24 มิ.ย. 2553

อาหารที่แพงที่สุดในโลก

1. เครื่องเทศแพงที่สุดในโลก - แซฟฟรอน

แซ ฟฟรอน เป็นเครื่องเทศที่ได้มาจากเกสรตัวเมีย (สีแดงอมส้ม) ของดอกแซฟฟรอน
โครคัส ซึ่งแต่ละดอกจะมีเพียง 3 เกสรเท่านั้น ด้วยเหตุนี้
การที่จะผลิตแซฟฟรอนแห้งให้ได้น้ำหนักเพียง 1 ปอนด์ (0.45 ก.ก.)
จะต้องใช้ดอกแซฟฟรอน โครคัส มากถึง 50,000-75,000 ดอก หรือปริมาณมากเท่ากับ 1
สนามฟุตบอลเลยทีเดียว
ดอกโครคัส พบได้ในหลายพื้นที่ทั่วโลก อาทิ ประเทศสเปน กรีซ อิหร่าน อินเดีย
โมร็อกโก เป็นต้น แต่ประเทศที่ผลิตเครื่องเทศแซฟฟรอนได้มากที่สุดในโลกก็คือ
อิหร่าน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 94 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการผลิตทั่วโลก
ประเทศ ที่นิยมใช้แซฟฟรอนเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารได้แก่ อิหร่าน
และประเทศอาหรับอื่นๆ รวมถึงประเทศในแถบเอเชียกลาง อินเดีย ตุรกี ยุโรป ฯลฯ
ราคา ขายส่งและขายปลีกของเครื่องเทศชนิดนี้อยู่ที่ระหว่าง 500-5,000
เหรียญสหรัฐต่อหนึ่งปอนด์
(ราว 17,000-170,000 บาท/0.45 ก.ก) หรือ 1,100-11,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก.
(ราว 37,400 - 374,000 บาท/ก.ก.)

2. ถั่วแพงที่สุดในโลก - แมคคาเดเมีย

ถั่ว ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก คือ ถั่วแมคคาเดเมีย
ถั่วชนิดนี้จะให้ผลผลิตต่อเมื่อมีอายุตั้งแต่ 7-10 ปีขึ้นไป
ซึ่งการปลูกให้ได้ผลผลิตที่ดีนั้นจะต้องหมั่นคอยดูแลใส่ปุ๋ย และปลูกในที่ๆ
มีฝนตกชุก
ถั่วชนิดนี้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วย กัน
โดยมีถิ่นกำเนิดที่ประเทศออสเตรเลียมากถึง 7 สายพันธุ์ ที่นิว คาเลโดเนีย
1 สายพันธุ์
และ ที่เมืองสุลาเวสี ประเทศอินโดนีเซีย อีก 1 สายพันธุ์
แต่สายพันธุ์ที่มีความสำคัญและมีมูลค่าในเชิงการค้ามากที่สุดมีเพียง 2 สายพันธุ์
คือ Macadamia integrifolia และ Macadamia tetraphylla
ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในรัฐนิวเซาธ์
เวลส์ และควีนสแลนด์ ของประเทศออสเตรเลีย
ไร่ แมคคาเดเมียที่ปลูกขึ้นเพื่อการค้าเป็นครั้งแรก เกิดขึ้นในช่วงต้นของยุคปี
ค.ศ. 1880 (พ.ศ. 2423) ในรัฐนิวเซาธ์ เวลส์ ของประเทศออสเตรเลีย อีก 2
ปีต่อมาได้มีการนำเข้าเมล็ดพันธุ์แมคคาเดเมียจากออสเตรเลียไปทดลองปลูกที่
ฮาวาย
และเริ่มมีการปลูกแมคคาเดเมียในเชิงการค้าที่นั่นอย่างจริงจังนับตั้งแต่ปี
ค.ศ.1920 (พ.ศ.
2463) เป็นต้นมา
นอก จาก ออสเตรเลีย และฮาวายแล้ว ยังมีประเทศอื่นๆ
ที่ปลูกแมคคาเดเมียเป็นพืชเศรษฐกิจอีก ได้แก่แอฟริกาใต้ บราซิล สหรัฐอเมริกา
(แคลิฟอร์เนีย) คอสตา ริก้า อิสราเอล เคนย่า โบลิเวีย นิวซีแลนด์ และมาลาวี
โดยมีออสเตรเลียเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก
สำหรับราคาขายของถั่วชนิดนี้จะอยู่ที่มากกว่า 30 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (มากกว่า
1 พันบาท/ก.ก.)

3. ไข่ปลาคาเวียร์แพงที่สุดในโลก - เบลูก้า คาเวียร์
ไข่ ปลาคาเวียร์แพงที่สุดในโลก ไม่ได้มีสีดำอย่างที่หลายท่านคุ้นเคย
แต่เป็นชนิดที่มีสีเทาอ่อนๆ ไล่ลงมาจนเกือบขาวตามอายุของปลา
ยิ่งปลาอายุมากไข่ก็จะมีสีอ่อนลง และมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ
ไข่ปลา คาเวียร์อัลมาส (ภาษาเปอร์เซี่ยนแปลว่า "เพชร") ที่ได้มาจากปลา "เบลูก้า
สเตอเจี้ยน" อายุหนึ่งร้อยปีขึ้นไป ถือเป็นไข่ปลาคาเวียร์ที่หายากที่สุด
และมีราคาแพงที่สุด โดยมีราคาสูงถึงเกือบ 25,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ประมาณ
850,000 บาท/ก.ก.) ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของเบลูก้า คาเวียร์
โดยทั่วไปในปัจจุบันจะอยู่ที่ 7,000 - 10,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ก.ก. (ราว 2.38
-3.4 แสนบาท/ก.ก.)
ปลา "เบลูก้า สเตอเจี้ยน" มีถิ่นอาศัยอยู่ในทะเลแคสเปียน
ซึ่งเป็นทะเลปิดที่อยู่ระหว่างทวีปเอเชียกับทวีปยุโรป
อันเป็นพรมแดนของประเทศรัสเซีย อาเซอร์ไบจาน อิหร่าน เติร์กเมนิสถาน
และประเทศคาซัคสถาน บางครั้งอาจพบปลาดังกล่าวอาศัยอยู่ในแถบทะเลดำ นานๆ
ครั้งจึงโผล่ให้เห็นบ้างในทะเลอาเดรียติก
ปลาชนิดนี้จะถือว่าโตเต็มที่พร้อมให้ผลผลิต (ไข่) เมื่อมีอายุตั้งแต่ 20
ปีขึ้นไป

4. เห็ดแพงที่สุดในโลก - ทรัฟเฟิลขาว
เห็ด ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกคือ เห็ดทรัฟเฟิลขาว ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในแถบ Langhe
แห่งแคว้นปีเอมอนเต ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี
ในอดีตคนเก็บเห็ดทรัฟเฟิลจะใช้หมูช่วยดมกลิ่นค้นหา แต่ระยะหลังๆ
มักนิยมใช้สุนัขมากกว่า เพราะสุนัขจะไม่กินเห็ดเหมือนหมู
เห็ดชนิดนี้มีราคาขายสูงถึง 1,700 - 3,800 ยูโร ต่อ 1 ก.ก. (ราว 82,000 -
183,502 บาท/ก.ก)
เมื่อ ปลายปีที่ผ่านมา เห็ดทรัฟเฟิลสีขาว น้ำหนัก 1.08 กก. จากอิตาลี
ถูกนายสแตนลีย์ โฮ มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจคาสิโนในมาเก๊า
ประมูลไปในราคาสูงถึง 200,000
ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.8 ล้านบาท
แต่สถิติเห็ดทรัฟเฟิลขาวราคาสูงสุดที่มีการบันทึกไว้ คือ 330,000 ดอลลาร์สหรัฐ
หรือกว่า 11 ล้านบาท ซึ่งนายสแตนลีย์ โฮ เจ้าเก่า เป็นผู้ชนะประมูลเมื่อปี ค.ศ.
2007

5. มันฝรั่งแพงที่สุดในโลก - La Bonnotte
มัน ฝรั่งราคาแพงที่สุดในโลก คือ "La Bonnotte"
ปลูกได้เฉพาะบนเกาะนีวร์มูทีเยของประเทศ
ฝรั่งเศสเท่านั้น แถมปีหนึ่งๆ ยังเก็บเกี่ยวได้เพียง 10 วัน
ทั้งยังบอบบางมากเสียจนต้องใช้มือถอน และให้ผลผลิตเพียงปีละ 20,000 ก.ก.
ด้วยเหตุนี้มันฝรั่งที่ว่าจึงมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละกว่า 2.3
หมื่นบาทเลยทีเดียว

6. เนื้อแพงที่สุดในโลก - เนื้อที่มาจากวัววากิว (Wagyu) ประเทศญี่ปุ่น


เนื้อ แพงที่สุดในโลก คือ เนื้อที่มาจากวัววากิว (Wagyu) ประเทศญี่ปุ่น
วัววากิวถือเป็นวัวพื้นเมืองที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน
ชาวญี่ปุ่นจะเลี้ยงดูวัวเหล่านี้อย่างดีเป็นพิเศษ
ไม่ว่าจะเป็นการให้หญ้าพันธุ์ดี ธัญพีช
ฟาร์มบางแห่งถึงขนาดมีการนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้วัว หรือไม่ก็ผสมสาเก
หรือเบียร์ ลงไปในอาหาร
เนื้อวัวหลายชนิดที่คนรักเนื้อในบ้านเรา รู้จักกันดีอย่างเช่น เนื้อโกเบ
และมัตสึซากะ ฯลฯ ก็มาจากวัววากิวเช่นกัน
แต่สาเหตุที่เรียกชื่อต่างกันเป็นเพราะว่าเลี้ยงกันคนละเมือง (เนื้อโกเบ
มาจากฟาร์มในเมืองโกเบ ส่วนเนื้อมัตสึซากะมาจากฟาร์มในเมือง มัตสึซากะ เป็นต้น)
เนื้อจากวัววากิวมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และไขมันต่ำ รสชาติอร่อย นุ่มลิ้น
ราวกับละลายในปาก จึงมีราคาสูงมาก - ที่ยุโรปเนื้อจากวัววากิวน้ำหนักประมาณ 200
กรัม มีราคาขายสูงกว่า 34,000 บาท

7. แซนด์วิชแพงที่สุดในโลก - คลับแซนด์วิช "von Essen Platinum"

นี่ คือโฉมหน้าแซนด์วิช "แพงที่สุดในโลก" ฝีมือนายเจมส์ พาร์คินสัน
หัวหน้าเชฟของโรงแรมหรู "von Essen " ในเมืองเบิร์กเชียร์ ประเทศอังกฤษ
หลังจากสังเกตุส่วนผสมของแซนด์วิชในโรงแรมหรูห้าดาวทั่วโลกที่เขาได้มีโอกาส
ไปเยี่ยมเยียน
เขาจึงคิดรวบรวมส่วนผสมที่ดีที่สุดของแซนด์วิชในแต่ละโรงแรมมาไว้ในอันเดียว กัน

ด้วยเหตุนี้ "von Essen Platinum Club Sandwich"
ของเขาจึงกลายเป็นคลับแซนด์วิชแพงที่สุดในโลก
ซึ่งมีทั้งหมด 3 ชั้น ประกอบด้วยส่วนผสมหลักคือ เนื้อไก่อย่างดี (พันธุ์ poulet
de Bresse ของฝรั่งเศส) แฮม Iberian
ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแฮมหายากคุณภาพเยี่ยมจากประเทศสเปน
เห็ดทรัฟเฟิลขาวและมะเขือเทศจากประเทศอิตาลี ไข่นกกระทาต้มสุก
และขนมปังที่ผลิตจากแป้งชนิดพิเศษ
แซนด์วิช "von Essen Platinum" ของเชฟพาร์คินสัน จำหน่ายในราคาอันละ 100 ปอนด์
หรือกว่า 5.5 พันบาท ถ้าใครอยากลองทานว่าจะเด็ดสักแค่ไหน
ก็ไปพิสูจน์ได้ที่ภัตตาคาร "Cliveden's Waldo" ของโรงแรม "von Essen "

8. พิซซ่าแพงที่สุดในโลก - พิซซ่า Luis XIII

พิซซ่าที่แพงสุดในโลก คือ พิซซ่า "Louis XIII" ฝีมือเชฟหนุ่มชาวอิตาลีที่ชื่อ
"เรนาโต้ วิโอล่า"
พิซ ซ่า "Louis XIII" มีขนาด 8 นิ้ว
ก่อนทำต้องใช้เวลาในการเตรียมแป้งเป็นเวลานานถึง 72 ช.ม.
ขณะที่ท็อปปิ้งหรือหน้าพิซซ่าล้วนมาจากส่วนผสมคุณภาพเยี่ยม อาทิ ชีส mozzarella
di bufala ไข่ปลาคาเวียร์ 3 ชนิด กุ้งล็อบสเตอร์จาก Cilento (ในอิตาลี)
และประเทศนอร์เวย์ โรยหน้าด้วยเกลือสีชมพูที่มาจากแม่น้ำ Murray
ในประเทศออสเตรเลีย
ฯลฯ
"เรนาโต้ วิโอล่า"
พิซ ซ่าแพงสุดในโลก "Louis XIII" จำหน่ายในราคาอันละ 8,300 ยูโร หรือเกือบ 4
แสนบาท (ราคานี้รวมค่าตัวเชฟและผู้ช่วยอีก 2 คน ที่จะหอบข้าวของและอุปกรณ์ต่างๆ
ไปทำพิซซ่าถึงบ้านลูกค้า)

9. ออมเล็ตแพงที่สุดในโลก - ออมเล็ตของภัตตาคาร Le Parker M eridien

ในกรุงนิวยอร์ค
"ออมเล็ต" หรือไข่คน แพงที่สุดในโลกหารับประทานได้ที่ภัตตาคาร "Le Parker M
eridien" ในกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา
ที่ นั่นเขาขายออมเล็ต (ภาพบน) จานละ 1,000 เหรียญ หรือประมาณ 34,000 บาท
ประกอบด้วยส่วนผสมหลัก ได้แก่ ไข่ปลาคาเวียร์ (sevruga) น้ำหนัก 10 ออนซ์
กุ้งล็อบสเตอร์ทั้งตัว และไข่อีก 6 ฟอง เป็นต้น (เขาว่าถ้านำส่วนผสมทั้งหมด
มาทำเองที่บ้าน ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ราวๆ 700 เหรียญ หรือประมาณ 23,800 บาท)

10. ขนมหวานแพงที่สุดในโลก - ไอศครีม ซันเด ของร้าน Serendipity 3 ในแมนฮัตตัน

ไอ ศครีมช็อคโกแลตซันเด ถ้วยนี้ ได้รับการจดบันทึกลงในกินเนสบุ้ค ออฟ เวิล์ด
เรคคอร์ด ว่าเป็น "ขนมหวานแพงที่สุดในโลก" มีจำหน่ายที่ร้าน Serendipity
3 ในแมนฮัตตัน
กลางกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ด้วยสนนราคาถ้วยละ 25,000 เหรียญสหรัฐ
หรือประมาณ 850,000 บาท
"Frrrozen Haute Chocolate" คือ ชื่อของช็อคโกแลต ซันเดแพงระยับถ้วยนี้
ส่วนสาเหตุที่มีราคาแพงเนื่องมาจากไอศครีมมีส่วนผสมของโกโก้พันธุ์ดีและหา
ยากมากๆ จำนวน 28 ผล (ในจำนวนนี้มีอยู่ 14 ผลที่เป็นโกโก้ชนิดแพงที่สุด)
และทองคำ 23 เค ชนิดทานได้ น้ำหนัก 5 กรัม
ไอศครีมดังกล่าวจะ ถูกบรรจุลงในถ้วยทองคำ
ที่มีแผ่นทองคำชนิดทานได้รองอยู่ภายในถ้วย
นอกจากนี้บริเวณฐานของถ้วยไอศครีมยังตกแต่งด้วยสร้อยทอง 18 เค
พร้อมกับเพชรแท้สีขาวอีก 1 กะรัต
เท่า นั้นยังไม่พอ ไอศรีมถ้วยนี้ยังถูกแต่งหน้าด้วยวิปครีม
โรยทับอีกชั้นด้วยทองคำ ประดับด้วยช็อคโกแลต "La M adeline au Truffle" จากร้าน
Knipschildt Chocolatier ที่ขายในราคาปอนด์ละ 2,500 เหรียญ (85,000 บาท/0.45
กก.)
สำหรับช้อนทองที่เห็นในภาพว่าประดับด้วย เพชรสีขาวและสีช็อคโกแลต
ลูกค้าสามารถนำกลับไปดูเล่นที่บ้านได้ ... แต่ถ้วยและสร้อยทองคล้องเพชร 1
กะรัตห้ามเอาไป
ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ออกจากร้านแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น: