14 มี.ค. 2551

ความบังเอิญ( เรื่องดีๆที่ควรอ่าน )

ข้อความบังเอิญ.... พอดีมีเพื่อนส่งมาให้ อ่านแล้วรู้สึกดี ยาวไปนิด
แต่ก็อยากให้ทุกคนอ่าน
ข้อความบังเอิญ....
"มีคนเคยบอกว่า...ชีวิตคือความบังเอิญ..แต่ความบังเอิญบางครั้งก็เปลี่ยนแปลง..­มุมมองเราใหม่ทั้ง
ชีวิต "
ผมไม่เคยเชื่อในข้อความนี้...จนกระทั่งวันธรรมดาวันหนึ่ง
ที่ผมเปิดมือถือขึ้นตอนเช้า
ผมได้รับข้อความ SMS บอกว่า ผมมีข้อความเสียงฝากไว้ ใน Voice Mail Box
ของผมให้โทรเข้า
ไปฟัง...
ผมกด เข้าไปฟัง

แต่พอฟัง...ผมกลับรู้สึกแปลกใจใหญ่เพราะเสียงของคนที่ฝากข้อความไว้นั้นผมไม่คุ­้น
เอาเสียเลย...
และยิ่งฟังข้อความที่ฝากไว้...ยิ่งน่าจะไม่เกี่ยวกับผมเลยด้วยซ้ำ
แต่เสียงเศร้า ของชายสูงวัยนั้น ทำให้
ผมสะดุดใจผมอย่างยิ่ง
"ชัย...นี่พ่อนะ พ่อพยายามติดต่อลูกหลายครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้ คือ
พ่อต้องเข้ารพ.ไปผ่าตัดอาทิตย์หน้า
และหมอให้พ่ออยู่ที่
โรงพยาบาลตั้งแต่พรุ่งนี้..ที่บ้านไม่มีคนอยู่..ถ้าลูกว่างก็แวะมาได้ที่
โรงพยาบาลโคราช บางทีพ่ออาจจะ
เหลือเวลาไม่มาก...... "

เสียงปลายทาง..สิ้นสุดลง ผมอึ้งและ...งง กับข้อความที่เพิ่งฟังจบไป
อยู่พักหนึ่ง
ผมไม่ได้ชื่อชัย...และผม ก็ไม่มีพ่ออยู่โคราช พ่อผมเสียไปนานมากแล้ว...
ผู้ชายคนนั้นคง..กดเบอร์โทรผิด ผมคิดแค่นั้น
และพยายามไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ผมเพิ่งฟังมา
ทำไมต้องสนใจ ????..มันไม่เกี่ยวกับผม..!
แต่ตลอดวันนั้น เสียงล้าๆ เหนื่อยๆ ของชายคนนั้นที่ฝากไว้ใน Voice Mail Box
วนเวียนเข้ามารบก
วนใจผมเป็นระยะ...
ผมได้แต่คิดว่า ผมมีสิทธิ์ที่จะลืมมัน ?
มันไม่ใช่หน้าที่อะไรของผมที่จะต้องสนใจ กับแค่การฝากข้อความ
ผิดเบอร์...

แต่ประโยค "บางทีพ่ออาจจะเหลือเวลาไม่มากนัก......" มันทำให้ผมรู้สึกแย่
หากไม่ลุกมาทำอะไร
สักอย่าง
ผมตัดสินใจโทรกลับไปที่หมายเลขที่โทรมาฝากข้อความไว้....ซึ่งเป็นโทรศัพท์บ้าน.­..
ผมโทรไปหลายต่อหลายครั้ง
ไม่มีคนรับสาย....ใช่ป่านนี้เค้าคงอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว
ผมได้แต่ถอนใจและพยายามบอกว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว...
แต่ตอนเย็นของวันนั้น ในที่สุด ความสำนึกดี..(ที่มีอยู่ไม่มากนักในตัวผม)
ก็(ดัน) ดลบันดาลในให้ผม หาทางออกได้ว่า

ผมน่าจะลองโทรไปหาเบอร์มือถือที่ใกล้เคียงกับผมดู
เผื่อบางที อาจจะมีเบอร์ใด...ที่อาจจะเป็น ลูกชายของคนที่ฝากข้อความไว้ก็ได้
เพราะถ้ากดผิดได้แสดงว่าหมายเลขคงจะห่างกันไม่มาก
ผมตัดสินใจไล่...กดเบอร์มือถือ ที่ใกล้เคียงกับเลขหมายโทรศัพท์ของผม
ตั้งใจว่าจะกด แค่สิบ
เบอร์แรก...เท่านั้น
โดยเรียงจากเลขที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด...ผมทำมันด้วยความไม่เต็มใจเท่าไหร่นั­กหรอก..
เพราะมันไม่สนุกเลยที่คุณจะต้องโทรไปหาใครที่ไม่รู้จักแล้วบอกเค้าว่า
"สวัสดีครับ คุณชื่อชัยหรือเปล่าครับ...ผมเป็นคนที่มีเลขหมายโทรศัพท์มือถือ
ใกล้เคียงกับคุณ คือ คุณพ่อ
คุณคงกดเบอร์ผิด

และฝากข้อความไว้ที่ Voice Mail ของผม คือ ท่านบอกว่า
เค้ากำลังจะเข้าผ่าตัดที่โรงพยาบาลที
โคราชอาทิตย์หน้า.... "
ทายซิครับ...ผมได้รับคำตอบ....อะไรบ้าง ?
บ้างก็วางสายใส่อย่างไม่ปราณี...
บ้าง..ก็ถามกลับมาว่า คุณบ้าหรือเปล่า ?
แต่คำตอบยอดนิยมที่ผมได้รับ...คือ....
"ขอโทษนะค่ะ...ดิฉันไม่ซื้อประกันตอนนี้...และทำบัตรเครดิต
ครบทุกธนาคารแล้วค่ะ "
ผมอยากจะบ้าตาย..ผมไม่ได้พูดอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องประกัน กับ
บัตรเครคิตซะหน่อย..เฮ้อ...
บางที...คนสมัยนี้ คงยุ่งเกินกว่าที่จะ คุยกับคนแปลกหน้า..ก็ได้...มั้ง ……
ผมนึกโกรธ เจ้าความสำนึกดีในตัวเอง...ที่มันยังดึงดันพยายามต่อ...
จากที่ตั้งใจว่า จะโทรแค่ 10 เบอร์ที่ใกล้เคียงเท่านั้น

แล้วผมก็ลามปราม...โทรไปถึง..สามสิบเบอร์
แต่ในที่สุด..ผมก็ต้อง..ถอนใจ ...หมดหวัง..เมื่อเบอร์สุดท้ายก็ติดต่อไม่ได้
ผม...ตัดสินใจฝากข้อความ Voice Mail ของหมายเลขที่ผมลองสุ่มโทรไป...
ด้วยประโยคที่ผมพูดซ้ำ
กันมากกว่า 30 รอบ อย่างเชี่ยวชาญ
"สวัสดีครับ คุณชื่อชัยหรือเปล่าครับ...ผมเป็นคนที่มีเลขหมายโทรศัพท์มือถือ
ใกล้เคียงกับคุณ คือ คุณพ่อ
คุณคงกดเบอร์ผิด
และฝากข้อความไว้ที่ Voice Mail ของผม คือ ท่านบอกว่า
เค้ากำลังจะเข้าผ่าตัดที่โรงพยาบาลที

โคราชอาทิตย์หน้า.... "
ผมวางสาย...เบอร์โทรที่เป็น...เป้าหมายสุดท้าย...เสร็จสิ้นไปแล้ว...
ผมพยายามปลอบใจตัวเองว่า...ผมทำดีที่สุดแล้ว...และไม่ควรรู้สึกผิดอะไรอีก
ผมหลับตานึกภาพพ่อของคนที่ชื่อชัย....ที่ต้องนอนป่วยโดดเดียวที่โรงพยาบาล
ผมได้แต่หวังว่า
เค้าจะมีช่องทางการติดต่อสื่อสารอย่างอื่นที่ทำให้สองคนนี้ได้คุยกันได้
แต่แล้ว...สวรรค์ ก็คงมีตาอยู่บ้าง...
(จริงๆผมว่า สวรรค์น่าจะมี Call Center
เพราะถ้ามีแค่ตาบางทีอาจจะมองไม่เห็นทุกคนที่
เดือดร้อน...)

แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์จากเลขหมายหนึ่งเข้ามา....
นั่นคือ...เลขหมายสุดท้ายที่ผมฝากข้อความไว้
ใน Voice Mail นั้นเอง
"ขอโทษนะครับ...คุณใช่คนที่ฝากข้อความไว้ใน Voice mail ของผมหรือเปล่า?
ผมชื่อชัย…"
และแล้ว...ภาระกิจอันยิ่งใหญ่...ของผมก็สำเร็จ...เมื่อคนที่ชัยโทรกลับมาจริงๆ
แม้ในน้ำเสียงของเค้าดูจะไม่ค่อยไว้วางใจกับเรื่องที่ผมเล่าเท่าไหร่...และยังส­งสัยอยู่หลายประเด็น
แต่เมื่อผมบอกว่า...เขาสามารถโทรไปสอบถาม
ที่โรงพยาบาลโคราชได้ว่ามีชื่อพ่อเค้าอยู่หรือเปล่า
เขาวางหูและเงียบหายไปพัก...และโทรกลับมาขอบคุณผม
เพราะที่โรงพยาบาลโคราชยืนยันว่ามีคนป่วยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายที่ชื่อตรงกับคุ­ณพ่อของเค้าจริงๆ
ผม...อึงไปพัก..เมื่อรู้ว่า...น้ำเสียงล้าๆ...ที่ผมได้ยินจาก Voice Mail Box
นั้นเกิดจากการเป็น

โรคร้ายระยะสุดท้าย..
ชัยรีบเดินทางกลับไปโคราช เขาไปถึงก่อนที่พ่อจะผ่าตัด..
แค่หนึ่งวัน ชัย โทรมาขอบคุณผมอีกครั้ง
เขาเล่าว่าสาเหตุที่..เขาต้องปิดมือถือ หนีหน้าครอบครัว..และคนอื่น..
เพราะธุรกิจที่เขาที่กรุงเทพมีปัญหา...เขาต้องหนีเจ้าหนี้...ที่ตามทวงอย่างหนั­ก
เขาบอกว่า...แต่สิ่งที่โชคดีที่สุดของเขา..ตอนนี้ อย่างน้อย
เขาก็ได้มีเวลาได้ดูแลพ่อ แม้จะเป็นช่วง
เวลาสุดท้ายก็ตาม
ผมยังเก็บข้อความเสียง ของคุณพ่อของชัยเอาไว้ และ แอบกด
เข้าไปฟังอีกหลายครั้ง เพราะ

ท่ามกลางชีวิตที่ยุ่งวุ่นวาย..จนไม่มีเวลาจะสนใจคนอื่น..ของผม
ข้อความเสียงนั้น ใน Voice Mail Box
ที่ผมได้รับโดยบังเอิญนั้น...คอยเตือนให้ผมรู้ซึ้ง ถึงความ
หมายของคำว่า
"การที่เรายอมลำบากเพียงเล็กน้อย...เพื่อคนอื่นบ้างนั้น
ใครจะรู้ว่า...บางที มันอาจจะหมายถึงสิ่งที่มีค่าที่สุดของอีกคนหนึ่งก็ได้ "

ไม่มีความคิดเห็น: