16 พ.ย. 2550

เรื่องเล่า-ถ้าถ่ายรูปคู่โดม จะอดเป็นบัณฑิตมธ.

จริงหรือ ? ถ้าถ่ายรูปคู่โดม จะอดเป็นบัณฑิตมธ.

ตึกโดม ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสิ่งที่เก่าแก่อยู่คู่กับมหาวิทยาลัยมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ลูกแม่โดมทุกคนจึงรู้สึกผูกพันกับสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนแม่ของพวกเราชาว “มธ.” ดังนั้น ไม่แปลกที่เด็กธรรมศาสตร์ทุกคนในวันที่สำเร็จเป็นบัณฑิต จะต้องมีรูปถ่ายคู่กับโดม และอนุสาวรีย์รัฐบุรุษปรีดี พนมยงค์ เหมือนเป็นข้อยืนยันว่าเป็นลูกแม่โดมกับพ่อปรีดีแน่นอน แต่เพื่อนๆ เคยสังเกตหรือเคยนึกสงสัยไหมว่า ทำไมจึงไม่นิยมถ่ายรูปคู่กับตึกโดมกันในวาระอื่นๆ บ้าง ?

ในรั้วเหลือง-แดงแห่งนี้ มีหนึ่งความเชื่อที่เพื่อนๆ จากสถาบันอื่นอาจจะไม่รู้ นั่นก็คือ เค้าเชื่อกันว่าศิษย์ของที่นี่หากถ่ายรูปคู่กับตึกโดมในขณะที่ยังเรียนอยู่นั้น ก็จะไม่ได้เป็นบัณฑิตจากสถาบันนี้ออกไป หรือที่เรียกง่ายๆว่า “เรียนไม่จบ” นั่นเอง

เมื่อมีความเชื่อ มันก็ต้องมีเรื่องเล่าให้ฟังดู “ขลัง” สักหน่อย และความเชื่อเรื่อง “ถ่ายรูปคู่โดม” นั้น มีเสียงเล่าขานปากต่อปากกันมาจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง หลายเรื่องราวก็แตกต่างกันออกไป แต่ทุกเรื่องก็ส่งผลถึงคนที่เผลอไปถ่ายรูปคู่กับโดมเหมือนกันหมด คือ “เรียนไม่จบ” ด้วยเหตุผลนานัปการ ถ้าไม่เล่าให้ฟังเลยสักเรื่องก็ดูจะเป็นเพียงแค่การขู่ จึงยกเอาเรื่องที่ได้ยินมาบ่อยที่สุด เรียกว่า สุดฮิตกว่าเรื่องไหนๆ มาเล่าสู่กันฟังก่อนแล้วกัน

เรื่องแรกนี้ น้องวารสารฯ คนเล่าให้ฟังว่า “เคยได้ยินมาจากรุ่นพี่ ว่ามีนักศึกษาคนหนึ่งที่บังเอิญไปถ่ายรูปเล่น แล้วพอไปล้างรูปออกมาบังเอิญติดรูปโดมเข้ามาในภาพด้วย เมื่อเพื่อนๆ เห็นต่างก็ทักท้วงว่า “เดี๋ยวก็ไม่จบหรอก ให้เอาไปเผาซะ” รุ่นพี่คนนั้นก็ไม่ได้ทำตาม เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระ”

และอีกอย่างนักศึกษาคนนี้ก็ถือได้ว่า เป็นหนึ่งในเด็กเรียนดี จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร รวมทั้งอีกเพียงครึ่งเทอมเท่านั้น เขาก็จะสำเร็จการศึกษาได้เป็นบัณฑิตแล้ว และเมื่อถึงวันที่เกรดเทอมสุดท้ายออก ปรากฏว่าเขาก็สามารถเรียนจบได้ แถมยังได้เกียรตินิยมอันดับสองมาครองอีกต่างหาก

เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว เขายิ่งไม่เชื่อถึงคำร่ำลือต่างๆ ที่ได้ยินมา แถมพูดเย้ากับเพื่อนๆ ที่เคยมาเตือนอีกว่า “เป็นงัยหล่ะ ถ่ายรูปคู่โดมก็สามารถจบได้ เห็นไหม” แต่นั่นก็ยังไม่ได้ทำให้เพื่อนๆ คลายความกังวลไป

แล้วเหตุการณ์ที่หลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้นก็มาถึงจนได้ ก่อนวันเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเพียงสองวัน เขาคนนั้นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ สมองได้รับกระทบกระเทือนจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไม่สามารถมาเข้ารับปริญญาในปีนั้นได้ !

โห! ฟังได้ยินแล้ว ดูน่ากลัวจัง แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีบางคนที่อยากลองดี ไปถ่ายรูปคู่กับโดมให้เห็นกันชัดๆ เหมือนกัน แถวหนำซ้ำเขาดันได้เรียนจบเสียด้วย แต่มันไม่ได้เป็นการจบแบบธรรมดาหรอกนะ เพื่อนสาวหนึ่งในกลุ่ม เล่าเรื่องนี้ให้ฟังว่า ได้ยินเรื่องนี้มาจากรุ่นพี่ที่คณะเช่นกัน เขาเล่าว่า นายคนนั้น เขาอยากลองดี เลยให้เพื่อนเอากล้องมาถ่ายรูปเขาคู่กับโดมเอาไว้ เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เขาสามารถจบได้เมื่อถ่ายรูปคู่กับโดม

“เมื่อเขาเรียนที่นี่จนใกล้ขึ้นปี 3 ก็ส่อมีสัญญาณส่อแววว่า เขาอาจจะไม่จบแน่ๆ เพราะเกรดแต่ละเทอมที่ออกมานั้นแสนกระจ้อยร่อยซะเหลือเกิน ทั้งๆ ที่เขาก็ต้องใจอ่านหนังสือ แต่เหมือนว่า อาจารย์จะจงใจอ่านข้อสอบที่เขาเขียนไม่รู้เรื่องอยู่เรื่อย เขาเลยต้องตัดสินใจลาออกทันที ก่อนที่จะถูกไทร์”

โดยที่เขากลับมาเอ็นฯ เข้าธรรมศาสตร์ใหม่อีกครั้งในปีต่อมา จนครบสี่ปี เขาคนนั้นก็สามารถจบปริญญาได้อย่างเต็มความภาคภูมิใจ

สำหรับเรื่องนี้เพื่อนคนเดิมให้ความเห็นว่า เหตุที่เขาสามารถจบได้น่าจะมาจากการที่เขา ตัดสินใจเอ็นฯ เข้ามาใหม่ เหมือนว่าเป็นการลบประวัติศาสตร์เดิมทิ้งซะ เมื่อเข้าเรียนใหม่ก็ถือว่าได้เริ่มต้นเป็นคนใหม่แล้ว เห็นไหมล่ะว่าชายคนเก่าเรียนไม่จบจริงๆ ซะด้วย!! (เอ็นฯ รอบใหม่นี้...คงไม่ได้ไปถ่ายคู่กับโดมอีกนะจ๊ะ)

เพื่อนๆ คงนึกอยู่สินะว่าทำไม๊ทำไมแค่ถ่ายรูปคู่กับโดมถึงได้มีแต่เรื่องร้ายๆ ทั้งประสบอุบัติเหตุ ทั้งต้องสิ่วออกไปเข้ามาใหม่ เรื่องดีๆ มันมีนะคะ อ้าว... ไม่เชื่อล่ะสิ งั้นลองอ่านเรื่องนี้ดูนะคะ

เรื่องสุดท้ายที่จะเล่าเนี่ย เราได้ยินมาเองจากรุ่นพี่เหมือนกัน เป็นเรื่องของนักศึกษาชายภาคอินเตอร์คนหนึ่งที่บังเอิญไปถ่ายรูปคู่กับโดม โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ (หรือว่ารู้ แต่ลองดีก็ไม่นะ) เขาเรียนที่นี่ได้เพียง 2ปี ก็ต้องย้ายไปเรียนต่อที่อื่น เนื่องจากพ่อของเขาก็ต้องย้ายที่ทำงานไปประจำที่รัฐโอไฮโอ ที่อเมริกา โน่นแน่ะ เขาเลยต้องย้ายไปเรียนต่อที่นั่นจนจบปริญญาจากที่นั้น เห็นไหมว่าคนที่ถ่ายรูปคู่โดม ก็สามารถเรียนจบได้ แต่ต้องไม่ใช่ที่ธรรมศาสตร์นะ..

ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้อยู่ดี ว่าคนที่ถ่ายรูปคู่กับโดมจะเรียนจบได้ไหม? แต่มันก็สามารถลงเอยด้วยดีได้เหมือนกัน...

เป็นไงบ้างกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับความเชื่อที่สืบต่อกันมา อาจจะดูเหมือนเป็นนิทานหลอกเด็กไปบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันก็ยังมีอานุภาพเพียงพอที่จะทำให้นักศึกษาหลายรุ่น เชื่อและปฎิบัติตามกันมา ถึงหลายคนก็แอบกระซิบว่า “ไม่เชื่อหร๊อก เรื่องแบบนี้น่ะ” ตัวผู้เขียนเองก็ไม่อยากจะเชื่อนักหรอก แต่แหม! เรื่องแบบนี้ ถ้าไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่เลยค่ะ ของมันไม่แน่ไม่นอน แล้วคุณล่ะ...เคยได้ยินเรื่องราวอะไรมาบ้างเกี่ยวกับการถ่ายรูปคู่โดม?

***********
เป็นเรื่องเล่าต่อๆ กันมาจะเชื่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล....

ไม่มีความคิดเห็น: