13 พ.ย. 2550

วิธีการทดสอบน้ำผึ้งแท้หรือปลอม

นำผึ้ง เป็นน้ำหวานที่ได้มาจากธรรมชาติ ที่เกิดจากการผลิตของแมลงที่เรียกว่า " ผึ้ง" น้ำผึ้งมีหลายชิด ทั้งน้ำผึ้งป่า คือ น้ำผึ้งที่ได้มาจากรังของผึ้ง ป่า และน้ำผึ้งเลี้ยง คือ น้ำผึ้งที่ได้จาก ผึ้งที่คนเลี้ยงตามบ้าน หรือตาม ฟาร์มเลี้ยงผึ้ง หลาย ๆ ท่านคง ได้ชิมลิ้มรศกับน้ำผึ้งที่หวานฉ่ำกันมาแล้ว แต่ ทราบมั้ยล่ะครับว่า น้ำผึ้งที่เรา ๆ ท่าน ๆ ได้มา จากการเดินตลาด ไปหาซื้อ มี คนเอามาแจกเป็นของขวัญ ในวันสำคัญบ้าง ก็แล้วแต่คุณ ๆ ท่าน ๆ จะได้มา ทราบมั้ย ล่ะครับว่า น้ำผึ้งที่ได้มา เราจะสังเกตหรือรู้ได้อย่างล่ะครับว่าเป็นของแท้ หรือของเทียม คำถามนี้เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงทราบ และหลาย ๆ ท่านคงยังไม่ทราบ ว่าเค้ามีวิธีการทดสอบอย่างไร ผู้เขียนเองจึงหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ มา ให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบ และสามารถนำไปปฏิบัติได้เมื่อถึงคราวจำเป็นจะได้นำไป ปฏิบัติได้อย่างถูกต้องครับ


ผลจากการศึกษาและค้นคว้าวิจัยของ อาจารย์หทัยพร ศิรินามารัตนะ ภาควิชาเภสัชเวท คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ให้ความรู้ว่าการทดสอบน้ำผึ้งว่าเป็นของแท้ หรือไม่ ถ้าจะให้ถูกต้องแม่นยำ ต้องใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ทดสอบปริมาณกลูโคส ไม่มีวิธีการทดสอบง่ายๆ อย่างที่เข้าใจ อย่างไรก็ตาม มีหลักเกณฑ์วิธีที่พอจะใช้ ได้สำหรับดูหรือสังเกตน้ำผึ้งแท้และดีได้ ดังนี้

1.น้ำผึ้งควรมีกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ระบุไว้บนฉลากข้างขวดน้ำผึ้ง เช่น น้ำผึ้ง ลำไยก็ควรมีกลิ่นของลำไย เป็นต้น
2.น้ำผึ้งต้องมีความหนืด แม้ในอากาศร้อนหรืออุณหภูมิห้อง
3.น้ำผึ้งต้องมีสีอ่อนตามธรรมชาติที่ได้เก็บเกี่ยวมา ถ้ามีสีเข้มมากจนดำแสดงว่า เป็นน้ำผึ้งที่เก็บมานานแล้ว ซึ่งน้ำผึ้งที่เก็บมานานคุณประโยชน์ก็จะลดลง เรื่อยๆ ดังนั้นควรดูวันหมดอายุที่ข้างขวด แต่ทั้งนี้เป็นข้อมูลที่ไม่เที่ยงตรง นัก เพราะน้ำผึ้งอาจถูกเก็บไว้นานเป็นปีก่อนนำมาขาย
4.น้ำผึ้งต้องไม่แยกชั้น ต้องอยู่เป็นเนื้อเดียวกัน แม้ในบางครั้งอาจพบน้ำผึ้ง เกิดการตกผลึกเนื่องจากเป็นน้ำผึ้งที่ได้มาจากการเลี้ยงด้วยดอกไม้ต่างชนิดกัน แต่น้ำผึ้งแท้ที่ตกผลึกจะมีผลึกเป็นแท่งเหลี่ยมแหลมเปราะบาง และถ้าตกผลึกทั้ง ขวดจะมองเห็นสีผลึกเป็นสีเดียวกันทั้งขวด ไม่เป็นสีเข้มปนสีอ่อนตกผลึกอยู่ที่ ก้นขวด เหนือผลึกขึ้นมาเป็นของเหลวและสีของเหลวนั้นมีสีเข้มกว่าผลึกอย่างเห็น ได้ชัด เรียกลักษณะนี้ว่าน้ำผึ้งตกตะกอน โดยทดสอบน้ำผึ้งที่ตกตะกอนได้โดยนำไป แช่ตู้เย็นจะเห็นได้ชัดเจนและรวดเร็วขึ้น
5.น้ำผึ้งต้องสะอาด ไม่มีสิ่งเจือปน ถ้ามีแสดงว่าวิธีการเก็บเกี่ยวไม่ดี

ถ้าดูน้ำผึ้งไม่เป็นเลยก็อาจดูจากฉลาก บริษัทผู้ผลิตว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ ได้ รับการรับรองจากองคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่ เป็นแนวทางในการเลือกซื้อ และเมื่อได้น้ำผึ้งที่ดีแล้วต้องเก็บในภาชนะปิดสนิท เก็บในที่เย็น แต่ไม่ควรแช่ ตู้เย็น (อุณหภูมิห้องทั่วไปที่ไม่ร้อนมากนัก) และควรเก็บในขวดปากแคบ ถ้ารับ ประทานน้ำผึ้งทุกวันให้แบ่งน้ำผึ้งออกมาไว้ในขวดปากกว้างเพื่อสะดวกต่อการใช้แล­ะ ทำให้เก็บน้ำผึ้งได้นานไม่เสียง่าย

ส่วนการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ น้ำผึ้งคือผลิตผลของน้ำหวานจากดอกไม้ และจากแหล่ง น้ำหวานอื่นๆ ที่ผึ้งนำมาเก็บสะสมไว้ในรังผึ้ง ประกอบด้วย

1.น้ำ โดยน้ำผึ้งจะประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนประกอบไม่เกินร้อยละ 20
2.คาร์โบไฮเดรต เป็นสารอาหารที่มากที่สุด คือมีปริมาณร้อยละ 79 ในรูปของน้ำตาล ฟรักโทส และกลูโคส โดยมีปริมาณน้ำตาลฟรักโทส มากกว่าน้ำตาลกลูโคสเล็กน้อย ทำให้ น้ำผึ้งไม่ตกผลึก และมีรสหวานกว่าน้ำตาลชนิดอื่น
3.กรด มีประมาณร้อยละ 0.5 ทำให้น้ำผึ้งมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย โดยกรดที่พบมากคือกร ดกลูโคนิก
4.แร่ธาตุ มีประมาณร้อยละ 0.5 ได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม โปตัสเซียม ฟอสฟอรัส โดยน้ำผึ้งที่มีสีเข้มจะมีปริมาณแร่ธาตุสูงกว่าน้ำผึ้งที่มีสีอ่อน
5.วิตามิน เช่น ไรโบเฟลวิน ไนอะซิน เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น: