31 ส.ค. 2551

ยืดเส้น ยืดสาย สไตล์ฤๅษีดัดตน

ปัจจุบันหลายคนเริ่มให้ความสำคัญ และตื่นตัวกับการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น วิธีหนึ่งที่ทำได้ง่ายและได้ประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างยิ่ง คือ การออกกำลังกาย กระทั่งทำให้สถาบันที่ให้บริการด้านสุขภาพเกิดขึ้นมากมายเพื่อดูดเงินจากกระเป๋าของผู้รักสุขภาพทั้งหลาย แต่จะคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายหรือไม่ นั่นแล้วแต่กรณี

ทั้งนี้ การออกกำลังกายมีหลากหลายรูปแบบ แต่แบบที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านานและสามารถทำกันได้โดยไม่ต้องเสียเงินก็คือ “ฤๅษีดัดตน” ซึ่งต่อมาได้ถูกนำมาปรับใช้ให้เป็นการออกกำลังกายในสไตล์ไทยๆ และได้ผลดีอย่างมาก

** สารพัดประโยชน์แห่งฤๅษีดัดตน
อ.กัญจนา ดีวิเศษ รองผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์แขนงนี้ให้ข้อมูลไว้ในการอบรมของ ศูนย์บริการสุขภาพแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า “ฤๅษีดัดตน” ถือเป็นองค์ความรู้ของการแพทย์แผนไทยแขนงหนึ่ง โดยในอดีตท่าฤๅษีดัดตนมีคุณค่าต่อการรักษาสุขภาพอย่างมาก ทำให้สถาบันแพทย์แผนไทย ได้ศึกษาและรวบรวมองค์ความรู้ วิธีปฏิบัติในเรื่องดังกล่าวขึ้น

อย่างไรก็ตาม การที่จะนำท่าฤๅษีดัดตนทั้ง 127 ท่า มาเป็นท่าออกกำลังกายทั้งหมดคงเป็นเรื่องยาก เพราะบางท่ายากเกินไปที่จะทำ จึงต้องเลือกท่าที่สามารถทำได้ง่ายๆ ที่มีทั้งสิ้น 14 ท่า โดยเริ่มจากท่าพื้นฐาน ทั้งแนวราบ แนวดิ่ง จนถึงท่าที่ค่อยๆ เพิ่มความยากขึ้น พร้อมกันนี้ก็ได้นำความรู้ทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัดมาประยุกต์ควบคู่กันไปในการพิจารณาแต่ละท่าว่าจะนำมาใช้ในการบริหารกล้ามเนื้อส่วนไหนและให้ประโยชน์กับร่างกายอย่างไร

“เบื้องต้นเราจะเน้นไปที่การป้องกัน ส่งเสริมสุขภาพ การแก้อาการ หากมีอาการเล็กน้อยการบริหารนี้ก็จะช่วยได้มาก เพียงแต่ว่าการจะเห็นผลหรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับอาการว่าจะเป็นมากน้อยแค่ไหน และตอนนี้บางท่าได้เข้าสู่กระบวนการทำการวิจัยเพื่อใช้ในการรักษาโรค ซึ่งก็ต้องรอข้อมูลยืนยันอีกครั้ง” อ.กัญจนา อธิบายต่อว่า ฤๅษีดัดตนแตกต่างกับการออกกำลังกายทั่วไป เพราะเป็นการเคลื่อนไหวแบบช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป เหมาะกับกลุ่มที่มีปัญหาเฉพาะส่วน อย่างหัวเข่า ข้อกระดูกต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการกระแทกหรืออุบัติเหตุโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับข้อต่อ ซึ่งไม่เหมาะกับการออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงมากๆ

“ประโยชน์ที่ได้รับแน่นอนว่าออกกำลังกายเพื่อที่เราจะได้กำลังที่สามารถปฏิบัติได้ด้วยตัวเองด้วยการยืดร่างกาย ยืดกล้ามเนื้อ และยังช่วยให้เกิดการบำบัดอาการเบื้องต้น เป็นการป้องกันการเกิดอาการของโรคที่อาจลุกลาม เช่น หากมีการปล่อยให้กล้ามเนื้อมีความเครียดจะทำให้เกิดการแข็ง ตึงได้ จากนั้นจะเริ่มปวด จนทำให้เกิดการอักเสบ ส่งผลให้ร่างกายมีโครงสร้างที่ผิดปกติได้”

“ฤๅษีดัดตนเป็นศาสตร์การรักษาป้องกันที่ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อคลายให้อาการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เกิดการฝึกสมาธิ ฝึกลมหายใจ เพราะโดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้เลยว่าหายใจถูกต้องหรือไม่ บางคนหายใจเข้าแต่ท้องแฟบ หากเป็นเช่นนั้นจะทำให้เกิดการหายใจเร็ว ซึ่งไม่ถูกต้อง พอมาฝึกตรงนี้ก็จะได้ฝึกลมหายใจที่ถูกต้อง เพื่อให้อากาศเข้าได้อย่างเต็มที่ การไหลเวียนของเลือดก็จะดี ระบบในร่างกายจะเป็นปกติ อีกทั้งยังได้สมาธิ เพราะการบริหารในแต่ละท่าทุกส่วนของร่างกายต้องมีความผสานกัน จะทำให้เรามีสมาธิที่จดจ่ออยู่กับท่านั้นๆ ทำให้จิตเป็นปัจจุบัน และเป็นการคลายเครียดอีกด้วย”

“นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างสมดุลโครงสร้างของร่างกาย เพราะในชีวิตประจำวันนั้น บางครั้งเราใช้อิริยาบถที่ไม่เหมาะสม ที่ยังเป็นปัญหาที่ซ้ำเติมให้เกิดการบาดเจ็บได้ เกิดความเครียดของกล้ามเนื้อซึ่งก็จะเป็นต้นเหตุให้ปัญหาต่างๆ ตามมา การบริหารโดยฤๅษีดัดตนจะช่วยปรับโครงสร้างของร่างกาย อย่างน้อยในหนึ่งวัน ควรบริหารให้ได้ 1-2 ชั่วโมง ดีกว่าไม่ทำเลย” อ.กัญจนา บอกถึงประโยชน์

** ท่าพื้นฐาน พิชิตโรค
ในส่วนของท่ายืดเส้น ยืดสาย ในรูปแบบของฤๅษีดัดตนที่ได้มีการคัดเลือกให้เป็นท่าที่ใช้ในการออกกำลังกายพื้นฐานนั้น อ.กัญจนา ได้บอกถึงสรรพคุณของแต่ละท่าไว้ว่า

ท่าแรก คือ ท่าฤๅษีดัดตนบริหารใบหน้า ที่จะเน้นการผ่อนคลายในขณะทำงาน หรือใช้จัดการกับความเครียดที่บริหารทุกส่วนของใบหน้าทั้งแก้ม หน้าผาก กกหู ไปจนถึงศีรษะ
ท่าที่ 2 ท่าฤๅษีดัดตนแก้ลมในลำลิงค์ เป็นท่าที่ใช้ในการบริหารช่วงแขนทั้งหมด ข้อศอก ไหล่ จนถึง ลำคอ และหลัง
ท่าที่ 3 ท่าฤๅษีดัดตนแก้ปวดท้อง-ข้อเท้า
ท่าที่ 4 ท่าฤๅษีดัดตนแก้ลมเจ็บศีรษะ และตามัว เป็นท่าที่ให้การคลายกล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอ จะทำให้เลือดขึ้นไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น ลดอาการเวียนศีรษะ
ท่าที่ 5 ท่าฤๅษีดัดตนขัดแขน แขนขัด เน้นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณแขน
ท่าที่ 6 ท่าฤๅษีดัดตนแก้กล่อน และแก้เข่าขัด
ท่าที่ 7 ท่าฤๅษีดัดตนแก้กล่อนปัตคาด เป็นท่าที่เน้นการแก้ปวดข้อต่างๆ เช่น เข่า หลัง
ท่าที่ 8 ท่าฤๅษีดัดตนแก้ลมในแขน เน้นการแก้ปวดแขนเป็นหลัก
ท่าที่ 9 ท่าฤๅษีดัดตนดำรงกายอายุยืน เป็นท่าที่เน้นการทรงตัว ใช้ทดสอบการทรงตัว มีผลต่อการบริหารสะโพก
ท่าที่ 10 ท่าฤๅษีดัดตนแก้ไหล่ขา และเข่าขา เป็นท่าที่บริหารแก้ปวดหลัง
ท่าที่ 11 ท่าฤๅษีดัดตนแก้ตะคริว มือ เท้า เป็นท่าที่เน้นการบริหารให้เกิดการทรงตัวที่ดี ซึ่งส่งผลดีต่อข้อเข่า และสะโพก
ท่าที่ 12 ท่าฤๅษีดัดตนแก้สะโพกสลักเพชร ท่านี้เป็นท่าที่ให้ประโยชน์ในการบริหารตลอดแนวขาทั้งหมด
ท่าที่ 13 ท่าฤๅษีดัดตนแก้ลมเลือดนัยน์ตามัว แก้ลมรันรัดทั้งตัว
ท่าที่ 14 ท่าฤๅษีดัดตนแก้เมื่อยปลายมือ ปลายเท้า เป็นท่าสุดท้ายที่จะให้การบริหารกับทุกส่วนของร่างกาย

“อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย ซึ่งจะเป็นในรูปแบบใดก็ได้ แค่ได้ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และควรให้ความสำคัญในเรื่องของความเหมาะสมกับรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะกับร่างกายจะรับไหว เพราะแทนที่การออกกำลังกายจะเกิดประโยชน์ อาจเกิดโทษก็เป็นได้”อ.กัญจนา ฝากทิ้งท้าย

** สำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ
หน่วยพัฒนาสุขภาพ ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ขอเชิญฟังการบรรยายพิเศษให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ ทุกวันพุธที่ 3 ของเดือน เวลา 13.00 - 15.00 น. ณ ห้องประชุมใหญ่ อาคาร ภปร.ชั้น 18 โดยในวันพุธที่ 28 พฤษภาคมนี้ จะมีการบรรยายเรื่อง "ยืดเส้น ยืดสาย สไตล์ฤๅษีดัดตน" โดยวิทยากรจากสถาบันการแพทย์แผนไทย ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร.0 - 2256 - 5416

ไม่มีความคิดเห็น: