7 ก.พ. 2553

growth factor : อุบัติแห่งความงาม หรือหายนะความอยากสวยที่กู่ไม่กลับ

หาก growth factor คืออีกหนึ่งทางดิ้นของคลีนิคความงามหัวใส ที่อวดอ้างว่าปลอดภัยสำหรับคนที่กลัวการฉีดสารเคมี...ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ growth factor ต่อไปนี้ อาจเป็นนวัตกรรมความงามที่แฝงภัยอันตรายที่อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ตามมาอย่างมากมาย หากใครที่กำลังตัดสินใจจะ "ทำสวย" ด้วยวิธีพิสดารโดยคิดว่าจะแก้ปัญหาผิวอย่างรวดเร็วทันใจ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์


growth factor คืออะไร ลองมาทำความเข้าใจกันพอคร่าวๆ โกรทแฟกเตอร์ เธอราปี (Growth Factor Therapy) คือนวัตกรรมเพื่อความงามที่สถานความงามทั้งหลายออกมาแจงสรรพคุณว่า เป็นนวัตกรรมความงามล่าสุดนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อลดอายุผิว มีขั้นตอนการทำโดยจะดำเนินการด้วยการฟื้นฟูเซลล์ผิวโดยใช้ Growth Factor จากตัวผู้รักษาเองมากระตุ้นพลังงานของเซลล์ผิวจากภายในด้วยการฉีด โดยอ้างว่าให้ความปลอดภัยสูงและเห็นผลเร็วโดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม แถมราคาคอร์สการรักษาก็ใช่ว่าถูกๆ เพราะอยู่ตั้งแต่หลักหมื่นต้นๆ จนถึงหลายหมื่น แล้วแต่วิธีจูงใจที่แต่ละแห่งจะปรุงแต่งสรรพคุณ

หากเอ่ยชื่อสถานความงามที่เปิดคอร์สดังว่านี้ รับรองเป็นต้องร้องอ๋อ เพราะล้วนแต่มีชื่อจากการโหมโฆษณาตามสื่อต่างๆ เป็นประจำ โดยพยายามตอกย้ำว่าปลอดภัย ไร้สารเคมี แต่กลับไม่เคยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนทั่วไป โดยยกมาเพียงด้านเดียวของการรักษาซึ่งต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แถมยังไม่ใช่การรักษาบำบัดฟื้นฟูผิวพรรณเพื่อความงาม ซึ่งยังไม่มีสถาบันไหนออกมารับรองให้ทำอย่างกว้างขวางได้

ส่วนในทางปฏิบัติที่ตรวจสอบพบ ปรากฏว่า ในขั้นตอนการรักษา ผู้ให้การรักษาจะทำโดยการนำเลือดจากร่างกายของเรามาปั่น ให้เลือดผ่านการแยกชั้นออกเป็น เกล็ดเลือด และน้ำ ส่วนที่จะถูกฉีดกลับเข้าสู่ผิวหน้าก็คือเกล็ดเลือด ที่เรียกว่า PRP (Platelet-Rich Plasma)

ขั้นตอนการฉีดที่พบในตอนนี้มีอยู่ 2 แบบ ตั้งแต่การทำให้เกล็ดเลือดมีความหนืดพอที่จะฉีดเข้าสู่ร่องผิว ซึ่งจะรู้สึกได้ในช่วงแรกๆ เท่านั้น แต่ภายใน 1 สัปดาห์ผิวก็จะกลับสู่สภาพเดิม จนผู้รักษาอาจเข้าใจว่าจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง จึงกลับไปฉีดซ้ำอยู่เรื่อยๆ ตามแต่คำแนะนำของคอร์สที่ซื้อ ขณะที่อีกแบบหนึ่ง ผู้รักษาก็จะอ้างว่า เพิ่มการรักษาที่เข้มข้นขึ้นไปอีก โดยนำเกล็ดเลือดที่เจือจางกว่าแบบแรกฉีดลงไปในหลายๆ จุดของใบหน้าไปจนถึงลำคอ โดยอ้างว่าเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผลที่ตามมาคือรอยจุด บวม ช้ำ หากผู้รักษาใช้เครื่องมือที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อทำความสะอาด ผลร้ายที่ตามมาคือการติดเชื้อ ผิวหนังบางคนที่ดีอยู่แล้ว อาจได้ของแถมที่เพิ่มจากความหย่อนคล้อย เกิดสิวหรือหนอง มีอาการผิวหนังอักเสบ นอกจากนี้ ในขบวนการเตรียมเลือด จะต้องมีการเจาะเลือด และมีการปั่น ดูด เอาส่วนที่ต้องการออกมาจากหลอดทดลอง ซึ่งทั้งหมดจะต้องใช้กระบวนการปลอดเชื้อ หลอดที่ใช้ในการปั่นอาจไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะในคลินิกบางแห่งที่ซื้อหลอดราคาถูกเพื่อลดต้นทุน อาจก่อให้เกิดปัญหาได้

ในทางทฤษฎีกล่าวว่า เกล็ดเลือดเมื่อได้รับการกระตุ้น จะมีการหลั่งสารบางอย่างออกมาที่มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์ต่างๆ ที่เรียกว่า growth factor พบว่าในหลอดทดลอง เมื่อเอา buffy coat มาหยอดในจานเพาะเลี้ยงเซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน จะทำให้เซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพันแบ่งตัวเร็วขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ดี การทดลองดังกล่าวพบว่าเลือดจากแต่ละคน มีคุณสมบัติต่างกัน คือจากบางคนสามารถกระตุ้นการแบ่งเซลล์ แต่จากบางคนไม่มีผลกระตุ้นเลย

นอกจากนั้น ปริมาณของ PRP ที่ใช้ก็มีผล คือทดลองใส่ปริมาณร้อยละ 5 หรือ 20 ในน้ำเพาะเลี้ยงเซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน พบว่าหากใช้ปริมาณสูงเกินไป จะยับยั้งการแบ่งเซลล์ได้ ปัจจุบันยังไม่เคยมีการตีพิมพ์รับรองการใช้ PRP ในการรักษารอยเหี่ยวย่นที่ผิวหนังในวารสารที่เชื่อถือได้

ในทางการแพทย์ การทำ PRP จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการเกล็ดเลือดต่ำ มีอาการเสียเลือดมาก หรือในบางครั้งวงการแพทย์ทางการกีฬา ก็อาจจะทำกาารเจาะเลือดนักกีฬาเพื่อนำไปปั่นแยกแล้วพักเก็บไว้ ก่อนจะฉีดเม็ดเลือดแดงที่มีปริมาณออกซิเจนเพิ่มมากขึ้นกลับเข้าสู่ร่างกาย เพื่อให้ร่างกายมีประสิทธิภาพพร้อมก่อนลงทำการแข่งขัน โดยจุดนี้อาจทำให้สถาบันความงามหัวใสใช้เป็นจุดขายว่าจะช่วยทำให้สร้างเซลส์ใหม่ที่เปล่งปลั่งขึ้นหากฉีดเข้าสู่ผิวหน้า

ในสว่นของสมาคมแพทย์ผิวหนัง, แพทยสภา, ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย, และแม้กระทั่งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารสุข ก็ไม่มีการยืนยันด้วยว่าเป็นวิธีการรักษาที่ผ่านการรับรอง และอยู่ในระหว่างดำเนินการแจ้งให้สถานบริการเสริมความงามที่เปิดคอร์สโกรทแฟกเตอร์ เธอราปี (Growth Factor Therapy) ระงับการบริการเมนูความงามนี้

เป็นอุบัติแห่งความงามที่ยังต้องรอข้อสรุป....แม้วิธีการหลีกเลี่ยงและเปิดรับข้อเท็จจริง ยังเป็นข้อแรกที่คนอยากสวยต้องหัดเตือนตัวเองก่อนจะห่วงดูแลแต่รูปกายภายนอกจนขาดสติ

ไม่มีความคิดเห็น: