7 พ.ย. 2550

กับคำว่า พอ (นิรุตติ์ ศิริจรรยา)

กับคำว่า “พอ

จุดเริ่มต้นของความสุข ผมคิดว่าอยู่ที่การค้นหาตัวเองให้พบไม่ใช่เรื่องง่ายบางคนใกล้ตายยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เพราะติดอยู่กับความหลง หรือติดอยู่กับกระแสอะไรก็ตามผมก็เช่นกันเคยถูกชักจูงจากสังคม จากเพื่อนให้ไปทำงานหลายๆ อย่าง แต่ไม่ว่าทำงานอะไรก็ตามต้องทำด้วยความชอบ จึงจะ ประสบความสำเร็จ และต้องรับผิดชอบต่องานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ขณะเดียวกันไม่มีงานไหนราบรื่น

ไม่มีหรอกที่ตัวเราจะไม่เครียด หรือไม่มีความทุกข์ หรือไม่หงุดหงิดอยู่ที่ว่าแก้ไขให้ดีขึ้นได้ไหม ถึงจะไม่ได้ทั้งหมด แต่อย่าเลวลงก็เท่านั้นเอง นั่นคือการดำรงชีวิตอยู่จนเมื่อผมเข้าสู่วงการภาพยนตร์ ได้ไปถ่ายหนังตามสถานที่ต่างๆจึงค้นพบว่าจริงๆ แล้วตัวเองชอบทำงานอิสระและไม่จำเจไม่มีเวลาทำงานตายตัว และไม่เครียดทุกคนในกองถ่ายเป็นเพื่อนกันหมด ตั้งแต่นั้นผมก็ติดอยู่กับงานแสดงมาตลอดซึ่งไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตามเราต้องทำตัวให้อยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ไม่ใช่อยู่ได้ด้วยการเอาตัวรอดเพราะการเอาตัวรอดไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้องกับทุกอย่าง แต่ด้วยการรักษา และเคารพมารยาทในการอยู่ร่วมสังคมการทำงาน กับเพื่อนร่วมงานไม่แบ่งชั้นวรรณะ

ทุกคน มีความสำคัญในการทำงานเหมือนๆ กันเพียงแต่รับผิดชอบหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นเองรวมทั้งการจัดระเบียบวินัยให้กับชีวิต ไม่ใช่รับผิดชอบในการทำงานดีแต่ไม่ดูแลตัวเอง ในเมื่อพ่อแม่ให้ร่างกายมาครบ 32 ประการ ก็เป็นหน้าที่ที่เราต้องมีวินัยในตัวเองไม่จำเป็นต้องสวยหล่อ หรือต้องใส่แบรนด์เนม เพียงแค่ดูแลร่างกายให้สะอาด อยู่เสมอต่อให้ใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้นคนที่ทำงานหนักต้องพัก ผ่อนบ้าง ไม่ใช่ทำงานจนสลบคาโต๊ะ คาเก้าอี้หรือรอให้ป่วยก่อนแล้วค่อยไปหาหมอขณะที่รถป้ายแดงกลับหมั่นเช็ดถูจนสีถลอก ทำไมจึงห่วงรถมากกว่าตัวเองเหมือนกับชีวิตได้มาฟรีก็เลยไม่ดูแล ขอให้คิดสักนิดว่าชีวิตคนยืนยาวกว่าของใช้เยอะณ วันนี้ผมมาถึงจุดที่ตัวเองเพียงพอแล้วได้ทำงานที่ชอบและได้มีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ตัวเองรัก

เสร็จงานกลับบ้านสวนที่จันทบุรีอยู่กับความเรียบง่ายของธรรมชาติอยู่กับการปลดปล่อยไม่บังคับตัวเองว่าจะ ต้องกินอาหารเมื่อไร นอนหรือตื่นเมื่อไร ผมกินอาหารวันละมื้อมา 8 ปีจะกินก็ต่อเมื่อหิว และกินแค่พออิ่มไม่ดื่มแอลกอฮอล์ การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือนอนหลับและจะตื่นเมื่อร่างกายต้องการ ไม่ได้บังคับว่าต้องตื่นเพื่ออะไร เพราะอะไรก็ไม่หนีเราไปไหน ต้นไม้ยังรอ บ้านก็ยังรอเราอยู่ ผมใช้ชีวิตอย่างนี้มาสามสิบปีไม่เคยรู้จักความเหงา พอคนงานกลับไปหมดบ้านจะเงียบ ไม่มีคนอยู่ในสาย ตา ผมปิดไฟ มองเห็นดาวเต็มท้องฟ้า นอนฟังเสียงจักจั่น แค่นี้สำหรับผมก็พอแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น: