19 พ.ย. 2550

เรื่องเล่า-'สยองตึกกิจกรรม' ที่พระนครเหนือ

เรื่องลึกลับของตึกกิจกรรมที่สถาบันพระจอมเกล้า พระนครเหนือเป็นที่เล่าขานกันมาหลายต่อหลายรุ่น เพราะตึกนี้จะค่อนข้างที่คึกคักมากเพราะจะมีนักศึกษาแวะเวียนไปใช้บริการบ่อย บางคนก็ขึ้นมาเล่นเพื่อเล่นกีฬา บางคนก็ขึ้นมาเพื่อทำกิจกรรมที่ชมรมชั้น6 บางคนก็ขึ้นมาติดต่อหน่วยงานต่างๆ ของกิจกรรมนักศึกษา แต่ก็จะมีนักศึกษาบางกลุ่มที่จำเป็นจะต้องใช้ตึกนี้ เป็นที่นอนค้างอ้างแรมกันบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของเหล่านักกิจกรรมอยู่แล้ว แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่า พอตกดึกแล้วที่ไรที่นี่มันมักจะเกิดเหตุการณ์ประหลาดๆ ขึ้นเสมอ มิหนำซ้ำบรรยากาศก็แสนจะวังเวง ชวนขนลุกได้ทุกเมื่อ เพื่อนของฉันที่เป็นนักกีฬาคนหนึ่งที่นี่ เค้ามักจะชอบแอบมานอนค้างที่ห้องชมรม ที่นี้อยู่เป็นประจำ วันหนึ่งเพื่อนฉันคนนี้ก็แอบเข้ามานอนที่ตึกนี้อีก เค้านอนฟังเพลง อ่านการ์ตูนไปอย่างสบายใจ โดยไม่เกรงกลัวต่อคำร่ำลือใดๆ หลังจากที่เค้าเผลองีบหลับไปสักครู่ เค้าก็รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรมานั่งทับตัวเขาอยู่ คล้ายกับโดนผีอำ เค้าเล่าว่า ตอนนั้นเค้าลืมตาอยู่แต่ขยับตัวไม่ได้ พยายามเปล่งเสียงออกมาก็ไม่ได้ หายใจแทบไม่ออก คิดในใจว่าเราต้องตายแน่ๆ เลย

ในขณะที่เค้ากำลังทุรนทุรายกับการเอาตัวรอดอยู่นั้น สายตาของเขาเหลือบไปมองที่หน้าต่างที่เปิดอยู่ มีเงาบางอย่างอยู่ที่นั่น เขารวบรวมความกล้า เพ่งมองไปยังจุดนั้น สิ่งที่เค้าเห็น คือ ร่างของใครคนหนึ่งยืนหันหน้ามาทางเขา ผ้าสีขาวที่ห่มร่างนั้นปลิวปิดหน้าปิดตา จนไม่สามารถสันนิษฐานได้ว่าเป็นใคร แต่ใครเล่าจะอุตริไปยืนอยู่ตรงนั้น ซึ่งเป็นระเบียงอยู่ที่ชั้น 10 พอดิบพอดี

ตอนนั้นเขาก็เริ่มแน่ใจแล้วว่า คงไม่ใช่คนแน่ๆ แล้วเรื่องผีๆ ก็ผุดขึ้นมาในสมองทันที จากนั้นเขาเริ่มสวดมนต์ทุกคาถาทันที ไม่ว่าคาถาวัดไหน หลวงพ่อองค์ไหนที่ใครว่าเจ๋งๆ เขาขุดเอามาสวดหมด จนรู้สึกว่าไอ้ที่รู้สึกเหมือนมีอะไรมาทับ เริ่มทุเลาลงไป เขาเริ่มขยับตัวได้ ด้วยความดีใจ เข้าฮึดเอากำลังความกล้าที่ยังพอมีเหลืออยู่ รีบเก็บข้าวของลงไปจากตึกนั้นทันที ประสบการณ์ที่เขาได้เจอมาในคืนนั้น ทำให้เค้าไม่กล้าที่จะย่างก้าวไปที่ตึกนั้นคนเดียวอีกเลย

ยังมีอีกเรื่องในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในตึกนี้ แต่ครั้งนี้ดันไปโผล่ที่ชั้น 6 มีรุ่นพี่ของฉันคนหนึ่งได้รับสิทธิพิเศษอีกคน ที่ได้ขึ้นไปนอนพักตากอากาศที่ตึกนี้ รุ่นพี่เล่าให้ฉันฟังว่า วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ไม่มีใครอยู่ชมรมเลยเลยซักคน เค้านั่งรอเพื่อนด้านหน้าของห้องชมรม เพราะพี่เค้ามาเป็นคนแรก และก็ไม่มีกุญแจที่จะไขเข้าไปในห้องชมรมด้วย

“พี่จำได้ว่าวันนั้นมันเงียบมาก บรรยากาศมันวังเวงชอบกล พี่ก็ไม่ได้นึกเอ๊ะใจอะไร ก็นั่งรอเพื่อนไปเรื่อยๆ สักพักพี่ก็เผลอหลับไป” รุ่นพี่นึกถึงย้อนเรื่องราวในวันนั้นรุ่นพี่เล่าต่อว่า “จำได้คร่าวๆ ว่า เราฝัน...ฝันว่าห้องชมรมเปิดได้แล้ว พี่ก็เดินเข้าไปในห้อง เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งหันหลังแล้วร้องไห้อยู่ ในฝันมันเหมือนจริงมาก เสียงร้องไห้ของเธอฟังแล้วรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ ในฝันพี่ค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาเธอคนนั้น แล้วเธอก็ค่อยๆ หันหน้ามาหาพี่อย่างช้าๆ พร้อมชี้นิ้วมายังพี่ สายตาของหล่อนที่มองมาที่พี่ เหมือนกับโกรธแค้นกันมาหลายสิบปี...แล้วพี่ก็สะดุ้งตื่นด้วยความกลัว”

“ตอนที่พี่ลืมตาขึ้นมา เพื่อนที่นัดเอาไว้ มากันพร้อมหน้า ต่างก็จ้องมาที่พี่เป็นตาเดียวกัน เพื่อนเล่าว่าพอมาถึงก็เห็นพี่นอนหลับอยู่ที่หน้าประตู พยายามเรียกพี่หลายครั้งแล้ว พี่ก็ยังไม่ตื่น...จนต้องใช้กำลัง พี่เล่าเรื่องความฝันให้เพื่อนๆ ฟัง ต่างคนก็ต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา จนถึงตอนนี้พี่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า ผู้หญิงคนนั้นคือใคร? แล้วชี้หน้าพี่ทำไม? ทำไมเขาต้องร้องไห้เสียใจขนาดนั้น? แต่ที่แน่ ๆ พี่จะไม่ยอมไปนั่งรอเพื่อนคนเดียวที่ตึกกิจกรรมชั้น 6 คนเดียวอีกแน่นอน!!”
มาถึงประสบการณ์ส่วนตัวของฉัน เกี่ยวกับตึกกิจกรรมบ้าง วันนั้นประมาณ 4 – 5 ทุ่ม ฉันและเพื่อนๆ ทำงานกันอยู่หลายคนที่ชั้น 6 ตึกเดิม ตัวเองก็เป็นคนกลัวผีแบบบ้าจี้เหมือนกัน ถ้าเกิดไม่มีใครทักก็จะไม่คิดอะไร แต่ถ้ามีคนหลอกให้กลัวก็จะกลัว แม้กระทั่งไฟดับธรรมดา ฉันก็จะประมาณว่า...วิ่งหนีเตลิดไปเลย

“แต่ครั้งนี้สติของฉันเรียกได้ว่าสมบูรณ์ทุกประการ ฉันเริ่มทะเลาะกับเพื่อนในกลุ่มที่ทำงานด้วยกันมันก็เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ไอ้เราก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงขี้งอนซะด้วย ถ้าคืนดีกันง่ายก็เสียฟอร์มแย่ ฉันลุกออกมาจากตรงนี้ เดินออกมานอกห้องคนเดียว (ฟอร์มว่าออกไปกดน้ำที่ตู้มาดื่ม) แต่ตอนนั้นมันก็มืดแล้ว ไม่มีใครอยู่ข้างนอกเลยสักคน มีเพียงแสงไฟจากห้องน้ำชายเท่านั้นที่ส่องมาให้แสงสว่างบนทางเดิน ฉันเดินเรื่อยๆ มาจนถึงตู้กดน้ำตรงชมรมมุสลิม ในใจก็ได้นึกถึงอะไร ฉันนั่งยองๆ กินน้ำจากตู้กดจนอิ่ม กะว่าจะกดน้ำใส่ขวดด้วย เพื่อกระหายอีกในตอนดึก”“น้ำยังไม่ทันจะเต็มขวด ฉันก็ได้ยิน เสียงกดชักโครกดังมาจากห้องน้ำชาย ฉันรู้สึกตกใจและแปลกใจมากคิดในใจ อ้าวว...มีคนอยู่ด้วยเหรอ? หรือว่าอาจจะมีใครแอบมานั่งปลดทุกข์คนเดียว แหม!! เก่งจริงๆ แต่แล้วก็ไม่รู้มีอะไรมาดลใจให้คิดถึง..เรื่องผีๆ ในตึกนี้...พอนึกถึงปุ๊บ.. ขนเจ้ากรรมก็แข่งกันลุกโดยไม่ได้นัดหมาย ฉันเลยตัดสินใจหายงอนรีบกลับเข้าไปที่ห้องดีกว่า”

“แต่แล้วฉันก็เดินไปไม่ถึงไหน ไอ้ความอยากรู้อยากเห็นมันจูงใจฉัน ให้หันหลังกลับไปที่ต้นเสียงนั้นอีกครั้ง ในใจก็กลัวๆ กล้าๆ เกิดคำถามขึ้นในหัวมากมาย ...ถ้าเป็นคนก็แล้วไป ถ้าเกิดไม่ใช่คนหล่ะ จะทำอย่างไร? ฉันเดินตรงเข้าไปที่ห้องน้ำชาย เพื่อพิสูจน์ให้รู้กันไปเลยว่าใครกันที่กดชักโครก ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องน้ำ ประตูห้องน้ำทุกห้องเปิดหมด ไร้วี่แววของคนแม้แต่คนเดียว....แล้วเสียงนั้นมาจากไหน? ไฟดวงเดียวที่ให้แสงสว่างก็นึกสนุก กระพริบติดๆ ดับ สร้างบรรยากาศชวนขนหัวลุกซะเหลือเกิน....ไม่ต้องสงสัยเลย นาทีนั้น แรงมีแค่ไหน... ฉันโกยสุดชีวิต...ไม่ถึง 5 นาที ถึงห้องเลย ลืมหมดเลยที่งอนกับเพื่อนอยู่”

“เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ในห้องเห็นหน้าตาที่ตื่นกลัวของฉัน แล้วคงอดสงสัยไม่ได้ว่าฉันไปเจออะไรมา ต่างคนก็ยิงคำถามใส่ฉัน จนฉันแทบตั้งตัวไม่อยู่ คิดดูสิค่ะ คนที่เพิ่งโดนผีหลอกมาจะพูดอะไรได้ ฉันได้แต่นั่งเงียบอย่างเดียว ใครถามอะไรก็ไม่อยากจะตอบ รอเวลาที่ฟ้าจะสว่าง...อยากกลับบ้านเหลือเกิน ฉันนั่งรอเวลาจนในที่สุดแสงอาทิตย์ก็ส่องเข้ามาที่หน้าต่าง ชั้น 6 สักที ฉันรีบขอตัวกลับบ้าน ถึงแม้ว่าทางที่จะลงบันไดจะต้องผ่านห้องน้ำชายก็ตาม ฉันก็ไม่คิดที่จะหันไปมองที่นั่นอีกเลย”

...นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น สำหรับเหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นที่ตึกกิจกรรมนี้ บางเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลายคนที่เคยมาอาศัยหลับนอนที่นี่ เช่น บางคนเห็นเงาผู้หญิงตรงข้างหน้าต่าง บางคนรู้สึกเหมือนถูกจ้องมอง บางครั้งไฟปิดเอง หรือบางครั้งเกิดเสียงลึกลับดังมาจากห้องต่างๆ ฯลฯ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครหาข้อพิสูจน์ได้ว่ามันเกิดมาจากสิ่งไหน แต่ก็น่าแปลกที่ไม่เคยมีใครได้รับอันตรายร้ายแรงจากเหตุการณ์ทั้งหลายสักคน อาจจะเป็นเพียงการทักทายหรือล้อเล่นของผู้ที่ดูแลสถานที่แห่งนี้อยู่ก็เป็นได้ แต่ที่แน่ๆ ใครที่ไม่เชื่อก็ไม่ควรที่จะลบหลู่นะคะ ของแบบนี้มันอยู่ที่วิจารณญาณ แต่สำหรับฉันแล้ว.....ยังไม่เคยลืม ...

ไม่มีความคิดเห็น: