7 ก.พ. 2553

ออกกำลังกาย สไตล์คนป่วย

Exercise สไตล์คนป่วย (Health&Cuisine)


การออกกำลังกายทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่คนที่อ้วนมาก ๆ เป็นโรคหอบ หืด หรือภูมิแพ้ ต้องระวังอาการจะกำเริบ หากเลือกชนิดกีฬาที่ไม่เหมาะสม ถ้าไม่อยากให้การออกกำลังกลายเป็นดาบสองคม ต้องอ่านค่ะ

โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้

คนที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้ คงเคยมีประสบการณ์หอบกำเริบ หายใจติดขัด ขณะหรือหลังออกกำลังกายเป็นแน่ มักเกิดอาการหลังจากเล่นกีฬาได้ประมาณ 5 หรือ 20 นาที บางครั้งอาจรู้สึกแน่นหรือเจ็บหน้าอก ไอ และหายใจหอบถี่ร่วมด้วย ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจาก



ระบบหายใจตอบสนองต่ออากาศที่สูดเข้าไปไวเกินไป

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของอุณหภูมิและความชื้นในอากาศ ที่เราสูดเข้าไปเร็วและลึกมากกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่ออากาศนั้นมีความเย็นและแห้งมาก

ปกติอากาศที่หายใจเข้าทางจมูกมีความชื้นและอุ่นกว่าอากาศภายนอก เพราะโพรงจมูกช่วยเพิ่มความชื้นและปรับอุณหภูมิก่อนจะเข้าไปสู่ปอด แต่ขณะออกกำลังร่างกายต้องการอากาศมากขึ้น เราจึงมักอ้าปากหายใจ ทำให้ปอดได้รับอากาศเย็นและแห้งกว่าปกติ อาการหอบหืดจึงกำเริบขึ้น

การว่ายน้ำ เป็นกีฬาที่เหมาะกับคนเป็นโรคนี้มากที่สุด เพราะ...

สภาพแวดล้อมบริเวณสระน้ำมีอุณหภูมิและความชื้นค่อนข้างคงที่

เน้นการเคลื่อนไหวที่กล้ามเนื้อร่างกายส่วนบน จึงช่วยพัฒนาระบบหายใจได้ด้วย

การออกกำลังกายในแนวราบ ช่วยให้กล้ามเนื้อปอดเคลื่อนไหวจากส่วนท้ายขึ้นมาส่วนบน จึงช่วยไล่อากาศ หรือขับสิ่งขัดขวางการหายใจออกได้ง่ายกว่าการออกกำลังกายในท่ายืน

กีฬาชนิดอื่นที่มีความเสี่ยงรองลงมาได้แก่ การเดิน ขี่จักรยาน และกอล์ฟ เพราะเป็นการออกกำลังแบบไม่ต่อเนื่อง ทำให้อาการกำเริบน้อยกว่ากีฬาที่ต้องเคลื่อนไหวติดต่อกันนาน ๆ ไม่มีจังหวะให้หยุดพัก เช่น ฟุตบอล สคอว์ช บาสเก็ตบอล

กีฬาเมืองหนาว อย่าง สกีหิมะ สเก็ตน้ำแข็ง ฮ๊อกกี้น้ำแข็ง มีแนวโน้มทำให้กล้ามเนื้อหลอดลมตีบได้มากขึ้น แต่ไม่ได้ห้ามเล่นเด็ดขาด เพียงแต่คุณต้องดูแลตนเองเป็นพิเศษ มียาประจำตัวหรือคนที่มีความรู้ในการปฐมพยาบาลอยู่ใกล้ ๆ เผื่ออาการกำเริบกะทันหัน



โรคอ้วน

การวิ่งจ๊อกกิ้ง และเดิน เป็นกีฬาที่เหมาะกับผู้มีน้ำหนักมาก หากกังวลว่าการวิ่งอาจทำให้เข่ามีปัญหาได้ อาจเลี่ยงไปว่ายน้ำแทน แต่ไม่ว่าจะเลือกกีฬาอะไร มีหลักการสำคัญอยู่นิดเดียว คือคุณต้องเริ่มทีละน้อยและช้า ๆ ในครั้งแรกให้ทำมากเท่าที่ทำได้อย่างไม่ลำบาก และต้องจำไว้เสมอว่าต้องยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อน และหลังออกกำลังกายทุกครั้ง เพื่อเตรียมกล้ามเนื้อที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน และช่วยลดการบาดเจ็บหลังออกกำลังกาย

สิ่งสำคัญอีกประการคือ คุณต้องทำติดต่อกันทุกวัน หรืออย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ แล้วค่อย ๆ เพิ่มความหนักหรือระยะเวลาให้มากขึ้น พร้อมกับคิดตั้งเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาวไว้

เช่น เมื่อเริ่มต้นเดิน คุณเดินได้ครั้งละ 10 นาทีต่อวันและทำได้สามวันต่อสัปดาห์ ก็ควรตั้งเป้าหมายระยะสั้นไว้ว่าต้องทำให้ได้สองสัปดาห์ จากนั้นเพิ่มเวลาเป็น 20 นาทีต่อวัน ทำให้ได้ 4 วันต่อสัปดาห์ เป้าหมายระยะยาวควรอยู่ที่ การเดินวันละ 40 นาทีต่อวัน ทำให้ได้ 5 วันต่อสัปดาห์ นาน 6 เดือน

การเปลี่ยนแปลงทีละนิด จะช่วยให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัว อาการหรือความเจ็บปวด อึดอัดจากการออกกำลังกายก็จะลดลงไปพร้อม ๆ กับไขมันและน้ำหนักตัว

ถ้าป่วยแล้วไม่ออกกำลังกายอีก ร่างกายจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่

ไม่มีความคิดเห็น: