28 ม.ค. 2551

100 Tips การใช้งานคอมพิวเตอร์ในแบบที่ไม่ซ้ำใคร (3)

21. ก่อนซื้อคอมพ์เครื่องใหม่มองหาสติ๊กเกอร์นี้แม้ว่าไมโครซอฟท์จะยังไม่ได้ระบุลงไปชัดเจนถึงสเปกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสำหรับรัน Windows Vista ในแต่ละเอดิชัน แต่ล่าสุด ทางบริษัทได้ออกเอกสารข้อกำหนดสำหรับสติ๊กเกอร์ที่จะใช้ติดบนคอมพิวเตอร์ที่สามารถรัน Windows Vista ได้สำหรับคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการสติ๊กเกอร์ที่มีคำว่า “Windows Vista Capable” จะหมายความว่า คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นสามารถรัน Home Basic Edition ของ Windows Vista ได้นั่นเอง

โปรแกรมการตลาดสำหรับคอมพิวเตอร์ที่สามารถรัน Windows Vista (Windows Vista Capable) ทางไมโครซอฟท์ตั้งใจจะสร้างกระแสให้ลูกค้าเกิดการเตรียมความพร้อมของฮาร์ดแวร์ก่อนอัพเกรดไปสู่ Vista ในต้นปี 2007 โดยเมื่อลูกค้าเห็นสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่บนคอมพิวเตอร์ที่มีโลโก้ว่า “Designed for Windows XP-Windows Vista Capable” พวกเขาจะมั่นใจได้ทันทีว่า คอมพิวเตอร์ที่จะซื้อไปนั้นสามารถอัพเกรดไปใช้ Vista (บางเวอร์ชัน)ได้อย่างปลอดภัย สำหรับข้อกำหนดขั้นต่ำของคอมพิวเตอร์ที่จะได้รับการติดสติ๊กเกอร์ที่มีโลโก้ Windows Vista Capable ได้มีดังนี้

- สามารถรัน Windows XP ได้อย่างสมบูรณ์
- ใช้โพรเซสเซอร์รุ่นใหม่
- มีหน่วยความจำอย่างน้อย 512 เมกะไบต์
- ใช้โพรเซสเซอร์กราฟิกสนับสนุน DirectX 9
- ควรสนับสนุน Windows Display Driver Model (WDDM) เพื่อใช้ข้อได้เปรียบของการทำงานทางด้านกราฟิกของ Vista ที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดข้างบนนี้จะทำให้พีซีสามารถรัน Windows Vista ได้เป็นอย่าง “ดี” แต่ถ้าคุณต้องการคอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้ ‘ดีที่สุด’ สำหรับ Vista ควรเลือกดังนี้
- ฮาร์ดแวร์กราฟิก DirectX 9 ที่สนับสนุน WDDM และ Pixel Shader 2.0
- ขนาดข้อมูลสำหรับแต่ละพิกเซลอย่างน้อย 32 บิตต่อพิกเซล
- หน่วยความจำการ์ดแสดงผลกราฟิกที่เหมาะสมกับความละเอียดที่เลือกใช้บนมอนิเตอร์
- แบนด์วิดธ์ของหน่วยความจำกราฟิกที่กำหนดโดยระบบการทำงานภายใน Windows Vista (WinSAT.EXE) ซึ่งกำหนดไว้ว่า อย่างน้อยต้องมีแบนด์วิดธ์ขนาด 1800MB/s สำหรับเดสก์ทอปที่มีจำนวน 1,310,720 พิกเซล

หากคอมพิวเตอร์มีพร้อมด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ไมโครซอฟท์กล่าว่า ผู้ใช้จะสามารถรัน Aero Interface ได้ ซึ่งทางตัวแทนบริษัทฯ ยังกล่าวอีกว่า แม้ฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่จะสนับสนุนการรัน Aero Interface แต่นั่นก็ยังไม่ได้หมายความว่า มันจะสามารถรัน Windows Vista ได้ทุกเวอร์ชัน “โปรแกรม Windows Vista Capable จะไม่ได้ใช้เป็นตัวแทนสำหรับฮาร์ดแวร์ขั้นต่ำที่ต้องการใช้รัน Windows Vista เวอร์ชันต่างๆ เรากำลังจัดเตรียมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ขั้นต่ำที่ Windows Vista ต้องการ และโปรแกรมโลโก้ Windows Vista ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” นั่นหมายความว่า โปรแกรมการตลาดสำหรับ Windows Vista Capable ที่ออกมา เพียงเพื่อจะบอกกับลูกค้าว่า พีซีที่กำลังจะซื้อยู่นั้นนอกจากจะสามารถรัน Windows XP ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว

ยังสามารถอัพเกรดไปใช้ Windows Vista ในอนาคตได้อีกด้วย ไมโครซอฟท์คาดว่า ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้เกิดการอัพเกรดเครื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะใช้ Windows Vista ในอนาคตเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้ใช้คอมพิวเตอร์โดยเฉลี่ยคงไม่ต้องการซื้ออุปกรณ์ล่าสมัย ดังนั้น พวกเขาจะเลือกคอมพิวเตอร์รุ่นที่ติดสติ๊กเกอร์ที่มีคำว่า Vista Capable แม้ตอนนี้พวกเขาอาจจะยังไม่รู้เลยว่า Vista คืออะไร ?

22. ป้อนข้อมูลซ้ำในหลายเซลล์เชื่อว่า ผู้ที่ใช้ Excel อยู่เป็นประจำ คงต้องเคยเจอกับงานที่ต้องป้อนข้อมูลซ้ำๆ กันเข้าไปในเซลล์ต่างๆ ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในเวิร์กชีต ครั้งนี้เรามีเทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยให้งานดังกล่าวสามารถทำสำเร็จได้ภายในอึดใจ

ถ้าเป็นมือใหม่ที่เพิ่งหัดใช้ Excel งานในลักษณะดังกล่าวก็คงจะเริ่มต้นด้วยการพิมพ์ข้อมูลเข้าไปในเซลล์ จากนั้นเลือกคำสั่ง Copy (กดปุ่ม Ctrl+c) ตามด้วยการคลิ้กเลือกแต่ละเซลล์ที่ต้องการเพื่อ Paste (กดปุ่ม Ctrl+v) ข้อมูลเข้าไป แต่วินทิปในครั้งนี้ เราขอแนะนำเทคนิคที่ช่วยให้คุณสามารถป้อนข้อมูลที่ซ้ำกันเข้าไปในทุกๆ เซลล์ที่ต้องการได้ในคราวเดียว ซึ่งแน่นอนว่า มันรวดเร็ว และสะดวกกว่ามาก ขั้นแรกให้คุณเลือกเซลล์ที่ต้องการป้อนข้อมูลที่ซ้ำกันเข้าไปก่อน โดยกดปุ่ม Ctrl ค้างไว้ แล้วใช้เมาส์คลิ้กเลือกเซลล์ทั้งหมดที่ต้องการ (ด้วยวิธีนี้คุณสามารถเลือกเซลล์ต่างๆ ได้โดยที่ไม่จำเป็นว่า พวกมันต้องอยู่ใน row หรือ column เดียวกัน) หลังจากเลือกเซลล์ที่ต้องการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คุณพิมพ์ข้อมูลเข้าไปในเซลล์สุดท้ายที่เลือก จากนั้นกดปุ่ม Ctrl + Enter คุณจะพบว่า ข้อมูลดังกล่าวจะไปปรากฏในทุกเซลล์ที่คุณเลือกไว้ทันที

23. เรียกคืนต้นฉบับกราฟิกใน Wordคุณเคยใช้กราฟิก หรือเวิร์ดอาร์ต (Word Art) ใน MS Word หรือเปล่าครับ ? สำหรับผู้ที่ใช้งานในลักษณะดังกล่าว ย่อมต้องเคยประสบกับปัญหาที่ว่า บางครั้งเราปรับแต่งขนาดหลายครั้ง หลายครา จนพวกมันดูผิดเพี้ยนไป หรือไม่ก็ไม่ได้ขนาดเสียที ครั้นจะแก้กลับไปให้เหมือนเดิมด้วยคำสั่ง Undo มันก็ดันเรียกคืนการแก้ไขส่วนอื่นๆ ในหน้าเอกสารตามไปด้วย ทั้งๆ ที่เราต้องการแก้ไขเฉพาะกราฟิกที่เป็นปัญหาเท่านั้น ในครั้งนี้เรามีเทคนิคที่แสนจะง่ายดายในการเรียกคืนการปรับแต่งกราฟิก หรือ Word Art ในโปรแกรม Word ให้กลับไปมีขนาดเหมือนต้นฉบับเดิมทุกประการ เพียงแค่กดปุ่ม Ctrl บนคีย์บอร์ดค้างไว้ จากนั้น ดับเบิลคลิ้กบนกราฟิกที่คุณต้องการ เพียงแค่นี้คุณจะเห็นกราฟิกดังกล่าวกลับคืนไปมีขนาด และคุณสมบัติต่างๆ เหมือนเพิ่งวาง หรือแทรกมันเข้ามาในตอนแรกเลย ง่ายดีไหมครับ ?

24. ดูแลหน้าจอแอลซีดีให้ใสปิ๊งอยู่เสมอสำหรับผู้ใช้มอนิเตอร์จอแบนที่เป็นแอลซีดี (หรือโน้ตบุ๊ก) พอนานๆ ไปคุณจะพบว่า หน้าจอมีจุดด่าง หรือรอยขีดข่วนเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอไม่ชัดเจน ผมมีวิธีมาแนะนำง่ายๆ ในการดูแลหน้าจอให้สะอาดใหม่ใสปิ๊งอยู่เสมอด้วยตัวคุณเองครับก่อนจะทำความสะอาดขั้นแรกให้คุณปิดการทำงานของจอแอลซีดีก่อน เพื่อว่าคุณจะได้สามารถมองเห็นรอยเปื้อน หรือร่องรอยของจุดด่างต่างๆ ได้อย่างชัดเจน จากนั้นหาผ้าฝ้ายที่ ‘อ่อนนุ่ม’ แช่น้ำอุ่น แล้วบิดให้แห้งพอสมควร เช็ดเบาๆ บนหน้าจอจากบนลงล่าง หรือจากซ้ายไปขวา (ตามแต่ความถนัดของคุณ) แต่อย่าใช้วิธีเช็ดเป็นวงกลมโดยเด็ดขาด!!!

หากปฎิบัติตามด้วยวิธีข้างต้นแล้ว ไม่สามารถทำให้หน้าจอดูสะอาดขึ้นมาได้ ให้คุณลองใช้น้ำส้มสายชูผสมกับน้ำสะอาดแทน อย่างไรก็ตาม หลักการทำความสะอาดหน้าจอ LCD ก็คือ ผ้าฝ้ายที่ใช้เช็ดจะต้องล้างให้สะอาดก่อนลงมือเช็ดทุกครั้ง และไม่ควรใช้การพ่นน้ำ (หรือ น้ำ + น้ำส้มสายชู) เข้าไปที่หน้าจอโดยตรง แล้วตามด้วยผ้าแห้งเช็ดถูเข้าไปอีกที ซึ่งด้วยวิธีนี้นอกจากจะไม่ช่วยให้หน้าจอของคุณสะอาดขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้หน้าจอมีปัญหาการแสดงผลในอนาคตได้อีกด้วย หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาเช็ดกระจก หรือชุดทำความสะอาดที่ส่วนผสมของแอมโมเนีย เนื่องจากมันจะทำให้พื้นผิวหน้าจอแอลซีดีกลายเป็นสีเหลือง (สังเกตได้จากสีขาวที่เห็นในหน้าจอจะเห็นเป็นสีเหลืองอ่อนๆ) หวังว่า คำแนะนำง่ายๆ ต่อไปนี้ คงจะเป็นประโยชน์กับผู้ใช้จอแอลซีดีกันถ้วนหน้านะครับ

25. น่ารู้กับ: LSASS.EXEเวลาเปิดทาส์กแมแนเจอร์ (Task Manager กดปุ่ม Ctrl+Alt+Del) คุณอาจจะเคยสังเกตเห็นแอพพลิเคชันตัวหนึ่งอยู่เป็นประจำชื่อว่า LSASS.EXE ดูชื่อก็ไม่คุ้นเลย ผู้ใช้บางคนก็ซุกชนไปปิดมัน เพราะคิดว่า เป็นพวกไวรัส หรือเปล่า ปรากฏว่า ระบบก็ไม่ยอมให้ปิดอีกต่างหากความจริง lsass.exe เป็นไฟล์แอพพลิเคชันที่มีความสำคัญมากสำหรับระบบปฏิบัติการ Windows โดยชื่อ LSASS จะย่อมาจาก Local Security Authority Subsystem Service ซึ่งมีหน้าที่หลักคือ ช่วยจัดการระบบรักษาความปลอดภัย และล็อกอินของยูสเซอร์ โดยผู้ใช้สามารถพบไฟล์นี้ได้ในโฟลเดอร์ c:windowssystem32 หรือ c:winntsystem32 ขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการที่ใช้ในขณะนั้น

ใครที่สงสัยว่า ควรจะปิดการทำงานของ lsass หรือไม่ ? เมื่อทราบความหมายของมันแล้วคงรู้คำตอบนะครับว่า ไม่ควรอย่างยิ่ง ที่สำคัญคุณควรจะปล่อยให้มันทำงานเพื่อช่วยให้ระบบอยู่ในความปลอดภัย ข้อเท็จจริงก็คือ ถ้าคุณพยายามปิดมัน (เช่นเดียวกับที่คุณปิดแอพฯ อื่นๆ ในทาส์กบาร์) ทาส์กแมแนเจอร์ก็จะไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม หากคอมพิวเตอร์ที่ใช้มีอาการล่มอยู่บ่อยๆ เนื่องจากไฟล์ lsass.exe นั่นอาจหมายความว่า มีไวรัส หรือสปายแวร์ติดเข้าไปในระบบแล้วก็ได้ เนื่องจากปี 2004 พบช่องโหว่ใน lsass ทำให้วายร้ายอย่างหนอนไวรัสที่ชื่อว่า Sasser ใช้ในการโจมตีได้ ผลจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ผู้ใช้รู้สึกกังวลเวลาที่พบเห็นไฟล์ lsass โดยมักเข้าใจผิดคิดว่า ติดไวรัสเข้าไปแล้ว แต่อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า lsass เคยถูกมองเป็นผู้ต้องหาในช่วงนั้น ซึ่งปัจจุบันปัญหาดังกล่าวได้ถูกกำจัดหมดไปแล้ว แต่นั่นหมายความว่า คุณได้อัพเดต Windows อย่างสม่ำเสมอนะครับ นอกจากนี้ แนะนำให้คุณติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยให้กับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ด้วยครับ

26. rpm คืออะไร ?เคยสังเกตมั้ยครับ ที่ฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์เดสก์ทอป จะมีคำว่า RPM ปรากฏอยู่ในฉลากที่ติดอยู่บนตัวถังของฮาร์ดดิสก์ ทราบกันมั้ยครับว่า มันหมายถึงอะไร ?ฮาร์ดดิสก์ส่วนใหญ่จะติดฉลากแจ้งให้ผู้ใช้ทราบถึงอัตราเร็วในการหมุนของจานดิสก์ที่อยู่ภายใน โดยใช้หน่วยวัดเป็น RPM (revolutions per minute:รอบต่อนาที)

ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสำคัญต่อผู้บริโภคอย่างไร คำตอบก็คือ ยิ่งความเร็วรอบสูงขึ้นเท่าไร นั่นหมายความว่า อัตราการถ่ายโอนข้อมูลไปมาระหว่างฮาร์ดดิสก์ก็มีโอกาสที่จะทำได้เร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม อัตราเร็วของการถ่ายโอนข้อมูลที่เร็วกว่าจะอยู่ในหน่วยมิลลิวินาที (ms:milliseconds) ดังนั้น ผู้ใช้อาจจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างมากนัก ถ้าปกติคุณไม่ได้ทำงานกับไฟล์ขนาดใหญ่ หรือไม่ได้ใช้หน่วยความจำเสมือน (การทำงานของ Windows ที่ใช้พื้นที่บนฮาร์ดดิสก์ทำหน้าที่เป็นหน่วยความจำ)

27. MS ยัน WGA ไม่ได้เป็นสวิตช์ปิดตายวินโดวส์ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาว่า ผู้ใช้ที่ไม่ได้เลือกให้ติดตั้ง Windows Genuine Advantage (WGA) ของไมโครซอฟท์จะสามารถใช้งานได้อีกแค่ 30 วันก่อนที่จะระบบปฏิบัติการหยุดทำงาน ซึ่งทางบริษัทวางท่าทีนิ่งเฉยต่อข่าวลือที่ออกมาในช่วงแรก แต่ล่าสุดโฆษกบริษัทได้ออกมายืนยันปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวแล้ว ว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน เทคโนโลยีต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ของไมโครซอฟท์ (WGA) จะไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ และไม่มีวันที่มันจะปิดคอมพิวเตอร์ของคุณอย่างแน่นอน ในขณะเดียวกัน ทางบริษัทกล่าวว่า ระบบปฏิบัติการ Windows Vista จะใช้วิธีกระตุ้นการทำงานของซอฟต์แวร์ด้วยวิธีที่แตกต่างไปจากเดิม เพื่อป้องกันการแจกจ่ายไลเซ็นส์ที่เป็นต้นตอสำคัญของการละเมิดลิขสิทธิ์วินโดวส์ล่าสุดไมโครซอฟท์ได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงการทำงานของ WGA เพื่อลดความรู้สึกไม่พอใจของผู้ใช้

เนื่องจากเครื่องมือดังกล่าวมีลักษณะการทำงานคล้ายกับสปายแวร์ โดยพยายามที่จะตรวจสอบลิขสิทธิ์วินโดวส์ที่ถูกต้อง เพื่อแจ้งกลับไปยังไมโครซอฟท์ทุกครั้งที่ผู้ใช้เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นทำงาน และหากพบว่า เป็นเวอร์ชันที่ไม่ถูกลิขสิทธิ์ ซอฟต์แวร์ WGA ก็จะส่งข้อความแจ้งเตือนขึ้นมา แต่สำหรับเวอร์ชันใหม่ของ WGA ทางไมโครซอฟท์ได้ปรับปรุงให้มันติดต่อกลับไปยังไมโครซอฟท์แค่บางครั้งบางคราวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์กำลังถูกฟ้องจากผู้ใช้ที่มองว่า WGA กำลังละเมิดความเป็นส่วนตัวของเขาอีกด้วย

28. เปลี่ยนมุมมองเอกสารเวิร์ดแบบเร่งด่วนคุณผู้อ่านคนหนึ่งอีเมล์เข้ามาถามผมว่า ไปเล่นคอมพ์ที่บ้านเพื่อนมา จำได้รางๆ ว่า เห็นเพื่อนเปลี่ยนมุมมองเอกสารในไมโครซอฟท์เวิร์ด (Microsoft Word) ได้โดยไม่ต้องคลิ้กเมนู View แต่ก็จำไม่ได้จริงๆ ว่า คลิ้กตรงไหน ? อยากให้นายเกาเหลาช่วยบอกวิธีให้ด้วยโดยทั่วไปแล้วผู้ใช้แต่ละคนจะเลือกใช้มุมมองเอกสารในโปรแกรมไมโครซอฟท์เวิร์ดแตกต่างกันไปตามความถนัด บางคนก็ชอบมุมองแบบปกติ (Normal) ในขณะที่บางคนก็ชอบมุมมองแบบแสดงเลย์เอาต์สำหรับพิมพ์ และหน้าเอกสาร (Page/Print Layout) เป็นต้น ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่เวลาเลือกมุมมองต่างๆ ในเวิร์ดก็จะคลิ้กเลือกคลิ้กเลือกมุมมองต่างๆ ที่ต้องการจากเมนู View ในอดีตผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้วิธีนี้

แต่พอได้เจอคำถามนี้เข้า ผมถึงจำได้ว่า ความจริง Microsoft Word ได้จัดเตรียมปุ่มสำหรับเลือกมุมมองของหน้าเอกสารให้ใช้อยู่แล้ว โดยที่คุณไม่ต้องคลิ้กที่เมนู View เลย และเรื่องจริงที่น่าตลกยิ่งกว่านั้นก็คือ พวกมันอยู่บนหน้าต่างโปรแกรมเวิร์ดตลอดเวลา เฉลยดีกว่า เอาเป็นว่าให้คุณลองมองไปที่มุมด้านซ้ายสุดของแถบสกอลบาร์ด้านล่าง (บน status bar อีกทีหนึ่ง) คุณจะเห็นปุ่มมุมมองทั้ง 4 ปรากฏอยู่ (โอ้ว...จริงด้วย ทำไมเราไม่ยักจะเคยสังเกตเห็นพวกมันมาก่อนเลยนะ) โดยแต่ละปุ่มมีความหมายดังรูปข้างล่างนี้ คราวนี้เวลาเปลี่ยนมุมมองของหน้าเอกสารคุณก็สามารถคลิ้กเลือกบนปุ่มเหล่านี้ได้ทันที โดยไม่ต้องไปตั้งต้นที่เมนู View อีก หวังว่า คงจะใช่คำตอบที่คุณต้องการนะครับ

29. ช่วยด้วย!!! หน้าต่างหลุดไปนอกจอสำหรับทิปนี้มีสาเหตุมาจากตอนที่นายละมุนกำลังใช้ Outlook Express แล้วเมาส์เกิดมีปัญหา พอขยับไปขยับมา หน้าโปรแกรมถูกยกเลื่อนขึ้นไปติดมุมบนขวาของหน้าจอ โดยส่วนที่เป็นไตเติลบาร์ด้านบน และสกรอลล์บาร์ด้านข้างหลุดออกไปนอกจอ ทำให้ไม่สามารถใช้เมาส์ลากลงมาได้ ละมุนจะทำอย่างไงดีครับ ?ปัญหาหญ้าปากคอกอย่างนี้นายเกาเหลาเองก็เคยเจอเหมือนกัน ซึ่งมันมีวิธีแก้ง่ายๆ

โดยคุณสามารถย้ายหน้าต่างโปรแกรมที่แอ็กทีฟอยู่ในขณะนั้นได้ด้วยการกดปุ่มคีย์ลัด Alt + Spacebar แล้วกดปุ่ม M (ซึ่งเท่ากับการเลือกคำสั่ง Move จากเมนูควบคุมหน้าต่างโปรแกรมนั่นเอง) คุณจะสังเกตเห็นพอยน์เตอร์ของเมาส์เปลี่ยนรูปร่างไปเป็นรูปลูกศรชี้ 4 ทิศ จากนั้นกดปุ่มลูกศรบนคีย์บอร์ด เพื่อลากหน้าต่างโปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่ในขณะนั้น ซึ่งในที่นี้ก็คือ Outlook Express ออกจากมุมของหน้าจอ เมื่อได้ตำแหน่งที่ทำให้สามารถมองเห็นหน้าต่างโดยสมบูรณ์แล้วกดปุ่ม Enter ง่ายดีไหมครับ :)

30. ไม่ยอมแสดงขนาดโฟลเดอร์ ?เคยสงสัยกันมั้ยครับว่า ทำไม Windows Explorer ไม่ยอมแสดงขนาดของแต่ละโฟลเดอร์ให้เห็นกันชัดๆ ไปเลย เวลาตรวจสอบขนาดไฟล์ และโฟลเดอร์ต่างๆ จะได้ง่ายขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วก็มีวิธีทำที่ง่ายๆ โดยเลื่อนพอยน์เตอร์ของเมาส์ไปบนไอคอนโฟลเดอร์ แค่อึดใจ ทูลทิปส์ ก็จะปรากฏขึ้นมาพร้อมแสดงขนาดของโฟลเดอร์ให้ทราบทันที แต่มันก็คงไม่ตอบโจทย์นี้อยู่ดี

หลังจากสืบค้นบนเน็ตผมก็พบกับ Shell Extension (ส่วนเพิ่มขยายสำหรับการทำงานของเชลล์บนวินโดวส์ อย่างเช่น คำสั่งในคอนเท็กซ์เมนู ฯลฯ) ที่น่าจะตอบโจทย์นี้ได้ นั่นคือ Folder Size for Windows 2.3 (http://prdownloads.sourceforge.net/foldersize/FolderSize-2.3.msi?download) เป็นโปรเจกต์พัฒนาซอฟต์แวร์ของกลุ่มโอเพ่นซอร์ส SourceFORGE.net (http://foldersize.sourceforge.net/)

โดยเอ็กเทนชันตัวนี้จะช่วยเพิ่มคอลัมน์ Folder Size เข้าไปในหน้าต่าง Windows Explorer เพื่อให้คุณสามารถเห็นขนาดของโฟลเดอร์ได้ทันที ทั้งนี้ ผู้ใช้สามารถใช้คอลัมน์ Folder Size (บอกทั้งขนาดโฟลเดอร์ และไฟล์) แทนคอลัมน์ Size (ที่บอกขนาดไฟล์เพียงอย่างเดียว) ได้เลย เพียงแค่คลิ้กขวาบนคอลัมน์ใดก็ได้ แล้วคลิ้กเลือกยกเลิกเครื่องถูกหน้ารายการ Size จากนั้นคลิ้กเลือกให้มีเครื่องหมายถูกหน้ารายการ Folder Size แทน ลองไปทำดูนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น: