สิ่งแรกที่น่าจะถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ก็คือ
"วัดพระแก้ว"
หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกแทบทุกคนที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยจะต้องแวะเวียนมาเยี่ยมชม ซึ่งตามความเห็นของฉันแล้ว วัดพระแก้วของเราก็มีคุณค่าควรแก่การชมเป็นอย่างยิ่งเสียด้วยสิ ในเรื่องของประวัติศาสตร์ วัดพระแก้วถือเป็นจุดสำคัญ เพราะเป็นวัดประจำพระบรมมหาราชวัง สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยฝีมือของสุดยอดช่างในสมัยนั้น
"วัดเบญจมบพิตร"
และไม่ไกลจากเสาชิงช้าเท่าไรนัก เป็นที่ตั้งของ
"ภูเขาทอง"
หรือมีชื่ออย่างเป็นทางการว่าบรมบรรพต ตั้งอยู่ในบริเวณวัดสระเกศ ภูเขาทองเป็นภูเขาจำลองสูงเด่นมองเห็นพื้นที่รอบด้านไปได้ไกล ผู้คนที่เดินขึ้นมาบนภูเขาทองนอกจากจะได้มาสักการะพระบรมสารีริกธาตุซึ่งอยู่ในเจดีย์ด้านบนแล้ว ก็ยังจะสามารถมาชมวิวในมุมสูงของกรุงเทพฯ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ งานประจำปีของภูเขาทองที่จัดขึ้นเป็นประจำ และมีคนจำนวนมากไปร่วมงานอยู่เสมอๆ นั้น ก็คืองานบุญห่มผ้าแดงให้องค์พระเจดีย์ เชื่อกันว่าผู้ที่ได้ทำบุญด้วยการนำผ้าไปประดับบูชาพระเจดีย์นั้น จะส่งผลให้ชีวิตของตัวเองมีความสงบร่มเย็น และหลังจากงานบุญห่มผ้าแดง ก็จะเป็นงานที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างรอคอย นั่นก็คืองานวัดภูเขาทอง งานวัดเก่าแก่ที่จัดต่อเนื่องกันมาหลายสิบปีและมีบรรยากาศของความสนุกสนานอยู่เต็มเปี่ยม
ภูเขาทอง จุดชมวิวอีกแห่งในกรุงเทพฯ
"สะพานพระราม 8"
สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่งสร้างได้ไม่นาน ใช้เชื่อมการเดินทางระหว่างฝั่งธนบุรีกับฝั่งพระนครก็มีความโดดเด่นถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ได้เช่นกัน ด้วยความงามสง่าของตัวสะพานพระราม 8 ที่เป็นสะพานขึงแบบอสมมาตร มีเสาหลักเป็นรูปตัววาย (Y) คว่ำเป็นตัวยึดสายเคเบิลที่รับน้ำหนักของสะพาน ทำให้สะพานพระราม 8 นี้เป็นที่ประทับใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็น นอกจากนั้น บริเวณด้านใต้สะพานฝั่งธนฯ ยังเป็นลานกิจกรรมที่ประชาชนสามารถมาออกกำลังกาย เต้นแอโรบิก นั่งรับลมชมวิว หรือจะมาปิกนิคกินอาหารสารพัดชนิดที่มาขายในบริเวณนั้นก็ได้ และบริเวณใกล้เคียงกันยังเป็นที่ตั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 และสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ที่ประชาชนสามารถไปนั่งพักผ่อนและออกกำลังกายกันได้ด้วย
และสุดท้าย ฉันเลือกไม่ถูกว่าจะยกตำแหน่งสัญลักษณ์ในกรุงเทพฯ ให้แก่สถานที่ไหนดีระหว่างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนสุดท้ายตัดสินใจไม่ได้ เลยขอยกให้ทั้งสองอนุสาวรีย์เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ไปเลยก็แล้วกัน สำหรับ
"อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย"
ตั้งอยู่กลางวงเวียนถนนราชดำเนินกลางตัดกับถนนประชาธิปไตย ชื่อของอนุสาวรีย์ก็บอกอยู่แล้วว่าสร้างขึ้นเป็นที่ระลึกถึงเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อปี พ.ศ.2475
สะพานพระราม 8
ลักษณะของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้นเป็นรูปหล่อลอยตัว ตรงกลางเป็นรูปเล่มรัฐธรรมนูญในสมุดไทย ประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า ล้อมด้วยแท่งปูนลักษณะคล้ายปีกอยู่ทั้ง 4 ทิศ อีกทั้งยังใช้ปืนใหญ่โบราณจำนวน 75 กระบอกฝังดิน โผล่ท้ายกระบอกขึ้นมา เป็นเสา คล้องโซ่เชื่อมต่อกันเป็นรั้วอีกด้วย ในช่วงเวลาปกติ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจะอยู่อย่างนิ่งสงบ แต่เวลามีการเรียกร้อง ประท้วง หรือชุมนุมเกี่ยวกับการเมืองเมื่อไร
สถานที่นี้ก็มักจะถูกใช้เป็นจุดรวมพลอยู่บ่อยครั้ง ทั้งชุมนุมรอบๆ อนุสาวรีย์ หรือบางคนถึงกับปีนขึ้นไปประท้วงอยู่บนพานรัฐธรรมนูญ เดือดร้อนตำรวจต้องไปเกลี้ยกล่อมให้ลงมาก็บ่อยไป ทางด้าน "อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ" อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงวีรกรรมของทหาร ตำรวจ และพลเรือนที่เสียชีวิตไปในกรณีพิพาทอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศส อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมินี้มองเห็นเป็นเสาสูงยาวชี้ขึ้นไปบนฟ้า ซึ่งเสาสูงนั้นที่จริงแล้วเป็นดาบปลายปืน 5 เล่ม ที่เอาสันประกบเข้าหากันเป็น 5 แฉก มีความสูง 50 เมตร และที่ฐานหรือโคนที่ดาบปลายปืนรอบอนุสาวรีย์ก็มีรูปปั้นหล่อทองแดงของบุคคลทั้ง 5 คน หรือนักรบ 5 เหล่า คือทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และข้าราชการพลเรือน
ในบริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ นี้เรียกได้ว่าเป็นชุมทางของกรุงเทพฯ เพราะเป็นจุดศูนย์กลางของการเดินทาง โดยมีถนนสายหลัก 4 สายมาบรรจบกัน คือถนนดินแดง ถนนพหลโยธิน ถนนราชวิถี และถนนพญาไท จึงเป็นศูนย์รวมของรถเมล์หลายสาย รวมไปถึงผู้คนที่เดินทางผ่านไปผ่านมาด้วย
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ชุมทางของกรุงเทพฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น