13 ก.พ. 2552

ร่ำรวยด้วย ฮวงจุ้ย (ไม่เชื่ออย่าหลบหลู่...)

ถ้าคำพูดที่ว่า 'ดวงชะตาฟ้าลิขิต' นั้นเป็นความจริงโดยทั้งหมด ศาสตร์ด้าน 'ฮวงจุ้ย' คงไม่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่เจ้าสัว นักธุรกิจ

ตลอดจนผู้คนหลายเชื้อชาติทั่วโลก สืบเนื่องจากความเชื่อที่ว่า ฮวงจุ้ยเป็นเคล็ดลับสำคัญในการแก้ชะตากรรม โดยไม่ยอมจำนนต่อลิขิตฟ้า ที่นักปราชญ์ชาวจีนคิดค้นขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว

ทุกวันนี้ 'ฮวงจุ้ย' จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญไม่น้อย ในการปลูกสร้างบ้านเรือน อาคารสำนักงาน และสถานที่ราชการต่างๆ แม้แต่ตึกไทยคู่ฟ้า (ทำเนียบรัฐบาล) โดยมีความเชื่อว่าจะนำมาซึ่งโชคลาภ ความสุขและความสำเร็จมาสู่ผู้อยู่อาศัย

“เจ้าของธุรกิจไม่ว่ารายเล็กหรือรายใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับเจ้าสัวนั้น บอกได้เลยว่าดูเกือบทุกคน เพียงแต่ว่าจะเปิดเผยหรือไม่ บางท่านอาจจะขอให้ซินแสไปช่วยดูในวันเสาร์-อาทิตย์ที่บริษัทหยุดงาน เพื่อไม่ต้องการให้พนักงานเอาไปพูดว่าเชื่อเรื่องอย่างนี้ เพราะส่วนใหญ่พอพูดคำว่าฮวงจุ้ย ก็มักจะไปคิดถึงเรื่องการติดกระจกโป๊ยข่วย เสือคาบดาบ ซึ่งเป็นไสยศาสตร์จีน ไม่ได้เกี่ยวกับฮวงจุ้ย” อาจารย์มาศ เคหาสน์ธรรม แห่งสถาบันค้นคว้าวิชาการฮวงจุ้ยแห่งประเทศไทย บอกถึงความนิยมในการนำฮวงจุ้ยเข้ามาประกอบการทำธุรกิจ พร้อมอธิบายหลักการสำคัญที่ทำให้ฮวงจุ้ยได้รับความนิยมทั่วโลกไม่เฉพาะในหมู่ชาวจีนว่า

หลักการของวิชานี้อธิบายถึงปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จของชีวิตมนุษย์อันมีอยู่ 3 ประการ ประกอบด้วย ชะตามนุษย์ คือ ฝีมือ ความสามารถ และการกระทำของมนุษย์ ชะตาฟ้า คือ เวลาเกิด หรือ ดวง และ ชะตาดิน คือ พลังงานของสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อคน หรือ ฮวงจุ้ย

ทั้งหมดนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ศาสตร์จีนโบราณมีที่ทางยืนของตนเองในหมู่ผู้ประกอบการธุรกิจบ้านเราตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนถึงระดับเจ้าสัว

เทรนด์ฮิต นิรันดร์กาล

รายชื่อมหาเศรษฐีเมืองไทยที่นิยมใช้ 'ฮวงจุ้ย' เป็นองค์ประกอบธุสำคัญในการทำธุรกิจนั้นสามารถร่ายยาวออกมาเป็นหางว่าว เอาแค่ที่รู้จักกันดีเริ่มตั้งแต่มหาเศรษฐีไทยที่รํ่ารวยติดอันดับโลกอย่าง เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าของซี.พี. ถึงกับจ้างซินแสมาดูโหงวเฮ้งในการสัมภาษณ์พนักงาน รวมทั้งว่าจ้างซินแสจากจีนมาดูฮวงจุ้ยในโครงการ

แม้แต่นักเรียนนอกอย่าง 'เสี่ยปั้น' บัณฑูร ลํ่าซำ ก็ยอมเปลี่ยนโลโก้ธนาคารกสิกรตามคำแนะนำซินแส ตลอดจนย้ายสำนักงานใหญ่ไปติดริมแม่น้ำดังที่อาจารย์มาศอธิบายว่า ณ ที่ตั้งนั้นเป็นบริเวณที่เรียกกันว่า 'ท้องมังกร' เป็นจุดถุงเงินถุงทองช่วยสะสมความมั่งคั่งและให้พลังสูงสุด ประกอบกับความสูงชะลูดของอาคารยังหมายถึงการเติบโต ขณะที่ยอดปลายแหลม หมายถึงความโดดเด่น ชื่อเสียงโด่งดัง อีกทั้งเสี่ยปั้นยังเลือกเจราจาธุรกิจกับคู่ค้าที่สาขาสะพานควายเท่านั้น เพราะเชื่อว่างานจะสำเร็จราบรื่น

อาจารย์มาศยังยกตัวอย่างเพิ่มเติมถึงบ้าน เสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี (เบียร์ช้าง) ว่าหน้าประตูรั้วไม่ได้วางขนานกับถนนด้านหน้าตรง แต่ใช้วิธีบิดเฉียงให้ได้องศาทิศทางที่ดี ซึ่งองศานี้ในทางฮวงจุ้ยเรียกว่า 'ซำง้วงปุ๊กป้าย' หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง 180 ปีไม่มีวันเสื่อม แถมยังมีการตั้งช้างสัมฤทธิ์ไว้ด้านซ้าย-ขวาของประตู เพื่อช่วยดักรับกระแสพลังได้มากขึ้น

“ถ้าถามว่าทำไมต้องเชื่อซินแสฮวงจุ้ย เพราะเขาศึกษาสถิติเรื่องนี้มานาน มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษา ก็เหมือนกับการมีที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ แต่นี่เป็นด้านฮวงจุ้ย ลักขณา ลีละยุทธโยธิน ประธานกรรมการบริหารภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำ หน่ายผลิตภัณฑ์ซุปไก่สกัดและรังนกแบรนด์ให้ความเห็น

เธอขยายความว่า ในความสำเร็จมีองค์ประกอบหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน วิธีการลงทุน โอกาสทางตลาด การใช้ที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กรไม่เว้นแม้แต่ศาสตร์อย่างฮวงจุ้ย โดยทุกปีเธอจะเชิญซินแสมาปรับฮวงจุ้ยให้เหมาะสม แม้จะดูเป็นเรื่องของความเชื่อ แต่อย่างน้อยก็ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคนที่ทำงาน

"ศาสตร์ 'ฮวงจุ้ย' เป็นเรื่องของ 'สถิติ' ที่นำมาช่วยให้เกิดความสมดุลในสิ่งแวดล้อมรอบตัว อยู่สบาย ไม่ว่าเป็นเรื่องของการทำเลบ้าน สำนักงาน โรงงาน ส่วนตัวเองก็ได้ศึกษาบ้าง และนำมาใช้กับเรื่องใกล้ตัว เช่น เลือกสีรถยนต์หรือเลือกแพกเกจสินค้าใหม่" ลักขณายังย้ำว่า 'ศาสตร์ด้านนี้ เชื่อได้แต่อย่างมงาย โดยไม่ศึกษาข้อมูลอื่นๆ ประกอบ'

เช่นเดียวกับ สันติ ภิรมย์ภักดี เจ้าของเบียร์สิงห์ที่บอกว่า ทุกปีในห้องทำงานของเขาจะมีการปรับฮวงจุ้ยช่วงวันเกิดเพื่อความสบายใจและยังเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศรูปแบบหนึ่ง แต่ห้ามเด็ดขาดไม่ให้มีการถ่ายรูปภายในห้องทำงานตามความเชื่อของเขา

ส่วน ไกรเสริม โตทับเที่ยง ทายาทรุ่นสองของตระกูลโตทับเที่ยง ผู้ผลิตและจำหน่ายปลากระป๋อง 'ปุ้มปุ้ย' ยอมรับว่า ทุกครั้งที่ซินแสแนะนำให้ปรับฮวงจุ้ยทางครอบครัวจะทำทันที โดยยกตัวอย่างโรงงานที่ได้มีการปรับที่ตั้งเสาตามที่ซินแสแนะนำ

เมื่อถามถึงผลที่ตามมานั้น เขาบอกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยวัดผลว่าปรับแล้วดีขึ้นมากน้อยขนาดไหน แต่ 'ดี' ในแง่ของความรู้สึก "มันก็ดีนะ สมมุติว่าเรามีทางเลือกซึ่งมันเป็นไปได้หมด แต่เราตัดสินใจไม่ได้ พอมันมีอะไรที่ช่วยเราตัดสินใจ ตอบโจทย์ ฟันธง มันก็จบ"

เขายกตัวอย่างประกอบว่า ถ้ากำลังคิดจะทาสี แล้วเลือกไม่ได้ว่าจะใช้สีเขียวหรือสีแดง แต่ถ้าซินแสแนะนำมาว่าให้ใช้สีแดงก็จบ เพราะจริงๆ มันทาสีอะไรก็ได้ ก็ง่ายดีไม่ต้องไปหาเหตุผล แถมยังสบายใจ

"เรื่องฮวงจุ้ยผมไม่ได้ศึกษาอย่างลึกซึ้งแต่ผมรู้ว่า มันเป็นเรื่องของอารมณ์ ซึ่งเขาพยายามจะบอกว่า ทำให้ทุกอย่างมันบาลานซ์ ทำแล้วโล่งโปร่งสบายและเหมาะสม แต่ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ให้ตั้งเสาตรงนี้เราคงไม่ทำ"

อย่างเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซินแสแนะนำว่าทิศใต้ไม่ดี ให้เปลี่ยนประตูทางเข้าบ้าน แม้จะมีความสนใจในศาสตร์ด้านนี้ แต่ไกรเสริมก็บอกว่า "โอ้โห...เรื่องใหญ่เลย คุณพ่อผมเป็นคนมีเหตุผลนะ ไม่เหมือนคนจีนสมัยก่อนที่มีการทำประตูทางออกไว้ทุกด้าน เพราะเขารู้หลักฮวงจุ้ยอยู่แล้วก็แค่เปลี่ยนประตูเข้า-ออกซึ่งทำได้เลย เพราะมีประตูอยู่แล้ว แต่บ้านคนธรรมดาสมัยนี้จะให้เปลี่ยนประตูบ้านทุกปีคงทำไม่ได้ เราจะทำตามทุกอย่างคงไม่ได้เพราะต้องรื้อทำประตูบ้านใหม่ สุดท้ายถาม ซินแสว่า มีวิธีแก้ยังไงอีก ทางซินแสเขาก็ให้เอาของมาวางไว้บนหลังคาบ้านแทน ทุกท้ายก็จบลงได้ด้วยดี"

พูดง่ายๆ ว่าเชื่อได้ แต่ต้องทำได้ด้วย

เศรษฐกิจขาลง ฮวงจุ้ยช่วยได้?

ในยุคที่เศรษฐกิจทรุดถ้วนหน้าแบบนี้ 'ฮวงจุ้ย' ดูเหมือนจะกลายมาเป็นทางเลือกที่ผู้คนหันมาสนใจมากขึ้น แต่อาจารย์มาศกลับให้ความเห็นว่า ไม่น่าจะมีผลอะไร เพราะคนที่เชื่อในหลักฮวงจุ้ย ก็จะเชิญซินแสไปดูทุกปีอยู่แล้ว โดยไม่ได้สนใจสภาพเศรษฐกิจ เหมือนคนที่รักสุขภาพก็จะไปตรวจร่างกายเป็นประจำ เพราะพลังงานที่เข้ามาในแต่ละปีนั้นแตกต่างกันไป เนื่องจากโลกโคจรไปอยู่ในมุมที่ไม่เหมือนกัน

"ส่วนคนที่ไม่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ย ไม่ว่าเศรษฐกิจดีหรือร้ายก็ไม่ได้สนใจจะปรึกษาซินแสแต่อย่างใด ซึ่งก็เท่ากับว่าเสียโอกาสไป 1 ใน 3 ของชีวิต แต่เรื่องนี้ก็จะไปโทษใครไม่ได้ เพราะซินแสในบ้านเราส่วนใหญ่มักไม่ได้ศึกษาถึงรากเหง้าที่มาที่ไปของวิชาอย่างแท้จริง จึงเอาไสยศาสตร์และความเชื่อโบราณมาเขียนเป็นตำราขายทั่วบ้านทั่วเมือง เลยพลอยทำให้คนหัวสมัยใหม่หลายคนหันหลังให้กับภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าของนักปราชญ์ในอดีต"

อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่คนเรายังมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับความเชื่อ ศาสตร์แห่งฮวงจุ้ยก็ยังคงมีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละคน บอกได้เพียงว่า หากจะเชื่อไว้บ้างคงไม่เป็นไร ขอแต่อย่าหลงงมงายมากเกินไปก็พอ

ไม่มีความคิดเห็น: