13 พ.ย. 2550

สูตรแก้แฮงค์นำมาฝากสำหรับนักดื่ม

*วันนี้เรานำสูตรแก้แฮงค์มาฝากสำหรับนักดื่มทุกท่าน ว่าทำอย่างไรถึงจะหายมึนแล้วกลับมาสดชื่นเหมือนเดิมได้ แต่ถ้าจะให้ดีอย่าดืมกันจนแฮงค์เลยน่ะค่ะ เอาพอหอมปากหอมคอพอ

1. ก่อนดื่มเหล้า ประมาณ 1 ชั่วโมง กินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน รองท้องไว้ก่อน ถ้าเป็นไปได้ ควร ทำแกงประเภทจับฉ่าย ซึ่งมีกะหล่ำปลีเยอะๆ กินไว้ก่อน

* *2. ระหว่างดื่มเหล้า เลือกเหล้าขาวๆ หรือสีจางไว้ก่อน ควรจะผสมน้ำ ไม่ควรผสมโซดา เพราะ โซดาจะทำให้การดูดซึมแอลกอฮอล์ผ่านไปถึงสมองเร็วขึ้น ระหว่างกินเหล้าควรกินถั่วหรือของว่างประเภท โปรตีนพร้อมๆ กันไปด้วย

* *3. หลังดื่มเหล้า ดื่มชาสมุนไพรร้อนๆ (เช่น ดอกคำฝอย ลูกใต้ใบ เป็นต้น) 2-3 แก้ว ก่อนนอนกิน ของว่าง เช่น ขนมปังกรอบทาแยมหรือน้ำผึ้ง และเมื่อตื่นเช้า อาบน้ำเย็น แล้วดื่มน้ำหรือดื่มชาสมุนไพร น้ำมะนาว คั้น หลังจากนั้นกินแอปเปิ้ล 1 ลูก ตอนสายๆ ตามด้วยแกงเลียงร้อนๆ ถ้าเรอได้เมื่อไหร่ ก็หายเมาค้างแน่นอนครับ

* *4. ควรจะหาวิตามิน บี 6 ติดกระเป๋าเอาไว้ ระหว่างการดื่มก็กินวิตามินสักครั้งหนึ่ง เพราะภาย หลังจากงานเลิกคุณจะไม่มีอาการมึนเมา หรือถ้ามีก็ไม่มากจนทำให้คุณควบคุมตัวเองไม่ได้ วิตามิน บี 6 ช่วยลด อาการเมาค้างลงได้ถึงครึ่งต่อครึ่ง ซึ่งเมื่อคุณตื่นเช้าขึ้นมา มันจะช่วยไม่ให้คุณทรมานจากอาการปวดหัวเนื่องจาก เมาค้าง นอกจากนั้นเมื่อตอนกินเหล้า ก็ควรจะกินของหวานเป็นกับแกล้มไปด้วย เพื่อเป็นการชดเชยน้ำตาลในร่าง กายที่สูญเสียไป

* *5. รางจืด...แก้เมาได้ชะงัดนักแล สรรพคุณรางจืดตามตำรายาไทยกล่าวไว้ว่า รางจืดรสเย็นใช้ปรุง เป็นยาเขียวถอนพิษไข้ ถอนพิษสำแดง และพิษอื่นๆ ใช้แก้ร้อนในกระหายน้ำ สำหรับในหมู่นักเลงเหล้ารุ่นเก๋ากึ๊ก ย่อมรู้ดีว่ารางจืดช่วยถอนพิษสุราด้วย จากประสบการณ์ผู้ใช้ สิ่งที่ยอมรับคือ หากดื่มสุราจัดเกินขนาดแล้วเกิดอา การแฮงก์โอเวอร์หรือเมาค้าง รางจืดถอนได้แน่ หรือตามประสบการณ์ในวงเหล้า หากเคี้ยวหรืออมเถารางจืดไว้ ใต้ลิ้น ดื่มเหล้ามากแต่จะเมาน้อย สรรพคุณที่ฮิตที่สุดของรางจืดในปัจจุบันเห็นทีจะไม่พ้นการแก้อาการเมาค้าง หรือดื่มหนัก วิธีใช้ว่ากันตามแบบฉบับคลาสสิก ใช้ได้ทั้งการกินสดๆ และแห้ง คือ เอาใบสด 4-5 ใบ ใส่ครกตำ ผสมน้ำ ถ้าได้น้ำซาวข้าวยิ่งดี แล้วคั้นเอาน้ำดื่ม หรือจะใช้ส่วนที่เป็นรากและเถารางจืดสดตำคั้นก็ได้ ส่วนวิธีแห้ง ซึ่งเป็นที่นิยมในเวลานี้ คือ การนำใบแห้งมาชงกับน้ำดื่มเหมือนชงชาจีนนั่นแหละ ส่วนความเข้มของยาแล้วแต่จะ ชงอ่อนชงแก่ ปัจจุบันมีผู้นำชารางจืดมาทำการค้าหลายราย สามารถเลือกใช้ตามดุลพินิจ

เรียบเรียงโดย นางแอ่นน้อย อ้างอิงจาก นิตยสารใกล้หมอ*

ไม่มีความคิดเห็น: