27 ก.ค. 2553

K-RAS ยีนชี้ชะตามะเร็งลำไส้ใหญ่



 
ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะลุกลามบางคน ตอบสนองต่อยาเคมีบำบัดได้ดี ขณะที่บางคนตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง คำตอบอยู่ที่ยีน K-RASรศ.นายแพทย์ นรินทร์ วรวุฒิ อาจารย์ประจำหน่วยมะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า มะเร็งลำไส้ใหญ่ทั่วโลกเป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับ 4 ในผู้ชาย และเป็นอันดับ 3 ในผู้หญิง ขณะเดียวกันในเอเชียมีอัตราเพิ่มสูงขึ้น โดยในไทยพบผู้ป่วยชายสูงเป็นอันดับ 3 และผู้หญิงเป็นอันดับ 5

ที่ผ่านมา แนวทางการรักษาจะใช้รูปแบบการรักษาที่เหมือนกัน ขณะที่ในปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้ามากขึ้น และค้นพบว่า 35 - 45% ของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ จะมียีน K-RAS ที่ผิดปกติ

ยีน K-RAS ที่ผิดปกติจะยังส่งสัญญาณกระตุ้นการเติบโตของเซลล์อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะไม่มีปัจจัยกระตุ้นการเติบโตจากภายนอกเซลล์ก็ตาม ซึ่งทำให้ไม่สามารถควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์ได้ ดังนั้นจึงเป็นการกระตุ้นเนื้อร้ายให้เติบโตขึ้น

นอกจากนี้ยังพบอีกว่าผู้ป่วยที่มียีน K-RAS ชนิดปกติ จะตอบสนองการรักษาที่ดีจากการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดบางกลุ่ม ขณะที่ผู้ป่วยที่มียีน K-RAS ชนิดผิดปกติ จะไม่ตอบสนองต่อการรักษาใดๆ ต่อยาเคมีบำบัดในกลุ่มดังกล่าว

ดังนั้น การรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่แบบเฉพาะบุคคลด้วยการตรวจชนิดของยีน K-RAS จึงเป็นการรักษาแนวใหม่ จึงอยากแนะนำให้ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้รับการตรวจชนิดยีน K-RAS ก่อนการรักษาด้วยยาในกลุ่มดังกล่าว เพื่อช่วยให้ข้อมูลแก่แพทย์ในการตัดสินใจรักษาได้อย่างถูกแนวทาง รวมถึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา ในการรักษาให้กับผู้ป่วยอีกด้วย

“โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นโรคที่พบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นในแถบเอเชีย โดยมีอัตราการเกิดสูงเป็นอันดับที่ 4 รองลงมาจากโรคมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูก ในปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ด้วยการตรวจชนิดยีน K-RAS ในประเทศไทย เริ่มมีบทบาทมากขึ้น และเป็นแนวทางการรักษาใหม่ที่ถือได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อสังคมในภาพรวม

เนื่องจากเป็นการยืนยันได้ว่าผู้ป่วยคนใดตอบสนองต่อยาที่รักษาหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์ตัดสินใจให้การรักษาที่ ถูกแนวทาง และมีประสิทธิผล เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับโอกาสในการรักษาที่มีแนวโน้มดีขึ้น ช่วยประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษามะเร็งได้” แพทย์กล่าวสรุปในที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น: