15 พ.ย. 2550

10 สิ่งประดิษฐ์ที่ขาดไม่ได้

ในรอบหนึ่งพันปีที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ธรรมดาสามัญทั่วไปมากที่สุด 10 สิ่งประดิษฐ์ที่ขาดไม่ได้ ดังต่อไปนี้

(10) แถบยึดติด นอกเหนือไปจากเทปยึดติด ( Adhesive Tape ) แล้ว สิ่งประดิษฐ์ที่ ใช้งานในลักษณะคล้ายกับเทปยึดติด แต่ใช้งานในลักษณะต่างกันตรงที่ประกอบด้วยส่วน เป็นแถบสองหน้า โดยที่อาจเป็นสองหน้าของวัตถุชิ้นเดียวกัน หรือเป็นสองหน้าของ แถบสองชิ้น ที่ต้องใช้ประกบกัน หน้าหนึ่งมีส่วนคล้ายเป็นตะขอเล็กๆ เต็มหน้า อีก หน้าหนึ่งมีลักษณะหยาบคล้ายเต็มไปด้วยขน แต่จริงๆ แล้วประกอบด้วยส่วนเป็นห่วง หรือบ่วงเล็กๆ เมื่อจัดแถบสองแถบนี้ประกบกัน ก็จะยึดติดกันคล้ายถูกยึดด้วยกาว นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางในปัจจุบันกับชุดเสื้อผ้าบางแบบที่ไม่ต้องการใช้กระดุ­ม เสื้อหรือซิป และสิ่งของเครื่องใช้อื่นๆ ดังเช่น กระเป๋า ถุงบรรจุสิ่งของ ฯลฯ

(9) คลิปหนีบกระดาษ งานเอกสารหลากหลายประเภท จะยุ่งยากแค่ไหน ในการเก็บให้เป็น ระเบียบ ให้ใช้ และค้นหาได้ง่าย ถ้าไม่มีคลิปหนีบกระดาษ ( Paperclip ) โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง คลิปหนีบกระดาษโลหะขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นเส้นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว มี ส่วนเป็นปลายมนสองด้าน ประกบกันอยู่ คลิปหนีบกระดาษ เป็นผลงานการประดิษฐ์คิดค้น ของชาวนอร์เวย์ชื่อ โจฮาน วาเลอร์ ( Johan Vaaler ) แต่เนื่องจากประเทศนอร์เวย์ ไม่มีระบบการจดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ โจฮาน วาเลอร์ จึงขอจดสิทธิบัตรในประเทศ เยอรมนี เมื่อปี ค.ศ. 1899 ชาวนอร์เวย์ภูมิใจในสิ่งประดิษฐ์ของคนนอร์เวย์นี้มาก จนกระทั่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวนอร์เวย์จะติดคลิปหนีบกระดาษเป็น สัญลักษณ์แสดงความรักชาติ

(8) ทัปเปอร์แวร์ มีบ้านเรือนใดบ้างในโลก ที่ไม่มีภาชนะพลาสติกบรรจุ หรือเก็บ วัสดุนานาชนิด รูปร่างทั้งธรรมดา และแปลก มีสีสันและสวยงาม ที่รู้จักเรียกกัน ว่า " ทัปเปอร์แวร์ " ( Tupperware ) ทัปเปอร์แวร์เป็นสิ่งประดิษฐ์คิดค้นค่อน ข้างใหม่ เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1942 จากนักเคมีของบริษัทดูปองต์ ชื่อ เอิร์ล ทัป เปอร์ ( Earl Tupper ) ผู้นำเอาพลาสติกชนิดใหม่ของบริษัท คือ โพลีเอทีลีน แล้ว นำมาผลิตเป็นภาชนะบรรจุหลากสีมีรูปร่างลักษณะแล้วแต่จะออกแบบให้เหมาะกับวัตถุ ประสงค์ และความสวยงามชื่อของทัปเปอร์แวร์ก็มาจากชื่อของทัปเปอร์เองมีผู้ผลิต อื่นๆ ผลิตภาชนะบรรจุแบบเดียวกับทัปเปอร์แวร์ขึ้นมา และใช้ชื่ออื่น แต่ปรากฏว่า ชื่อ ทัปเปอร์แวร์ เป็นชื่อที่ติดตลาด สำหรับภาชนะพลาสติกชนิดนี้เสียแล้ว ถึง ทุกวันนี้

(7) ปากกาลูกลื่น "จะเขียนหนังสือให้สวย ต้องใช้ปากกาหมึกซึม แต่ถ้าจะเขียน หนังสือให้ได้เร็ว ก็ต้องใช้ปากกาลูกลื่น " ข้อความนี้เป็นจริงเมื่อปากกาลูก ลื่นเริ่มจะถูกนำออกเผยแพร่ให้ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่มายุคสมัยนี้ยกเว้นคนที่ ต้องใช้ปากกาพิเศษ สำหรับวาระพิเศษ เช่น ใช้ลงนามในสัญญา หรือ สนธิสัญญาที่มี ความสำคัญเป็นพิเศษเท่านั้น คนทั่วๆ ไปก็แทบจะไม่รู้จักปากกาหมึกซึมกันแล้ว เพราะได้รู้จัก และใช้ปากกาลูกลื่นมาเกือบตลอดชั่วชีวิตปากกาลูกลื่นเป็นผลงาน การประดิษฐ์ของ จอห์น เลาด์ ( John Loud ) ชาวอเมริกัน ในปี ค.ศ. 1888 แต่มิใช่ เพื่อการเขียนหนังสือ หากเพื่อใช้ทำเครื่องหมายบนแผ่นหนังเพื่อลงสี
ปากกาลูกลื่นได้รับการพัฒนาเรื่อยมา แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมใช้ ปัญหาคือ ปากกาลูก ลื่นเหล่านั้น ยังเขียนได้ไม่สม่ำเสมอ หมึกรั่วซึม และติดขัดเป็นประจำ ปากกาลูก ลื่นที่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ คือ หมึกแห้งเร็ว และไหลสะดวก เป็นผล งานการพัฒนา และจดสิทธิบัตรเอาไว้ในปี ค.ศ. 1938 ของสองพี่น้องชาวฮังการี ชื่อ ลาซโล บิโร ( Lazlo Riro ) และ จอร์ช บิโร ( Georer Biro ) ปากกาลูกลื่นเป็นที่ นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ในชื่อของปากกาบิก ( Bic ) ซึ่งเป็นผลงานการปรับปรุง โดย ชาวฝรั่งเศส มาร์เซล บิช ( Marcel Bich ) ข้อเด่นที่สุดของปากกาบิก คือ ราคาถูก

(6) ซิป ซิป ( Zipper ) เป็นสิ่งประดิษฐ์อีกชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์อย่าง อเนกประสงค์ และใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกในปัจจุบัน นักประดิษฐ์ชาวชิคาโกชื่อ วิทคอมบ์ จัดสัน ( Whitcom Judson ) เป็นผู้ประดิษฐ์ซิปชนิดแรกขึ้นมา และนำออก เผยแพร่เป็นครั้งแรกที่ Chicago Worlds Fair ปี ค.ศ. 1893 แต่ไม่ได้รับการต้อน รับจากผู้คนนัก คือ ขายได้น้อย เพราะซิปติดง่าย ทำงานไม่คล่องตัว สองทศวรรษต่อ มา กิเดียน ซุนด์แบกด์ ( Gideon Sundback ) วิศวกรชาวสวีเดน - อเมริกัน ได้ปรับ ปรุงซิปให้ใช้งานได้ดีขึ้น ทำให้ซิปได้รับความนิยมกว้างขวางขึ้น สำหรับชื่อ " Zipper " เป็นชื่อที่ตั้งโดย บี.เอฟ. กูดริช ( B.F. Goodrich ) ในปี ค.ศ. 1923 เป็นชื่อตั้งเลียนเสียงการเคลื่อนไหวขณะที่ซิปถูกรูดให้ทำงานเปิดหรือปิดซิป

(5) หลอดไฟฟ้า โลกปัจจุบันจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่มีหลอดไฟฟ้า โทมัส แอลวา เอดิสัน ( Thomas Alva Edison ) มิใช่คนแรกที่ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า แต่เขาเป็นคนสร้างหลอด ไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริงๆขึ้นมาสำเร็จ หลังการทดลองหาวัสดุที่จะใช้ทำไส้หลอดไฟฟ้า ให้คงทนอยู่นานประมาณ 1,600 ชนิด เขาก็ประสบความสำเร็จในปี ค.ศ. 1879 เมื่อเขา ทดลองใช้เส้นด้ายเย็บผ้าที่เผาอย่างระมัดระวังในเตาอบ จนกระทั่งมีสภาพเป็นเส้น คาร์บอน และหลอดไฟฟ้าใช้เส้นด้ายเผาของเขาก็ให้แสงสว่างอยู่ได้นานถึงสี่สิบ ชั่วโมง ในวันที่ 21 เดือนตุลาคม ค.ศ. 1879 หลอดไฟฟ้าปัจจุบันใช้ไส้ทังสเตน

(4) เทปยึดติด เทปยึดติด ( Adhesive Tape ) หรือเทปเหนียว หรือที่มักเรียกกัน เป็น สก๊อตเทป เป็นวัสดุที่เสมือนหนึ่ง ยึดอะไรต่ออะไรให้เข้าที่เข้าทางทั่วทุก หนแห่ง ทั้งสิ่งของเครื่องใช้และเรื่องของสุขภาพ เทปยึดติดเป็นผลงานการประดิษฐ์ คิดค้นเมื่อต้นทศวรรษปี 1920 โดย ดิกค์ ดรูว์ ( Dick Drew ) แห่งบริษัท 3 M

(3) นาฬิกาควอร์ตซ ควอร์ตซ เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่หาง่ายในธรรมชาติ มีสภาพเป็น ผลึกสารประกอบของซิลิกอน และออกซิเจน เรียกผลึกซิลิกา หรือซิลิกอนออกไซด์ เมื่อ ต้นทศวรรษ ปี 1920 ดับบลิว จี. แคดี ( W. G. Cady ) พบว่า ผลึกควอร์ตซ จะสั่น อย่างสม่ำเสมอ เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน วอร์เรน มาร์ริสัน ( Warren Marison ) แห่งเบลล์เทเลโฟน เป็นคนนำผลึกควอร์ตซ มาสร้างเป็นนาฬิกาข้อมือควอร์ตซเรือนแรก ที่รักษาเวลาได้อย่างแม่นยำ ในปี ค.ศ. 1967 หลังจากนั้น นาฬิกาควอร์ตซก็เข้าแทน ที่นาฬิกาใช้ลานเป็นกลไกการรักษาเวลามาถึงทุกวันนี้

(2) แบตเตอรี่แอลคาไลน์ แบตเตอรี่ชนิดก้อนที่ใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน เป็น ชนิดแบตเตอรี่แอลคาไลน์ (Alkaline Battery) เพราtใช้งานได้นานที่สุด และสะดวก อีกทั้งราคาไม่แพงนัก ใช้ได้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่าง และเสียง ดังเช่น เครื่องรับวิทยุขนาดเล็ก และอุปกรณ์เครื่องใช้อื่นๆ ที่ใช้ไฟฟ้าไม่มาก เฉพาในสหรัฐอเมริกาประเทศเดียว ทุกวันนี้ คนอเมริกันใช้เงินปีละ 1.3 พันล้าน ดอลลาร์ ซื้อแบตเตอรี่ชนิดแอลคาไลน์แบตเตอรี่ชนิดแห้งที่ใช้สำหรับงานทั่วไปชนิด แรก เริ่มปรากฏมีขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 ต่อมาอีกไม่กี่ทศวรรษ แบตเตอรี่ชนิด คาร์บอน - สังกะสี ก็ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาใช้ และเป็นที่นิยมแพร่หลาย จนกระทั่งถึง ปี ค.ศ. 1959 ลูว์ เออร์รี ( Lew Urry ) แห่งบริษัทยักษ์ใหญ่ของวงการแบตเตอรี่ เป็นก้อน ก็พัฒนาแบตเตอรี่แบบแอลคาไลน์ขึ้นมาสำเร็จ และทำให้ชีวิตของคนทั่วโลก สะดวก สบาย และมีความสุขกันมากขึ้น

(1) เลนส์แว่นตา แว่นสายตาช่วยคนสายตาสั้น - สายตายาว - สายตาเอียง สำคัญแค่ไหน ก็ลองนึกภาพดูก็แล้วกันว่า ถ้าเกิดแว่นสายตาที่มีอยู่ในโลกปัจจุบันทั้งหมด สลาย ตัวหายไปหมดพร้อมๆ กัน ด้วยอำนาจพลังพิเศษใดๆ ก็ตาม แล้วคนทั้งโลกจะเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้ประดิษฐ์แว่นสายตาขึ้นมา ? มีหลักฐานบันทึกไว้ว่า โรเจอร์ เบคอน ( Roger Bacon ) นักวิทยาศาสตร์ และพระชาวอังกฤษ ได้กล่าวในปี ค.ศ. 1268 ถึง ประโยชน์ของการใช้เลนส์สร้างจากแก้วใสเป็นแว่นขยายส่องตัวหนังสือเล็กๆ บนหน้า กระดาษให้คนมีปัญหาทางสายตาอ่านได้ แต่การประดิษฐ์แว่นสายตาน่าจะได้เกิดขึ้นมา ก่อนแล้วในประเทศจีน เพราะมาร์โค โปโล ( Marco Polo ) ได้รายงานในปี ค.ศ. 1275 ว่า ได้เห็นคนจีนในประเทศจีนใช้แว่นขยายทำด้วยเลนส์ช่วยการอ่านหนังสือ โดยที่ แว่นขยายนั้น มีสายห้อยแขวนติดกับหูแว่นสายตาประเภทไบโฟคอล ( Bifocal ) สำหรับ การมองไกล และใกล้ ถูกประดิษฐ์ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1784 สำหรับเบนจามิน แฟรงคลิน และคอนแทคเลนส์ถูกประดิษฐ์ขึ้นในปี ค.ศ. 1887

ไม่มีความคิดเห็น: