14 ก.พ. 2553

วิธีเล่นกอล์ฟสำหรับมือใหม่ป้ายแดง

..........กอล์ฟเป็นกีฬากลางแจ้ง สนามที่จะเล่นจะมีอุปสรรคสิ่งกีดขวาง หลุมแต่ละหลุมก็อยู่ห่างกัน และอยู่บนพื้น " กรีน " ...ซึ่งเป็นสนามหญ้าตัดเรียบ จุดเริ่มตีลูกไปสู่หลุมต่างๆเรียกว่า ที ( Tee ) ระหว่าง ที และกรีน จะเป็นแนวสนามมีหญ้าตัดหยาบเรียกว่า " แฟร์เวย์ " ( Fairway ) สนามกอล์ฟสมบูรณ์แบบจะมี 18 หลุม แต่ละหลุมมีแฟร์เวย์ยาวตั้งแต่ 90 - 550 เมตร ( 100 - 600 หลา ) หรือกว่านั้น .....ผู้เล่นต้องตีลูกจากที ( หมุดพลาสติกที่กดปักกับพื้นสนาม ) ไปตามแฟร์เวย์เข้าสู่กรีน และตีให้ลงหลุม และหรือตีให้น้อยครั้งที่สุด .....ในแต่ละหลุมจะมีการกำหนดจำนวนครั้งของการตี ( Stroke )


โดยพิจารณาตามระยะทางจากที จำนวนที่กำหนดเรียกว่า " พาร์ " ( Par ) ถ้าตีลูกลงหลุมได้ตามจำนวนครั้งที่กำหนดไว้ แต่ละหลุมจะเรียกว่าได้พาร์

ผู้ที่ทำพาร์ได้ในการแข่งขันมักจะเป็นมืออาชีพ

..........สนามกอล์ฟยังมีสิ่งกีดขวางอีกเช่น ต้นไม้ ลำธาร แนวหญ้าหนา และบ่อทราย ซึ่งหลอกตาไว้ด้วย

กติกา และการนับคะแนน

..........กฏกติกากอล์ฟเป็นหลักสากล อาจมีกฏต่างๆเพิ่มเติมบ้างแล้วแต่ชมรมนั้นๆจะกำหนด แต่ส่วนใหญ่วิธีการเล่น และการนับคะแนนที่นิยมกันมีสองแบบได้แก่

1. การเล่นแบบนับแต้ม ( Stroke play )
2. การเล่นแบบนับหลุม ( Match play )

..........การเล่นแบบนับแต้ม ในการเล่นแบบนี้จะนับสโตรก หรือจำนวนครั้งของการตีทั้งหมดเมื่อเล่นครบ 18 หลุม ผู้ที่สโตรกน้อยที่สุดจะเป็นผู้ชนะ

..........การเล่นแบบนับหลุม เป็นการเล่นนับสโตรกในแต่ละหลุม ผู้ที่ตีด้วยสโตรกน้อยกว่าจะเป็นผู้ชนะในหลุมนั้น และผู้เล่นที่ได้ชัยชนะในหลุมต่างๆเป็นจำนวนมากหลุมกว่า ก็จะเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน เพราะถึงแม้ว่าจะเล่นต่อไปในหลุมที่เหลือก็ชนะอยู่ดี .....ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่ได้ชัยชนะในหลุมแรก หรือชนะ 10 - 8 จะถือว่าชนะเด็ดขาด

..........ในการเล่นทั้งสองแบบที่กล่าวมานี้ หากต้องเสมอกันเมื่อตีครบทุกหลุมที่ตกลงกันแล้วจะไปเริ่มที่หลุมหนึ่งใหม่ และเล่นไปจนกว่าจะมีผู้ชนะในหลุมใดหลุมหนึ่ง หรือที่เรียกการเล่นแบบนี้ว่า " ซัดเด็น เดธ เพลย์ออฟ " ( Sudden death play-off )

..........สำหรับการเล่นแบ่งข้าง แบ่งกลุ่มนั้น ในกีฬากอล์ฟอาจจะเล่นเดี่ยว หรือเล่นหลายคน โดยลงเล่นเป็นคู่ก็ได้ .....ในการเล่น 4 คน ใช้ลูก 2 ลูก ( Foursome ) ผู้เล่นข้างเดียวก็จะผลัดกันตีลูกเดียวกัน แต่ถ้าใช้ 4 ลูก ( Four balls ) ผู้เล่นแต่ละคนจะตีลูกของตนเอง และจะนับแต้มที่ดีที่สุด จากนั้นจะเลือกว่าจะตีลูกไหนเป็นลูกต่อไป โดยที่ไม่สนใจลูกแรก แล้วจึงผลัดกันตี

วิธีเลือกไม้กอล์ฟแบ่งออกเป็น 4 ประเภท แต่ละประเภทจะเหมาะกับการเล่นในลักษณะต่างกันไป ชนิดหัวไม้ ( Woods ) เหมาะสำหรับการตีลูกไกลๆ จากแฟร์เวย์ไปยังกรีน หัวไม้เบอร์ 1 หรือไดร์ฟเวอร์ ( Driver ) จะเหมาะกับการตีลูกจากทีไปยังหลุมไกลๆ ชนิดหัวเหล็ก ( Iron ) เหมาะสำหรับหลุมใกล้ๆ หรือตีไกลหลังจากไดร์ฟมาแล้ว เวจ ( Wedge ) เหมาะสำหรับการตีลูกข้ามสิ่งกีดขวาง หรือตีออกจากบ่อทราย ส่วนพัตต์เตอร์ ( Putter ) นั้นใช้สำหรับการตีลูกบนกรีน

..........ผู้เริ่มเล่นป้ายแดง อาจจะเริ่มเล่นจากไม้ชุดเล็กๆ อาจหยิบยืม หรือซื้อไม้มือสองก็ได้ ตามปกติไม้กอล์ฟ ชุดหนึ่งจะประกอบด้วยหัวไม้ 3 อัน หัวเหล็ก 8 อัน เวจ 1 อัน เวจที่ใช้กับบ่อทราย 1 อัน และพัตต์เตอร์ 1 อัน หากสมัครเข้าชมรมก็อาจขอคำแนะนำได้จากโปร ซึ่งมักมีร้านขายไม้ และอุปกรณ์เอง .....โปรกอล์ฟจะเข้าใจความต้องการและการเล่นของเราได้ดีกว่าพนักงานขายตามร้านขายเครื่องกีฬา

.....ส่วนใหญ่ไม้กอล์ฟมาตรฐานจะเหมาะกับผู้เล่นทั่วไป โดยมีทั้งของผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก หากต้องการก้านสั้น หรือยาวขึ้น ก็อาจสั่งได้ .....ผู้เล่นร่างเตี้ยควรเลือกใช้ไม้ซึ่งก้านทำมุมฉากกับพื้นเวลาที่จรดปลายหัวไม้เรียบกว่าผู้เล่นที่มีร่างสูง .....หัวไม้และก้านทำขึ้นจากวัสดุต่างๆกัน ชนิดของหัวไม้อาจทำมาจากไม้ตระกูลต้นพลัม หรือไม้อัดซ้อนเป็นชั้นๆ หรืออาจเป็นกราไฟต์หรือเหล็ก

.....ในการเลือกน้ำหนักไม้จะต้องให้เหมาะกับกำลัง และความสามารถของเรา .....ปกติแล้วผู้เล่นแบบปานกลางจะเล่นได้ดีเมื่อใช้ไม้น้ำหนักเบา ส่วนด้ามจับชนิดหุ้มยางจะดีกว่าหุ้มหนัง เนื่องจากทำความสะอาดง่าย และใช้ได้ดีเนื่องจากด้ามจับจะเปียกชื้น

.....ไม้พัตต์เตอร์นั้นมักขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน พัตต์เตอร์ที่ดีควรจะเหมาะมือ เล็งง่าย ไม่เกรงเวลาตี การลองพัตต์เตอร์หลายๆแบบ แบบที่นิยมกันได้แก่แบบแผ่นบาง ( Blade ) และแบบริมขอบนูน ( Flange ) ความยาวที่นิยมใช้กันคือขนาด 34 นิ้ว

..........ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการเล่นมีสองประเภทได้แก่ ลูกฮุก ( Hook ) หรือโค้งจากขวาไปซ้าย ( จะเกิดขึ้นกับผู้เล่นถนัดขวา ) และสไลซ์ ( Slice ) หรือลูกโค้งออกขวา วิธีปรับแก้คือ ต้องกำหนดเส้นอ้างอิง ( The line ) ขึ้น คือจากลูกที่พื้นไปยังหลุม หรือจุดหมายที่กะไว้ หาดูได้ในหน้าถัดไป

หมายเหตุ

หัวเหล็กแต่ละอันจะมีน้ำหนัก และสมรรถนะ ( ระยะการตีในสภาวะปกติ ) ต่างกันที่ระยะ

ระยะ 110 เมตร (120 หลา ) ควรใช้เบอร์ 9
ระยะ 123 เมตร (135 หลา ) ควรใช้เบอร์ 7
ระยะ 155 เมตร (170 หลา ) ควรใช้เบอร์ 4
ระยะ 183 เมตร (200 หลา ) ควรใช้เบอร์ 2

ไม่มีความคิดเห็น: