22 ก.ค. 2553

โรงพยายาลจุฬารัตน์ 3" ขอประนามโรงพยาบาลไร้จรรยาบรรณ

เรื่องของเรื่องคือ http://www.civicfdthailand.com/ipb_forum/style_emoticons/default/sm05... เมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ยุ้ยขับรถไปทำธุระแถวบางพลี เกิดเหตุคนวิ่งตัดหน้ารถกระทันหัน โดยที่ถนนมี 3 เลน รถยุ้ยอยู่เลนขวาสุด ส่วนเลนซ้ายอีก 2 เลนมีรถจอดและรถสองแถวจอดส่งผู้โดยสารอยู่ ผู้เสียหายวิ่งผ่านหน้ารถสองแถวมาโดยไม่มองรถที่วิ่งอยู่ในเลนขวาสุด ด้วยความกระชั้นชิดและโดยที่ยุ้ยไม่สามารถมองเห็นคนเดินข้ามถนนมาได้เลย ยุ้ยจึงไม่สามารถเบรครถได้ทัน เมื่อเห็นคนข้ามถนน เค้าก็มาอยู่หน้ารถด้านซ้ายแล้ว คนข้ามถนนจึงปะทะเข้ากับรถยุ้ยอย่างจัง ถึงแม้รถยุ้ยจะวิ่งมาไม่เร็ว และรถยุ้ยแทบไม่เสียหายอะไรเลย แต่คราวเคราะห์! ผู้บาดเจ็บกระแทกเข้ากับกระจกรถ ตัวตกลงไปหัวน๊อคศีรษะฟาดพื้น อาการสาหัส ยุ้ยรึบพาผู้บาดเจ็บรีบส่งโรงพยายาลจุฬารัตน์ 3 ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุไปเพียง 500 เมตร ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ประมาณ 5 นาที ตั้งแต่ช่วงประมาณ 10.00 น. ทั้งๆ ที่รถยุ้ยมีทั้ง พ.ร.บ. และประกันชั้น 1 แต่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ก็ปฏิเสธไม่ยอมรักษาคนไข้ แต่กลับพยายามโอนย้ายคนไข้ไปยังโรงพยาบาลที่คนเจ็บมีบัตรทองอยู่ เพราะเห็นว่าคนเจ็บและญาติมีฐานะไม่ดี ยากจน ทั้งๆ ที่ประกันและยุ้ยยืนยันให้รีบทำการรักษา โดยที่ประกันยุ้ยแจ้งกับโรงพยาบาลว่า ให้เบิกเงินจากส่วน พ.ร.บ.ไปก่อน ส่วนเกินค่อยเอาจากชั้น 1 ซึ่งประกันจะตั้งเรื่องเบิกจ่ายให้ในวันจันทร์ เพราะวันเสาร์อาทิตย์บริษัทปิด แต่โรงพยาบาลก็ไม่ยอมรักษาและอ้างให้ประกันยุ้ยตั้งเรื่องเบิกจ่ายให้เรียบร้อย­และเช็ควงเงินประกันให้ชัดเสียก่อน จนกระทั่งเวลา 16.00 น. หลังจากที่ยุุ้ยไปมอบตัวกับตำรวจและกลับมาเยี่ยมคนไข้ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ปรากฏว่า โรงพยาบาลยังไม่เริ่มทำการผ่าตัด แต่กลับรอเอกสารจากยุ้ยก่อน เพื่อให้แน่ใจว่า หากประกันไม่จ่ายก็จะมาเอาเงินค่ารักษาพยาบาลจากยุ้ยแทน เงิน เงิน เงิน เท่านั้นที่โรงพยาบาลคำนึงถึง

ทั้งๆ ที่ผู้บาดเจ็บไม่มีอาการบาดเจ็บอื่นใดนอกจากการที่ศีรษะกระแทกกับพื้นทำให้เลือ­ดออกในสมอง แต่ระยะเวลาที่เนิ่นช้าถึง 6 ชม.กว่าจะทำการผ่าตัดรักษา ทำให้เลือดที่ออกคั่งในสมองไหลออกเยอะจนไปกดทับสมองและเนื้อสมองส่วนที่ช้ำตาย ตอนนี้ผู็บาดเจ็บจึงอยู่ในอาการโคม่า ถึงฟื้นขึ้นมาก็เป็นเจ้าหญิงนิทรา ยุ้ยไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เหตุการณ์แบบนี้ที่เห็นในข่าวในสมัยก่อนจะมาเกิดขึ้นกับตัวเอง และโรงพยาบาลไร้จรรยาบรรณแบบนี้จะยังมีอยู่อีก และที่เจ็บปวดกว่านั้น คือ เตียงข้างๆ กันเกิดอุบัติเหตุหัวน๊อคพื้นเหมือนกันได้รับการผ่าตัดอย่างทันท่วงที เพราะคนไข้มีฐานะดี ตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งทานข้าวเองได้แล้ว สะท้อนใจกับเตียงตัวเองที่เป็นคนจน ทั้งๆ ก็ยืนยันว่ามีเงินจ่าย แต่โรงพยาบาลก็ไม่ยอมรักษาจนกว่าจะชัวร์ว่าตัวเองจะได้เงินชัวร์ๆ มันเจ็บปวดจริงๆ

สิ่งที่โรงพยาบาลทำลงไปนั้น ทำให้คนๆ นึง ซึ่งเค้าอาจมีชีวิตได้เหมือนคนปกติ ต้องมามีชีวิตอยู่เหมือนตาย เพราะต้องกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ และทำให้อีกชีวิตหนึ่งต้องตายทั้งเป็น เพราะต้องตกเป็นจำเลยและต้องข้อหาความผิดมากกว่าสิ่งที่เกิด

อยากจะฝากถึงบรรดาแพทย์ๆและโรงพยาบาลทั้งหลายว่า ที่คุณออกมาเรียกร้องให้บรรดาผู้ทำงานด้านการแพทย์ไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย เพราะเกรงกลัวต่อการเป็นจำเลยในคดีนั้น อยากบอกว่า ถ้าหากคุณทำหน้าที่ของคุณตามจรรยาบรรณ มนุษยธรรมและศีลธรรม ก็คงไม่มีใครอยากเอาเรื่องคุณ แต่ในเมื่อพวกคุณเป็นเช่นนี้ เห็นเงินมีค่ามากกว่าชีวิต





________________________________

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คิดว่าอ่ะนะ เค้ารอดูอาการก่อนรึปล่าว เพราะเห็นคุณบอกว่าคนไข้ยังปกติอยู่ ถ้าปกติอยู่ แล้วอยู่ๆจะไปผ่าตัดสมองเลย มันก็แหม่งๆไงพิกล และการผ่าตัด ก็ควรจะมีคนเซ็นต์ยินยอมก่อนนะคะ เพราะมันจะมีปัญหาต่างๆตามมา เช่น เรื่องอวัยวะหาย หรืออื่นๆ ประมาณนั้นมั๊งคะ

แต่ถ้าเป็นหากเค้าได้รับผู้ป่วยมาแล้วไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย รอแต่จะเอาเงินก่อนอย่างเดียว อันนี้ก็สมควรโดนประนามแล้วค่ะ