9 พ.ย. 2550

เผยโฉม 40 อันดับอภิมหาเศรษฐีของเมืองไทยป­ระจำปี 2550

นิตยสารฟอร์ปส์เผยแพร่ผลการจัดอันดับอภิมหาเศรษฐีไทย 40 อันดับแรกประจำปีนี้ ซึ่งเป็นการจัดอันดับเป็นปีที่ 2 โดยเจ้าพ่อกระทิงแดงรวยที่สุด ขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ทรัพย์สินหดหายตกไปอยู่อันดับที่ 14

ฟอร์บส์ระบุว่า การจัดอันดับในปีนี้ตรงพอดีกับวาระครบรอบ 10 ปีของวิกฤติเศรษฐกิจในเอเชียครั้งใหญ่ หรือ "ครบรอบ 10 ปีโรคต้มยำกุ้ง" ซึ่งเริ่มขึ้นตอนไทยลอยตัวค่าเงินบาทตามสถานการณ์ ไม่ผูกติดกับค่าเงินดอลลาร์อีกต่อไป เมื่อ 2 กรกฎาคม 2540 ซึ่งสร้างคำศัพท์ใหม่ๆในไทยขึ้นหลายคำ รวมทั้งคำว่า "คนเคยรวย"

ฟอร์บส์ บอกว่า ก่อนเกิด "โรคต้มยำกุ้ง" ไทยมีอภิมหาเศรษฐีระดับพันล้าน (เหรียญ) 10 คน แต่ในปีนี้ ลดเหลือแค่ 3 คน โดยคนหนึ่งที่ตกอันดับคือ อดีตนายกทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งปีนี้อยู่ในอันดับ 14 ขณะที่ความไม่แน่นอนทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจของไทย ไม่ได้ส่งผลดีต่อบรรดาอภิมหารวยของเมืองไทย ทำให้ปีนี้ พวกเขามีสินทรัพย์รวมกัน 19,000 ล้านเหรียญ ลดลงจาก 20,000 ล้านเหรียญของเมื่อปีที่แล้ว ทั้งที่ตลาดหุ้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 16 % และค่าเงินบาทก็แข็งค่าขึ้น 12% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ

แต่ถ้าดูทีละคน อภิมหารวยของไทย คนที่อยู่อันดับล่างสุดคืออันดับที่ 40 ในปีนี้ รวยขึ้นกว่าเดิม เพราะคนสุดท้ายของปีนี้ มีสินทรัพย์ 109 ล้านเหรียญ ขณะที่คนสุดท้ายของปีที่แล้ว มีสินทรัพย์แค่ 50 ล้านเหรียญ

ฟอร์บส์ ระบุด้วยว่า คนไทยรวยสุด 2 คนแรกของปีนี้ ต่างไม่ได้คาบช้อนทองมาเกิด แต่ต่อสู้ด้วยลำแข้งจนรวยขึ้นมาจากการจับธุรกิจด้านเครื่องดื่มทั้งคู่ และ 2 คนนี้เป็นข้อยกเว้นที่หาได้ยาก สำหรับอภิมหาเศรษฐีในเมืองไทย ซึ่งส่วนใหญ่มักมาจากตระกูลใหญ่ๆที่รวยกันทั้งตระกูล และมากด้วยอิทธิพล

คนรวยสุดอันดับ 1 ของไทยคือ "เจ้าพ่อกระทิงแดง" คุณเฉลียว อยู่วิทยา วัย 75 ปี เจ้าของสินทรัพย์ 3,500 ล้านเหรียญ ผู้ซึ่งฟอร์บส์บรรยายว่า เป็นคนขี้อายไม่ชอบให้สื่อสัมภาษณ์ ทุกวันนี้วางมือจากธุรกิจแล้ว แต่ยังถือหุ้น 49%ในธุรกิจเครื่องดื่มบำรุงกำลัง"กระทิงแดง" หรือ Red Bull ที่คุณเฉลียวร่วมก่อตั้งขึ้น ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว มียอดขายเพิ่มขึ้น 23 %

คนรวยอันดับ 2 เป็น "เจ้าพ่อเบียร์ช้าง" ชื่อ เจริญ ศิริวัฒนะภักดี วัย 63 ปี ผู้มีสินทรัพย์ 3,300 ล้านเหรียญ สำหรับคนนี้ ฟอร์บส์ ระบุว่า เป็นลูกพ่อค้าที่ขายของตามถนน แต่ตัวเองร่ำรวยขึ้นมาจากเครื่องดื่มมึนเมา เบียร์ช้างมียอดขายดีสุดในไทย และคุณเจริญนำเบียร์ช้างไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ที่สิงคโปร์เมื่อปีที่แล้ว หลังถูกประท้วงในไทย มีรายงานด้วยว่า กำลังคิดจะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ในไทยอีกครั้ง และได้เริ่มส่งเบียร์ช้างไปสหรัฐฯเมื่อพฤษภาคมด้วย
ฟอร์บส์ บอกว่า 2 คนนี้เป็นข้อยกเว้นที่หาได้ยากในหมู่คนมหารวยของไทย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นแบบ

คนรวยอันดับ 3 คือเจ้าสัวแห่งเครือ"เจริญโภคภัณฑ์" หรือซีพี กรุ๊ป เจ้าแห่งผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป คุณ ธนินท์ เจียรวนนท์ วัย 68 ปี ผู้มีสินทรัพย์ระดับพันล้านเหรียญคนที่ 3 และเป็นคนสุดท้ายของไทยในปีนี้ คือ 2,800 ล้านเหรียญ
เจ้าสัวคนนี้เป็นคนแรกใน 40 อันดับของไทย ที่เป็นไปตามสเปคคนรวยสุดๆของไทย ที่ฟอร์บส์ บอกว่า มาจากตระกูลคนรวยขนาดใหญ่ๆที่มีอิทธิพลในไทยกันทั้งตระกูล เขาจึงใช้ชื่อในการจัดอันดับว่า ธนินท์ เจียรวนนท์ กับครอบครัว ....

ฟอร์บส์ บอกด้วยว่า เมื่อปีที่แล้ว ได้ใช้วิธีจัดอันดับในไทย โดยรวมแต่ละตระกูลเป็นอันดับเดียว แต่ปีนี้พยายามแยกมากขึ้น โดยแยกแต่ละคน หรือรวมเฉพาะครอบครัวในระดับเฉพาะพ่อแม่ลูก ทำให้ในปีนี้ มีคนตระกูลจิราธิวัฒน์ รวมอยู่ถึง 5 อันดับ อันดับดีสุดคือ อันดับ 13 คุณวนิดา จิราธิวัฒน์ กับครอบครัว ซึ่งมีสินทรัพย์ 310 ล้านเหรียญ คุณวนิดาวัย 79 ปี เป็นภรรยาม่ายของคุณสัมฤทธ์ ลูกชายคนโตของคุณเตียง ผู้ก่อตั้งเครือเซ็นทรัล

ฟอร์บส์ บอกด้วยว่า การจัดอันดับอภิมหาเศรษฐีไทย น่าปวดหัวเป็นพิเศษ เพราะหลายคนยกมรดกให้ลูกๆ ตั้งแต่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพื่อเลี่ยงภาษี Forbes เลยยึดหลักว่า ถ้าพ่อหรือแม่ยังอยู่เป็นหัวเรือใหญ่คุมธุรกิจอยู่ ก็จะจัดอันดับโดยใช้ชื่อพ่อหรือแม่ เช่นกรณีของ คนรวยอันดับ 4 ที่ ฟอร์บส์ใช้ว่า คุณวิชัย มาลีนนท์ กับครอบครัว

คุณวิชัยวัย 86 ปีมีสินทรัพย์ 760 ล้านเหรียญ เป็นเจ้าของกลุ่มบริษัท BEC World ที่ก่อตั้งขึ้นเองเมื่อ 37 ปีก่อน มีบริษัทในเครือมากมายที่ส่วนใหญ่เป็นสื่อมวลชน รวมทั้งไทยทีวีสีช่อง 3 ในบรรดาลูก 7 คน มี 6 คนทำงานในเครือ รวมทั้งรองประธาน BEC World คือ คุณประสาน ส่วนลูกชายอีกคือคุณประชา เคยเป็นรัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬาในรัฐบาลของคุณทักษิณ

อันดับ 5 เป็นผู้หญิงวัย 56 ปี ชื่อคุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ กับครอบครัว มีสินทรัพย์ 640 ล้านเหรียญ เธอเป็นประธานเครือข่ายบริษัทชิ้นส่วนรถยนต์ Thai Summit โดยเข้าคุมกิจการในปี 2549 หลังสามีถึงแก่กรรม

อันดับ 6 คืออดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ชื่อคุณประยุทธ มหากิจสิริ วัย 62 ปี กับครอบครัว มีสินทรัพย์ 525 ล้านเหรียญ เป็นผู้กำกับดูแลบริษัทโฮลดิ้งส์ของครอบครัว รวมทั้งบริษัทผลิตสเตนเลส สตีล ชื่อ Thainox กับบริษัทกาแฟสำเร็จรูปที่ร่วมทุนกับ Nestle ของสวิส คุณประยุทธโอนหุ้นให้ภริยาคือ คุณสุวิมล รองประธาน Thainox แถม Forbes ระบุด้วยว่า คุณประยุทธมีลูกชายเป็นนายแบบและพระเอกละครทีวีไทย ชื่อ เฉลิมชัย มหากิจสิริ หรือคุณ " กึ้ง" นั่นเอง

อันดับ 7 มีวัย 65ปี ชื่อ คุณสรรเสริญ จุฬางกูร กับครอบครัว มีสินทรัพย์ 480 ล้านเหรียญ เป็นเจ้าของบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ชื่อ Summit Group กับ Thai Steel Cable และเป็นพี่สามีคุณ สมพร คนรวยอันดับ 5

อันดับ 8 คือคุณ วาณิช ไชยวรรณ กับครอบครัว มีสินทรัพย์ 465 ล้านเหรียญ ซึ่งฟอร์บส์ระบุว่า ตอนอายุ 14 ปี คุณวาณิช ผู้ที่ตอนนี้มีวัย 75 ปี เคยขายบุหรี่อยู่ตามถนน ต่อมาก็ทำโรงงานน้ำแข็ง จนทศวรรษที่ 1960 ถึงซื้อกิจการบริษัทประกันภัย และในปี 1970 ได้ร่วมกับหุ้นส่วน ซื้อหุ้นใหญ่ในบริษัท Thai Life Insurance ปัจจุบัน คุณวาณิชยังเป็นประธานกรรมการ มีหุ้นส่วนชื่อ วิลเลี่ยม ไฮเนเก คนรวยอันดับ 10 ของไทย

อันดับ 9 คือ ศศิธร รัตนรักษ์ กับครอบครัว ฟอร์บส์ไม่ทราบอายุของคุณศศิธร ระบุแต่สินทรัพย์ 450 ล้านเหรียญ และบอกว่าเป็นภรรยาม่ายของคุณชวน รัตนรักษ์ ผู้ก่อตั้งธนาคารกรุงศรีอยุธยา กับ Siam City Cement และว่าเมื่อเร็วๆนี้ ลูกชายคือคุณกฤษณ์ เพิ่งบรรลุข้อตกลงกับ GE Money เรื่องขายหุ้น 25 % ในธนาคารกรุงศรีฯ และลงจากตำแหน่งประธานกรรมการ

อันดับ 10 เป็นหนุ่มอเมริกันที่เปลี่ยนมาถือสัญชาติไทยตั้งแต่ปี 2535 ชื่อ ไฮเนเก้ อายุ 58 ปี มีสินทรัพย์ 395 ล้านเหรียญ มาอยู่ไทยตั้งแต่เด็ก และก่อตั้ง Minor Corp ตั้งแต่อายุยังไม่ 18 ปี ปัจจุบัน คุณคนนี้คุม Minor International ซึ่งบริหารภัตตาคาร 600 แห่ง กับโรงแรม 15 แห่ง รวมทั้ง Four Seasons กับ Mariott และเขียนหนังสือเกี่ยวกับผู้บริหารธุรกิจด้วย

อันดับ 11 คือเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์"แลนด์ แอนด์ เฮาส์" คุณอนันต์ อัศวโภคิน อายุ 58 ปี มีสินทรัพย์ 365 ล้านเหรียญ และเป็นนายทุนใหญ่ของพรรคไทยรักไทย และอันดับที่ 12 ซึ่งอายุน้อยที่สุด คุณนิชิตา ชาห์ สาวโสดวัยแค่ 27 ปี แต่มีสินทรัพย์ 350 ล้านเหรียญ ครอบครัวอพยพจากอินเดียมาพม่าและไทยตามลำดับ ปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด และเป็น ผอ.ของ Precious Shipping บริษัทขนส่งเคมีภัณฑ์ชนิดไม่เป็นอันตราย ( Dry Bulk Shipping ) ใหญ่สุดของไทย ซึ่งคุณพ่อก่อตั้ง ธุรกิจกำลังบูมมาก โดยช่วงสามปีนี้ กำไรเพิ่มเป็นเท่าตัว

ปิดท้ายด้วยอันดับ 14 นั้น คือคุณทักษิณ ชินวัตร วัย 57 ปี ซึ่ง Forbes ระบุว่ามีสินทรัพย์ 300 ล้านเหรียญและให้คำอธิบายประวัติสั้นๆว่า" อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้กลายเป็นอดีตอภิมหาเศรษฐีพันล้านเหรียญด้วย ( Former Prime Minister is now also a Former Billionaire)
อันดับ

ชื่อ
มูลค่าทรัพย์สิน$BIL
อายุ
1
เฉลียว อยู่วิทยา
3.50
75
2
เจริญ ศิริวัฒนภักดี
3.30
63
3
ธนิน เจียรวนนท์ และครอบครัว
2.80
68
4
วิชัย มาลีนนนท์ และครอบครัว
0.76
86
5
สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และครอบครัว
0.64
56
6
ประยุทธ มหากิจศิริ และครอบครัว
0.53
62
7
สรรเสริญ จุฬางกรู และครอบครัว
0.48
65
8
วณิช ไชยวรรณ และครอบครัว
0.47
75
9
ศศิธร รัตนรักษ์ และครอบครัว
0.45
NA
10
วิลเลียม ไฮเนเก
0.40
58
11
อนันต์ อัศวโภคิน
0.37
58
12
นิชิตา ชาห์
0.35
27
13
วนิดา จิราธิวัฒน์ และครอบครัว
0.31
79
14
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
0.30
57
15
คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล
0.28
76
16
ทองมา วิจิตรพงษ์พันธุ์
0.25
50
17
ประเสริฐ ปราสาททองโอสถ
0.24
73
18
นิธิ โอสถานุเคราะห์
0.22
34
19
ยิ่งลักษณ์ วัชรพล
0.22
NA
20
ศราวุธ วัชรพล
0.21
NA
21
วิชัย รักศรีอักษร
0.21
49
22
วิชา พูลวรลักษณ์
0.20
43
23
บุญชัย เบญจรงคกุล
0.20
53
24
สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ และครอบครัว
0.18
77
25
วันชัย จิราธิวัฒน์ และครอบครัว
0.18
80
26
เปรมชัย กรรณสูต
0.17
53
27
วิกรม กรมดิษฐ์
0.17
54
28
อเนก สิทธิประศาสตร์
0.17
78
29
จำนง ภิรมย์ภักดี และครอบครัว
0.16
NA
30
วิทย์ วิริยะประไพกิจ และครอบครัว
0.16
73
31
ไกรสร ชาญศิริ และครอบครัว
0.16
72
32
สุรางค์ เปรมปรีดิ์
0.15
65
33
เฉลิม อยู่วิทยา
0.15
59
34
นิจพร จรณะจิตต์
0.15
56
35
พรดี ลี้-อิศรนุกูล และครอบครัว
0.14
71
36
สุทธิชัย จิราธิวัฒน์
0.14
NA
37
สุทธิเกียรติ์ จิราธิวัฒน์
0.14
65
38
นันทา ชินธรรมมิตร์ และครอบครัว
0.11
87
39
สุจิตรา มงคลกิตติ
0.11
73
40
กมล ว่องกุศลกิจ
0.11
NA

ไม่มีความคิดเห็น: