ถ้าให้แต่ละคนนิยามความหมายของคำว่า "รัก" เชื่อว่าเราคงจะได้ยินได้ฟังนัยแห่งรักมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีประสบการณ์รักเช่นไร...
อย่างไรก็ดี เมื่อพูดถึงความรัก.. คนโดยทั่วไปมักจะคิดถึงแต่ความรักของหนุ่มสาวเสียเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นรักในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่เต็มไปด้วยพลกำลัง ความรู้สึกนึกคิด ความวาดหวัง และความมุ่งมั่นในอนาคตอันสดใส .. ขณะเดียวกันหากผิดหวังหรือพลาดรัก ก็มักจะมีผลรุนแรงต่อชีวิตอย่างคาดไม่ถึง ทั้งๆที่ชีวิตของคนเราตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่มิได้มีเพียงความรักฉันท์หนุ่มสาวเท่านั้นที่หล่อเลี้ยงใจเรามา.. หากแต่ยังประกอบด้วยความรักอีกหลากหลายรูปแบบที่ฟูมฟักความรู้สึกนึกคิด และหล่อหลอมให้แต่ละคนเติบโตเป็นคนที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ
ความรักอื่นๆที่ว่านี้ มีอะไรบ้าง ขอยกเป็นตัวอย่างให้ทราบดังต่อไปนี้ ...
-รักของพ่อแม่
โดยเฉพาะ "รักของแม่" นั้น นับได้ว่าเป็น "รักแรก" ของลูกๆทุกคน เป็นรักแท้ที่บริสุทธิ์ เป็นรักที่มีเงื่อนไขเพียงให้ลูกมีความสุข และได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต.. แม้พ่อและแม่จะต้องเสียกำลังกาย กำลังใจ หรือกำลังทรัพย์ไปมากมายเพียงใด ทุกคนก็ยินดีสละได้เพื่อลูก
รักของพ่อแม่เป็นรักที่พร้อมอภัย ไม่ว่าเราจะเติบใหญ่สักแค่ไหน แต่ในสายตาท่านเราก็ยังเป็น "ลูกน้อย" ของพ่อแม่อยู่เสมอ และหากแม้นในโลกนี้ จะไม่มีใครรักเราอีกแล้ว แต่พ่อแม่ก็ยังรักเราตราบจนลมหายใจสุดท้าย ...
-รักของครูบาอาจารย์
เป็นรักที่หวังให้ศิษย์เติบโตมีวิชาความรู้ เป็นคนดีของบ้านเมือง เป็นรักที่ต้องทุ่มเท เสียสละไม่น้อยกว่าพ่อแม่ และเป็นสถาบันที่สองที่เราเกือบทุกคนต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยเป็นระยะเวลานานพอควร ... ดังนั้น หากไม่มีความรัก ความเอาใจใส่ของครูอาจารย์ต่อศิษย์แล้ว ประเทศชาติก็ยากจะมีพลเมืองที่ดีมีคุณภาพได้
-รักของพี่น้อง
จะเป็นความรัก ความห่วงใย และการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน แม้หลายครอบครัวจะมีการทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่โดยทั่วไปแล้ว พี่น้องจะช่วยให้เรามีความอบอุ่น มีเพื่อนร่วมทำกิจกรรมต่างๆทำให้ไม่เหงา และยังเป็นที่ปรึกษาปัญหาให้เรานอกเหนือไปจากพ่อแม่และเพื่อนสนิทได้ และหากมีเรื่องเดือดร้อน พี่น้องก็สามารถเป็นที่พึ่งได้ในอันดับต้นๆ
-รักของเพื่อน
เป็นอีกรักหนึ่งที่ทุกวัยต้องการ และต้องมี.. มิฉะนั้นแล้ว ชีวิตก็อาจจะอับเฉา โดดเดี่ยว แห้งแล้ง เพราะไม่มีเพื่อนมาร่วมทุกข์ร่วมสุขในโอกาสต่างๆ เพื่อนจึงเป็นคนสำคัญอีกคนในชีวิตไม่น้อยไปกว่าคู่รัก บางคนขาดคู่รักได้ แต่ไม่อาจจะขาดเพื่อนได้ และความรักของเพื่อนยังสามารถเกื้อกูลให้เราเจริญก้าวหน้าในการเรียน การทำงาน และการดำรงชีวิตได้ด้วย
-รักของศาสดา
เป็นรักที่กว้างใหญ่ไพศาล ไม่มีขอบเขตจำกัด เป็นรักที่มีแต่ความปรารถนาดี ต้องการให้มนุษย์พ้นจากความทุกข์ ให้มีความสุข และรู้จักเมตตาต่อกัน รวมถึงสอนให้เผื่อแผ่ความรักไปยังสรรพสัตว์ร่วมโลกด้วย นอกจาก 5 รูปแบบความรักข้างต้น อันเป็นความรักจากใจถึงใจ ที่ผู้อื่นมีต่อเรา และเรามีต่อผู้อื่นแล้ว... ยังมีความรักที่ยิ่งใหญ่ และทรงคุณค่าอย่างหาที่เปรียบมิได้อีก คือ ...
-รักชาติ
เป็นความรักที่แสดงถึงพลังแห่งความสมัครสมานสามัคคีของคนที่มีเชื้อสาย เผ่าพันธุ์ หรือในอาศัยอยู่ในแผ่นดินเดียวกัน เป็นสิ่งช่วยธำรงรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรม หรือวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์หรืออัตลักษณ์ของแต่ละกลุ่มคนให้ดำรงอยู่ ทำให้เกิดความกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเกิดความภาคภูมิใจที่ตนเป็นส่วนหนึ่งของชาตินั้นๆ แต่ข้อสำคัญคือ อย่าให้ความรักชาติ กลายเป็นความหลงชาติ จนทำร้ายชาติอื่นโดยขาดสติ
-รักพระมหากษัตริย์
สำหรับประชาชนคนไทย นอกจากชาติแล้ว เรายังมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์ที่สถิตย์ ณ กลางหัวใจของคนไทยทุกคน ด้วยต่างก็ซาบซึ้งในพระปรีชาสามารถและพระมหากรุณาธิคุณอันเปี่ยมล้นอย่างหาที่สุดมิได้ ดังปรากฏชัดว่า "ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" ตลอดมา จนยากจะหากษัตริย์ใดในโลกเสมอเหมือน และสำหรับ "รักของหนุ่มสาว " ที่เป็นพลังขับเคลื่อนโลกที่สำคัญ แม้จะเป็น "รักจากใจ" อีกรูปแบบหนึ่ง แต่ก็ยังแบ่งได้อีกหลายระดับตามความเข้มข้นแห่งรัก เช่น...
- รักแท้
เป็นรักจริงใจ ที่ต่างก็หวังจะใช้ชีวิตและครองคู่ร่วมกันตลอดไป โดยมีความรักและความเห็นอกเห็นใจกันเป็นพื้นฐาน และมีความหวังดีต่อกันตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม รักแท้บางคู่ก็ไม่มีโอกาสอยู่ร่วมกัน ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ จนต้องกลายมาเป็น "รักแฝงเร้น" หรือ "รักฝังใจ" ที่ลืมไม่ได้ ซึ่งจะต้องระมัดระวัง อย่าให้รักแท้นี้ไปทำร้ายจิตใจผู้อื่น
- รักสามเส้า
คือ ความรักที่ชาย 2 คนรักหญิงคนเดียวกัน หรือหญิง 2 คนรักชายคนเดียวกัน... ซึ่งรักนี้ส่วนใหญ่เป็นรักที่หนุ่มสาวมิพึงปรารถนา เพราะมักจะเป็นรักไม่สมหวัง และก่อให้เกิดคดีอย่างที่เห็นเป็นข่าวอยู่เสมอๆ
- รักคุด
คือรักที่ไม่สมปรารถนาอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะหญิงหรือชายอีกฝ่ายไม่รักตอบ ทำให้ต้องเจ็บช้ำระกำใจ จนหลายคนคิดสั้น หรือไปทำลายล้างชีวิตอีกฝ่ายเพื่อแก้แค้น ฯลฯ
กล่าวกันว่า คนที่ขาดความรัก แม้จะไม่ตายเหมือนการขาดอาหารหรืออากาศ แต่ก็จะมีลักษณะแคระแกรนทางอารมณ์และจิตใจ เกิดอาการโหยหา หดหู่ และเหี่ยวแห้ง บางคนกลายเป็นคนอิจฉา ก้าวร้าว หรือซึมเศร้าไปเลยก็มี ...
ดังนั้น ความรักจึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้โลกงดงาม แจ่มใส และช่วยสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามมากมาย อย่างไรก็ดี ความรักดังกล่าวจะต้องอยู่บนพื้นฐานของความไม่เห็นแก่ตัว และมีเมตตาต่อคนอื่นด้วย มิฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็น "ความรัก" แบบใด ก็สามารถกลายเป็น "อาวุธ" ประหัตประหารได้ทั้งตนเองและผู้อื่น...
*****บทความโดย: อมรรัตน์ เทพกำปนาท กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น