให้ผู้ใช้ Google Toolbar บน IE เหมือนเช่นเคย
62. ลดปัญหา Firefox สวาปามหน่วยความจำสำหรับแฟนคลับไฟร์ฟ็อกซ์ (Firefox) คงจะเคยได้ยินมาบ้างว่า บราวเซอร์ตัวนี้มีปัญหาเรื่องของการสวาปามหน่วยความจำ (memory leak) โดยมันจะไม่ยอมคืนหน่วยความจำที่ไม่ได้ใช้แล้ว ซึ่งถ้าคุณอัพเดต Firefox 1.5.0.1 ทางทีมพัฒนาได้แก้ปัญหานี้ให้เบาบางลงไปมากแล้วเมื่อทรัพยากรของระบบลดลง โดยเฉพาะหน่วยความจำ แน่นอนว่า มันย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานโดยรวมด้วย กล่าวคือ อาการเครื่องทำงานช้า อืดอาดปราศจากเหตุผลจนทำให้วัยรุ่นเซ็งไปเลย ครั้งนี้ผมจึงมีเทคนิคที่ช่วยลดปัญหา ต้องขอใช้คำว่า ‘ลด’ นะครับ ไม่ใช่แก้ แต่เท่าที่ทดลองทำดูแล้วบอกได้เลยว่ามันเวิร์กจริงๆ
แม้ว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่จะทราบดีว่า ปกติแล้ว Firefox จะไม่ใช้หน่วยความจำมากเกินความจำเป็น แต่จากประสบการณ์ของผู้ใช้อีกกลุ่มหนึ่งกลับพบว่า การบริโภคหน่วยความจำของ Firefox เป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขา โจทย์ของเราก็คือ ทำอย่างไรอย่างให้ Firefox ใช้หน่วยความจำน้อยลง โดยทั่วไป รายงานการใช้หน่วยความจำของ Firefox บน Windows จะอยู่ที่ประมาณ 50 – 100 เมกะไบต์ และหน่วยความจำเสมือนอยู่ที่ 100 – 150 เมกะไบต์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะไม่เท่ากันในแต่ละเครื่อง เนื่องจาก Firefox ถูกคอนฟิกให้ใช้หน่วยความจำของระบบมากน้อยขึ้นอยู่กับหน่วยความจำระบบ หมายความว่า ถ้าเครื่องของคุณมีหน่วยความจำมาก Firefox ก็จะใช้มากตามไปด้วย และถ้ามีน้อยมันก็จะใช้น้อยนั่นเอง แต่ถ้าประสบการณ์ในการใช้งานของคุณ ตรงกันข้าม ลองทำตามวินทิปนี้ดูนะครับ
เทคนิคการปรับแต่งที่จะแนะนำต่อไปนี้จะเป็นการย้าย Firefox ขณะมินิไมซ์หน้าต่างโปรแกรมให้ไปอยู่บนฮาร์ดดิสก์แทน เพื่อให้ได้หน่วยความจำคืนมา ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ มันจะใช้หน่วยความจำเหลือประมาณ 10 เมกะไบต์เท่านั้น ในขณะที่ปกติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตอนเปิด หรือมินิไมซ์หน้าต่าง Firefox ก็จะยังคงใช้หน่วยความจำเท่าเดิม (ประมาณ 40 – 50 เมกะไบต์ที่การเปิด 5 แท็บหน้าต่าง) สำหรับการปรับแต่งเพื่อลดการใช้หน่วยความจำขณะมินิไมซ์มีดังนี้
- เปิดโปรแกรม Firefox พิมพ์คำสั่ง about:config เข้าไปในช่องใส่แอดเดรส (Address bar)
- คลิ้กขวาบนหน้าเว็บ เลือกคำสั่ง New -> Boolean
- พิมพ์ config.trim_on_minimize เข้าไปในไดอะล็อกบ็อกซ์ที่ป๊อปอัพขึ้นมา แล้วกดปุ่ม Enter
- กำหนดค่าเป็น True แล้วกดปุ่ม Enter
- ปิดโปรแกรม Firefox แล้วเปิดขึ้นใหม่อีกครั้ง
63. รู้จัก AjaxAjax หรือ Asynchronous JavaScript and XML เป็นเทคนิคในการเขียนโปรแกรมของเว็บ ที่ช่วยขจัดปัญหาของการโหลดหน้าของเว็บ เพราะทุกครั้งที่เราต้องการอัพเดตหน้าเว็บ เราต้องมีการส่งและรับข้อมูลทั้งหน้า ทั้งๆ ที่เราต้องการอัพเดตเฉพาะจุด เช่น ตัวเลขดัชนีหุ้น พยากรณ์อากาศAjax ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของเว็บ แต่เป็นเทคนิคที่ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น HTML หรือ XHTML และ CSS
สำหรับการแสดงข้อมูล DOM (Document Object Model) สำหรับให้ JavaScript ในการทำงานเพื่อใช้ในการแสดงไดนามิกข้อมูล XML และ XSLT สำหรับการส่งข้อมูลและการจัดการข้อมูล XMLHttpRequest เป็นออบเจ็กต์ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างไคลเอ็นต์และเซิร์ฟเวอร์ JavaScript คือเครื่องมือที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกัน
อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า Ajax เป็นเทคนิคที่อยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่มีอะไรใหม่ จึงทำให้โปรแกรมบราวเซอร์ที่เป็นที่นิยมกันอยู่ในปัจจุบันสามารถทำงานร่วมกับ Ajax ได้ สรุปก็คือ Ajax ไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุดของการพัฒนาเว็บแอพพลิเคชัน แต่มันประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่ถูกจับมารวบอยู่ด้วยกัน Ajax ในวันนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้ เพราะแม้แต่ Google ที่ได้รับการยอมรับว่ามีการพัฒนาเรื่องของเทคโนโลยีทางเว็บก้าวหน้าอย่างมากยังนำ Ajax มาใช้ในแอพพลิเคชันของตน เราในฐานะของนักพัฒนาชาวไทย เราคงต้องหันมาสนใจและนำ Ajax มาใช้มากขึ้น
64. ควบคุม IE ให้อยู่หมัดถ้าในองค์กรของคุณต้องการควบคุมการทำงานของ IE ให้มีขีดความสามารถเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เทคนิคการปรับแต่งในตอนนี้ช่วยได้ครับ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกตั้งข้อกำหนดเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องของผู้ใช้เต็มไปด้วยขยะจากอินเทอร์เน็ตได้ด้วยผู้ใช้สามารถควบคุม หรือจำกัดฟีเจอร์ต่างๆ ของบราวเซอร์ Internet Explorer ได้ด้วยการปรับแต่งรีจิสทรี โดยการเพิ่มคีย์ย่อย (subkey) ที่ใช้เปิดปิดฟีเจอร์ระดับปุ่มใช้ และเมนูต่างๆ ซึ่งมีขั้นตอน และรายละเอียดดังนี้
- สั่งรันโปรแกรม Registry Editor (คลิ้กปุ่ม Start -> Run พิมพ์คำสั่ง regedit)
- ในกรอบด้านซ้ายคลิ้กเข้าไปที่ HKEY_CURRENT_USERSoftwarePoliciesMicrosoftInternet Explorer
- ในกรณีที่ใต้คีย์ Internet Explorer ไม่ปรากฏว่ามีคีย์ Restrictions ให้คลิ้กขวา เลือกคำสั่ง New -> Key พร้อมกับตั้งชื่อว่า Restrictions
- จากนั้นที่ด้านขวา เราจะสร้างคีย์ย่อย (subkey) ที่มีชนิดเป็น REG_DWORD และมีค่า (Value) เป็น 1 สมมติว่า ถ้าเราจะปิดไม่ให้ผู้ใช้เข้าไปแก้ไขเมนู
Internet Options ที่กรอบด้านขวามือให้คลิ้กขวาบนพื้นที่ว่าง เลือกคำสั่ง New -> DWORD Value พร้อมกับตั้งชื่อว่า NoBrowserOptions คลิ้กเมนู Edit เลือกคำสั่ง Modify ไดอะล็อกบ็อกซ์ Edit DWORD Value จะปรากฏขึ้นมา เพื่อให้แก้ไขค่า DWORD ของคีย์ NoBrowserOptions ในกล่องใต้คำว่า Value Data: พิมพ์ 1 เข้าไป คลิ้กปุ่ม OK คราวนี้ลองเปิด IE คลิ้กเมนู Tools เลือกคำสั่ง Internet Options บราวเซอร์จะแสดงพร้อมพ์แจ้งไม่ให้ใช้คำสั่งนี้ พร้อมทั้งแนะนำให้ติดต่อแอดมิน
หากคุณต้องการควบคุมฟีเจอร์อื่นๆ ของ IE เพิ่มเติม ก็เพียงแค่เพิ่มคีย์ย่อยเข้าไปในกรอบด้านขวา และกำหนดค่า DWORD ให้เป็น 1 กับคีย์เหล่านั้น ดังเช่นในขั้นตอนที่ 4 ซึ่งคีย์ย่อยสำหรับควบคุม IE ที่อยากจะแนะนำมีดังนี้ครับ
- AlwaysPromptWhenDownload แสดงพร้อมพ์ทุกครั้งเมื่อผู้ใช้กำลังจะดาวน์โหลดไฟล์
- NoBrowserContextMenu ยกเลิกคลิ้กขวาที่ใช้เปิดคอนเท็กซ์เมนูของบราวเซอร์
- NoBrowserSaveAs ยกเลิกการทำงานของคำสั่ง Save As
- NoBrowserOptions ไม่ยอมให้ใช้คำสั่ง Internet Options ในเมนู Tools
- NoSelectDownloadDirปิดออปชันสำหรับการเลือกไดเร็กทอรีสำหรับการดาวน์โหลด
หมายเหตุ: คีย์ควบคุมเหล่านี้จะทำงานก็ต่อเมื่อคุณเปิดโปรแกรม Internet Explorer ขึ้นใหม่ หลังจากกำหนดคีย์เสร็จแล้ว
65. IE ซ่อมได้ (ง่ายนิดเดียว)เวลาที่ IE มีปัญหา ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะนึกถึงวิธีแก้ไขง่ายๆ โดยเข้าไปที่ Add/Remove Programs ใน Control Panel เลือกรายการ Microsoft Internet Explorer แล้วกดปุ่ม Change/Remove
...แต่นั่นเห็นจะยังไม่ใช่วิธีแก้ไขที่ถูกต้องเสียทีเดียวครับก่อนอื่นคุณควรจะทราบว่า แท้จริงแล้ว Internet Explorer เป็นคอมโพเน็นต์หนึ่งของระบบปฏิบัติการ ดังนั้น มันจะถูกเก็บไว้ในเซ็คชั่น Add/Remove Windows Components ในหน้าต่าง Add or Remove Programs (อยู่ในกรอบด้านซ้ายมือ) แต่ที่คุณอาจจะยังไม่ทราบอีกด้วยก็คือ ขั้นตอนที่เกิดขึ้นเป็นแค่เพียงตัดขาดการเข้าถึง IE จากเมนู Start และ Desktop เท่านั้น
วิธีเดียวที่จะซ่อม Internet Explorer ได้ก็คือ ใช้ยูทิลิตี sfc ตรวจสอบไฟล์ระบบ โดยใช้คำสั่ง sfc /scannow จากหน้าต่าง Command (กดปุ่ม Windows + R พิมพ์คำสั่ง cmd ตามด้วยกดปุ่ม Enter) ถ้าหลังจากซ่อมด้วยวิธีดังกล่าว ไม่สามารถแก้ไขได้ แนะนำให้ติดตั้ง IE ใหม่เลยจะดีกว่า ซึ่งจะมีขั้นตอนที่ค่อนข้างจะจุกจิกนิดหนึ่งดังนี้
- เรียกโปรแกรม Registry Editor (พิมพ์ regedit ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Run (กดปุ่ม Windows + R))
- เข้าไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftActiveSetupInstalled Components {89820200-ECBD-11cf-8B85-00AA005B4383}
- กดคลิ้กขวาบนไอเท็ม IsInstalled เลือกคำสั่ง Modify
- แก้ไขค่าจาก 1 เป็น 0
- ปิดโปรแกรม Registry Editor
- ดาวน์โหลด และติดตั้ง Internet Explorer 6
ขั้นตอนข้างบนนี้จะช่วยให้คุณสามารถติดตั้งคอมโพเน็นต์บราวเซอร์ของ IE 6 ได้อย่างสมบูรณ์ อ้อ...เกือบลืมไป ก่อนแก้ไขให้คุณล็อกอินเข้าสู่ระบบปฏิบัติการด้วยบัญชีผู้ใช้ที่เป็น administrator นะครับ หมายเหตุ : สำหรับการติดตั้ง OE 6 ให้แก้ไขค่าของ IsInstalled เหมือนในข้อ 3 และ 4 ก่อนที่จะเข้าไปในรีจิสทรีคีย์ HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREMicrosoftActiveSetupInstalled Components{44BBA840-CC51-11CF-AAFA-00AA00B6015C}
66. OE กับ Outlook ต่างกันตรงไหน?มีใครสงสัยมั้ยครับว่า โปรแกรม Outlook Express 6 กับ Outlook 2003 เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ?จริงๆ แล้ว Outlook สองเวอร์ชันนี้ มีทั้งความเหมือนและความต่าง ซึ่งผมจะอธิบายอย่างสั้นๆ ก็แล้วกันนะครับ ประเด็นแรกเลยก็คือ โปรแกรมอีเมล์ทั้งสองตัวเป็นของไมโครซอฟท์ โดย Outlook Express หรือเรียกย่อๆ ว่า OE ไม่ได้มีความหมายว่า มันเป็นเวอร์ชันที่เร็วกว่า (ก็เห็นมีคำว่า Express) Outlook เฉยๆ แต่อย่างใด ในขณะที่ Outlook 2003 ก็จะมาพร้อมกับเครื่องมือที่มีประโยชน์มากกมายไม่ว่าจะเป็น ระบบจัดการอีเมล์ ปฏิทิน (ใช้กำหนดตารางเวลาสำหรับสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน) รายชื่อผู้ติดต่อ ตลอดจนคุณสมบัติอื่นๆ ของโปรแกรมที่ทำให้มันมีความแข็งแรงมากกว่า ทำอะไรได้มากกว่า Outlook Express มาก
สำหรับ OE จะเป็นแค่โปรแกรมอีเมล์ที่มีคุณสมบัติการทำงานง่ายๆ ช่วยให้จัดการรายชื่อผู้ติดต่อได้บ้างเท่านั้น ทั้งสองโปรแกรมสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์อีเมล์ด้วยโพรโตคอล POP3, IMAP และ HTTP แต่ Outlook 2003 จะมีคุณสมบัติการทำงานต่างๆ มากมายที่ไม่พบใน OE ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถจัดการกับแอดเดรสบุ๊กที่มีอยู่หลายอันได้ สามารถเตือนจำสำหรับอีเมล์ฉบับต่างๆ บันทึกการกิจประจำวันลงในปฏิทิน และงานต่างๆ รวมถึงการกำหนดสิทธิ์ว่า จะให้ผู้รับสามารถสังพิมพ์ ก๊อบปี้ หรือฟอร์เวิร์ดอีเมล์ฉบับที่ส่งไปได้หรือไม่ ? ได้อีกด้วย
67. Java ไม่ยอมทำงานใน Firefox ?มีคุณผู้อ่านเมล์เข้ามาถามผมว่า ลองใช้บราวเซอร์ไฟร์ฟ็อกซ์มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งโดยรวมก็อยู่ในขั้นน่าพอใจ แต่วันก่อนเข้าไปในเว็บไซต์แห่งหนึ่งที่มีการใช้จาวาด้วย แต่ปรากฏว่า ไฟร์ฟ็อกซ์ไม่สามารถรันจาวาได้ ในขณะที่พอเปิดด้วยบราวเซอร์เพื่อนเก่าอย่าง IE ทุกอย่างฉลุย พอจะมีคำแนะนำง่ายๆ สำหรับการแก้ไขปัญหานี้ หรือไม่ครับ?
จากคำถามนี้สามารถพิจารณาสาเหตุที่ทำให้ไฟร์ฟ็อกซ์ไม่รันจาวาได้ 4 แนวทางด้วยกันนั่นคือ ประการแรก ไฟร์ฟ็อกซ์ไม่ได้ติดตั้งโมดูลที่รันจาวา ประการที่สองติดตั้งเข้าไปแล้ว แต่ไม่ได้เปิดการทำงาน ประการที่สาม ติดตั้งเข้าไปแล้วแต่มันไม่ยอมทำงาน และประการสุดท้าย มันถูกบล็อกไม่ให้ทำงานโดยไฟร์วอลที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ปกติที่ดีฟอลต์ของการทำงาน จาวาจะถูกติดตั้งเข้าไปในไฟร์ฟ็อกซ์อยู่แล้ว แต่มันอาจจะถูกปิดการทำงานอยู่ก็ได้ แนะนำให้ลองตรวจสอบโดยคลิ้กเมนู Tools เลือกคำสั่ง Options คลิ้ก Content ตรวจสอบให้แน่ใจว่า เช็กบ็อกซ์หน้าข้อความ Enable Java ถูกเลือกเป็นเครื่องหมายถูกเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าไม่... ก็คลิ้กเลือกให้เรียบร้อย แล้วรีสตาร์ต Firefox
ส่วนในกรณีที่มันถูกเลือกแล้ว แต่ก็จาวายังไม่ทำงานอยู่ดี แนะนำให้ลองติดตั้งจาวาเข้าไปใหม่ ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ โดย คลิ้กที่นี่ (บางทีถอดถอดไฟร์ฟ็อกซ์แล้วติดตั้งเข้าไปใหม่อาจง่ายกว่า) สำหรับวิธีแก้สุดท้าย ให้คุณลองปิดการทำงานของ Firewall แล้วเปิด Firefox เพื่อเข้าไปในเว็บไซต์ดังกล่าวอีกครั้ง ถ้าทำงานได้ปกติ ลองตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไฟร์วอลไม่ได้บล็อกการทำงานไฟร์ฟ็อกซ์ เชื่อว่า ปัญหาของคุณไม่น่าจะเป็นอื่นไปได้จากกรณีเหล่านี้ ขอให้โชคดีในการแก้ปัญหานะครับ
68. แบ็กอัพข้อมูลให้กับเครือข่ายภายในบ้านนี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่คุณผู้อ่านเมล์เข้ามา บอกว่าตอนนี้มีคอมพิวเตอร์อยู่ 3 เครื่องเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายภายในบ้าน โดยมีคอมพ์ 2 เครื่องเชื่อมต่อแบบอีเธอร์เน็ต ส่วนคอมพ์อีกเครื่องหนึ่งเชื่อมต่อแบบไร้สาย อยากให้ช่วยแนะนำวิธีง่ายๆ ในการที่จะแบ็กอัพข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์เหล่านี้ให้ด้วยในกรณีนี้ผมแนะนำให้มองหาฮาร์ดดิสก์มาเพิ่มอีกสักตัวหนึ่ง จากนั้นต่อมันเข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งในเครือข่าย โดยฮาร์ดดิสก์ที่ใช้อาจจะเลือกเป็นแบบติดตั้งภายใน หรือภายนอกก็ได้ ขั้นตอนต่อมาก็คือ กำหนดแชร์ให้กับฮาร์ดดิสก์ เพื่อว่าคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่ายสามารถเข้าถึงได้ เพียงแค่นี้ คุณก็ได้สตอเรจแยกต่างหากไว้เพื่อสำรองข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่ายของคุณแล้ว วิธีนี้น่าจะง่าย และสะดวกที่สุดแล้วนะครับ
69. Streamingเชื่อว่า คุณผู้อ่านหลายคนคงจะเคยพบเห็นคำว่า “สตรีมมิ่ง” (streaming) ตามสื่อต่างๆ มากมาย และผมก็เชื่ออีกเช่นกันว่า ยังคงมีผู้อ่านอีกหลายๆ คนที่เป็นมือใหม่ยังไม่เข้าใจความหมายของคำคำนี้ ครั้งนี้นายเกาเหลาขออนุญาตทำความเข้าใจเรื่องนี้กับคุณผู้อ่านนะครับโดยพื้นฐาน คำว่า ‘สตรีมมิ่ง’ จะถูกนำไปใช้ในกรณีที่คุณสามารถเล่นไฟล์มัลติมีเดียบนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยไม่ต้องมีการดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ตจนครบไฟล์ เนื่องจากการดาวน์โหลดไฟล์มัลติมีเดียทั้งไฟล์จะใช้เวลาค่อนข้างมาก ดังนั้น การเล่นไฟล์มัลติมีเดียจากอินเทอร์เน็ตด้วยเทคนิค ‘สตรีมมิ่ง’ จะทำให้สามารถแสดงผลข้อมูลได้ก่อนที่ไฟล์ทั้งหมดจะถูกส่งผ่านเข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณนั่นเอง
สำหรับการทำให้เทคนิคสตรีมมิ่งสามารถเล่นไฟล์มัลติมีเดียได้อย่างสมบูรณ์นั้น คอมพิวเตอร์ที่ใช้จะต้องประมวลประมวลผลได้เร็วพอด้วย เนื่องจากข้อมูลที่ถูกส่งเข้ามายังเครื่องนอกจากจะต้องได้รับการจัดเก็บเข้าไว้ในหน่วยความจำบัฟเฟอร์แล้ว มันยังต้องมีการแปลงข้อมูลเหล่านั้น เพี่อนำไปแสดงผลในรูปของเสียง หรือวิดีโอ อีกด้วย ซึ่งถ้าขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งล่าช้า คุณก็จะสังเกตเห็นได้ทันทีว่าวิดีโอ หรือเสียงมีการกระตุก หรือแน่นิ่งเป็นพักๆ (การกำหนดขนาดของหน่วยความจำบัฟเฟอร์ ความเร็วของเครื่องคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต เป็นตัวแปรสำคัญในการปรับแต่งให้การเล่นสตรีมมิ่งบนเครื่องคอมพ์ของคุณราบรื่น)
ตัวอย่างของการใช้สตรีมมิ่งที่คุณสามารถพบเห็นได้ก็เช่น เวลาที่คุณเข้าไปในเว็บไซต์ศิลปินเพลง แล้วพบว่า มีตัวอย่างเพลงใหม่ให้ลองฟัง ซึ่งพอคลิ้กปุ๊บภายในอึดใจก็ได้ยินเพลงนั้นเล่นออกมา นั่นแสดงว่า ทางเว็บไซต์ได้ใช้เทคนิคการทำสตรีมมิ่งเพื่อเล่นเพลงใหม่ให้คุณได้ทดลองฟังทันที ที่เล่นเพลงได้เร็วก็เนื่องจากมันไม่ใช่เป็นการดาวน์โหลดไฟล์เพลงใหม่ทั้งเพลงเข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณนั่นเอง
ซึ่งส่วนใหญ่ทางเว็บไซต์ก็จะให้ได้ฟังแค่บางส่วนของเพลงเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อสร้างความรู้สึกให้เกิดความต้องการฟังทั้งเพลง นอกจากนี้ ไฟล์มัลติมีเดียต่างๆ ที่เล่นใน Real Audio หรือ QuickTime ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสตรีมมิ่ง ซึ่งข้อมูลที่สตรีมมิ่งเข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์จะไม่อยู่ในรูปของไฟล์ที่นำไปใช้งานต่อได้ แต่ถ้าคุณดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่เป็นแชร์แวร์ หรือฟรีแวร์จากอินเทอร์เน็ต ไฟล์เหล่านี้ไม่ใช่ข้อมูลสตรีมมิ่ง เนื่องจากมันได้ผ่านกระบวนการดาวน์โหลดไฟล์ที่สมบูรณ์ เพื่อสามารถนำไฟล์ไปใช้งานต่อได้นั่นเอง
70. ตำแหน่ง ‘ฮอต’ สำหรับโฆษณาบนโฮมเพจใครที่คิดจะทำธุรกิจออนไลน์ อยากรู้มั้ยครับว่าการวางตำแหน่งโฆษณา และสปอนเซอร์บนหน้าเว็บนั้นควรอยู่ตรงไหนมากที่สุด เพื่อให้ผู้บริโภคสนใจโฆษณาที่อยู่บนหน้าเว็บคำตอบนี้ผมขออนุญาตอ้างอิงข้อมูลจากการทำสำรวจตำแหน่งโฆษณาบนหน้าเว็บที่จัดทำโดย Google นะครับ สำหรับตำแหน่งโฆษณาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจะอยู่ตรงกลางหน้าเว็บ นอกจากนี้ โฆษณาที่ส่วนพับบน (First Fold) ของหน้าเว็บจะเป็นจุดสังเกตที่ดีกว่าด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับคำว่า ‘พับบน’ ของหน้าเว็บ เป็นศัพท์เฉพาะ
ซึ่งหมายถึงบริเวณพื้นที่หน้าเว็บที่สามารถเห็นได้จากในบราวเซอร์ได้ทันทีโดยผู้ใช้ไม่ต้องเลื่อนหน้าจอ แต่ถ้าผู้ใช้ต้องเลื่อนหน้าเว็บอ่านเนื้อหาทั้งหน้า โอกาสที่ลูกค้าจะเห็นโฆษณาในหน้าเว็บก็ยังมีอยู่ เพียงแต่ความสนใจอาจจะน้อยกว่าบริเวณข้างต้น นอกจากนี้ ตำแหน่งของโฆษณาที่อยู่ตอนท้ายของบทความบนหน้าเว็บก็มีโอกาสได้รับความสนใจสูงเช่นเดียวกัน เนื่องจากผู้ใช้จะใช้เวลาพิจารณาให้ถี่ถ้วนอีกทีว่า เขาสามารถทำอะไรได้อีกบ้างหลังจากอ่านบทความจนจบหน้าเว็บนั้นแล้ว ซึ่งหากโฆษณาที่อยู่ถัดจากบริเวณนี้ ตอบโจทย์ความสนใจที่เกี่ยวเนื่องกับบทความ โอกาสที่โฆษณาจะได้รับความสนใจจะสูงขึ้นตามไปด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)