7 ก.พ. 2553

ประสบการณ์เฉียดตาย จิตดวงสุดท้าย ตายอย่างมีสติ

บันทึกนี้ก็ขอเล่าประสบการณ์เฉียดตายของผมนะครับ พูดตรงๆเรื่องตายเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับหลายๆคน และผมก็เป็นอีกคนที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่กลัว แต่แปลกนะครับพอเจอเข้าจริงๆ ผมกลับไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อยนิด อาจเป็นเพราะอานิสงส์ของการได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานทั้ง 2 ครั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2549,2550




เข้าเรื่องเลยละกันเหตุการณ์เฉียดตายของผมเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2552 ประมาณเดือน กรกฎาคม อายุย่างเข้า 25 ปีพอดี (เบญจเพศ) ซึ่งตอนนั้นผมเข้าศึกษาในระดับปริญญาโท หลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลผู้ใหญ่ ชั้นปีที่ 1 จำได้ว่าวันนั้นมีเรียน ประมาณ 8 โมงเช้า แต่ว่าผมนอนตื่นสายทำให้ต้องรีบบึ่งมอเตอร์ไซด์ เพื่อรีบเข้าไปเรียน หอพักผมอยู่แถวกังสดาล ช่วงนั้นเป็นชั่วโมงเร่งด่วนถนนรถเยอะมากๆๆๆ พอถึงปากทางเพื่อเลี้ยวเข้าไปด้านข้างของประตูเข้ามหาลัย ขณะที่กำลังจะเลี้ยวรถ ผมมั่นใจแล้วล่ะว่าไม่มีรถ หันซ้ายหันขวาไม่มี ทีนี้ก็บึ่งรถตามคันข้างหน้าเพื่อไปมอ ไม่พ้นครับ ผมเห็นรถกระบะสีเขียว กำลังบึ่งมาอย่างเร็วตรงเข้ามาที่มอไซด์ของผม ผมคิดในใจว่ายังงัยก็ต้องโดนชนแน่ๆ เพราะห่างไม่ถึง 5 เมตร รถกระบะวิ่งมาด้วยความเร็ว 100 กว่า Km/hr (ประมาณด้วยสายตา) คิดได้อย่างนั้นผมก็นึกถึงคำที่ท่านวิปัสสนาจารย์เคยสอนว่าขอให้มีสติ ถ้าจะตายต้องตายอย่างมีสติ หากตายขณะที่จิตมีความร่ำไร รำพัน โกรธ โลภ โมโห ห่วงหา อาวรณ์ เป็นต้น จะพาเราไปสู่อบายภูมิ (เปรต นรก สัตว์เดรัจฉาน อสูรกาย) ผมคิดได้อย่างนั้นก็มองไปที่รถคนนั้นแล้วตั้งสติ เห็นหนอ เห็นหนอ เห็นหนอ จาก 5 เมตร เป็น 4 เมตร เป็น 3 เมตร เป็น 2 เมตร แปลกมากเพราะตอนที่สติเกิด ผมเห็นว่ารถมันเข้ามาหาผมช้ามากๆ เหมือนภาพสโลโมชั่น ประมาณนั้น กระโปรงรถรถกระบะชนเข้า ปั้ง (ชนหนอ) ที่มอเตอร์ไซด์ของผม ผมกระเด็นออกจากรถ ลอยหนอ ลอยหนอ ลอยหนอ ลอยหนอ ผมลอยตัวอยู่ในอากาศประมาณ 1-2 นาที เหมือนเหาะได้เลยครับ จากนั้นผมก็กระแทกกับพื้น กระแทกหนอ โดยเอามือลงก่อน แล้วกลิ้งตัวไปอีกประมาณ 2 รอบ ตอนนั้นผมคิดว่าผมต้องตายแน่ๆ ผมเลยตั้งสติว่าตายเป็นตาย แล้วก็ตั้งสติให้อยู่ปัจจุบันที่สุด จากนั้นผมรู้สึกว่ามันเหมือนเกิด space ช่องว่าง ขึ้น แล้วภาพที่ผมเคยฝึกวิปัสสนากรรมฐานได้แวบเข้ามาในความคิดของผม ผมมีสติอีกครั้ง หลังจากวูบไปแป๊บนึง รู้ตัวอีกทีคือ ผมนอนข้างทางและกระเด็นออกจากบริเวณที่ถูกชนประมาณ 5 เมตร ครับ ผมสำรวจดูตามร่างกายของผม มีแค่รอยถลอกที่ขา กับเลือดออกบริเวณใบหน้า แผลยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่มีกระดูกหัก (ขอสารภาพว่าวันนั้นผมไม่ได้ใส่หมวกกันน๊อค ปกติใส่ทุกวันนไม่รู้วันนั้นทำไมไม่ใส่) จากนั้นก็มองไปที่มอเตอร์ไซด์ โอโหพังครับ ยับเยิน (แล้วจะซ่อมงัยเนี่ย) ไม่ได้คิดห่วงตัวเองเลย ห่วงรถว่าจะต้องซ่อมเยอะ เพราะว่าตอนนั้นผมลาออกจากที่ทำงาน เพื่อมาเรียนโดยใช้เงินเก็บของตัวเองที่เก็บหอมรอมริบมา 3 ปี ต้อง save ที่สุด 55 จากนั้น คนที่ขับรถชนเป็นผู้หญิงและก็มีลูกชายมาด้วยอีก 2 คน เป็นนักเรียนม.ปลายแห่งหนึ่งในขอนแก่น พาไปหาหมอ ผมเย็บแผลประมาณ 4 เข็มครับ และก็ได้ยามาทาน ทำแผล 7 วันตัดไหม และก็ทานยาฆ่าเชื้อร่วมด้วย ประมาณ 10 โมงของวันนั้น ผมก็มาเข้าเรียนได้ตามปกติ 555 กลัวเรียนไม่ทันเพื่อน .......................................



เหตุการณ์นี้เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งครับที่ทำให้ผมเชื่อมั่น ในพระพุทธศาสนา พระธรรม และพระสงฆ์ การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว การมีสติในทุกขณะจิต จะนำเราไปสู่สุคติภูมิได้....... และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมชอบและต้องปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานมาจนปัจจุบันวันนี้

ไม่มีความคิดเห็น: