9 ส.ค. 2551

แฉเรื่องจริง! เตือนภัยสังคม แก๊งมิจฉาชีพ อาละวาดบน BTS

*นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนักข่าวสาวของหนังสือพิมพ์ "ประชาชาติธุรกิจ" เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา ใครจะนึกว่าบนรถไฟฟ้าที่มีผู้คนอยู่มากมายจะมีภัยอันตรายแฝงอยู่!!!

* เวลาประมาณเกือบบ่ายโมง ดิฉันได้ขึ้นรถไฟฟ้า BTS จากสถานีรถไฟฟ้าราชดำริเพื่อเดินทางไปหมอชิต ดังนั้นจึงต้องไปเปลี่ยนรถที่สถานีสยาม ระหว่างยืนรอรถไฟฟ้าอยู่ที่สถานีสยามก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาถามว่าไปอนุเสาวรีย์ขึ้นรถตรงนี้หรือเปล่า ดิฉันก็ตอบไปว่าใช่

ตามปกติสถานีรถไฟฟ้าสยามผู้คนพลุกพล่านมาก วิ่งขึ้นรถลงรถกันด้วยความรวดเร็วตลอดเวลา พอรถไฟฟ้ามาจอดเทียบชานชาลา ดิฉันก็รอจนคนลงหมดแล้วเดินเข้าไปในตัวรถพร้อมกับมองหาที่ยืนสำหรับตัวเอง
ช่วงเวลาปรากฏว่า มีผู้ชายคนหนึ่ง อายุประมาณ 19-20 ปี ใส่กางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืด ถือกล่องกระดาษใบหนึ่งท่าทางหนักมากเดินขึ้นมาในขบวนรถแล้วชนบริเวณด้านหลังดิฉัน ซึ่งก็ไม่ได้ชนแรงอะไรแค่ทำให้รู้สึกว่ามีอะไรมาโดนที่หลัง ซึ่งดิฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร *แต่ผู้ชายคนนั้นกลับตะโกนว่า คุณชนผม ด้วยสัญชาตญาณดิฉันก็หันไปกล่าวคำขอโทษ ก็เห็นเขาถือกล่องใบใหญ่อยู่ *

เรื่องไม่จบแค่นั้น ผู้ชายคนนั้นทรุดตัวลงวางของแล้วลงไปนอนกับพื้น แสดงอาการเสมือนว่า บาดเจ็บสาหัส ดิฉันก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรเพราะการเดินกระทบกันแค่นั้นไม่น่าจะทำให้ได้รับบาดเจ็บอะ­ไรได้ แต่เขาร้องโอดโอยเหมือนใกล้ตาย จนคนที่นั่งอยู่บริเวณใกล้เคียงทนไม่ไหวลุกลงไปพยุงขึ้นมานั่งที่เก้าอี้ แล้วถามเขาว่าเป็นอะไร เขาก็ชี้มาที่ดิฉันว่าเป็นคนชนเขาล้มจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

* ทุกคนในรถก็คงตกใจเช่นเดียวกับดิฉันว่า ชนกันแค่นี้ถึงกับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้เลยหรือ??? * สุภาพบุรุษที่ลุกขึ้นไปให้ความช่วยเหลือชายหนุ่มคนนั้น ก็เข้าไปดูที่บริเวณหัวเข่าที่เขาบอกว่าเจ็บมาก เพื่อดูว่าเป็นอย่างไร ซึ่งก็ไม่มีรอยแผลอะไร มีเพียงรอยแดงเหมือนคนนั่งคุกเข่า แต่เขาก็บอกว่าเขาเจ็บมากเหมือนขาเขาหัก สุภาพบุรุษคนนั้นก็สงสัยจึงถามต่อว่า ขาของคุณ มีปัญหาหรือเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า ชายหนุ่มคนนั้นก็บอกว่า เขาเคยขาหัก

สุภาพบุรุษคนนั้นจึงตะโกนว่า *"ในรถคันนี้มีใครเป็นหมอหรือพยาบาลบ้าง มีคนหกล้มได้รับบาดเจ็บช่วยเข้ามาดูหน่อย" *

ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่บริเวณประตูอีกด้านหนึ่งก็เดินเข้ามาดู ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่บริเวณนั้นก็พูดเสริมขึ้นว่า เขาอาจจะมีโรคประจำตัวพอเจออย่างนี้ก็อาจจะวูบลงไปได้เพราะตัวเขาเองเคยเป็นเช่­นนี้ต้องนอนโรงพยาบาลตั้ง 3 วัน ผู้ชายคนนี้อาจจะมีปัญหามาก่อนแล้วต้องถือของหนักก็อาจจะได้รับบาดเจ็บได้

ผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็พูดขึ้นมา ถ้าเจ็บมากขนาดนี้ก็ไปโรงพยาบาลดีกว่า ผู้บาดเจ็บก็พูดสวนขึ้นมาทันควันว่า *ผมไม่ไปโรงพยาบาลหรอก ผมยังเป็นนักศึกษาไม่มีสตางค์ ถ้าไปโรงพยาบาลก็ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง ผู้หญิงคนนี้ชนผมต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ผม แล้วต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ด้วย*เพราะของๆ เขาได้รับความเสียหาย กล่องที่ถือมาเป็นจอแอลซีอี(จอคอมพิวเตอร์)ที่ต้องนำไปให้คนอื่นไม่ใช่ของตัวเข­าเอง

ดิฉันไม่ได้พูดอะไร รู้สึกช็อก แต่หลายคนที่อยู่บนรถไฟฟ้า รวมถึงผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือเขาก็บอกกับเขาว่า *ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ชน คุณเดินเข้ามาแล้วล้มลงไปเอง*แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังยืนยันว่าดิฉันเดินชนเขาจนได­รับบาดเจ็บข้าวของเสียหายและจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับเขา

ผู้ชาย 2 คนที่ยืนข้างๆ ดิฉันก็กระซิบให้ดิฉันออกไปจากรถลงสถานีหน้า ไม่ต้องไปโต้เถียงกับคนบ้าแบบนี้ พอใกล้ถึงต่อไปสถานีเด็กหนุ่มผู้ที่บอกว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บอย่างหนักก็ตะโกน­ว่า * "มันจะหนีไปแล้ว เดินชนผม ทำของผมเสียหายแล้วหนี"*

พอถึงสถานีราชเทวีดิฉันจึงรีบเดินออกจากรถคันนั้นไป พร้อมกับโทรศัพท์เล่าเรื่องให้เพื่อนๆ ฟัง ทุกคนต่างตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นขบวนการมิจฉาชีพ เพราะมีข้อพิรุธมากมาย เพื่อนแนะนำว่าจริงๆ แล้ว ควรโทรศัพท์เรียกตำรวจมาจัดการ ... แต่สำหรับดิฉันถือว่า เป็นวันที่โชคร้ายจริงๆ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
<http://www.matichon.co.th/news_title.php?id=2687>

ไม่มีความคิดเห็น: